พระพุทธเจ้าเคยตรัสว่า
พระองค์จะปรินิพานต่อเมื่อพุทธบริษัท ๔
คือ ภิกษุ ภิกษุณี อุบาสก อุบาสิกา ทั้งหลายทั้งปวง
คือพระภิกษุ ทั้งเถระ ทั้งมัชฌิมะ ทั้งนวกะ ภิกษุณีก็เช่นเดียวกัน
พร้อมทั้งอุบาสก อุบาสิกา ทั้งที่ถือพรหมจรรย์ และที่เป็นผู้ครองเรือนทั้งหมด
ต้องเป็นผู้มีคุณสมบัติที่จะรักษาพระศาสนาไว้ คือ
พระองค์จะปรินิพานต่อเมื่อพุทธบริษัท ๔
คือ ภิกษุ ภิกษุณี อุบาสก อุบาสิกา ทั้งหลายทั้งปวง
คือพระภิกษุ ทั้งเถระ ทั้งมัชฌิมะ ทั้งนวกะ ภิกษุณีก็เช่นเดียวกัน
พร้อมทั้งอุบาสก อุบาสิกา ทั้งที่ถือพรหมจรรย์ และที่เป็นผู้ครองเรือนทั้งหมด
ต้องเป็นผู้มีคุณสมบัติที่จะรักษาพระศาสนาไว้ คือ
(๑) ต้องเป็นผู้มีความรู้ เข้าใจหลักธรรมคำสอนของพระพุทธเจ้าได้ดี
และประพฤติปฏิบัติได้ถูกต้องตามคำสอน
และประพฤติปฏิบัติได้ถูกต้องตามคำสอน
(๒) นอกจากรู้เข้าใจเอง และปฏิบัติได้ดีแล้ว
ยังสามารถบอกกล่าวแนะนำสั่งสอนผู้อื่นได้ด้วย
ยังสามารถบอกกล่าวแนะนำสั่งสอนผู้อื่นได้ด้วย
(๓) เมื่อมีปรับวาทเกิดขึ้น คือ คำจ้วงจาบสอนคลาดเคลื่อน
ผิดเพี้ยนจากพระธรรมวินัย ก็สามารถชี้แจงแก้ไขได้ด้วย
ผิดเพี้ยนจากพระธรรมวินัย ก็สามารถชี้แจงแก้ไขได้ด้วย
ตอนที่พระองค์จะปรินิพพานนั้น
มารก็มากราบทูลว่าเวลานี้พุทธบริษัท ๔
มีคุณสมบัติพร้อมอย่างที่พระองค์ได้ตรัส
เหมือนกับเป็นเงื่อนไขไว้แล้ว
พระพุทธเจ้าทรงพิจารณาเห็นว่าเป็นอย่างนั้น
จึงทรงรับที่จะปรินิพพาน โดยทรงปลงพระชนมายุสังขาร
มารก็มากราบทูลว่าเวลานี้พุทธบริษัท ๔
มีคุณสมบัติพร้อมอย่างที่พระองค์ได้ตรัส
เหมือนกับเป็นเงื่อนไขไว้แล้ว
พระพุทธเจ้าทรงพิจารณาเห็นว่าเป็นอย่างนั้น
จึงทรงรับที่จะปรินิพพาน โดยทรงปลงพระชนมายุสังขาร
พุทธดำรัสนี้ ก็เหมือนกับว่าพระพุทธเจ้า
ทรงฝากพระพุทธศาสนาไว้กับพุทธบริษัททั้ง ๔
แต่ต้องมองให้ตลอดด้วยว่า ทรงฝากพระพุทธศาสนา
ไว้กับพุทธบริษัทที่เป็นอย่างไร
ทรงฝากพระพุทธศาสนาไว้กับพุทธบริษัททั้ง ๔
แต่ต้องมองให้ตลอดด้วยว่า ทรงฝากพระพุทธศาสนา
ไว้กับพุทธบริษัทที่เป็นอย่างไร
ชาวพุทธจะเป็นผู้มีคุณสมบัติถูกต้อง
ที่จรรโลงพระศาสนาไว้ก็เริ่มด้วยมีคัมภีร์
ที่จะให้เรียนรู้เข้าใจพระธรรมวินัยอันเป็นของแท้ก่อน
ที่จรรโลงพระศาสนาไว้ก็เริ่มด้วยมีคัมภีร์
ที่จะให้เรียนรู้เข้าใจพระธรรมวินัยอันเป็นของแท้ก่อน
เป็นอันว่า ในแง่นี้พระไตรปิฏกก็เป็นหลักของพุทธบริษัท
ต้องอยู่คู่กับพุทธบริษัท โดยเป็นฐานให้แก่พุทธบริษัท
ซึ่งจะทำให้ชาวพุทธเป็นผู้มีคุณสมบัติ
ที่จะรักษาพระศาสนาไว้ได้
ต้องอยู่คู่กับพุทธบริษัท โดยเป็นฐานให้แก่พุทธบริษัท
ซึ่งจะทำให้ชาวพุทธเป็นผู้มีคุณสมบัติ
ที่จะรักษาพระศาสนาไว้ได้
สองฝ่ายนี้ คือ ตัวคนที่จะรักษาพระศาสนา
กับตัวพระศาสนาที่จะต้องรักษา ต้องอาศัยซึ่งกันและกัน
พระศาสนาจะดำรงอยู่และจะเกิดผลประโยชน์
ก็ต้องมาปรากฏที่ตัวพุทธบริษัท ๔
ต้องอาศัยพุทธบริษัท ๔ เป็นที่รักษาไว้
พร้อมกันนั้นในเวลาเดียวกัน พุทธบริษัท ๔
จะมีความหมายเป็นพุทธบริษัทขึ้นมาได้
และจะได้ประโยชน์จากพระพุทธศาสนาก็เพราะ
มีธรรมวินัยที่รักษาไว้ในพระไตรปิฏกเป็นหลักอยู่
กับตัวพระศาสนาที่จะต้องรักษา ต้องอาศัยซึ่งกันและกัน
พระศาสนาจะดำรงอยู่และจะเกิดผลประโยชน์
ก็ต้องมาปรากฏที่ตัวพุทธบริษัท ๔
ต้องอาศัยพุทธบริษัท ๔ เป็นที่รักษาไว้
พร้อมกันนั้นในเวลาเดียวกัน พุทธบริษัท ๔
จะมีความหมายเป็นพุทธบริษัทขึ้นมาได้
และจะได้ประโยชน์จากพระพุทธศาสนาก็เพราะ
มีธรรมวินัยที่รักษาไว้ในพระไตรปิฏกเป็นหลักอยู่
พระพรหมคุณาภรณ์ (ป. อ. ปยุตฺโต)
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น