วันอาทิตย์ที่ 30 ตุลาคม พ.ศ. 2559

#ไปสนามหลวงกัน . เมื่อวานเย็น แวะไปสนามหลวงหลังเลิกงาน เตรียมใจว่า คงได้เจอบรรยากาศเศร้า ๆ ของหมู่ผู้คนที่มารวมกัน เพื่อระลึกถึง ในหลวงรัชกาลที่ ๙ . เป็นอย่างที่คาดไว้ มองไปทางไหน ก็เห็นแต่ผู้คนในชุดดำ ชุดขาว แต่ผิดจากที่คิดไว้คือ บรรยากาศที่สนามหลวง เต็มไปด้วยความคึกคัก และ ครึกครื้น เต็มไปด้วยสุ้มเสียง และ ท่วงทำนอง ของความปรารถนาดี ความเอื้ออาทรต่อกัน เต็มไปด้วยรอยยิ้ม เสียงหัวเราะ ที่ปกคลุมไปทั่วบริเวณ . บอกตามตรง ตอนแรกรู้สึกแปลก ๆ เพราะไม่เหมือนอย่างที่คาดไว้ เข้าใกล้บริเวณ สนามหลวง สิ่งแรกที่เห็นคือ ขบวนรถมอเตอร์ไซค์ ที่จอดเรียงราย แทบจะตลอดแนวของสนาม หลวง เด็กวัยรุ่น เป็นกลุ่ม ๆ เต็มไปหมด เอาล่ะ ขนาดผมซึ่งใช้มอเตอร์ไซค์บ่อย ๆ เห็นอย่างนี้ ยังนึกถึงแก็งค์เด็กแว๊นซ์ ที่มาพร้อมกับความน่ากลัว ความวุ่นวาย ความไม่เป็นระเบียบ ความผิดกฏหมาย . แต่ที่นี่ ดูดี ๆ แล้ว หลายพวก หลายคันเลย ที่ตั้งเป็นกลุ่มที่แปะกระดาษที่หน้ารถว่า "รับ-ส่งฟรี" . เดินเข้าไปในบริเวณสนามหลวง ก็ได้ยินเสียง เชิญชวนต่าง ๆ "รับไอติมไปทานเล่น ๆ ไหมครับ เดินไปกินไปเพลิน ๆ ครับ" เสียงชายหนุ่ม พูดกับหญิงสูงวัยข้างหน้า "ขอบคุณจ้า ขอให้เจริญ ๆ นะ" เธอ ตอบพร้อมรับไอติมโคน ที่เขาตักให้ จากถังไอติม เป็นซุ้มเล็ก ๆ ที่ตั้งข้างถนน . ถัดไปก็มีเด็กหนุ่มสองคน หนึ่งคนตักน้ำแข็งใส่แก้ว อีกคนก็รินน้ำหวาน ตาม บนโต๊ะเรียงรายด้วยน้ำ 6-7 แก้ว ให้คนที่เดินผ่านไปมา หยิบขึ้นดื่มได้เลย . ริมถนน ส่วนที่ปิดไว้ให้เฉพาะคนเดิน เห็นครอบครัวหนึ่ง พ่อ แม่ ลูกอีกสอง นั่งกินข้าวกันใต้ต้นไม้ ทั้งข้าวกล่อง น้ำขวด และขนมพร้อม ถ้าเปลี่ยนฉาก อาจจะนึกว่า เป็นการปิคนิกในวันหยุด . ถึงด้านในสนามหลวง มีโต๊ะ มีเต๊นท์ เรียงตลอดแนวด้านข้าง มีข้าวของขนลงมาจาก รถ เป็นระยะ ๆ "มีข้าวกล่องค่า หมูกระเทียมค่า" "ทางนี้กระเพรานะคะ หยิบได้เลยค่ะ มีช้อนอยู่ด้านใน กล่องเดียวไม่อิ่ม หยิบไปสองได้เลยค่ะ" . ระหว่างทางเดิน มีผู้คนทั้งเด็กเล็ก ๆ ทั้งผู้สูงวัย ทั้งที่ต้องใช้รถเข็น ทั้งวัยรุ่นคละกันไปหมด เดิน ๆ ไป ก็มีชายหนุ่มบางคน เดินถือขวดน้ำมาแล้วว่า "พี่เดินมาเหนื่อย กินน้ำเย็น ๆ ไหมครับ ?" . ที่สนามหญ้าบนสนามหลวง มีจอภาพยนตร์ถ่ายทอดข่าวอยู่หลายจอ ผมยืนดูบรรยากาศโดยรอบแล้ว นี่ถ้าฉายหนังกลางแปลงเลยนี่ คงคล้ายบรรยากาศสนามหลวงในอดีต ในยามที่มีงานเฉลิมฉลองในโอกาสต่าง ๆ เลยนะ รู้สึกแปลก ๆ ขัด ๆ ขึ้นมา เอ... ผมนึกว่า ทุกคนจะมาพบกันด้วยความเศร้าเสียอีก ? แต่ทำไม เหมือนกับทุกคนมาเที่ยวกัน ? . แล้ว ผมก็ได้ยินเสียงชายหนุ่มสองคน ที่ยืนกินข้าวด้วยกันอยู่ใกล้ ๆ ผม คุยกันว่า "เราโชคดีจริง ๆ นะ ที่เกิดมาบนแผ่นดินรัชกาลที่ ๙" แล้วเขาก็บอกน้องผู้หญิงที่จะเดินเข้ามาเก็บขยะว่า "ไม่เป็นไรน้อง ไปทำอย่างอื่นเถอะ เดี๋ยวพี่ไปทิ้งเองได้ แค่นี้เองช่วย ๆ กัน" . . . ประโยคธรรมดา ๆ นี้ทำให้ผมเข้าใจว่า ทุกคนที่มาที่นี่ ต่างพกพาความอาลัย ต่างมีความโศกเศร้าอยู่ภายใน ต่างมีความระลึกถึงในหลวงของเรา เหมือน ๆ กัน นั่นแหละ แต่ไม่จำเป็นที่เราต้องแสดงความเสียใจ ให้เห็นกันตลอด ไม่จำเป็นต้องปล่อย ให้อารมณ์แบบนั้นกระจายออกมาทุกที่ทุกเวลา หรือ จริง ๆ ถึงเวลาแล้ว ที่เราจะแสดงออกถึงความรัก ความอาลัย ในวิถีทางอื่น ๆ . แสดงออกให้ พ่อ เห็นว่าเราแข็งแรงแล้ว แสดงออกให้ พ่อ รู้ว่า เราดูแลกันและกันได้แค่ไหนแล้ว แสดงออกให้ พ่อ สบายใจว่า เราจะไม่ลืม สิ่งที่พ่อทำให้เห็น จากโลกจริง มาสู่โลกในอินเตอร์เน็ต ท่ามกลางข่าว กระแสมากมาย ไม่รู้มีคนเห็นอย่างที่ผมเห็นไหม ? . พ่อค้าที่กระทุ่มแบน ขายเสื้อดำมืองสองราคาถูก goo.gl/yPq05n . มอเตอร์ไซค์รับส่งฟรี "อยากให้ประชาชนที่เดินทางมา ไม่ต้องลำบากมาก" ข่าวจาก บีบีซีไทย goo.gl/rRec9w . บนกำแพงริมถนนแห่งหนึ่ง เด็กกลุ่มหนึ่งร่วมกันเขียน,สร้างงานศิลปะ ด้วยถ้อยคำ "ขอเป็นข้ารองบาททุกชาติไป" goo.gl/sMhBFk . ร้านข้าวขาหมู ประกาศ ลดราคาพิเศษเหลือเพียง 9 บาท สำหรับนักร้อง นักดนตรีที่ต้องขาดรายได้ในช่วงนี้ goo.gl/4O23wW . หลายคนหลายกลุ่ม ร่วมกันทำริบบิ้นดำแจก บางกลุ่มบางคน นำเสื้อดำมาแบ่งปัน ให้กับคนที่ไม่มี . หมอคนหนึ่ง ที่ระนอง จะตรวจและเปิดคลินิกให้บริการฟรี เป็นเวลา 30 วัน เพื่อถวายเป็นพระราชกุศล ข่าวจาก ข่าวสด goo.gl/s0D9Al . . . . สำหรับใครที่ยังรู้สึก โศกเศร้า หากอยู่ใน กทม. หรือใกล้เคียง หากมีเวลาผมขอแนะนำให้มาสนามหลวงครับ จะมาเพื่อต่อคิวเข้าถวายสักการะหรือไม่ ก็ไม่ใช่เรื่องใหญ่่ มาเดินรับบรรยากาศ มาเพื่อซึมซับพลังด้านบวก ที่ล่องลอยอยู่เต็มพื้นที่ ก็คุ้มค่าที่จะมาแล้ว แล้วจะรู้สึกเหมือนผมว่า แม้ที่สนามหลวง ในสายตาเรา จะมองเห็นแต่สีดำกับสีขาว แต่มีสีสันและพลังบวกส่งมาถึงใจเราจริง ๆ ครับ . ส่วนใครที่อยู่ในโลก Social Media แล้วเห็นแต่ข่าวน่าหงุดหงิด เห็นแต่กระแสที่ทำลายบรรยากาศดี ๆ ผมขอแนะนำให้ มองข้ามบ้าง มองดูดี ๆ ด้วย จะเห็นสิ่งดี ๆ ที่เกิดขึ้น ในห้วงเวลานี้อีกมากมายครับ นอกจากนี้แล้ว ก็อยากบอกว่า มีหน้าที่อะไรทำก็ทำ อยากทำอะไรเพื่อ พ่อ ในวาระนี้ นึกอะไรได้ก็ทำเลยครับ Credit : เรื่องเล่าจากโรงพยาบาล Photo Credit : ขีดเส้น

#ไปสนามหลวงกัน
.
เมื่อวานเย็น แวะไปสนามหลวงหลังเลิกงาน
เตรียมใจว่า คงได้เจอบรรยากาศเศร้า ๆ
ของหมู่ผู้คนที่มารวมกัน
เพื่อระลึกถึง ในหลวงรัชกาลที่ ๙
.
เป็นอย่างที่คาดไว้
มองไปทางไหน ก็เห็นแต่ผู้คนในชุดดำ ชุดขาว

แต่ผิดจากที่คิดไว้คือ
บรรยากาศที่สนามหลวง
เต็มไปด้วยความคึกคัก และ ครึกครื้น
เต็มไปด้วยสุ้มเสียง และ ท่วงทำนอง
ของความปรารถนาดี ความเอื้ออาทรต่อกัน
เต็มไปด้วยรอยยิ้ม เสียงหัวเราะ
ที่ปกคลุมไปทั่วบริเวณ
.
บอกตามตรง ตอนแรกรู้สึกแปลก ๆ
เพราะไม่เหมือนอย่างที่คาดไว้

เข้าใกล้บริเวณ สนามหลวง
สิ่งแรกที่เห็นคือ
ขบวนรถมอเตอร์ไซค์ ที่จอดเรียงราย
แทบจะตลอดแนวของสนาม หลวง

เด็กวัยรุ่น เป็นกลุ่ม ๆ เต็มไปหมด
เอาล่ะ ขนาดผมซึ่งใช้มอเตอร์ไซค์บ่อย ๆ
เห็นอย่างนี้ ยังนึกถึงแก็งค์เด็กแว๊นซ์
ที่มาพร้อมกับความน่ากลัว ความวุ่นวาย
ความไม่เป็นระเบียบ ความผิดกฏหมาย
.
แต่ที่นี่ ดูดี ๆ แล้ว
หลายพวก หลายคันเลย
ที่ตั้งเป็นกลุ่มที่แปะกระดาษที่หน้ารถว่า
"รับ-ส่งฟรี"
.
เดินเข้าไปในบริเวณสนามหลวง

ก็ได้ยินเสียง เชิญชวนต่าง ๆ

"รับไอติมไปทานเล่น ๆ ไหมครับ
เดินไปกินไปเพลิน ๆ ครับ"
เสียงชายหนุ่ม พูดกับหญิงสูงวัยข้างหน้า

"ขอบคุณจ้า ขอให้เจริญ ๆ นะ"
เธอ ตอบพร้อมรับไอติมโคน
ที่เขาตักให้ จากถังไอติม
เป็นซุ้มเล็ก ๆ ที่ตั้งข้างถนน
.
ถัดไปก็มีเด็กหนุ่มสองคน
หนึ่งคนตักน้ำแข็งใส่แก้ว
อีกคนก็รินน้ำหวาน ตาม
บนโต๊ะเรียงรายด้วยน้ำ 6-7 แก้ว
ให้คนที่เดินผ่านไปมา หยิบขึ้นดื่มได้เลย
.
ริมถนน ส่วนที่ปิดไว้ให้เฉพาะคนเดิน
เห็นครอบครัวหนึ่ง พ่อ แม่ ลูกอีกสอง
นั่งกินข้าวกันใต้ต้นไม้
ทั้งข้าวกล่อง น้ำขวด และขนมพร้อม
ถ้าเปลี่ยนฉาก อาจจะนึกว่า
เป็นการปิคนิกในวันหยุด
.
ถึงด้านในสนามหลวง

มีโต๊ะ มีเต๊นท์ เรียงตลอดแนวด้านข้าง
มีข้าวของขนลงมาจาก รถ เป็นระยะ ๆ

"มีข้าวกล่องค่า หมูกระเทียมค่า"
"ทางนี้กระเพรานะคะ หยิบได้เลยค่ะ
มีช้อนอยู่ด้านใน กล่องเดียวไม่อิ่ม
หยิบไปสองได้เลยค่ะ"
.
ระหว่างทางเดิน
มีผู้คนทั้งเด็กเล็ก ๆ ทั้งผู้สูงวัย
ทั้งที่ต้องใช้รถเข็น ทั้งวัยรุ่นคละกันไปหมด

เดิน ๆ ไป ก็มีชายหนุ่มบางคน
เดินถือขวดน้ำมาแล้วว่า
"พี่เดินมาเหนื่อย กินน้ำเย็น ๆ ไหมครับ ?"
.
ที่สนามหญ้าบนสนามหลวง
มีจอภาพยนตร์ถ่ายทอดข่าวอยู่หลายจอ
ผมยืนดูบรรยากาศโดยรอบแล้ว

นี่ถ้าฉายหนังกลางแปลงเลยนี่
คงคล้ายบรรยากาศสนามหลวงในอดีต
ในยามที่มีงานเฉลิมฉลองในโอกาสต่าง ๆ เลยนะ

รู้สึกแปลก ๆ ขัด ๆ ขึ้นมา
เอ... ผมนึกว่า
ทุกคนจะมาพบกันด้วยความเศร้าเสียอีก ?
แต่ทำไม เหมือนกับทุกคนมาเที่ยวกัน ?
.
แล้ว ผมก็ได้ยินเสียงชายหนุ่มสองคน
ที่ยืนกินข้าวด้วยกันอยู่ใกล้ ๆ ผม
คุยกันว่า
"เราโชคดีจริง ๆ นะ
ที่เกิดมาบนแผ่นดินรัชกาลที่ ๙"

แล้วเขาก็บอกน้องผู้หญิงที่จะเดินเข้ามาเก็บขยะว่า
"ไม่เป็นไรน้อง ไปทำอย่างอื่นเถอะ
เดี๋ยวพี่ไปทิ้งเองได้ แค่นี้เองช่วย ๆ กัน"
.
.
.
ประโยคธรรมดา ๆ นี้ทำให้ผมเข้าใจว่า
ทุกคนที่มาที่นี่ ต่างพกพาความอาลัย
ต่างมีความโศกเศร้าอยู่ภายใน
ต่างมีความระลึกถึงในหลวงของเรา
เหมือน ๆ กัน นั่นแหละ

แต่ไม่จำเป็นที่เราต้องแสดงความเสียใจ
ให้เห็นกันตลอด ไม่จำเป็นต้องปล่อย
ให้อารมณ์แบบนั้นกระจายออกมาทุกที่ทุกเวลา

หรือ จริง ๆ ถึงเวลาแล้ว
ที่เราจะแสดงออกถึงความรัก ความอาลัย
ในวิถีทางอื่น ๆ
.
แสดงออกให้ พ่อ เห็นว่าเราแข็งแรงแล้ว
แสดงออกให้ พ่อ รู้ว่า
เราดูแลกันและกันได้แค่ไหนแล้ว
แสดงออกให้ พ่อ สบายใจว่า
เราจะไม่ลืม สิ่งที่พ่อทำให้เห็น

จากโลกจริง มาสู่โลกในอินเตอร์เน็ต
ท่ามกลางข่าว กระแสมากมาย
ไม่รู้มีคนเห็นอย่างที่ผมเห็นไหม ?
.
พ่อค้าที่กระทุ่มแบน ขายเสื้อดำมืองสองราคาถูก
goo.gl/yPq05n
.
มอเตอร์ไซค์รับส่งฟรี
"อยากให้ประชาชนที่เดินทางมา
ไม่ต้องลำบากมาก"
ข่าวจาก บีบีซีไทย goo.gl/rRec9w
.
บนกำแพงริมถนนแห่งหนึ่ง
เด็กกลุ่มหนึ่งร่วมกันเขียน,สร้างงานศิลปะ
ด้วยถ้อยคำ "ขอเป็นข้ารองบาททุกชาติไป"
goo.gl/sMhBFk
.
ร้านข้าวขาหมู
ประกาศ ลดราคาพิเศษเหลือเพียง 9 บาท
สำหรับนักร้อง นักดนตรีที่ต้องขาดรายได้ในช่วงนี้
goo.gl/4O23wW
.
หลายคนหลายกลุ่ม
ร่วมกันทำริบบิ้นดำแจก
บางกลุ่มบางคน นำเสื้อดำมาแบ่งปัน
ให้กับคนที่ไม่มี
.
หมอคนหนึ่ง ที่ระนอง
จะตรวจและเปิดคลินิกให้บริการฟรี
เป็นเวลา 30 วัน เพื่อถวายเป็นพระราชกุศล
ข่าวจาก ข่าวสด goo.gl/s0D9Al
.
.
.
.
สำหรับใครที่ยังรู้สึก โศกเศร้า
หากอยู่ใน กทม. หรือใกล้เคียง
หากมีเวลาผมขอแนะนำให้มาสนามหลวงครับ

จะมาเพื่อต่อคิวเข้าถวายสักการะหรือไม่
ก็ไม่ใช่เรื่องใหญ่่ มาเดินรับบรรยากาศ
มาเพื่อซึมซับพลังด้านบวก
ที่ล่องลอยอยู่เต็มพื้นที่ ก็คุ้มค่าที่จะมาแล้ว

แล้วจะรู้สึกเหมือนผมว่า
แม้ที่สนามหลวง ในสายตาเรา
จะมองเห็นแต่สีดำกับสีขาว
แต่มีสีสันและพลังบวกส่งมาถึงใจเราจริง ๆ ครับ
.
ส่วนใครที่อยู่ในโลก Social Media
แล้วเห็นแต่ข่าวน่าหงุดหงิด
เห็นแต่กระแสที่ทำลายบรรยากาศดี ๆ
ผมขอแนะนำให้ มองข้ามบ้าง
มองดูดี ๆ ด้วย จะเห็นสิ่งดี ๆ ที่เกิดขึ้น
ในห้วงเวลานี้อีกมากมายครับ

นอกจากนี้แล้ว
ก็อยากบอกว่า มีหน้าที่อะไรทำก็ทำ
อยากทำอะไรเพื่อ พ่อ ในวาระนี้
นึกอะไรได้ก็ทำเลยครับ

Credit : เรื่องเล่าจากโรงพยาบาล
Photo Credit  : ขีดเส้น

ความจน 4 แบบ ความจน บนโลกใบนี้ มีสี่แบบ 1. จนเงิน มีเงินไม่พอใช้เลี้ยงดูตัวเอง หรือไม่พอเลี้ยงดูคนที่เรารัก 2. จนเวลา ไม่มีเวลาใช้ชีวิต ไม่มีเวลาทำในสิ่งที่ตัวเองต้องการ บางคน มีเงิน แต่ไม่มีเวลาใช้เงิน บางคน มีเวลา แต่ไม่มีเงินใช้ บางคนหนักกว่า ไม่มีทั้งเงินและเวลา ซึ่งส่วนใหญ่ จะโทษว่าเป็นเพราะ...ข้อ 3. นั่นคือ 3. จนโอกาส ไม่มีโอกาสดีๆ เข้ามาในชีวิต หลายคนบ่นว่า เราก็ขยันนะ แต่ทำไม ไม่ประสบความสำเร็จเสียที เราอาจต้องเข้าใจก่อนว่า คนสำเร็จ ทุกคนล้วนต้องขยัน แต่คน ขยัน ไม่ทุกคนที่จะสำเร็จ เพราะขยันผิดที่ สิบปีก็ไม่รวย ถ้าการทำงานหนักอย่างเดียว จะทำให้ประสบความสำเร็จ กรรมกร แบกหาม คงร่ำรวยทุกคน ไม่ได้บอกว่าอาชีพนี้ไม่ดี เพียงแต่โอ กาสที่อาชีพนี้มีมันน้อยมาก ดังนั้นเรา Work Hard อย่างเดียวไม่ พอ เราต้อง Work Smart ด้วย หาโอกาสที่ดี แล้วเมื่อเจอจงอย่า ลังเลที่จะคว้ามัน แต่ที่แย่กว่า จนโอกาส นั่นคือหลายครั้ง เรามีโอกาสดีๆ เข้ามาแต่ เรานั่นล่ะ ปฏิเสธโอกาสนั้นเอง แบบนี้ เราเรียกว่าจนแบบที่สี่ คือ 4. จนความคิด มัวแต่คิดดูถูกศักยภาพตัวเอง คิดลบ คิดในสิ่งที่ไม่เป็นประโยชน์ คิดแต่สิ่งที่ทำให้ตัวเองไม่สำเร็จ คิดว่าตัวเองคงทำไม่ได้ แล้วก็ ปล่อยให้โอกาสนั้นหลุดลอยไป จนเงิน จนเวลา เจอโอกาสดีๆยัง เปลี่ยนแปลงชีวิต แต่ถ้าจนความคิด รับรองชีวิตไม่มีวันเปลี่ยน แปลง วันนี้ เวลาเราเจอคนดูถูกเรา เราชอบไหม? ถ้าเราบอกว่า เราไม่ ชอบ แล้ว..ทำไม เราชอบดูถูกศักยภาพตัวเอง? ต่อให้คนร้อยคน บอกว่าเราทำได้ แต่ถ้าเราบอกตัวเอง ว่าเราทำไม่ได้ ก็ไม่มีประ โยชน์อะไร เพราะไม่ว่า เราจะคิดว่าเราทำได้ หรือไม่ได้ เราก็คิด ถูกเสมอ เพราะเราจะเป็นอย่างที่เราคิด พลิกความคิด ชีวิตเปลี่ยนแน่นอน เลิกจนความคิด...ตัดคำว่า เรา ทำไม่ได้..ออกไปจากชีวิตกันเถอะครับ เพจ "ภาษาญี่ปุ่นและสิ่งดีๆ" ... อยากให้ช่วยคิด ... บทความคุณภาพจากเพจ #เรื่องดีๆมีข้อคิด ภาพ : http://www.dmc.tv/ #เห็ดหลินจือ #Health_and_Wealth_Coffee #โลกสวย #ขำขันมันส์ฮา #สูตรเด็ด_เคล็ดอร่อย

ความจน 4 แบบ

ความจน บนโลกใบนี้ มีสี่แบบ

1. จนเงิน มีเงินไม่พอใช้เลี้ยงดูตัวเอง
หรือไม่พอเลี้ยงดูคนที่เรารัก

2. จนเวลา ไม่มีเวลาใช้ชีวิต
ไม่มีเวลาทำในสิ่งที่ตัวเองต้องการ
บางคน มีเงิน แต่ไม่มีเวลาใช้เงิน
บางคน มีเวลา แต่ไม่มีเงินใช้
บางคนหนักกว่า ไม่มีทั้งเงินและเวลา
ซึ่งส่วนใหญ่ จะโทษว่าเป็นเพราะ...ข้อ 3. นั่นคือ

3. จนโอกาส ไม่มีโอกาสดีๆ เข้ามาในชีวิต
หลายคนบ่นว่า เราก็ขยันนะ  แต่ทำไม ไม่ประสบความสำเร็จเสียที
เราอาจต้องเข้าใจก่อนว่า    คนสำเร็จ ทุกคนล้วนต้องขยัน  แต่คน
ขยัน ไม่ทุกคนที่จะสำเร็จ เพราะขยันผิดที่ สิบปีก็ไม่รวย

ถ้าการทำงานหนักอย่างเดียว จะทำให้ประสบความสำเร็จ กรรมกร
แบกหาม คงร่ำรวยทุกคน  ไม่ได้บอกว่าอาชีพนี้ไม่ดี    เพียงแต่โอ
กาสที่อาชีพนี้มีมันน้อยมาก  ดังนั้นเรา Work Hard อย่างเดียวไม่
พอ  เราต้อง Work Smart ด้วย หาโอกาสที่ดี แล้วเมื่อเจอจงอย่า
ลังเลที่จะคว้ามัน 

แต่ที่แย่กว่า จนโอกาส นั่นคือหลายครั้ง เรามีโอกาสดีๆ เข้ามาแต่
เรานั่นล่ะ ปฏิเสธโอกาสนั้นเอง   แบบนี้ เราเรียกว่าจนแบบที่สี่ คือ

4. จนความคิด
มัวแต่คิดดูถูกศักยภาพตัวเอง  คิดลบ คิดในสิ่งที่ไม่เป็นประโยชน์
คิดแต่สิ่งที่ทำให้ตัวเองไม่สำเร็จ  คิดว่าตัวเองคงทำไม่ได้  แล้วก็
ปล่อยให้โอกาสนั้นหลุดลอยไป จนเงิน จนเวลา เจอโอกาสดีๆยัง
เปลี่ยนแปลงชีวิต    แต่ถ้าจนความคิด   รับรองชีวิตไม่มีวันเปลี่ยน
แปลง

วันนี้ เวลาเราเจอคนดูถูกเรา เราชอบไหม?    ถ้าเราบอกว่า เราไม่
ชอบ  แล้ว..ทำไม เราชอบดูถูกศักยภาพตัวเอง? ต่อให้คนร้อยคน
บอกว่าเราทำได้   แต่ถ้าเราบอกตัวเอง ว่าเราทำไม่ได้  ก็ไม่มีประ
โยชน์อะไร  เพราะไม่ว่า เราจะคิดว่าเราทำได้ หรือไม่ได้  เราก็คิด
ถูกเสมอ  เพราะเราจะเป็นอย่างที่เราคิด

พลิกความคิด ชีวิตเปลี่ยนแน่นอน เลิกจนความคิด...ตัดคำว่า เรา
ทำไม่ได้..ออกไปจากชีวิตกันเถอะครับ

เพจ "ภาษาญี่ปุ่นและสิ่งดีๆ" ... อยากให้ช่วยคิด ...
บทความคุณภาพจากเพจ #เรื่องดีๆมีข้อคิด
ภาพ :  http://www.dmc.tv/

#เห็ดหลินจือ
#Health_and_Wealth_Coffee
#โลกสวย
#ขำขันมันส์ฮา
#สูตรเด็ด_เคล็ดอร่อย

ข้อคิดดีๆ : #พรุ่งนี้อาจสายเกินไป ---------------- ถ้าคุณโกรธใครขึ้นมาแล้วไม่มีใครอยู่ตรงนั้นเพื่อช่วยแก้สถานการณ์ จงทำด้วยตัวเอง บางทีใครคนนั้นอาจจะยังคงอยากเป็นเพื่อนกับคุณอยู่ และถ้าคุณไม่ทำ พรุ่งนี้อาจสายเกินไป ------------------ ถ้าคุณยังคงรักใครสักคนที่คุณคิดว่าป่านนี้เค้าคงลืมคุณไปแล้ว จงบอกเค้าวันนี้ บางทีเค้าอาจจะยังคงรักคุณอยู่เช่นกัน ถ้าคุณไม่บอกเค้าวันนี้ บางทีพรุ่งนี้อาจจะสายเกินไป ------------------- ถ้าคุณต้องการการกอดจากเพื่อนสักคนหนึ่ง บอกเค้าสิ บางทีพวกเค้าอาจกำลังอยากให้คุณกอดมากกว่าที่คุณเป็นเสียอีก และถ้าคุณไม่ทำวันนี้ บางทีพรุ่งนี้อาจจะสายเกินไป ----------------- ถ้าคุณรู้สึกว่าเพื่อนคุณแสนดีเหลือเกิน จงบอกพวกเค้าด้วย เพราะเค้าเองก็อาจจะกำลังรู้สึกอย่างเดียวกับคุณเช่นกัน ถ้าคุณไม่ทำแล้วเค้าต้องจากไปเสียแล้ว บางทีพรุ่งนี้อาจจะสายเกินไป ------------------ ถ้าคุณรักพ่อแม่ของคุณและยังไม่มีโอกาสแสดงออกมา ทำซะเถอะ ท่านยังอยู่ตรงนั้นเพื่อให้คุณได้มีโอกาสแสดงให้ท่านรู้ หากท่านจากไปวันนี้ พรุ่งนี้ก็สายเกินไปเสียแล้ว "จงทำในสิ่งที่คุณควรทำเมื่อคุณยังมีเวลาและโอกาส เพราะพรุ่งนี้มันอาจไม่ใช่วันของคุณ เมื่อวันนี้ทำได้รีบทำเถิด ไม่งั้นคุณอาจต้องเสียใจที่พลาดโอกาสนั้น" ...ขอบคุณนางแบบเจ้าของภาพ #เลิฟลี่.......

ข้อคิดดีๆ : #พรุ่งนี้อาจสายเกินไป
----------------
ถ้าคุณโกรธใครขึ้นมาแล้วไม่มีใครอยู่ตรงนั้นเพื่อช่วยแก้สถานการณ์ จงทำด้วยตัวเอง  บางทีใครคนนั้นอาจจะยังคงอยากเป็นเพื่อนกับคุณอยู่ และถ้าคุณไม่ทำ พรุ่งนี้อาจสายเกินไป
------------------
ถ้าคุณยังคงรักใครสักคนที่คุณคิดว่าป่านนี้เค้าคงลืมคุณไปแล้ว  จงบอกเค้าวันนี้ บางทีเค้าอาจจะยังคงรักคุณอยู่เช่นกัน  ถ้าคุณไม่บอกเค้าวันนี้ บางทีพรุ่งนี้อาจจะสายเกินไป
-------------------
ถ้าคุณต้องการการกอดจากเพื่อนสักคนหนึ่ง  บอกเค้าสิ บางทีพวกเค้าอาจกำลังอยากให้คุณกอดมากกว่าที่คุณเป็นเสียอีก  และถ้าคุณไม่ทำวันนี้ บางทีพรุ่งนี้อาจจะสายเกินไป
-----------------
ถ้าคุณรู้สึกว่าเพื่อนคุณแสนดีเหลือเกิน จงบอกพวกเค้าด้วย  เพราะเค้าเองก็อาจจะกำลังรู้สึกอย่างเดียวกับคุณเช่นกัน  ถ้าคุณไม่ทำแล้วเค้าต้องจากไปเสียแล้ว บางทีพรุ่งนี้อาจจะสายเกินไป
------------------
ถ้าคุณรักพ่อแม่ของคุณและยังไม่มีโอกาสแสดงออกมา ทำซะเถอะ  ท่านยังอยู่ตรงนั้นเพื่อให้คุณได้มีโอกาสแสดงให้ท่านรู้  หากท่านจากไปวันนี้ พรุ่งนี้ก็สายเกินไปเสียแล้ว

"จงทำในสิ่งที่คุณควรทำเมื่อคุณยังมีเวลาและโอกาส  เพราะพรุ่งนี้มันอาจไม่ใช่วันของคุณ  เมื่อวันนี้ทำได้รีบทำเถิด  ไม่งั้นคุณอาจต้องเสียใจที่พลาดโอกาสนั้น"

...ขอบคุณนางแบบเจ้าของภาพ #เลิฟลี่.......

เพราะเคยมาก่อน เพราะเคยจนมาก่อน จึงทำให้รู้ว่าความรู้พอใจในสิ่งที่ตนมีต่างหาก ที่จะทำให้อยู่อย่าง มีความสุขได้ เพราะเคยเจ็บมาก่อน จึงทำให้รู้ว่าอย่าริอาจไปทำร้ายใครที่ไหน เขาก็เจ็บเหมือนที่เรา เจ็บเช่นกัน เพราะเคยร้องไห้มาก่อน จึงทำให้รู้ว่าแท้ที่จริงฉันเองมันก็อ่อนแอกว่าที่ตัวเองคิดไว้มาก ใจ ฉันไม่ได้แข็งเหมือนคำพูด เพราะเคยผิดพลาดมาก่อน จึงทำให้รู้ว่าการได้รับการอภัยจากใครๆไม่ใช่เรื่องง่าย เมื่อใครทำ ผิดพลาดก็จงเอาใจเขามาใส่ใจเรา เพราะเคยผ่านตามาก่อน จึงทำให้รู้ว่าทุกสิ่งทุกอย่างเป็นเพียงภาพลวงตา ไม่มีอะไรที่เป็นนิ รันดร์ ทุกสิ่งเกิดขึ้น ตั้งอยู่ และดับไป เพราะเคยครอบครองมาก่อน จึงทำให้รู้ว่าไม่มีอะไรเลยที่เป็นของเราอย่างแท้จริง ทุกสิ่งผลัด เปลี่ยนเวียนไป จงใช้ชีวิตรู้ละรู้วางให้มากขึ้น นุสนธิ์บุคส์ บทความคุณภาพจากเพจ #เรื่องดีๆมีข้อคิด ภาพ : http://variety.teenee.com/foodforbrain/72935.html #เห็ดหลินจือ #Health_and_Wealth_Coffee #โลกสวย #ขำขันมันส์ฮา #สูตรเด็ด_เคล็ดอร่อย

เพราะเคยมาก่อน

เพราะเคยจนมาก่อน
จึงทำให้รู้ว่าความรู้พอใจในสิ่งที่ตนมีต่างหาก  ที่จะทำให้อยู่อย่าง
มีความสุขได้

เพราะเคยเจ็บมาก่อน
จึงทำให้รู้ว่าอย่าริอาจไปทำร้ายใครที่ไหน    เขาก็เจ็บเหมือนที่เรา
เจ็บเช่นกัน

เพราะเคยร้องไห้มาก่อน
จึงทำให้รู้ว่าแท้ที่จริงฉันเองมันก็อ่อนแอกว่าที่ตัวเองคิดไว้มาก ใจ
ฉันไม่ได้แข็งเหมือนคำพูด

เพราะเคยผิดพลาดมาก่อน
จึงทำให้รู้ว่าการได้รับการอภัยจากใครๆไม่ใช่เรื่องง่าย  เมื่อใครทำ
ผิดพลาดก็จงเอาใจเขามาใส่ใจเรา

เพราะเคยผ่านตามาก่อน
จึงทำให้รู้ว่าทุกสิ่งทุกอย่างเป็นเพียงภาพลวงตา ไม่มีอะไรที่เป็นนิ
รันดร์  ทุกสิ่งเกิดขึ้น ตั้งอยู่ และดับไป

เพราะเคยครอบครองมาก่อน
จึงทำให้รู้ว่าไม่มีอะไรเลยที่เป็นของเราอย่างแท้จริง    ทุกสิ่งผลัด
เปลี่ยนเวียนไป จงใช้ชีวิตรู้ละรู้วางให้มากขึ้น

นุสนธิ์บุคส์
บทความคุณภาพจากเพจ #เรื่องดีๆมีข้อคิด
ภาพ : http://variety.teenee.com/foodforbrain/72935.html

#เห็ดหลินจือ
#Health_and_Wealth_Coffee
#โลกสวย
#ขำขันมันส์ฮา
#สูตรเด็ด_เคล็ดอร่อย

เชื่อว่าคนไทยทุกคนร้องเพลงสรรเสริญพระบารมีได้ แต่จะมีซักกี่คนที่รู้ความหมายที่แท้จริง ของทุกคำที่อยู่ในเนื้อเพลงสรรเสริญพระบารมีนี้ ..... ลองมาดูความหมายของแต่ละประโยคกัน "ข้าวรพุทธเจ้า" หมายถึง ข้าพเจ้าทั้งหลาย ซึ่งเป็นข้าของพระองค์ผู้ประดุจดังพระพุทธเจ้า โดยพระพุทธเจ้าในที่นี้ก็คือ เป็นผู้ตรัสรู้และโปรดมวลมนุษย์ให้บรรลุธรรม ให้พ้นจากกิเลส เพราะในมโนทัศน์ของไทยโบราณถือว่ากษัตริย์คือพระโพธิสัตว์ "เอามโนและศิระกราน... " หมายถึง ขอเอาดวงใจและศีรษะก้มน้อมกราบ "นบพระภูมิบาล บุญดิเรก... " หมายถึง ขอนบไหว้พระผู้ปกครองแผ่นดิน ผู้มีบุญญาธิการอันใหญ่หลวง "เอกบรมจักริน... " หมายถึง ทรงเป็นวงศ์แห่งพระจักรีอันประเสริฐ "พระสยามินทร์... " หมายถึง เป็นผู้เป็นใหญ่แห่งสยาม "พระยศยิ่งยง... " หมายถึง เกียรติยศของพระองค์นั้นยิ่งใหญ่และยืนนาน "เย็นศิระเพราะพระบริบาล... " หมายถึง พวกเราจึงร่มเย็นด้วยการปกครองของพระองค์ "ผลพระคุณ ธ รักษา ปวงประชาเป็นสุขศานต์... " หมายถึง พระคุณของพระองค์มีผลรักษาปวงประชาให้เป็นสุข "ขอบันดาล ธ ประสงค์ใด... " หมายถึง ขอพระคุณนั้น บันดาลให้สิ่งที่พระองค์ประสงค์สำเร็จตามความปรารถนา "จงสฤษฎ์ดัง หวังวรหฤทัย... " หมายถึง ขอให้ได้ดังใจหวัง "ดุจถวายชัย ชโย" หมายถึง ดังที่ได้น้อมเกล้าฯ ถวายพระพรชัย สำหรับความหมายรวมก็คือ ข้าพระพุทธเจ้าทั้งหลายขอกราบไหว้พระองค์ผู้มีบุญญาธิการ ซึ่งพระองค์ที่ปกครองปวงชนให้เป็นสุข ด้วยใบบุญของพระองค์ประชาชนจึงสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณ จึงขอบันดาลให้พระองค์สมประสงค์ในทุกสิ่ง เป็นการถวายพระพรชัยแด่พระองค์ ถอดความโดย: รศ.ดร.ดวงมน จิตรจำนงค์ อาจารย์ภาควิชาภาษาไทยคณะมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์ ม.สงขลานครินทร์วิทยาเขตปัตตานี เมธีอาวุโส สกว.สาขาวรรณคดี ปี 2547

เชื่อว่าคนไทยทุกคนร้องเพลงสรรเสริญพระบารมีได้
แต่จะมีซักกี่คนที่รู้ความหมายที่แท้จริง ของทุกคำที่อยู่ในเนื้อเพลงสรรเสริญพระบารมีนี้ ..... ลองมาดูความหมายของแต่ละประโยคกัน

"ข้าวรพุทธเจ้า"
หมายถึง ข้าพเจ้าทั้งหลาย ซึ่งเป็นข้าของพระองค์ผู้ประดุจดังพระพุทธเจ้า โดยพระพุทธเจ้าในที่นี้ก็คือ เป็นผู้ตรัสรู้และโปรดมวลมนุษย์ให้บรรลุธรรม ให้พ้นจากกิเลส เพราะในมโนทัศน์ของไทยโบราณถือว่ากษัตริย์คือพระโพธิสัตว์

"เอามโนและศิระกราน... "
หมายถึง ขอเอาดวงใจและศีรษะก้มน้อมกราบ

"นบพระภูมิบาล บุญดิเรก... "
หมายถึง ขอนบไหว้พระผู้ปกครองแผ่นดิน  ผู้มีบุญญาธิการอันใหญ่หลวง

"เอกบรมจักริน... "
หมายถึง ทรงเป็นวงศ์แห่งพระจักรีอันประเสริฐ

"พระสยามินทร์... "
หมายถึง เป็นผู้เป็นใหญ่แห่งสยาม

"พระยศยิ่งยง... "
หมายถึง เกียรติยศของพระองค์นั้นยิ่งใหญ่และยืนนาน

"เย็นศิระเพราะพระบริบาล... "
หมายถึง พวกเราจึงร่มเย็นด้วยการปกครองของพระองค์

"ผลพระคุณ ธ รักษา ปวงประชาเป็นสุขศานต์... "
หมายถึง พระคุณของพระองค์มีผลรักษาปวงประชาให้เป็นสุข

"ขอบันดาล ธ ประสงค์ใด... "
หมายถึง ขอพระคุณนั้น บันดาลให้สิ่งที่พระองค์ประสงค์สำเร็จตามความปรารถนา 

"จงสฤษฎ์ดัง หวังวรหฤทัย... "
หมายถึง ขอให้ได้ดังใจหวัง

"ดุจถวายชัย ชโย"
หมายถึง ดังที่ได้น้อมเกล้าฯ ถวายพระพรชัย

สำหรับความหมายรวมก็คือ ข้าพระพุทธเจ้าทั้งหลายขอกราบไหว้พระองค์ผู้มีบุญญาธิการ ซึ่งพระองค์ที่ปกครองปวงชนให้เป็นสุข ด้วยใบบุญของพระองค์ประชาชนจึงสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณ จึงขอบันดาลให้พระองค์สมประสงค์ในทุกสิ่ง เป็นการถวายพระพรชัยแด่พระองค์

ถอดความโดย:
รศ.ดร.ดวงมน จิตรจำนงค์ อาจารย์ภาควิชาภาษาไทยคณะมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์ ม.สงขลานครินทร์วิทยาเขตปัตตานี เมธีอาวุโส สกว.สาขาวรรณคดี ปี 2547

. ....... . . น้ำตาแห่งความประทับใจ “พ่อหลวง” ทรงอยู่เฝ้า “คุณทองแดง” ป่วยทั้งคืน =D . . อดีตนักศึกษาคณะสัตวแพทย์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ (มก.) โพสต์บนเฟซบุ๊กสเตตัส ความประทับในครั้งหนึ่งเคยรับเสด็จ . พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ซึ่งพาคุณทองแดงมารักษาที่โรงพยาบาลสัตว์เป็นการส่วนพระองค์ . เรื่อง น้ำตาแห่งความประทับใจ ในชีวิตที่เป็นนิสิตสัตวแพทย์ มีหลายครั้งที่ “ในหลวง” เสด็จมาที่โรงพยาบาลสัตว์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์อยู่บ่อย ๆ อย่างเช่น เสด็จมาทรงเปิดสระสุวรรณชาด หรือเสด็จมาดูอาการสุนัขทรงเลี้ยงเป็นการส่วนพระองค์ เป็นต้น แต่ทุกครั้งผมก็พลาดโอกาสที่จะได้เข้าเฝ้าทุกครั้ง . จนเมื่อถึงปีหก ซึ่งเป็นปีสุดท้ายของการเรียนและขึ้นฝึกที่โรงพยาบาลสัตว์ มีข่าวว่าในหลวงจะเสด็จและจะทรงพาคุณทองแดงมา เข้ารับการรักษาที่โรงพยาบาลสัตว์เป็นการส่วนพระองค์ ข่าวนั้นก็ได้แพร่สะพัดภายในคณะ มีการจัดเตรียมอย่างเรียบง่ายที่สุด ถ้าเป็นคนนอกแทบจะไม่รู้เลยด้วยซ้ำว่าจะมีเจ้านายจะเสด็จมา ทางทีมหมอ อาจารย์ที่จะถวายงานก็ต่างเตรียมความพร้อม ซึ่งแน่นอน ผมก็เฝ้ารอให้ถึงวันนั้น. . . ค่ำวันนั้นก็มาถึง ผมนั่งรอชั้น 1 ตึกโรงพยาบาลสัตว์กับเพื่อน ๆ อาจารย์ พนักงานโรงพยาบาลสัตว์ และเจ้าของสุนัขที่นำมารักษา และเพิ่งทราบข่าววันนั้น ผมนั่งใกล้ลิฟท์ที่จะเสด็จขึ้นไป แต่ก็ไม่ได้นั่งหน้าสุด ผมนั่งรออยู่เป็นชั่วโมง อากาศก็อบอ้าว ท้องร้องหิวข้าว แต่พอมองบรรยากาศรอบ ๆ ก็ไม่มีใครบ่น ทุกคนต่างยิ้มแย้มและเฝ้ารอเวลานั้นรวมทั้งผมด้วย . และเมื่อองครักษ์บอกเราว่า . .ในหลวงเสด็จแล้ว ภาพที่เห็นคือ ในหลวงทรงจูงคุณทองแดง พร้อมด้วยพระราชินี และพระสมเด็จพระเทพฯ การจะได้เข้าเฝ้าฝ่าพระบาทก็ยากแล้ว แต่นี้เสด็จมาพร้อมกันถึงสามพระองค์ ทำให้ใจผมเต้นระรัวไม่ได้จังหวะ . แล้วทั้งสามพระองค์และคุณทองแดงก็เสด็จพระราชดำเนิน ใกล้เข้ามาถึงตรงลิฟท์ที่ที่ผมนั่ง ผมทำตัวไม่ถูก หัวใจเต้นแรงขึ้นกว่าเดิม ผมได้แต่ก้มหมอบงึก ๆ หูอื้อ และได้ยินแต่เสียงว่า. . . . .... . . . . “ ทรงพระเจริญ ” . นั่นคือครั้งแรกในชีวิตก็ว่าได้ และทั้งสามพระองค์ และคุณทองแดงก็ประทับลิฟท์ขึ้นไปชั้น 3 โรงพยาบาลสัตว์ เพื่อนำคุณทองแดงเข้ารับการรักษา . ตามหมายกำหนดการ ในหลวงจะเสด็จกลับไปประทับที่วังสวนจิตรฯ พระราชวังดุสิตระหว่างที่ทำการผ่าตัดรักษาคุณทองแดง แล้วค่อยเสด็จกลับมาเพื่อมารับคุณทองแดงในเช้าวันรุ่งขึ้น .. แต่พระองค์ทรงเปลี่ยนพระทัย และประทับเฝ้าคุณทองแดงตลอดทั้งคืน และติดตามการรักษาจนถึงรุ่งเช้า . ซึ่งแน่นอน ผมก็เปลี่ยนแผนจากเดิมที่จะกลับบ้าน กลับนั่งรอใต้ถุนคณะฯ และอยากให้ถึงเช้าวันรุ่งขึ้นไว ๆ เพื่อจะได้เข้าเฝ้าส่งเสด็จ เวลาผ่านไปช้ามาก . ใครจะรู้ว่าที่โรงเรียนสัตวแพทย์แห่งนี้จะมีพระเจ้าแผ่นดิน ที่เป็นศูนย์รวมจิตใจประทับอยู่ด้านบนอาคาร . เวลาเกือบแปดโมง อาจารย์ให้นิสิตตั้งแถวตามทางเสด็จพระราชดำเนิน วันนั้นมีนิสิตไม่กี่คนที่อยู่แถวนั้น ผมจึงได้ยืนกับเพื่อน ๆ เป็นแถวหน้ากระดานโดยไม่ต้องมีใครมาบดบังทางเสด็จพระราชดำเนิน . หลังจากยืนรอไม่นาน สิ่งที่เห็นก็คือ .. . ในหลวงทรงเข็นรถคุณทองแดงเสด็จลงจากตึกด้วยพระองค์เอง เพราะคุณทองแดงเพิ่งฟื้นจากการรักษา ยังไม่สามารถเดินเองได้ ซึ่งจริงๆ แล้วพระองค์จะทรงให้ราชองครักษ์เข็นรถคุณทองแดงก็ได้ แต่พระองค์กลับต้องการประคองสุนัขที่พระองค์ทรงรักสุดพระทัย ด้วยพระองค์เอง . พระองค์เสด็จพระราชดำเนินลงมาตามลาดพระบาทอย่างช้าๆ ไปจนถึงรถยนต์พระที่นั่ง เป็นครั้งแรกในชีวิตที่ผมได้เห็นพระองค์ ใกล้ขนาดนั้นเพียงไม่กี่เมตร ใกล้มากจนผมเห็นพระองค์ทรงแย้มพระสรวล และสายพระเนตรที่ทรงห่วงคุณทองแดงมากขนาดไหน เป็นสายพระเนตรของชายธรรมดาคนหนึ่งที่รักสุนัขมาก และดีใจเมื่อเห็นสุนัขที่ตนรักปลอดภัยจากการผ่าตัดรักษา แล้วน้ำตาผมก็ไหลออกมาโดยไม่รู้ตัว ได้ยินแต่เสียงว่า .. . .. . . . . . .. “ ทรงพระเจริญ ” . ผมร้องไห้ไม่หยุดทั้ง ๆ ที่ยืนอยู่ จนรถยนต์พระที่นั่งลับสายตาผมไป ผมไม่รู้ว่าทำไมตอนนั้นผมถึงร้องไห้ เป็นความรู้สึกที่บอกไม่ได้ แต่ผมรู้แค่ว่า . .“ ผมเป็นคนไทย ผมจึงร้องไห้ ” และเชื่อว่าหลายคน ก็คงร้องไห้เช่นกัน ถ้าเป็นผมในวันนั้น . ภาพความประทับใจวันนั้นคงยังฝังลึกในความทรงจำหลาย ๆ คน ที่อยู่ในเหตุการณ์วันนั้นเช่นเดียวกับผม . จากเหตุการณ์นั้นทำให้ผมประจักษ์แล้วว่า พระองค์เป็น . . . พระราชาที่ไม่ต้องการพิธีการต้อนรับใดๆ . พระราชาที่มีชีวิตเรียบง่าย . พระราชาที่ประทับได้แม้ห้องสีเหลี่ยมเล็กๆ บนอาคารโรงพยาบาลสัตว์ . พระราชาที่ทรงมีเมตตากับสัตว์น้อยใหญ่ . พระราชาที่ทรงรักสัตวเลี้ยงอย่างสุดพระทัย . และหากแต่ทรงต้องการให้คุณทองแดงหายดีและแข็งแรง ในเร็ววันเท่านั้นเอง .. . ผมภูมิใจที่เกิดมาเป็นคนไทยในแผ่นดินรัชกาลที่ ๙ และภูมิใจยิ่งกว่าที่ได้เรียนที่คณะสัตวแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาตร์ คณะที่ได้ถวายงานรับใช้ใต้เบื้องพระยุคลบาท ไม่เพียงแต่ในหลวงเท่านั้น หากแต่ราชวงศ์ทุกพระองค์อีกด้วย . ขอให้กำลังใจถึงทีมบุคลากรสัตวแพทย์ สัตวแพทย์ คณาจารย์ คณะสัตวแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ทุกท่านที่ได้ถวายงานรับใช้ใต้เบื้องพระยุคลบาทตลอดมาจนถึงทุกวันนี้ และจะยังคงรับใช้ต่อไป ขอเป็นข้ารองบาททุกชาติไป . ........ ด้วยเกล้าด้วยกระหม่อมขอเดชะ #สัตวแพทย์ของพระราชา #สัตวแพทย์เกษตรสัตวแพทย์ของประชาชน #สเตตัสสัดแพด . ปล. ผมเคยโพสต์เรื่องราวนี้ตอนวันเฉลิมพระชนมพรรษาฯ เมื่อสามปีที่แล้ว แต่ถึงตอนนี้เห็นว่าเป็นเวลาอันสมควรแก่การรำลึก ในพระมหากรุณาธิคุณ เลยอยากขอแชร์เรื่องราวความทรงจำดีๆ จากประสบการณ์ตรงนี้ ที่จะยังคงตราตรึงอยู่ตลอดไปไม่มีวันเสื่อมสลาย... . . thankful ..รักนะสัตว์โลก @loveworldanimals

.

....... . . น้ำตาแห่งความประทับใจ “พ่อหลวง”

ทรงอยู่เฝ้า “คุณทองแดง” ป่วยทั้งคืน =D

.

.
อดีตนักศึกษาคณะสัตวแพทย์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ (มก.)
โพสต์บนเฟซบุ๊กสเตตัส ความประทับในครั้งหนึ่งเคยรับเสด็จ

.
พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช

ซึ่งพาคุณทองแดงมารักษาที่โรงพยาบาลสัตว์เป็นการส่วนพระองค์
.

เรื่อง น้ำตาแห่งความประทับใจ ในชีวิตที่เป็นนิสิตสัตวแพทย์

มีหลายครั้งที่ “ในหลวง” เสด็จมาที่โรงพยาบาลสัตว์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์อยู่บ่อย ๆ อย่างเช่น เสด็จมาทรงเปิดสระสุวรรณชาด
หรือเสด็จมาดูอาการสุนัขทรงเลี้ยงเป็นการส่วนพระองค์ เป็นต้น
แต่ทุกครั้งผมก็พลาดโอกาสที่จะได้เข้าเฝ้าทุกครั้ง

.
จนเมื่อถึงปีหก ซึ่งเป็นปีสุดท้ายของการเรียนและขึ้นฝึกที่โรงพยาบาลสัตว์

มีข่าวว่าในหลวงจะเสด็จและจะทรงพาคุณทองแดงมา
เข้ารับการรักษาที่โรงพยาบาลสัตว์เป็นการส่วนพระองค์

ข่าวนั้นก็ได้แพร่สะพัดภายในคณะ มีการจัดเตรียมอย่างเรียบง่ายที่สุด
ถ้าเป็นคนนอกแทบจะไม่รู้เลยด้วยซ้ำว่าจะมีเจ้านายจะเสด็จมา

ทางทีมหมอ อาจารย์ที่จะถวายงานก็ต่างเตรียมความพร้อม
ซึ่งแน่นอน ผมก็เฝ้ารอให้ถึงวันนั้น. .

.
ค่ำวันนั้นก็มาถึง ผมนั่งรอชั้น 1 ตึกโรงพยาบาลสัตว์กับเพื่อน ๆ
อาจารย์ พนักงานโรงพยาบาลสัตว์ และเจ้าของสุนัขที่นำมารักษา
และเพิ่งทราบข่าววันนั้น ผมนั่งใกล้ลิฟท์ที่จะเสด็จขึ้นไป

แต่ก็ไม่ได้นั่งหน้าสุด ผมนั่งรออยู่เป็นชั่วโมง อากาศก็อบอ้าว
ท้องร้องหิวข้าว แต่พอมองบรรยากาศรอบ ๆ ก็ไม่มีใครบ่น

ทุกคนต่างยิ้มแย้มและเฝ้ารอเวลานั้นรวมทั้งผมด้วย
.

และเมื่อองครักษ์บอกเราว่า . .ในหลวงเสด็จแล้ว

ภาพที่เห็นคือ ในหลวงทรงจูงคุณทองแดง

พร้อมด้วยพระราชินี และพระสมเด็จพระเทพฯ

การจะได้เข้าเฝ้าฝ่าพระบาทก็ยากแล้ว
แต่นี้เสด็จมาพร้อมกันถึงสามพระองค์ ทำให้ใจผมเต้นระรัวไม่ได้จังหวะ
.

แล้วทั้งสามพระองค์และคุณทองแดงก็เสด็จพระราชดำเนิน
ใกล้เข้ามาถึงตรงลิฟท์ที่ที่ผมนั่ง ผมทำตัวไม่ถูก
หัวใจเต้นแรงขึ้นกว่าเดิม ผมได้แต่ก้มหมอบงึก ๆ หูอื้อ
และได้ยินแต่เสียงว่า. .

.
. .... . . . . “ ทรงพระเจริญ ”
.

นั่นคือครั้งแรกในชีวิตก็ว่าได้ และทั้งสามพระองค์
และคุณทองแดงก็ประทับลิฟท์ขึ้นไปชั้น 3 โรงพยาบาลสัตว์
เพื่อนำคุณทองแดงเข้ารับการรักษา
.

ตามหมายกำหนดการ ในหลวงจะเสด็จกลับไปประทับที่วังสวนจิตรฯ พระราชวังดุสิตระหว่างที่ทำการผ่าตัดรักษาคุณทองแดง
แล้วค่อยเสด็จกลับมาเพื่อมารับคุณทองแดงในเช้าวันรุ่งขึ้น
..

แต่พระองค์ทรงเปลี่ยนพระทัย และประทับเฝ้าคุณทองแดงตลอดทั้งคืน

และติดตามการรักษาจนถึงรุ่งเช้า

.
ซึ่งแน่นอน ผมก็เปลี่ยนแผนจากเดิมที่จะกลับบ้าน
กลับนั่งรอใต้ถุนคณะฯ และอยากให้ถึงเช้าวันรุ่งขึ้นไว ๆ
เพื่อจะได้เข้าเฝ้าส่งเสด็จ เวลาผ่านไปช้ามาก
.

ใครจะรู้ว่าที่โรงเรียนสัตวแพทย์แห่งนี้จะมีพระเจ้าแผ่นดิน
ที่เป็นศูนย์รวมจิตใจประทับอยู่ด้านบนอาคาร
.

เวลาเกือบแปดโมง อาจารย์ให้นิสิตตั้งแถวตามทางเสด็จพระราชดำเนิน
วันนั้นมีนิสิตไม่กี่คนที่อยู่แถวนั้น ผมจึงได้ยืนกับเพื่อน ๆ
เป็นแถวหน้ากระดานโดยไม่ต้องมีใครมาบดบังทางเสด็จพระราชดำเนิน

.
หลังจากยืนรอไม่นาน สิ่งที่เห็นก็คือ ..
.

ในหลวงทรงเข็นรถคุณทองแดงเสด็จลงจากตึกด้วยพระองค์เอง

เพราะคุณทองแดงเพิ่งฟื้นจากการรักษา ยังไม่สามารถเดินเองได้

ซึ่งจริงๆ แล้วพระองค์จะทรงให้ราชองครักษ์เข็นรถคุณทองแดงก็ได้

แต่พระองค์กลับต้องการประคองสุนัขที่พระองค์ทรงรักสุดพระทัย
ด้วยพระองค์เอง
.

พระองค์เสด็จพระราชดำเนินลงมาตามลาดพระบาทอย่างช้าๆ
ไปจนถึงรถยนต์พระที่นั่ง เป็นครั้งแรกในชีวิตที่ผมได้เห็นพระองค์

ใกล้ขนาดนั้นเพียงไม่กี่เมตร ใกล้มากจนผมเห็นพระองค์ทรงแย้มพระสรวล

และสายพระเนตรที่ทรงห่วงคุณทองแดงมากขนาดไหน

เป็นสายพระเนตรของชายธรรมดาคนหนึ่งที่รักสุนัขมาก

และดีใจเมื่อเห็นสุนัขที่ตนรักปลอดภัยจากการผ่าตัดรักษา

แล้วน้ำตาผมก็ไหลออกมาโดยไม่รู้ตัว ได้ยินแต่เสียงว่า ..
.

.. . . . . . .. “ ทรงพระเจริญ ”

.
ผมร้องไห้ไม่หยุดทั้ง ๆ ที่ยืนอยู่ จนรถยนต์พระที่นั่งลับสายตาผมไป

ผมไม่รู้ว่าทำไมตอนนั้นผมถึงร้องไห้ เป็นความรู้สึกที่บอกไม่ได้
แต่ผมรู้แค่ว่า . .“ ผมเป็นคนไทย ผมจึงร้องไห้ ” และเชื่อว่าหลายคน
ก็คงร้องไห้เช่นกัน ถ้าเป็นผมในวันนั้น
.

ภาพความประทับใจวันนั้นคงยังฝังลึกในความทรงจำหลาย ๆ คน
ที่อยู่ในเหตุการณ์วันนั้นเช่นเดียวกับผม
.

จากเหตุการณ์นั้นทำให้ผมประจักษ์แล้วว่า พระองค์เป็น . .
.

พระราชาที่ไม่ต้องการพิธีการต้อนรับใดๆ
.

พระราชาที่มีชีวิตเรียบง่าย
.

พระราชาที่ประทับได้แม้ห้องสีเหลี่ยมเล็กๆ บนอาคารโรงพยาบาลสัตว์
.

พระราชาที่ทรงมีเมตตากับสัตว์น้อยใหญ่
.

พระราชาที่ทรงรักสัตวเลี้ยงอย่างสุดพระทัย

.
และหากแต่ทรงต้องการให้คุณทองแดงหายดีและแข็งแรง
ในเร็ววันเท่านั้นเอง ..
.

ผมภูมิใจที่เกิดมาเป็นคนไทยในแผ่นดินรัชกาลที่ ๙
และภูมิใจยิ่งกว่าที่ได้เรียนที่คณะสัตวแพทยศาสตร์
มหาวิทยาลัยเกษตรศาตร์ คณะที่ได้ถวายงานรับใช้ใต้เบื้องพระยุคลบาท
ไม่เพียงแต่ในหลวงเท่านั้น หากแต่ราชวงศ์ทุกพระองค์อีกด้วย

.
ขอให้กำลังใจถึงทีมบุคลากรสัตวแพทย์ สัตวแพทย์ คณาจารย์
คณะสัตวแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์

ทุกท่านที่ได้ถวายงานรับใช้ใต้เบื้องพระยุคลบาทตลอดมาจนถึงทุกวันนี้
และจะยังคงรับใช้ต่อไป ขอเป็นข้ารองบาททุกชาติไป . ........

ด้วยเกล้าด้วยกระหม่อมขอเดชะ

#สัตวแพทย์ของพระราชา

#สัตวแพทย์เกษตรสัตวแพทย์ของประชาชน

#สเตตัสสัดแพด
.

ปล. ผมเคยโพสต์เรื่องราวนี้ตอนวันเฉลิมพระชนมพรรษาฯ
เมื่อสามปีที่แล้ว แต่ถึงตอนนี้เห็นว่าเป็นเวลาอันสมควรแก่การรำลึก
ในพระมหากรุณาธิคุณ เลยอยากขอแชร์เรื่องราวความทรงจำดีๆ
จากประสบการณ์ตรงนี้ ที่จะยังคงตราตรึงอยู่ตลอดไปไม่มีวันเสื่อมสลาย...

.

.
thankful ..รักนะสัตว์โลก @loveworldanimals

วันนี้....วันปิยมหาราช เป็นอีกหนึ่งวัน ที่คนไทยโศกเศร้าเสียมากที่สุด เพราะ เป็นวันสวรรคต ของพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 5 เชื่อว่าไม่มีใครเกิดทัน เลยนำภาพและบรรยากาศในตอนนั้นมาฝากครับ ย่ำค่ำวันที่ ๒๓ ตุลาคม กระบวนแห่พระบรมศพซึ่งทรงพระยานมาศสามลำคาน เริ่มเคลื่อนจากหน้าพระที่นั่งอัมพรสถาน พระราชวังดุสิต โดยมีทหารบกยิงปืนใหญ่นาทีละนัด จนกระบวนถึงพระบรมมหาราชวัง ระหว่างอัญเชิญพระบรมศพนั้นฝนตกลงมาตลอด "... พวกราษฎรเอาเสื่อไปปูนั่งกินเป็นแถว ตลอดสองข้างทาง จะหาหน้าใครที่มีแม้แต่ยิ้ม ก็ไม่มีสักผู้เดียว ทุกคนมีแต่เค้าน้ำตาไหลอย่างตกอกตกใจด้วยไม่เคยรู้รส อากาศมืดครึ้ม มีหมอกขาวลงจัดเกือบถึงหัวคนเดินทั่วไป ผู้ใหญ่เขาบอกว่า นี่แหละคือหมอกชุมเกตุ ที่ในตำราเขากล่าวถึงว่า มักจะมีในเวลาที่มีเหตุใหญ่ๆ เกิดขึ้น ไม่ช้าก้ได้ยินเสียงปี่ในกระบวน เสียงเย็นใสจับใจมาแต่ไกลๆ แล้วได้ยินเสียงกลองรับเป็นจังหวะใกล้เข้ามาๆ ในความมืดเงียบสงัด ที่มืดเพราะต้องตัดสายไฟฟ้าบางตอนให้พระบรมโกศผ่านได้ และที่เงียบก็เพราะไม่มีใครพูดจากันว่ากระไร เหลียวไปดูทางอื่นเห็นแต่แสงไฟจากเทียนที่จุดถวานสักการะอยู่ข้างถนนแว้บๆ ไปตลอด ในแสงเทียนนั้น มีแต่หน้าเศร้าๆ หรือปิดหน้าอยู่ เราหมอบลงกราบกับพื้นปฐพี พอเงยหน้าก็เห็นทหารที่ยืนถือปืนเอาปลายลงดิน ก้มหน้าลงบนปืนอยู่ข้างหน้าเราเป็นระยะทางไปตลอด ๒ ข้างถนนนั้น น้ำตาของเขากำลังหยดลงแปะๆ อยู่บนหลังมือของเขาเอง ทหารผู้อยู่ในยูนิฟอร์มอันแสดงว่ากล้าหาญ ยังร้องไห้เพราะเสียดายประมุขอันเลิศของเขา เสด็จพ่อตรัสเล่าว่า ได้โทรเลขไปตามหัวเมืองให้ระวังเหตุการณ์ในตอนเปลี่ยนแผ่นดิน ได้ตอบมาทุกทางว่า ภายใน ๗ วันแต่วันสวรรคตนั้น ไม่มีเหตุการณ์โจรผู้ร้ายเกิดขึ้นเลยสักแห่งเดียวในพระราชอาณาจักร ฉะนั้นจึงจะต้องเข้าใจว่า แม้แต่โจรก็ยังเสียใจหรือตกใจในการเสด็จสวรรคตของพระบาทสมเด็จพระพุทธเจ้าหลวง พระปิยมหาราชของเรา....." Cr . คลังประวัติศาสตร์ไทย Cr ภาพ . http://www.vcharkarn.com/my/7743/cafe

วันนี้....วันปิยมหาราช
เป็นอีกหนึ่งวัน ที่คนไทยโศกเศร้าเสียมากที่สุด เพราะ
เป็นวันสวรรคต ของพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 5  เชื่อว่าไม่มีใครเกิดทัน เลยนำภาพและบรรยากาศในตอนนั้นมาฝากครับ

ย่ำค่ำวันที่ ๒๓ ตุลาคม
กระบวนแห่พระบรมศพซึ่งทรงพระยานมาศสามลำคาน เริ่มเคลื่อนจากหน้าพระที่นั่งอัมพรสถาน พระราชวังดุสิต โดยมีทหารบกยิงปืนใหญ่นาทีละนัด จนกระบวนถึงพระบรมมหาราชวัง ระหว่างอัญเชิญพระบรมศพนั้นฝนตกลงมาตลอด

"... พวกราษฎรเอาเสื่อไปปูนั่งกินเป็นแถว
ตลอดสองข้างทาง จะหาหน้าใครที่มีแม้แต่ยิ้ม
ก็ไม่มีสักผู้เดียว ทุกคนมีแต่เค้าน้ำตาไหลอย่างตกอกตกใจด้วยไม่เคยรู้รส

อากาศมืดครึ้ม มีหมอกขาวลงจัดเกือบถึงหัวคนเดินทั่วไป ผู้ใหญ่เขาบอกว่า นี่แหละคือหมอกชุมเกตุ
ที่ในตำราเขากล่าวถึงว่า มักจะมีในเวลาที่มีเหตุใหญ่ๆ เกิดขึ้น ไม่ช้าก้ได้ยินเสียงปี่ในกระบวน เสียงเย็นใสจับใจมาแต่ไกลๆ แล้วได้ยินเสียงกลองรับเป็นจังหวะใกล้เข้ามาๆ

ในความมืดเงียบสงัด ที่มืดเพราะต้องตัดสายไฟฟ้าบางตอนให้พระบรมโกศผ่านได้ และที่เงียบก็เพราะไม่มีใครพูดจากันว่ากระไร เหลียวไปดูทางอื่นเห็นแต่แสงไฟจากเทียนที่จุดถวานสักการะอยู่ข้างถนนแว้บๆ ไปตลอด

ในแสงเทียนนั้น มีแต่หน้าเศร้าๆ หรือปิดหน้าอยู่
เราหมอบลงกราบกับพื้นปฐพี พอเงยหน้าก็เห็นทหารที่ยืนถือปืนเอาปลายลงดิน ก้มหน้าลงบนปืนอยู่ข้างหน้าเราเป็นระยะทางไปตลอด ๒ ข้างถนนนั้น
น้ำตาของเขากำลังหยดลงแปะๆ อยู่บนหลังมือของเขาเอง ทหารผู้อยู่ในยูนิฟอร์มอันแสดงว่ากล้าหาญ ยังร้องไห้เพราะเสียดายประมุขอันเลิศของเขา

เสด็จพ่อตรัสเล่าว่า ได้โทรเลขไปตามหัวเมืองให้ระวังเหตุการณ์ในตอนเปลี่ยนแผ่นดิน ได้ตอบมาทุกทางว่า ภายใน ๗ วันแต่วันสวรรคตนั้น ไม่มีเหตุการณ์โจรผู้ร้ายเกิดขึ้นเลยสักแห่งเดียวในพระราชอาณาจักร

ฉะนั้นจึงจะต้องเข้าใจว่า แม้แต่โจรก็ยังเสียใจหรือตกใจในการเสด็จสวรรคตของพระบาทสมเด็จพระพุทธเจ้าหลวง พระปิยมหาราชของเรา....."

Cr . คลังประวัติศาสตร์ไทย
Cr ภาพ . http://www.vcharkarn.com/my/7743/cafe