วันอังคารที่ 27 กันยายน พ.ศ. 2559

ทุกคนที่ขึ้นมาบนรถเมล์คันนั้น คงคิดไม่ต่างกัน เมื่อเห็นชายหนุ่มกำยำล่ำสัน นั่งทำเป็นทองไม่รู้ร้อน เพราะไม่ว่า เด็ก คนแก่ หญิงท้องจะก้าวขึ้นรถ แล้วเดินผ่านเขาขึ้นมาคนแล้วคนเล่า เขาก็ยังคงนั่งนิ่งๆ ไม่แสดงน้ำใจเสียสละที่นั่ง ให้คนอ่อนแอกว่าตามประสาลูกผู้ชายที่ควรทำสักนิด สิ่งที่เขาแสดงความมีน้ำใจมากที่สุด ก็คือ ยื่นมือไปรับกระเป๋าหนังสือ ของเด็กนักเรียนหญิงเล็กคนหนึ่ง มาวางทับไว้บนถุงกระดาษใบหนึ่ง ที่ยาวคลุมถึงปลายเท้าใบเดียว ที่เป็นสัมภาระติดตัวของเขาเท่านั้น ทุกคนที่เห็น ลงความเห็นตำหนิ นินทา เหยียดหยามทั้งนอกหน้าและในใจ ถึงความแล้งน้ำใจอย่างที่สุดของเขา หญิงสาวคนหนึ่งถึงกับจะเดินเข้าไปต่อว่า ที่ไม่ยอมลุก ให้ผู้หญิงท้องคนหนึ่งนั่ง ดีว่าเพื่อนของเธอดึงแขนไว้ทัน "ดูเขาตัวใหญ่ขนาดนั้น ถ้าเขาโมโห ทำร้ายเธอขึ้นมาใครจะช่วยได้ ปล่อยไปเหอะคนแล้งน้ำใจแบบนั้น ใครจะเอาไปทำพันธุ์" ที่ป้ายสุดท้ายคืออู่รถเมล์คันนั้น ทุกคนทยอยลงจากรถ เหลือเขาคนเดียว กระเป๋ารถเดินมาที่เขา เข้ามาประคอง ให้เขาลุกขึ้น พร้อมกับพูดขึ้นว่า "ถึงแล้วพี่ ผมประคองไปต่อรถคันหน้า ทนลำบากหน่อย แต่เดี๋ยวผมฝากคันหน้า ให้ดูแลพี่ต่อครับ เฮ้อ...ไอ้วัยรุ่นกลุ่มนั้น จิตใจมันทำด้วยอะไร เห็นพี่ใส่ขาเทียม ยังมาแกล้งขโมยไม้ค้ำยันไปอีก" "ไม่เป็นไรน้อง ขอบใจน้องมากที่ช่วยประคองพี่ ถ้าไม่มีไม้ค้ำยัน อย่าว่าแต่เดินเลย แค่ยืนก็ยังยาก นี่ต้องให้ที่บ้านไปซื้ออันใหม่มาให้ จะได้ไปไหนมาไหน ช่วยตัวเองได้บ้าง" ชายหนุ่มทหารผ่านศึก ผู้เสียขาไปจากภารกิจรับใช้ชาติ ตอบกระเป๋าใจอารี ขณะประคองกัน เดินไปขึ้นรถคันหน้า... ………………. หลายครั้งเราเกลียดใคร หรือชื่นชมใครโดยไม่รู้เนื้อแท้ของสาระ สมัยที่ทุกอย่างแชร์สนั่นรวดเร็วปานสายฟ้าแลบ หลายคนตกเป็นจำเลยโดยไม่มีโอกาสชี้แจง หลายคนเป็นฮีโร่ ทั้งๆ ที่ไม่สมควร... ครั้งต่อไป ก่อนจะชื่นชม หรือจะเกลียดชังใคร เปิดใจให้โอกาสตัวเองรับฟังข้อเท็จจริง ให้กระจ่างเสียก่อน ก็ไม่น่าจะสายเกินไปนะครับ... Cr : Forward LINE

ทุกคนที่ขึ้นมาบนรถเมล์คันนั้น
คงคิดไม่ต่างกัน เมื่อเห็นชายหนุ่มกำยำล่ำสัน
นั่งทำเป็นทองไม่รู้ร้อน

เพราะไม่ว่า เด็ก คนแก่ หญิงท้องจะก้าวขึ้นรถ
แล้วเดินผ่านเขาขึ้นมาคนแล้วคนเล่า
เขาก็ยังคงนั่งนิ่งๆ ไม่แสดงน้ำใจเสียสละที่นั่ง
ให้คนอ่อนแอกว่าตามประสาลูกผู้ชายที่ควรทำสักนิด

สิ่งที่เขาแสดงความมีน้ำใจมากที่สุด
ก็คือ ยื่นมือไปรับกระเป๋าหนังสือ
ของเด็กนักเรียนหญิงเล็กคนหนึ่ง
มาวางทับไว้บนถุงกระดาษใบหนึ่ง
ที่ยาวคลุมถึงปลายเท้าใบเดียว
ที่เป็นสัมภาระติดตัวของเขาเท่านั้น

ทุกคนที่เห็น ลงความเห็นตำหนิ นินทา
เหยียดหยามทั้งนอกหน้าและในใจ
ถึงความแล้งน้ำใจอย่างที่สุดของเขา

หญิงสาวคนหนึ่งถึงกับจะเดินเข้าไปต่อว่า
ที่ไม่ยอมลุก ให้ผู้หญิงท้องคนหนึ่งนั่ง
ดีว่าเพื่อนของเธอดึงแขนไว้ทัน

"ดูเขาตัวใหญ่ขนาดนั้น ถ้าเขาโมโห
ทำร้ายเธอขึ้นมาใครจะช่วยได้
ปล่อยไปเหอะคนแล้งน้ำใจแบบนั้น
ใครจะเอาไปทำพันธุ์"

ที่ป้ายสุดท้ายคืออู่รถเมล์คันนั้น
ทุกคนทยอยลงจากรถ เหลือเขาคนเดียว
กระเป๋ารถเดินมาที่เขา เข้ามาประคอง
ให้เขาลุกขึ้น พร้อมกับพูดขึ้นว่า

"ถึงแล้วพี่ ผมประคองไปต่อรถคันหน้า
ทนลำบากหน่อย แต่เดี๋ยวผมฝากคันหน้า
ให้ดูแลพี่ต่อครับ เฮ้อ...ไอ้วัยรุ่นกลุ่มนั้น
จิตใจมันทำด้วยอะไร เห็นพี่ใส่ขาเทียม
ยังมาแกล้งขโมยไม้ค้ำยันไปอีก"

"ไม่เป็นไรน้อง ขอบใจน้องมากที่ช่วยประคองพี่
ถ้าไม่มีไม้ค้ำยัน อย่าว่าแต่เดินเลย แค่ยืนก็ยังยาก
นี่ต้องให้ที่บ้านไปซื้ออันใหม่มาให้
จะได้ไปไหนมาไหน ช่วยตัวเองได้บ้าง"

ชายหนุ่มทหารผ่านศึก
ผู้เสียขาไปจากภารกิจรับใช้ชาติ
ตอบกระเป๋าใจอารี ขณะประคองกัน
เดินไปขึ้นรถคันหน้า...

……………….

หลายครั้งเราเกลียดใคร
หรือชื่นชมใครโดยไม่รู้เนื้อแท้ของสาระ

สมัยที่ทุกอย่างแชร์สนั่นรวดเร็วปานสายฟ้าแลบ
หลายคนตกเป็นจำเลยโดยไม่มีโอกาสชี้แจง

หลายคนเป็นฮีโร่ ทั้งๆ ที่ไม่สมควร...

ครั้งต่อไป ก่อนจะชื่นชม หรือจะเกลียดชังใคร
เปิดใจให้โอกาสตัวเองรับฟังข้อเท็จจริง
ให้กระจ่างเสียก่อน ก็ไม่น่าจะสายเกินไปนะครับ...

Cr : Forward LINE

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น