วันศุกร์ที่ 14 ตุลาคม พ.ศ. 2559

#เรื่องเล่าจากในวัง.... มีเรื่องที่จะเล่าให้ฟัง อยู่เหตุการณ์หนึ่งซึ่งเป็นเรื่องจริง เหตุการณ์เกิดที่จังหวัดตาก เมื่อพระเทพทรงเสด็จไป เยี่ยมราษฎรตามที่ต่างๆ ได้ ทรงเสด็จไปเยี่ยมประชาชนใน ตลาดสด และถามความเป็น อยู่กับบรรดาแม่ค้าในตลาด แต่ก็มาถึงแม่ค้าปลา ซึ่งพระองค์ทรง ตรัสถามว่า "ปลาพวกนี้ขายอย่างไงจ๊ะ" แม่ค้าตอบว่า "ที่ สวรรคตแล้ว กิโลละ 40 บาท และที่เสด็จไปเสด็จมา กิโลละ 80 บาทจ๊ะ" เหตุการณ์นี้ ทำให้ข้าราชบริพารที่ ตามเสด็จหัวเราะกันทุกคน --------------------------------------------------------- - เช้าวันหนึ่ง เวลาประมาณ 7 โมงเช้า นางสนองพระโอษฐ์ ของฟ้าหญิงองค์ เล็ก ได้รับโทรศัพท์เป็นเสียงผู้ชาย ขอพูดสายกับ ฟ้าหญิง ทางนางสนองพระโอษฐ์ ก็สอบถามว่าใครจะพูดสาย ด้วย ก็มี เสียงตอบกลับมาว่า คนที่แบงค์ นางสนองพระโอฐก็ งง...งง ว่าคนที่แบงค์ ทำไมโทรมาแต่เช้า แบงค์ก็ยังไม่เปิดนี่หว่า แต่ พอฟ้าหญิงรับ โทรศัพท์แล้วถึงได้รู้ว่า คนที่แบงค์น่ะ ก็ที่แบงค์จริงๆนะ ไม่ เชื่อเปิดกระเป๋าตังค์ แล้วหยิบแบงค์มาดูสิ . ขนลุก เลย ( ทรงตรัสกับในหลวงท่านอยู่นั่น เอง) ---------- --------------------------- ------------------------ อีกครั้งหนึ่งที่ภาคอีสานเมื่อเสด็จขึ้นไปทรงเยี่ยมบนบ้าน ของราษฎรผู้หนึ่ง ที่คณะผู้ตามเสด็จทั้งหลายออกแปลกใจในการ กราบบังคมทูล ที่คล่องแคล่วและใช้ราชาศัพท์ได้อย่างน่า ฉงน เมื่อในหลวงมีพระราชปฏิสันถารถึงการใช้ราชา ศัพท์ได้ดีนี้ จึงมีคำกราบทูลว่า " ข้าพระพุทธเจ้าเป็นโต้โผ ลิเกเก่า บัดนี้มีอายุมากจึงเลิกรามาทำนาทำสวนพระ พุทธเจ้าข้า.." มาถึงตอนสำคัญที่ทรงพบนกในกรงที่เลี้ยงไว้ ที่ชานเรือน ก็ทรงตรัสถามว่า เป็นนกอะไรและมีกี่ ตัว. พ่อลิเกเก่ากราบบังคมทูลว่า " มีทั้งหมดสามตัว พระมเหสีมันบินหนีไป ทิ้งพระโอรสไว้สองตัว ตัวหนึ่งที่ยังเล็ก ตรัสอ้อแอ้อยู่เลย และทิ้งให้พระบิดาเลี้ยงดูแต่ผู้ เดียว " เรื่องนี้ ดร.สุเมธ เล่าว่าเป็นที่ต้องสะกด กลั้นหัวเราะกันทั้งคณะไม่ยกเว้นแม้ในหลวง ------------------------------------------------------- --- เมื่อครั้งท่านพระชนม์มายุ 72 พรรษา มีการผลิตเหรียญที่ระลึกออกมาหลาย รุ่น เจ้าของกิจการนาฬิกายี่ห้อหนึ่งได้ยื่น เรื่องขออนุญาต นำพระบรมฉายาลักษณ์ของท่านมาประดับที่หน้าปัดนาฬิกาเป็นรุ่นพิเศษ ท่านทราบเรื่องแล้วตรัสกับเจ้าหน้าที่ว่า " ไปบอกเค้านะเราไม่ใช่ มิกกี้เมาส์ " ---------- ----------------------------- เรื่องการใช้ราชาศัพท์กับ ในหลวง ดูจะเป็นเรื่องใหญ่ที่ใครต่อใครเกร็งกันทั้ง แผ่นดิน และไม่เว้นแม้กระทั่งข้าราชการชั้นผู้ใหญ่ ที่ได้เข้าเฝ้าทูลละอองธุลีพระบาทถวายรายงาน ครั้งหนึ่งเมื่อหลายปีก่อน มีข้าราชการระดับสูงผู้หนึ่งกราบบังคมทูลรายงาน ว่า "ขอเดชะ ฝ่าละอองธุลีพระบาทปกเกล้าปกกระหม่อม ข้าพระพุทธเจ้าพลตรีภูมิพลอดุลย เดช ขอพระราชทานพระบรมราชานุญาต กราบบังคมทูลรายงาน ฯลฯ" เมื่อสิ้นคำกราบบังคมทูลชื่อในหลวงทรงแย้ม พระสรวล อย่างมีพระอารมณ์ดีและไม่ถือสาว่า "เออ ดี เราชื่อเดียว กัน..." ข่าวว่าวันนั้นผู้เข้าเฝ้า ต้องซ่อนหัวเราะขำขันกันทั้งศาลาดุสิดาลัย เพราะผู้รายงาน ตื่นเต้นจนจำชื่อตนเองไม่ได้ --------------------------------------- มีอยู่ครั้ง หนึ่งทรงเสด็จไปพระราชทานปริญญาบัตร ให้กับนักศึกษา ของมหาวิทยาลัยแห่งหนึ่ง ในระหว่างที่ทรงเปลี่ยนใส่ครุย ทรงโปรดสูบมวน พระโอสถ แต่ว่าทรงหาที่จุดไม่ได้ ทางอธิการบดีซึ่งเฝ้าอยู่ก็จุดไฟให้พร้อมทูล ว่า " ถวายพระเพลิงพระเจ้า ข้า " ในหลวงทรงชะงัก ก่อนจะแย้มสรวลน้อยๆ กับ อธิการบดีว่า " เรายังไม่ตายถวายพระเพลิงไม่ได้ หรอก" ---------- ----------------------------- เคยมีเรื่องเล่าให้ฟัง ว่า ในหลวงเสด็จไปในถิ่นทุรกันดารเพื่อเยี่ยม เยียนราษฎร มีอยู่ครั้งหนึ่งพระองค์ท่านทรงแจกพระเครื่องให้กับราษฎรจนหมดแล้ว แต่ราษฎรผู้หนึ่งกราบบังคมทูลขอรับพระราชทานพระเครื่องว่า "ขอเดชะ ขอพระ หนึ่งองค์" ในหลวงทรงตรัสว่า "ขอเดชะ พระหมด แล้ว" ---------- ----------------------------- วันหนึ่งพระองค์ท่านเสด็จเยี่ยมเยียนพสกนิกรของท่านตาม ปกติที่ต่างจังหวัด ก็มีชาวบ้านมาต้อนรับในหลวงมาก มาย พระองค์ท่านเสด็จพระราชดำเนินมาตามลาดพระ บาท ที่แถวหน้าก็มีหญิงชราแก่คนหนึ่งได้ก้มลง กราบแทบพระบาท แล้วก็เอามือของแกมาจับ พระหัตถ์ของ ในหลวง แล้วก็พูดว่า ยายดีใจเหลือเกินที่ได้เจอ ในหลวง แล้วก็พูดว่า ยายอย่างโน้น ยายอย่าง นี้ อีกตั้งมากมายแต่ในหลวงก็ทรง เฉยๆ มิได้ตรัสรับสั่งตอบว่ากระไร แต่พวกข้าราชบริภารก็มองหน้ากันใหญ่ กลัวว่าพระองค์จะทรงพอ พระราชหฤหัย หรือไม่ แต่พอพวกเราได้ยินพระองค์รับสั่งตอบ ว่ากับหญิงชราคนนั้น ทำให้เราถึงกับกลั้นหัวเราะไว้ไม่ ไหว เพราะพระองค์ทรงตรัสว่า " เรียกว่ายายได้อย่างไร อายุอ่อน กว่าแม่ฉันตั้งเยอะ ต้องเรียกน้าซิถึงจะ ถูก" ---------- ---------------------------------------- ครั้งหนึ่ง หลายๆ ปีมา แล้ว พระเจ้าอยู่หัวทรงประชวรนิดหน่อยเกี่ยวกับ พระฉวีมีพระอาการคัน มีหมอโรคผิวหนังคณะหนึ่งไปเข้าเฝ้าฯ เพื่อถวายการรักษา คุณหมอเป็นผู้เชี่ยวชาญทางโรคผิวหนังแต่ไม่ได้เชี่ยวชาญทางราชา ศัพท์ ก็กราบบังคมทูลว่า "เอ้อ - ทรง...อ้า - ทร งพระคันมานานแล้วหรือยังพะยะ ค่ะ" พระเจ้าอยู่หัวก็ทรงพระสรวล ตรัส ว่า " ฉันไม่ใช่ผู้หญิง นี่จะท้องได้ยังไง" แล้วคงจะทรงพระกรุณาว่า หมอคงจะไม่รู้ราชาศัพท์ทางด้านอวัยวะร่างกาย จริงๆ ก็พระราชทานพระบรมราชานุญาตว่า เอ้าพูดภาษา อังกฤษกันเถอะ ---------- ----------------------------- เรื่องนี้รุ่นพี่ที่จุฬาฯเล่าให้ฟัง ว่า มีอยู่ปีนึงที่ ในหลวงทรงเสด็จพระราชทานปริญญาบัตร อธิการบดีอ่านรายชื่อ บัณฑิตแล้วบังเอิญว่า มีเหตุขัดข้องบางประการ ทำให้อ่านขาดตอน ก็ต้องรีบหาว่าอ่านรายชื่อไปถึงไหน แล้ว ปรากฏว่าในหลวงท่านทรงจำได้ ท่านเลยตรัสกับ อธิการไปว่า " เมื่อกี้นี้ (ชื่อ....) เค้ารับไป แล้ว" และมีอีกปีนึงขณะที่พระราชทานปริญญาบัตรอยู่ ดีๆ ไฟดับไปชั่วขณะ... ทำให้บัณฑิตคน หนึ่งพลาดโอกาสครั้งสำคัญในการถ่ายรูป พอในหลวงทรงพระราชทาน ปริญญาบัตรเรียบร้อยแล้ว ก่อนที่จะให้พระบรม ราโชวาท ท่านทรงให้อธิการบดีเรียกบัณฑิตคนนั้นมารับ พระราชทานอีกครั้ง เพื่อจะได้มีรูปไว้เป็น ที่ ระลึก ตื้นตันกันถ้วนทั่วทั้งหอ ประชุม ******** ถ้ารักท่านก็ส่งไปเรื่อยๆ นะ คนไทยทุกคนจะได้มีความสุขยิ่งๆ ขึ้น ทรงพระเจริญยิ่งยืนนาน ขอทรงพระเกษมสำราญ เป็นร่มโพธิ์ร่มไทรของชาวไทย

#เรื่องเล่าจากในวัง....

มีเรื่องที่จะเล่าให้ฟัง อยู่เหตุการณ์หนึ่งซึ่งเป็นเรื่องจริง
เหตุการณ์เกิดที่จังหวัดตาก เมื่อพระเทพทรงเสด็จไป เยี่ยมราษฎรตามที่ต่างๆ
ได้ ทรงเสด็จไปเยี่ยมประชาชนใน ตลาดสด และถามความเป็น อยู่กับบรรดาแม่ค้าในตลาด
แต่ก็มาถึงแม่ค้าปลา ซึ่งพระองค์ทรง ตรัสถามว่า "ปลาพวกนี้ขายอย่างไงจ๊ะ"
แม่ค้าตอบว่า "ที่ สวรรคตแล้ว กิโลละ 40 บาท
และที่เสด็จไปเสด็จมา กิโลละ 80 บาทจ๊ะ"
เหตุการณ์นี้ ทำให้ข้าราชบริพารที่ ตามเสด็จหัวเราะกันทุกคน
--------------------------------------------------------- -
เช้าวันหนึ่ง เวลาประมาณ 7 โมงเช้า นางสนองพระโอษฐ์
ของฟ้าหญิงองค์ เล็ก ได้รับโทรศัพท์เป็นเสียงผู้ชาย ขอพูดสายกับ ฟ้าหญิง
ทางนางสนองพระโอษฐ์ ก็สอบถามว่าใครจะพูดสาย ด้วย
ก็มี เสียงตอบกลับมาว่า คนที่แบงค์ นางสนองพระโอฐก็ งง...งง
ว่าคนที่แบงค์ ทำไมโทรมาแต่เช้า แบงค์ก็ยังไม่เปิดนี่หว่า
แต่ พอฟ้าหญิงรับ โทรศัพท์แล้วถึงได้รู้ว่า คนที่แบงค์น่ะ
ก็ที่แบงค์จริงๆนะ ไม่ เชื่อเปิดกระเป๋าตังค์ แล้วหยิบแบงค์มาดูสิ . ขนลุก เลย
( ทรงตรัสกับในหลวงท่านอยู่นั่น เอง)
---------- --------------------------- ------------------------
อีกครั้งหนึ่งที่ภาคอีสานเมื่อเสด็จขึ้นไปทรงเยี่ยมบนบ้าน ของราษฎรผู้หนึ่ง
ที่คณะผู้ตามเสด็จทั้งหลายออกแปลกใจในการ กราบบังคมทูล
ที่คล่องแคล่วและใช้ราชาศัพท์ได้อย่างน่า ฉงน
เมื่อในหลวงมีพระราชปฏิสันถารถึงการใช้ราชา ศัพท์ได้ดีนี้
จึงมีคำกราบทูลว่า " ข้าพระพุทธเจ้าเป็นโต้โผ ลิเกเก่า
บัดนี้มีอายุมากจึงเลิกรามาทำนาทำสวนพระ พุทธเจ้าข้า.."
มาถึงตอนสำคัญที่ทรงพบนกในกรงที่เลี้ยงไว้ ที่ชานเรือน
ก็ทรงตรัสถามว่า เป็นนกอะไรและมีกี่ ตัว.
พ่อลิเกเก่ากราบบังคมทูลว่า " มีทั้งหมดสามตัว พระมเหสีมันบินหนีไป
ทิ้งพระโอรสไว้สองตัว ตัวหนึ่งที่ยังเล็ก ตรัสอ้อแอ้อยู่เลย และทิ้งให้พระบิดาเลี้ยงดูแต่ผู้ เดียว "
เรื่องนี้ ดร.สุเมธ เล่าว่าเป็นที่ต้องสะกด กลั้นหัวเราะกันทั้งคณะไม่ยกเว้นแม้ในหลวง
------------------------------------------------------- ---

เมื่อครั้งท่านพระชนม์มายุ 72 พรรษา
มีการผลิตเหรียญที่ระลึกออกมาหลาย รุ่น
เจ้าของกิจการนาฬิกายี่ห้อหนึ่งได้ยื่น เรื่องขออนุญาต
นำพระบรมฉายาลักษณ์ของท่านมาประดับที่หน้าปัดนาฬิกาเป็นรุ่นพิเศษ
ท่านทราบเรื่องแล้วตรัสกับเจ้าหน้าที่ว่า
" ไปบอกเค้านะเราไม่ใช่ มิกกี้เมาส์ "
---------- -----------------------------
เรื่องการใช้ราชาศัพท์กับ ในหลวง ดูจะเป็นเรื่องใหญ่ที่ใครต่อใครเกร็งกันทั้ง แผ่นดิน
และไม่เว้นแม้กระทั่งข้าราชการชั้นผู้ใหญ่ ที่ได้เข้าเฝ้าทูลละอองธุลีพระบาทถวายรายงาน
ครั้งหนึ่งเมื่อหลายปีก่อน มีข้าราชการระดับสูงผู้หนึ่งกราบบังคมทูลรายงาน
ว่า "ขอเดชะ ฝ่าละอองธุลีพระบาทปกเกล้าปกกระหม่อม
ข้าพระพุทธเจ้าพลตรีภูมิพลอดุลย เดช
ขอพระราชทานพระบรมราชานุญาต
กราบบังคมทูลรายงาน ฯลฯ"

เมื่อสิ้นคำกราบบังคมทูลชื่อในหลวงทรงแย้ม พระสรวล
อย่างมีพระอารมณ์ดีและไม่ถือสาว่า
"เออ ดี เราชื่อเดียว กัน..."
ข่าวว่าวันนั้นผู้เข้าเฝ้า ต้องซ่อนหัวเราะขำขันกันทั้งศาลาดุสิดาลัย
เพราะผู้รายงาน ตื่นเต้นจนจำชื่อตนเองไม่ได้
---------------------------------------
มีอยู่ครั้ง หนึ่งทรงเสด็จไปพระราชทานปริญญาบัตร
ให้กับนักศึกษา ของมหาวิทยาลัยแห่งหนึ่ง
ในระหว่างที่ทรงเปลี่ยนใส่ครุย ทรงโปรดสูบมวน พระโอสถ
แต่ว่าทรงหาที่จุดไม่ได้
ทางอธิการบดีซึ่งเฝ้าอยู่ก็จุดไฟให้พร้อมทูล ว่า
" ถวายพระเพลิงพระเจ้า ข้า "
ในหลวงทรงชะงัก ก่อนจะแย้มสรวลน้อยๆ กับ อธิการบดีว่า
" เรายังไม่ตายถวายพระเพลิงไม่ได้ หรอก"
---------- -----------------------------

เคยมีเรื่องเล่าให้ฟัง ว่า
ในหลวงเสด็จไปในถิ่นทุรกันดารเพื่อเยี่ยม เยียนราษฎร
มีอยู่ครั้งหนึ่งพระองค์ท่านทรงแจกพระเครื่องให้กับราษฎรจนหมดแล้ว
แต่ราษฎรผู้หนึ่งกราบบังคมทูลขอรับพระราชทานพระเครื่องว่า
"ขอเดชะ ขอพระ หนึ่งองค์"
ในหลวงทรงตรัสว่า "ขอเดชะ พระหมด แล้ว"
---------- -----------------------------
วันหนึ่งพระองค์ท่านเสด็จเยี่ยมเยียนพสกนิกรของท่านตาม ปกติที่ต่างจังหวัด
ก็มีชาวบ้านมาต้อนรับในหลวงมาก มาย
พระองค์ท่านเสด็จพระราชดำเนินมาตามลาดพระ บาท
ที่แถวหน้าก็มีหญิงชราแก่คนหนึ่งได้ก้มลง กราบแทบพระบาท
แล้วก็เอามือของแกมาจับ พระหัตถ์ของ ในหลวง
แล้วก็พูดว่า ยายดีใจเหลือเกินที่ได้เจอ ในหลวง
แล้วก็พูดว่า ยายอย่างโน้น ยายอย่าง นี้
อีกตั้งมากมายแต่ในหลวงก็ทรง เฉยๆ
มิได้ตรัสรับสั่งตอบว่ากระไร
แต่พวกข้าราชบริภารก็มองหน้ากันใหญ่
กลัวว่าพระองค์จะทรงพอ พระราชหฤหัย หรือไม่
แต่พอพวกเราได้ยินพระองค์รับสั่งตอบ ว่ากับหญิงชราคนนั้น
ทำให้เราถึงกับกลั้นหัวเราะไว้ไม่ ไหว เพราะพระองค์ทรงตรัสว่า
" เรียกว่ายายได้อย่างไร อายุอ่อน กว่าแม่ฉันตั้งเยอะ ต้องเรียกน้าซิถึงจะ ถูก"
---------- ----------------------------------------
ครั้งหนึ่ง หลายๆ ปีมา แล้ว
พระเจ้าอยู่หัวทรงประชวรนิดหน่อยเกี่ยวกับ พระฉวีมีพระอาการคัน
มีหมอโรคผิวหนังคณะหนึ่งไปเข้าเฝ้าฯ เพื่อถวายการรักษา
คุณหมอเป็นผู้เชี่ยวชาญทางโรคผิวหนังแต่ไม่ได้เชี่ยวชาญทางราชา ศัพท์
ก็กราบบังคมทูลว่า "เอ้อ - ทรง...อ้า - ทร งพระคันมานานแล้วหรือยังพะยะ ค่ะ"
พระเจ้าอยู่หัวก็ทรงพระสรวล ตรัส ว่า " ฉันไม่ใช่ผู้หญิง นี่จะท้องได้ยังไง"
แล้วคงจะทรงพระกรุณาว่า หมอคงจะไม่รู้ราชาศัพท์ทางด้านอวัยวะร่างกาย จริงๆ
ก็พระราชทานพระบรมราชานุญาตว่า เอ้าพูดภาษา อังกฤษกันเถอะ
---------- -----------------------------

เรื่องนี้รุ่นพี่ที่จุฬาฯเล่าให้ฟัง ว่า มีอยู่ปีนึงที่ ในหลวงทรงเสด็จพระราชทานปริญญาบัตร อธิการบดีอ่านรายชื่อ บัณฑิตแล้วบังเอิญว่า มีเหตุขัดข้องบางประการ ทำให้อ่านขาดตอน
ก็ต้องรีบหาว่าอ่านรายชื่อไปถึงไหน แล้ว
ปรากฏว่าในหลวงท่านทรงจำได้ ท่านเลยตรัสกับ อธิการไปว่า
" เมื่อกี้นี้ (ชื่อ....) เค้ารับไป แล้ว"

และมีอีกปีนึงขณะที่พระราชทานปริญญาบัตรอยู่ ดีๆ ไฟดับไปชั่วขณะ...
ทำให้บัณฑิตคน หนึ่งพลาดโอกาสครั้งสำคัญในการถ่ายรูป
พอในหลวงทรงพระราชทาน ปริญญาบัตรเรียบร้อยแล้ว
ก่อนที่จะให้พระบรม ราโชวาท
ท่านทรงให้อธิการบดีเรียกบัณฑิตคนนั้นมารับ พระราชทานอีกครั้ง
เพื่อจะได้มีรูปไว้เป็น ที่ ระลึก
ตื้นตันกันถ้วนทั่วทั้งหอ ประชุม

********

ถ้ารักท่านก็ส่งไปเรื่อยๆ นะ คนไทยทุกคนจะได้มีความสุขยิ่งๆ ขึ้น

ทรงพระเจริญยิ่งยืนนาน ขอทรงพระเกษมสำราญ เป็นร่มโพธิ์ร่มไทรของชาวไทย

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น