1 เดือนแล้วสินะ..
กับการสูญเสียครั้งยิ่งใหญ่ที่สุดในชีวิตของ "คนไทย" คนหนึ่ง ผมเอง ถึงแม้ว่าก่อนหน้านี้จะไม่เคยมีโอกาสได้สัมผัสกับพระองค์ท่าน แต่สามารถรับรู้ได้อยู่เสมอว่า พระองค์ทรงรักประชาชนมากแค่ไหน ทรงทำอะไรบ้างเพื่อให้ประเทศไทย เป็นประเทศไทยอยู่ได้จนถึงทุกวันนี้ นี่คือ การสูญเสียที่จะยังคง
ความโศกเศร้าอยู่กับเราไปอีกนานแสนนาน
แต่ในอีกด้านหนึ่ง ผมกลับพบว่าตนเองได้รับความรู้สึกบางอย่างที่ต่างออกไป ตลอด 30 ปีในชีวิตของผม ผมรู้สึกว่านี่เป็นช่วงเวลาที่ผมเห็นพระองค์ท่านชัดเจนที่สุดและได้อยู่ใกล้ชิดพระองค์ท่านมากที่สุด ด้วยเพราะรับข่าวสารจำนวนมากในช่วงนี้ ทำให้ผมฝันเห็นพระองค์ท่านหลายครั้ง
พระองค์ท่านในเวลานี้ เปล่งประกาย สว่างไสวกว่าที่ผมเคยได้เห็นมาทั้งหมด
ทุกวันนี้
ผมได้มีโอกาสสัมผัสพระองค์ท่านแทบทุกที่ที่ผมไป รู้สึกเหมือนมีพ่อเฝ้ามองดูลูกอยู่ไม่ห่าง
ผมได้มีโอกาสเห็นพระจริยวัตรอันงดงามตั้งแต่ยังทรงพระเยาว์ มีเรื่องให้ประทับใจทุกวัน เป็นแบบอย่างให้เดินตาม
ผมได้ดูรูปที่ไม่เคยเห็นมาก่อน บางรูปก็ทำให้แอบยิ้มได้ แชร์เก็บไว้ทั้งหมด
ได้ฟังคำสอนของพระองค์ท่าน วันละเรื่องสองเรื่อง เอาไว้เตือนตัวเอง เอาไว้ปฏิบัติตาม ไม่ต้องไปหาอ่านหนังสือที่ไหน เรียนรู้จากในหลวงเนี่ยแหละ
ได้ฟังเพลงของพระองค์ท่านทุกวันจากทุกที่ นี่ร้องได้อีกหลายเพลงเลย เดินไปไหนก็ฮัมดนตรีเพลง H.M Blues ไปตลอด
ได้เรียนรู้พระราชกรณียกิจจำนวนมากเกินจะนับไหว ยิ่งรู้ ยิ่งซาบซึ้ง ปนประหลาดใจว่าทำไม พระองค์ท่านจึงสามารถทำได้มากมายขนาดนี้
และที่สำคัญที่สุด
ได้ตระหนักชัดแจ้งว่า ไม่เฉพาะในประเทศไทยเท่านั้น แต่เป็นทั่วโลกที่รับรู้ถึงสิ่งที่พระองค์ท่านทรงทำมาตลอด หลายประเทศร่วมแซ่ซ้องสรรเสริญ หลายประเทศน้อมนำพระราชดำรัสไปใช้พัฒนาประเทศ หรือแม้กระทั่งหน่วยงานสากล เช่น UN ก็ยังให้การยกย่องในหลวงของเราอย่างสูงสุด
คำพูดที่หลายคนใช้ปลอบใจกันว่า แท้จริงนั้น พระองค์ไม่ได้ไปไหน จิตวิญญาน ความรัก และทุกสิ่งที่พระองค์ท่านสร้างไว้ยังคงอยู่กับเราเสมอ เห็นจะเป็นความจริง
สิ่งที่พระองค์ท่านทำไว้ สว่างสดใส ให้เราได้คลายความเศร้ากันบ้าง
เราทุกคนต้องก้าวต่อไป เพราะพระองค์ท่านมีพระกระแสรับสั่งไว้ชัดเจนว่า "งานยังไม่เสร็จ" เราทุกคนต้องทำต่อ ต้องเข้าใจสิ่งที่พระองค์ท่านคิด สิ่งที่พระองค์ท่านทำ เพื่อจะได้รู้ว่าควรจะต้องต่อยอดตรงไหน ให้บรรลุตามเป้าหมายที่พระองค์ท่านหวังไว้
ซึ่งเมื่อบรรลุได้ คนที่จะมีความสุขก็คือ ตัวเรานั่นเอง และพระองค์ก็จะมีความสุขเช่นกัน ผมมั่นใจ
สำหรับตัวเอง ไม่ว่าจะไปพูดที่ไหน ตอนนี้ก็จะน้อมนำเอาหลักแห่งปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงไปเผยแพร่ทุกครั้ง ถึงแม้ว่าจะยังเข้าใจได้เพียงเศษเสี้ยวเมื่อเทียบกับพระอัจฉริยภาพของพระองค์ท่าน แต่ก็ภูมิใจที่ได้เป็นฟันเฟืองเล็กๆ ในการสานต่องานของพระองค์ท่าน
รู้สึกได้ทุกครั้งว่าพระองค์ท่านเฝ้ามองอยู่ รู้สึกมั่นใจ อุ่นใจและปลอดภัย
ไม่ว่าทางข้างหน้าจะเป็นอย่างไร จะมี"ในหลวงอยู่ในใจ"เสมอ
ภูมิใจสูงสุดในชีวิต
ที่ได้เกิดและเติบโตในรัชสมัยรัชกาลที่ 9
ปิยะชาติ อิศรภักดี
ประชาชนในพระบาทสมเด็จพระปรมินทรภูมิพลอดุลยเดช
Credit Pic : สำนักข่าวเจ้าพระยา
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น