คนโง่ vs คนฉลาด
เคยได้ยินชื่อ ดร.วรภัทร ภู่เจริญ ไหมครับ ? เขาเคยเป็นวิศวกรของ
องค์การอวกาศนาซา ประเทศสหรัฐอเมริกา เมื่อเกือบ 20 ปีก่อน
เคยได้รับรางวัลงานวิจัยที่ดีที่สุดระดับโลก เกี่ยวกับเครื่องยนต์ไอ
พ่น แต่ตัดสินใจกลับเมืองไทยเพราะ
1. อยากดูแลพ่อแม่
2. ไม่อยากเป็นพลเมืองชั้นสองในบ้านพักคนชรา
3. อยากเที่ยว และ
4. ชอบกินอาหารอร่อย
เคยเป็นอาจารย์คณะวิศวกรรมศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
ก่อนจะออกมาตั้งบริษัทที่ปรึกษาของตัวเอง ผมประทับใจบทสัม
ภาษณ์ของ ดร.วรภัทรใน " เสาร์สวัสดี " ของ " กรุงเทพธุรกิจ "คน
อะไรก็ไม่รู้ ชีวิตมันส์เป็นบ้า ความคิดก็กวนเหลือหลาย
ตอนที่เขาเป็นอาจารย์วิธีการสอนหนังสือของเขาแปลกกว่าคนอื่น
" ผมออกนอกกรอบตลอดเวลา "
เขาบอก เขาเคยพาเด็กวิศวะไปที่ริมสระว่ายน้ำเรียนไป และดูนิสิต
สาว ๆ ว่ายน้ำไปด้วย คาดว่าคงไปเรียนเรื่อง " คลื่น " ระหว่างท่า
ฟรีสไตล์ กับท่าผีเสื้อ คลื่นที่เกิดขึ้นของท่าไหนถี่กว่ากัน ระหว่าง
ชุดทูพีซ กับวันพีซ แรงเสียดทานของน้ำ ชุดไหนจะมากกว่ากัน ...
แนวการศึกษา จะออกไปในทำนองนี้ แต่ที่ชอบที่สุดคือ ตอนที่เขา
ออกข้อสอบ ข้อสอบของเขาสั้นและกระชับมาก ...
" จงออกข้อสอบเอง พร้อมเฉลย "
โห ! ... เด็กวิดวะอึ้งกันทั้งห้อง คำตอบส่วนใหญ่เป็นการตั้งโจทย์
แบบง่ายๆ เช่น ปั้นจั่นมีกี่ชนิด ผลปรากฏว่า ได้ศูนย์กันทั้งห้อง
เพราะเป็นคำตอบที่ไม่ได้แสดงความคิดที่ลึกซึ้ง สมกับที่เรียนมา
ทั้งเทอม เหตุผลที่ ดร.วรภัทร ออกข้อสอบด้วยการให้นิสิตออก
ข้อสอบเอง เป็นเหตุผลที่ตรงกับใจผมมาก
" ชีวิตคนเรา จะรอให้อาจารย์ตั้งโจทย์อย่างเดียวไม่ได้ ต้องหา
โจทย์มาเอง คิดแล้วทำ ถ้าผิดแล้วอาจารย์จะปรับให้ "
เขามองว่าเด็กรุ่นใหม่ติดนิสัยเด็กกวดวิชา รอคนคาบทุกอย่างมา
ป้อนให้ ไม่รู้จักคิดเอง "
"ถ้ารอ และตั้งรับ คุณก็เป็นพวกอีแร้ง แต่พวกคุณแย่กว่าเพราะเป็น
แค่ลูกอีแร้ง คือรออาหารที่คนอื่นป้อนให้ "
โหย ... เจ็บ
ผมเชื่อมานานแล้วว่าชีวิตของคนเราเป็นข้อสอบอัตนัย ที่ต้องตั้ง
โจทย์เองและตอบเอง ไม่ใช่ข้อสอบปรนัยที่มีคนตั้งโจทย์และมีคำ
ตอบเป็นทางเลือก ก-ข-ค-ง ถ้าใครที่คุ้นกับ" ชีวิตปรนัย " ที่มีคนตั้ง
โจทย์ให้ และเสนอทางเลือก 1-2-3-4 คนคนนั้นชีวิตจะไม่ก้าวหน้า
เพราะต้องพึ่งพาคนอื่นตลอดเวลา ติดกับ " กรอบ " ที่คนอื่นสร้าง
ให้ ไม่เหมือนกับคนที่รู้จักคิดและตั้งคำถามเอง เรื่องการตั้งคำถาม
กับชีวิตเป็นเรื่องสำคัญมาก อย่าลืมว่าเพราะมี "คำถาม " จึงมี " คำ
ตอบ " เมื่อมี " คำตอบ " เราจึงเลือกเดิน
พูดถึงเรื่องการตั้งคำถามผมนึกถึงโสเครติส เขาเป็นนักปรัชญาเอก
ของโลก ที่สอนลูกศิษย์ด้วยการสนทนา ตั้งคำถามให้ลูกศิษย์ตอบ
สร้างองค์ความรู้จาก " คำถาม " กลยุทธ์ของโสเครติสในการสอน
คือไม่ให้ความเห็นใดๆ แก่นักเรียน และทำลายความมั่นใจของนัก
เรียนที่เชื่อว่าตนเองรู้ โสเครติสเชื่อว่า เมื่อเด็กตระหนักใน " ความ
ไม่รู้ " ของตนเองเขาจะเริ่มต้นแสวงหา" ความรู้ " แต่ถ้าเด็กยังเชื่อ
มั่นว่าตนเองมี " ความรู้ " เขาก็จะไม่แสวงหา " ความรู้ "
การตั้งคำถามของโสเครติสจึงมีเป้าหมายโจมตี และทำลายความ
เชื่อมั่นในภูมิความรู้ของนักเรียน เป็นกลยุทธ์เท " น้ำ " ให้หมดจาก
แก้ว เมื่อแก้วไม่มีน้ำแล้วจึงเริ่มให้เขาเท " น้ำ " ใหม่ใส่แก้วด้วยมือ
ของเขาเอง
"น้ำ" ที่ลูกศิษย์แต่ละคนเทลงแก้วด้วยมือตัวเอง มาจาก" คำตอบ "
ที่เขาค้นคิดขึ้นมาเอง " คำตอบ " จาก " คำถาม " ของโสเครติส
โสเครติสนิยามความหมายของคำว่า "คนฉลาด " และ "คนโง่" ได้
อย่างน่าสนใจ
" คนฉลาด " ในมุมมองของโสเครติสนั้น ไม่ใช่คนที่รู้ทุกเรื่อง แต่
" คนฉลาด " คือคนที่รู้ว่าตัวเองไม่รู้
ส่วน " คนโง่ " นั้น คือคนที่ไม่รู้ว่าตัวเองไม่รู้แต่ทำตัวราวกับเป็นผู้รู้
ไม่น่าเชื่อว่า ก่อนหน้านี้ผมยังมีความภาคภูมิใจใน " ความรู้ " ของ
ตนเอง แต่พออ่านถึงบรรทัดนี้ ทำไมผมเริ่มรู้สึกว่าตัวเองไม่รู้อะไร
เลย .....
ขอขอบคุณนายสัตวแพทย์ สากล
บทความคุณภาพจากเพจ #เรื่องดีๆมีข้อคิด
ภาพ : http://www.secret-thai.com/video/7-days-guru/5794/7guru-ajworapat/
#เห็ดหลินจือ
#Health_and_Wealth_Coffee
#โลกสวย
#ขำขันมันส์ฮา
#สูตรเด็ด_เคล็ดอร่อย
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น