วันอาทิตย์ที่ 30 ตุลาคม พ.ศ. 2559

บทลงโทษด้วยความรัก วันหนึ่งเมื่อยังเด็ก แอนดี้น้องชายของฉันนั่งอยู่ที่มุมห้องนั่งเล่น ในมือข้างหนึ่งมีปากกาหนึ่งด้าม ขณะที่ในมืออีกข้างหนึ่งก็ถือ หนังสือสะสมราคาแพงของพ่อ แอนดี้คงจะปีนขึ้นไปหยิบจาก บนชั้นหนังสือ เมื่อพ่อเดินเข้ามาในห้อง แอนดี้ก็ก้มหน้างุด และ ทำท่ากระสับกระส่าย เขารู้ตัวดีเชียวละว่ากำลังทำผิด แม้จาก ระยะไกล ฉันก็เห็นรอยขีดเขียนเปรอะไปทั่วบนหน้าหนังสือของ พ่อ และตอนนี้แอนดี้ก็กำลังจ้องมองพ่อ ตาโตด้วยความหวาด หวั่น รอคอยที่จะถูกทำโทษ พ่อหยิบหนังสือขึ้นมามอง แล้วก็ ทรุดตัวลงนั่งบนเก้าอี้โดยไม่พูดอะไรสักคำ หนังสือทุกเล่มมีความหมายต่อพ่อมาก หนังสือคือความรู้ และ หนังสือเล่มนี้ก็เป็นหนังสือสะสมราคาแพง แต่ในขณะเดียวกัน ท่านก็เป็นพ่อที่รักลูกมาก สิ่งที่พ่อทำในอีกไม่กี่นาทีข้างหน้านั้น ยอดเยี่ยมมาก แทนที่ท่านจะลงโทษหรือดุแอนดี้ หรือแม้แต่ตำ หนิความซุกซน พ่อกลับนั่งลงหยิบปากกาในมือแอนดี้ขึ้นมาถือ ไว้ แล้วก็เขียนอะไรบางอย่างลงในหน้าหนังสือสะสมราคาแพง นั่นเสียเอง ... พ่อเขียนที่ข้างๆ ลายเส้นที่แอนดี้ขีดว่า " ภาษาของแอนดี้ เมื่ออายุสองขวบ " ต่อไปนี้ ไม่ว่าครั้งไหนที่พ่อหยิบหนังสือเล่มนี้ขึ้นมาเปิด พ่อก็จะ เห็นใบหน้าน้อยๆ ที่น่ารัก และดวงตาที่สดใสของลูก และจะขอบ คุณพระเจ้า ที่ประทานเด็กน้อยคนนี้ มาให้ขีดเขียนบนหนังสือ แสนหวงของพ่อ ลูกทำให้หนังสือเล่มนี้ของพ่อ มีความหมาย เหมือนกับที่พี่ๆของลูกนำความหมายมาสู่ชีวิตของพ่อเหมือนกัน ว้าว !... ฉันคิด นี่หรือคือการลงโทษของพ่อ ? นานๆ ครั้งฉันก็จะ หยิบหนังสือที่สะสมไว้ มาให้ลูกหลานของฉันขีดเขียนเล่น ทุก ครั้งที่มองดูลายมือหยุกหยิกเหล่านั้น ฉันก็จะนึกถึงสิ่งที่พ่อทำใน วันนั้น พ่อได้สอนให้ฉันรู้ว่า อะไรกันแน่ที่มีค่าต่อชีวิตของเรา อย่างแท้จริง ซึ่งนั่นก็คือ คนที่เรารัก ไม่ใช่วัตถุสิ่งของ ลองมองย้อนดูตัวคุณเอง ในแต่ละวันเกิดเหตุการณ์แบบนี้ขึ้นได้ อยู่เสมอ เช่น คุณนั่งกินข้าวกับภรรยาอยู่ที่ร้านอาหาร เธอหวังดี อยากจะเทซอสให้คุณ แต่มันกลับหกไปเลอะเสื้อตัวเก่งของคุณ และคุณก็ทำสีหน้าตำหนิเธอและคำพูดที่บอกว่า " เดี๋ยวผมเทเองก็ได้ " นอกจากคำขอโทษที่เธอพร่ำบอก น้ำตาใสๆ ก็เริ่มเอ่อขึ้นในใจ เช่นเดียวกัน และอาหารมื้อนั้น ไม่มีรสชาติสำหรับเธอเสียแล้ว แต่ถ้าคุณบอกกับเธอว่า " ถ้าซักไม่ออกก็ไม่เป็นไรหรอก เมื่อผมหยิบเสื้อขึ้นมาใช้ครั้งใด ผมจะหวนนึกถึงร้านอาหารนี้ทุกครั้งไป ที่ได้มีโอกาสมาทานข้าว กับคุณ และจะได้คิดถึงทุกครั้งว่า ภรรยารักและเอาใจใส่ผมมาก เท่าใด อยากปรนนิบัติเอาใจ (จนเทซอสหกใส่ผม ) แต่ว่าคราว หน้าออกมาทานข้าว ผมจะเป็นคนเทซอสให้คุณมั้งล่ะ ( ทีนี้ตา ผมมั่ง ) " ... รอยยิ้มจากหัวใจของเธอได้เริ่มโบยบิน แค่นี้คุณก็ลงโทษเธอให้ ระวังมากขึ้นแล้ว สิ่งที่มีค่าต่อชีวิตคนเรานั้นไม่ใช่นาฬิกาเรือนละแสน หรือเนคไท เส้นละหลายๆ พัน แต่เป็นความอบอุ่นในหัวใจที่คุณรู้ว่ามีใครคน หนึ่งเฝ้ารัก เฝ้าถนอม เฝ้าห่วงใย และคอยแคร์ความรู้สึกคุณอยู่ ตลอดเวลาต่างหาก แล้วคุณล่ะ เคยลงโทษใครด้วยความรัก หรือเปล่า ? ขอมอบบทความนี้ให้กับผู้มีหัวใจที่เต็มเปี่ยมด้วย "ความรัก" ทุก ท่าน และอย่าพยายามทำร้ายหัวใจใครอีกเลย ไม่ว่าจะด้วยเจต นาหรือไม่ก็ตาม ขอขอบคุณเภสัชกรศรัญญา บทความคุณภาพจากเพจ #เรื่องดีๆมีข้อคิด #เห็ดหลินจือ #Health_and_Wealth_Coffee #โลกสวย #ขำขันมันส์ฮา #สูตรเด็ด_เคล็ดอร่อย

บทลงโทษด้วยความรัก

วันหนึ่งเมื่อยังเด็ก  แอนดี้น้องชายของฉันนั่งอยู่ที่มุมห้องนั่งเล่น
ในมือข้างหนึ่งมีปากกาหนึ่งด้าม     ขณะที่ในมืออีกข้างหนึ่งก็ถือ
หนังสือสะสมราคาแพงของพ่อ     แอนดี้คงจะปีนขึ้นไปหยิบจาก
บนชั้นหนังสือ เมื่อพ่อเดินเข้ามาในห้อง แอนดี้ก็ก้มหน้างุด  และ
ทำท่ากระสับกระส่าย   เขารู้ตัวดีเชียวละว่ากำลังทำผิด    แม้จาก
ระยะไกล  ฉันก็เห็นรอยขีดเขียนเปรอะไปทั่วบนหน้าหนังสือของ
พ่อ   และตอนนี้แอนดี้ก็กำลังจ้องมองพ่อ   ตาโตด้วยความหวาด
หวั่น   รอคอยที่จะถูกทำโทษ   พ่อหยิบหนังสือขึ้นมามอง  แล้วก็
ทรุดตัวลงนั่งบนเก้าอี้โดยไม่พูดอะไรสักคำ

หนังสือทุกเล่มมีความหมายต่อพ่อมาก   หนังสือคือความรู้ และ
หนังสือเล่มนี้ก็เป็นหนังสือสะสมราคาแพง    แต่ในขณะเดียวกัน
ท่านก็เป็นพ่อที่รักลูกมาก สิ่งที่พ่อทำในอีกไม่กี่นาทีข้างหน้านั้น
ยอดเยี่ยมมาก  แทนที่ท่านจะลงโทษหรือดุแอนดี้ หรือแม้แต่ตำ
หนิความซุกซน  พ่อกลับนั่งลงหยิบปากกาในมือแอนดี้ขึ้นมาถือ
ไว้  แล้วก็เขียนอะไรบางอย่างลงในหน้าหนังสือสะสมราคาแพง
นั่นเสียเอง ... พ่อเขียนที่ข้างๆ ลายเส้นที่แอนดี้ขีดว่า
" ภาษาของแอนดี้  เมื่ออายุสองขวบ "

ต่อไปนี้  ไม่ว่าครั้งไหนที่พ่อหยิบหนังสือเล่มนี้ขึ้นมาเปิด พ่อก็จะ
เห็นใบหน้าน้อยๆ ที่น่ารัก และดวงตาที่สดใสของลูก และจะขอบ
คุณพระเจ้า   ที่ประทานเด็กน้อยคนนี้   มาให้ขีดเขียนบนหนังสือ
แสนหวงของพ่อ    ลูกทำให้หนังสือเล่มนี้ของพ่อ  มีความหมาย
เหมือนกับที่พี่ๆของลูกนำความหมายมาสู่ชีวิตของพ่อเหมือนกัน

ว้าว !... ฉันคิด นี่หรือคือการลงโทษของพ่อ ? นานๆ ครั้งฉันก็จะ
หยิบหนังสือที่สะสมไว้  มาให้ลูกหลานของฉันขีดเขียนเล่น   ทุก
ครั้งที่มองดูลายมือหยุกหยิกเหล่านั้น ฉันก็จะนึกถึงสิ่งที่พ่อทำใน
วันนั้น    พ่อได้สอนให้ฉันรู้ว่า   อะไรกันแน่ที่มีค่าต่อชีวิตของเรา
อย่างแท้จริง ซึ่งนั่นก็คือ คนที่เรารัก ไม่ใช่วัตถุสิ่งของ

ลองมองย้อนดูตัวคุณเอง  ในแต่ละวันเกิดเหตุการณ์แบบนี้ขึ้นได้
อยู่เสมอ  เช่น คุณนั่งกินข้าวกับภรรยาอยู่ที่ร้านอาหาร เธอหวังดี
อยากจะเทซอสให้คุณ  แต่มันกลับหกไปเลอะเสื้อตัวเก่งของคุณ
และคุณก็ทำสีหน้าตำหนิเธอและคำพูดที่บอกว่า
" เดี๋ยวผมเทเองก็ได้ "
นอกจากคำขอโทษที่เธอพร่ำบอก   น้ำตาใสๆ ก็เริ่มเอ่อขึ้นในใจ
เช่นเดียวกัน  และอาหารมื้อนั้น ไม่มีรสชาติสำหรับเธอเสียแล้ว

แต่ถ้าคุณบอกกับเธอว่า
" ถ้าซักไม่ออกก็ไม่เป็นไรหรอก  เมื่อผมหยิบเสื้อขึ้นมาใช้ครั้งใด 
ผมจะหวนนึกถึงร้านอาหารนี้ทุกครั้งไป ที่ได้มีโอกาสมาทานข้าว
กับคุณ  และจะได้คิดถึงทุกครั้งว่า ภรรยารักและเอาใจใส่ผมมาก
เท่าใด  อยากปรนนิบัติเอาใจ  (จนเทซอสหกใส่ผม )  แต่ว่าคราว
หน้าออกมาทานข้าว    ผมจะเป็นคนเทซอสให้คุณมั้งล่ะ ( ทีนี้ตา
ผมมั่ง ) " ...
รอยยิ้มจากหัวใจของเธอได้เริ่มโบยบิน แค่นี้คุณก็ลงโทษเธอให้
ระวังมากขึ้นแล้ว

สิ่งที่มีค่าต่อชีวิตคนเรานั้นไม่ใช่นาฬิกาเรือนละแสน หรือเนคไท
เส้นละหลายๆ พัน แต่เป็นความอบอุ่นในหัวใจที่คุณรู้ว่ามีใครคน
หนึ่งเฝ้ารัก เฝ้าถนอม เฝ้าห่วงใย  และคอยแคร์ความรู้สึกคุณอยู่
ตลอดเวลาต่างหาก   แล้วคุณล่ะ    เคยลงโทษใครด้วยความรัก
หรือเปล่า ?

ขอมอบบทความนี้ให้กับผู้มีหัวใจที่เต็มเปี่ยมด้วย "ความรัก" ทุก
ท่าน  และอย่าพยายามทำร้ายหัวใจใครอีกเลย ไม่ว่าจะด้วยเจต
นาหรือไม่ก็ตาม

ขอขอบคุณเภสัชกรศรัญญา
บทความคุณภาพจากเพจ #เรื่องดีๆมีข้อคิด

#เห็ดหลินจือ
#Health_and_Wealth_Coffee
#โลกสวย
#ขำขันมันส์ฮา
#สูตรเด็ด_เคล็ดอร่อย

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น