วันพุธที่ 30 พฤศจิกายน พ.ศ. 2559

เหนื่อย..ให้รู้จักเวลาพัก หนัก..ให้รู้จักวิธีวาง วุ่นแล้ว..ให้รู้จักปล่อยวางทำให้ว่าง ทุกอย่าง..มีทางออกเสมอ ภาพโครงการปฏิบัติธรรม ผ่อนพักตระหนักรู้ ( ๒ ) บุคลากรบริษัท อีซี่ บาย จำกัด (มหาชน) ณ วัดมกุฏคีรีวีน เขาใหญ่ อ.ปากช่อง จ.นครราชสีมา Photo by. #ชีวิตต้องเรียนรู้

เหนื่อย..ให้รู้จักเวลาพัก
หนัก..ให้รู้จักวิธีวาง
วุ่นแล้ว..ให้รู้จักปล่อยวางทำให้ว่าง
ทุกอย่าง..มีทางออกเสมอ

ภาพโครงการปฏิบัติธรรม
ผ่อนพักตระหนักรู้ ( ๒ )
บุคลากรบริษัท อีซี่ บาย จำกัด (มหาชน)
ณ วัดมกุฏคีรีวีน เขาใหญ่
อ.ปากช่อง จ.นครราชสีมา

Photo by. #ชีวิตต้องเรียนรู้

ก้อต้องอ่านเองครับถึงจะรู้ความหมาย บันทึกจากพ่อถึงลูกที่รัก...!!! ลูกรัก..ที่พ่อเขียนบันทึกช่วยจำฉบับนี้ให้ลูก มีเหตุผลอยู่ 3 ประการ คือ 1. สรรพสิ่งล้วนอนิจจัง จะมีชีวิตอยู่ได้อีกนานเท่าใดไม่มีใครบอกได้ พ่อจึงคิดว่าบางเรื่องพ่อน่าจะสั่งเสียไว้ แต่เนิ่น ๆ ย่อมจะดีกว่า 2. เพราะพ่อเป็นพ่อของลูก ถ้าพ่อไม่บอกลูก ไม่มีใครหรอกที่เขาจะบอกลูกแบบที่พ่อบอก 3. สิ่งที่พ่อบันทึกไว้นี้ ล้วนเป็นประสบการณ์อันแสนเจ็บปวด ที่พ่อได้เรียนรู้มา มันจะทำให้ลูก ไม่ต้องเสียเวลาไปเรียนรู้มันอีกในชีวิต ของลูก ขอให้จำสิ่งต่าง ๆ เหล่านี้ไว้ให้ดี (1) คนที่ไม่ดีต่อเรา ไม่ต้องไปใส่ใจนัก ในชีวิตคนเราไม่มีใครมีหน้าที่ที่จะต้องมา ดีต่อเรา ยกเว้นพ่อกับแม่ของลูก สำหรับคนที่ดีกับลูก นอกจากลูกต้องหวงแหน และขอบคุณเขาแล้ว ยังต้องคอยระวังตัวไว้ด้วย เพราะคนเราทุกคนทำอะไรย่อมมีจุดประสงค์ เขาทำดีกับลูกใช่ว่าเขาจะทำเพราะชอบลูก เสมอไป ลูกต้องตระหนักจุดนี้ให้ดี อย่าเพิ่งรับเขาเป็นเพื่อนเร็วเกินไป (2) ไม่มีคนที่ทดแทนกันไม่ได้ และไม่มีสิ่งใดที่ต้องมีให้ได้ ถ้าเข้าใจจุดนี้ หากวันใดคนข้างกายของลูกไม่ต้องการลูกอีกต่อไป หรือวันใดที่ลูกต้องเสียสิ่งที่รักที่สุดไป ลูกจะได้เข้าใจว่า นี่ไม่ใช่เรื่องคอขาดบาดตายอะไรเลย (3) ชีวิตนี้แสนสั้น หากลูกยังใช้ชีวิตอย่างไม่เห็นคุณค่า พรุ่งนี้ลูกจะพบว่าชีวิตจะหลุดลอยไปไกลยิ่งขึ้น ดังนั้นยิ่งรู้จักถนอมชีวิตเร็ว เท่าใดเวลาที่ลูกจะได้รับความสุขจากชีวิตก็ จะยิ่งมากขึ้นเท่านั้นหาความสุขเสียแต่วันนี้ ดีกว่านั่งหวังให้มีอายุยืนนาน (4) ในโลกนี้ไม่มีเรื่องรักนิรันดร์กาล ความรักเป็นเพียงความรู้สึกชั่ววูบ โดยความรู้สึกนี้ย่อมเปลี่ยนไปตามกาลเวลาและอารมณ์ หากสิ่งที่ลูกรักมากที่สุดจากลูกไป ขอให้รอคอยอย่างอดทน ให้เวลาช่วยชะล้าง ให้จิตใจค่อย ๆ ตกตะกอน แล้วความทุกข์ของลูกจะค่อย ๆ จางหายไป... อย่าวาดหวังความรักให้สวยเกินไป และอย่าซ้ำเติมการอกหักให้ทุกข์เกินเหตุ (5)แม้ว่าคนหลายคนที่ประสบความสำเร็จ ในโลกนี้ไม่ได้เรียนมาสูง แต่ไม่ได้หมายความว่าหากไม่ขยันเรียนแล้วจะได้ดี ความรู้คืออาวุธ คนเราอาจสู้แล้วรวย แต่ไม่มีทางรวยได้ หากปราศจากอาวุธสู้ (6)พ่อจะไม่เลี้ยงดูครึ่งหลังของชีวิตลูก เมื่อลูกโตพอจนเป็นอิสระได้แล้ว พ่อก็หมดหน้าที่แล้ว หลังจากนั้นไป ลูกจะนั่งรถเมล์หรือจะนั่งรถเบ๊นซ์ จะกินหูฉลามหรือจะกินบะหมี่ข้างถนน ลูกต้องเลือกเอง (7) ต้องทำดีต่อผู้อื่น แต่อย่าหวังว่าผู้อื่นต้องทำดีต่อเรา เราปฏิบัติต่อผู้อื่นอย่างไร มิได้หมายความว่าผู้อื่นก็จะปฏิบัติตอบต่อเราในแบบเดียวกัน ลูกต้องเข้าใจในข้อนี้จะได้ไม่หาทุกข์ใส่ตัว โดยไม่จำเป็น (8) พ่อซื้อล๊อตเตอรี่มาตลอดชีวิต ยังยากจนเหมือนเดิม แม้แต่รางวัลเลขท้ายยังไม่เคยถูกเลย นี่เป็นบทพิสูจน์ว่า คนเราจะเจริญก้าวหน้าได้ ต้องขยันขันแข็งอย่างเดียวเท่านั้น ในโลกนี้ไม่มีมื้อเที่ยงที่ไม่ต้องเสียตังค์ (No free lunch) (9) ญาติ มิตร หรือสหาย ล้วนเป็นกันชาตินี้ชาติเดียว ฉะนั้นจงหวงแหนโอกาสที่ได้อยู่ด้วยกันและแสนมีค่านี้ เพราะในชาติหน้า ไม่ว่าท่านจะรักใครหรือชังใคร ท่านก็จะไม่มีโอกาสได้พบกันอีก อย่าลืมส่งให้ลูกหลานดูนะลูก.. ที่มา: บทความดีๆ จาก bit.ly/bookbotkham

ก้อต้องอ่านเองครับถึงจะรู้ความหมาย

บันทึกจากพ่อถึงลูกที่รัก...!!!

ลูกรัก..ที่พ่อเขียนบันทึกช่วยจำฉบับนี้ให้ลูก มีเหตุผลอยู่ 3 ประการ คือ

1. สรรพสิ่งล้วนอนิจจัง จะมีชีวิตอยู่ได้อีกนานเท่าใดไม่มีใครบอกได้ พ่อจึงคิดว่าบางเรื่องพ่อน่าจะสั่งเสียไว้ แต่เนิ่น ๆ ย่อมจะดีกว่า

2. เพราะพ่อเป็นพ่อของลูก ถ้าพ่อไม่บอกลูก ไม่มีใครหรอกที่เขาจะบอกลูกแบบที่พ่อบอก

3. สิ่งที่พ่อบันทึกไว้นี้ ล้วนเป็นประสบการณ์อันแสนเจ็บปวด ที่พ่อได้เรียนรู้มา มันจะทำให้ลูก ไม่ต้องเสียเวลาไปเรียนรู้มันอีกในชีวิต ของลูก ขอให้จำสิ่งต่าง ๆ เหล่านี้ไว้ให้ดี

(1) คนที่ไม่ดีต่อเรา ไม่ต้องไปใส่ใจนัก ในชีวิตคนเราไม่มีใครมีหน้าที่ที่จะต้องมา ดีต่อเรา ยกเว้นพ่อกับแม่ของลูก สำหรับคนที่ดีกับลูก นอกจากลูกต้องหวงแหน และขอบคุณเขาแล้ว ยังต้องคอยระวังตัวไว้ด้วย เพราะคนเราทุกคนทำอะไรย่อมมีจุดประสงค์ เขาทำดีกับลูกใช่ว่าเขาจะทำเพราะชอบลูก เสมอไป ลูกต้องตระหนักจุดนี้ให้ดี อย่าเพิ่งรับเขาเป็นเพื่อนเร็วเกินไป

(2) ไม่มีคนที่ทดแทนกันไม่ได้ และไม่มีสิ่งใดที่ต้องมีให้ได้ ถ้าเข้าใจจุดนี้ หากวันใดคนข้างกายของลูกไม่ต้องการลูกอีกต่อไป หรือวันใดที่ลูกต้องเสียสิ่งที่รักที่สุดไป ลูกจะได้เข้าใจว่า นี่ไม่ใช่เรื่องคอขาดบาดตายอะไรเลย

(3) ชีวิตนี้แสนสั้น หากลูกยังใช้ชีวิตอย่างไม่เห็นคุณค่า พรุ่งนี้ลูกจะพบว่าชีวิตจะหลุดลอยไปไกลยิ่งขึ้น ดังนั้นยิ่งรู้จักถนอมชีวิตเร็ว เท่าใดเวลาที่ลูกจะได้รับความสุขจากชีวิตก็ จะยิ่งมากขึ้นเท่านั้นหาความสุขเสียแต่วันนี้ ดีกว่านั่งหวังให้มีอายุยืนนาน

(4) ในโลกนี้ไม่มีเรื่องรักนิรันดร์กาล ความรักเป็นเพียงความรู้สึกชั่ววูบ โดยความรู้สึกนี้ย่อมเปลี่ยนไปตามกาลเวลาและอารมณ์ หากสิ่งที่ลูกรักมากที่สุดจากลูกไป ขอให้รอคอยอย่างอดทน ให้เวลาช่วยชะล้าง ให้จิตใจค่อย ๆ ตกตะกอน แล้วความทุกข์ของลูกจะค่อย ๆ จางหายไป... อย่าวาดหวังความรักให้สวยเกินไป และอย่าซ้ำเติมการอกหักให้ทุกข์เกินเหตุ

(5)แม้ว่าคนหลายคนที่ประสบความสำเร็จ ในโลกนี้ไม่ได้เรียนมาสูง แต่ไม่ได้หมายความว่าหากไม่ขยันเรียนแล้วจะได้ดี ความรู้คืออาวุธ คนเราอาจสู้แล้วรวย แต่ไม่มีทางรวยได้ หากปราศจากอาวุธสู้

(6)พ่อจะไม่เลี้ยงดูครึ่งหลังของชีวิตลูก เมื่อลูกโตพอจนเป็นอิสระได้แล้ว พ่อก็หมดหน้าที่แล้ว หลังจากนั้นไป ลูกจะนั่งรถเมล์หรือจะนั่งรถเบ๊นซ์ จะกินหูฉลามหรือจะกินบะหมี่ข้างถนน ลูกต้องเลือกเอง

(7) ต้องทำดีต่อผู้อื่น แต่อย่าหวังว่าผู้อื่นต้องทำดีต่อเรา เราปฏิบัติต่อผู้อื่นอย่างไร มิได้หมายความว่าผู้อื่นก็จะปฏิบัติตอบต่อเราในแบบเดียวกัน ลูกต้องเข้าใจในข้อนี้จะได้ไม่หาทุกข์ใส่ตัว โดยไม่จำเป็น

(8) พ่อซื้อล๊อตเตอรี่มาตลอดชีวิต ยังยากจนเหมือนเดิม แม้แต่รางวัลเลขท้ายยังไม่เคยถูกเลย นี่เป็นบทพิสูจน์ว่า คนเราจะเจริญก้าวหน้าได้ ต้องขยันขันแข็งอย่างเดียวเท่านั้น ในโลกนี้ไม่มีมื้อเที่ยงที่ไม่ต้องเสียตังค์ (No free lunch)

(9) ญาติ มิตร หรือสหาย ล้วนเป็นกันชาตินี้ชาติเดียว ฉะนั้นจงหวงแหนโอกาสที่ได้อยู่ด้วยกันและแสนมีค่านี้ เพราะในชาติหน้า ไม่ว่าท่านจะรักใครหรือชังใคร ท่านก็จะไม่มีโอกาสได้พบกันอีก

อย่าลืมส่งให้ลูกหลานดูนะลูก..

ที่มา: บทความดีๆ จาก bit.ly/bookbotkham

เกี่ยวกับความเมตตา... เมตตา คือ อาทรแห่งท้องฟ้า ที่มีต่อพระอาทิตย์ เมฆ และวิหก คือ ความอบอุ่นที่ดวงดาวมีให้ต้นไม้ในยามราตรี ในกิจกรรมที่น่าเบื่อหน่ายของชีวิต แม้ท่านหยิบหยอดความเมตตา ใส่ลงไปสักเล็กน้อย กิจกรรมเหล่านั้น จะกลายเป็นกิจกรรมทิพย์สวรรค์ที่แสนวิเศษ ...ท่านจักยินเสียงบทกวีที่ไพเราะ ยิ่งกว่าบทกวีของคาลิล ยิบราน มันทำให้ต้นหญ้าต้นเล็กๆ ในสนามหญ้าหน้าบ้านกลายเป็นผู้มีเกียรติ ...ทำให้ท่านมองเห็นความน่าเอ็นดูของเด็กเกเร ที่พ่นน้ำลายรดราดใบหน้าของท่าน ...ท่านจะเห็นความหมดจดของสุนัขขี้เรื้อน ซึ่งครูดหลังกับกำแพงพระราชวัง ...ท่านจะเป็นผู้เยือกเย็น อดทน รอคอยให้มดตัวน้อยกินอาหารเสร็จสิ้นจึงค่อยล้างจาน ความเมตตา ไม่ใช่การพังประตูของเพื่อนบ้านยามวิกาล เพื่อมอบของขวัญที่ตนอยากให้ แต่มันคือ การเตรียมของขวัญเอาไว้ แล้วรอจนกว่า ผู้รับจะอาบน้ำจนสบายเนื้อสบายตัว เมตตา คือ เครื่องมือสลายอัตตา มิใช่ยาบำรุงอัตตาให้อ้วนพี พระเยซูตรัสสอนสานุศิษย์ว่า... “ถ้าเขาตบแก้มข้างขวา จงยื่นแก้มซ้ายให้เขาตบด้วย” ส่วนพระพุทธเจ้าตรัสกับพระสารีบุตรว่า... “เรารักราหุลเช่นไร เราก็รักเทวทัตเยี่ยงนั้น” สิ่งเหล่านี้ คือ ความเมตตา คือการตัดแขนขวา และควักดวงตาให้สิงโตกัดกิน ...หนึ่ง คือ สิงโตในใจสรรพสัตว์ ...สอง คือ สิงโตในใจตน อย่าถามเลยว่า เมตตาแล้วได้สิ่งใด ...เมตตา มิได้มาซึ่งสิ่งใด ...เมตตา ได้มาซึ่งเมตตา เป็นการได้มาซึ่งอยู่ในความเดียวดายอันอบอุ่น ผู้มีเมตตา จักเป็นบุคคลผู้เสียเปรียบ ที่มีความสุขที่สุดใน 31 ภพภูมิ... Cr. พศิน อินทรวงค์ จากหนังสือ วิถีปลาเป็น ติดตามผลงานหนังสือ หรือติดตามอ่านบทความดีๆ ก็สามารถเข้ามาได้ที่ เพจ พศิน อินทรวงค์ (กรุณาพิมพ์เป็นภาษาไทยนะครับ) https://www.facebook.com/talktopasin2013 ************************************************* My Photo กัลยาณมิตตตา นายาฯ เรือนนิราลัย Buddhawajana network No.4561

เกี่ยวกับความเมตตา...

เมตตา คือ อาทรแห่งท้องฟ้า
ที่มีต่อพระอาทิตย์ เมฆ และวิหก

คือ ความอบอุ่นที่ดวงดาวมีให้ต้นไม้ในยามราตรี
ในกิจกรรมที่น่าเบื่อหน่ายของชีวิต
แม้ท่านหยิบหยอดความเมตตา
ใส่ลงไปสักเล็กน้อย กิจกรรมเหล่านั้น
จะกลายเป็นกิจกรรมทิพย์สวรรค์ที่แสนวิเศษ

...ท่านจักยินเสียงบทกวีที่ไพเราะ
ยิ่งกว่าบทกวีของคาลิล ยิบราน
มันทำให้ต้นหญ้าต้นเล็กๆ
ในสนามหญ้าหน้าบ้านกลายเป็นผู้มีเกียรติ

...ทำให้ท่านมองเห็นความน่าเอ็นดูของเด็กเกเร
ที่พ่นน้ำลายรดราดใบหน้าของท่าน

...ท่านจะเห็นความหมดจดของสุนัขขี้เรื้อน
ซึ่งครูดหลังกับกำแพงพระราชวัง

...ท่านจะเป็นผู้เยือกเย็น อดทน
รอคอยให้มดตัวน้อยกินอาหารเสร็จสิ้นจึงค่อยล้างจาน

ความเมตตา
ไม่ใช่การพังประตูของเพื่อนบ้านยามวิกาล
เพื่อมอบของขวัญที่ตนอยากให้
แต่มันคือ การเตรียมของขวัญเอาไว้
แล้วรอจนกว่า ผู้รับจะอาบน้ำจนสบายเนื้อสบายตัว

เมตตา คือ เครื่องมือสลายอัตตา
มิใช่ยาบำรุงอัตตาให้อ้วนพี

พระเยซูตรัสสอนสานุศิษย์ว่า...
“ถ้าเขาตบแก้มข้างขวา จงยื่นแก้มซ้ายให้เขาตบด้วย”

ส่วนพระพุทธเจ้าตรัสกับพระสารีบุตรว่า...
“เรารักราหุลเช่นไร เราก็รักเทวทัตเยี่ยงนั้น”

สิ่งเหล่านี้ คือ ความเมตตา
คือการตัดแขนขวา และควักดวงตาให้สิงโตกัดกิน
...หนึ่ง คือ สิงโตในใจสรรพสัตว์
...สอง คือ สิงโตในใจตน

อย่าถามเลยว่า เมตตาแล้วได้สิ่งใด
...เมตตา มิได้มาซึ่งสิ่งใด
...เมตตา ได้มาซึ่งเมตตา
เป็นการได้มาซึ่งอยู่ในความเดียวดายอันอบอุ่น
ผู้มีเมตตา จักเป็นบุคคลผู้เสียเปรียบ
ที่มีความสุขที่สุดใน 31 ภพภูมิ...

Cr. พศิน อินทรวงค์ จากหนังสือ วิถีปลาเป็น

ติดตามผลงานหนังสือ
หรือติดตามอ่านบทความดีๆ ก็สามารถเข้ามาได้ที่
เพจ พศิน อินทรวงค์ (กรุณาพิมพ์เป็นภาษาไทยนะครับ)
https://www.facebook.com/talktopasin2013
*************************************************
My Photo กัลยาณมิตตตา นายาฯ
เรือนนิราลัย
Buddhawajana network No.4561

#ยังมีคนอีกมากที่พลาดโอกาสในการรอดชีวิตเพียงเพราะคำว่า“ไม่รู้” เมื่อคืนตอนพ่อปีย่ากลับมาจากทำงาน เล่าให้ฟังว่าเดินสวนกับเพื่อนบ้านคนหนึ่ง กำลังอุ้มคุณยายที่พักอยู่ชั้นสามไปโรงพยาบาล ดูท่าแล้วเห็นทีจะไม่รอด... พอตอนเช้าป้าร้านชำบอกกับเราว่า คุณยายคนเมื่อคืนเสียชีวิตแล้ว สภาพตอนที่พาขึ้นแท็กซี่ส่งโรงพยาบาล เนื้อตัวมือเท้าเย็นหมดแล้ว หายใจรวยริน กว่าจะไปถึงโรงพยาบาลหมอถึงขั้นต้องปั๊มหัวใจ และสุดท้ายก็ไม่รอด เราเลยถามว่าพาไปโรงพยาบาลอะไร ป้าบอกว่า รพ.กลาง ป๊าดดดดดด...อยู่อ่อนนุชไป รพ.กลาง รอดได้ก็ปาฏิหาริย์แร่ว!!! เลยถามต่อว่าทำไมต้องไป รพ. นั้น รพ. ใกล้ ๆ ก็มี ทำไมไม่พาส่ง แกก็บอกว่าบัตรทองระบุสิทธิ์อยู่ที่นั่น เมื่อหลายปีก่อน แม่โอ๋เคยพาน้องคนนึงส่งโรงพยาบาลกลางดึก เพราะนางตกเลือดแท้งลูก สิทธิบัตรทองอยู่นางอยู่ต่างจังหวัด แต่แม่โอ๋พาส่ง รพ.สิรินธร เพราะเป็นเคสฉุกเฉิน ซึ่งทางโรงพยาบาลก็รับดูแลรักษาจนปลอดภัย #สิ่งที่อยากแนะนำคนที่ใช้บัตรทองหรือมีญาติใช้บัตรทอง 1. ถ้าเป็นเหตุฉุกเฉินให้พาคนเจ็บป่วยไปโรงพยาบาลที่ใกล้ที่สุด บัตรทองให้สิทธิ์ในการรักษาสำหรับเคสฉุกเฉินไม่จำกัดจำนวนครั้ง หากสถานพยาบาลไหนปฏิเสธการรักษาโดยไม่มีเหตุอันควร สามารถร้องเรียนได้ 2. หากหน่วยปฐมภูมิในบัตรทองเป็นคลินิกไม่ใช่โรงพยาบาล ให้พาคนไข้ไปโรงพยาบาลก่อนเลย ค่อยไปขอใบส่งตัวเอามาให้โรงพยาบาลทีหลัง 3. หากอยู่ในสภาวะที่ขอความช่วยเหลือจากใครไม่ได้ ให้ควบคุมสติโทรหา 1669 แจ้งอาการเบื้องต้น เช่น หายใจไม่ออก มือเย็น เท้าเย็นหายใจรวยริน เลือดไหลออกเจ็ดทวาร ไม่หายใจแล้วแต่เนื้อตัวยังอุ่นอยู่ หมายเลขนี้ให้บริการตลอด 24 ชั่วโมงนะคะ 4. แม่โอ๋เคยอ่านบทความเกี่ยวกับการแพทย์ จำได้ลาง ๆ ว่าหากผู้ป่วยมีอาการเนื้อตัวเย็น แต่หัวใจยังเต้นอยู่ ( แม้จะเต้นเบามาก ) ให้ต้มน้ำร้อนเอาผ้าชุบน้ำให้พออุ่น นำไปประคบตรงฝ่าเท้า ระหว่างนั้นก็บีบนวดฝ่าเท้าไปด้วย หากฝ่าเท้าเย็นเฉียบกลับมาอุ่นได้ตามปกติ คนป่วยก็มีสิทธิ์รอดเพราะเท้าเป็นจุดศูนย์รวมของเส้นประสาท 5. เมื่อไปถึง รพ. ส่วนใหญ่จะมีบุรุษพยาบาลหรือเจ้าหน้าที่ ยืนรอรับพวกเคสฉุกเฉินอยู่ ให้วิ่งไปขอความช่วยเหลือเขา บัตรคนไข้ทำตามทีหลังได้ อย่ามัวเสียเวลายืนต่อแถวทำบัตรใหม่ ยกเว้นมีคนนำส่งหลายคนก็แบ่งหน้าที่แล้วแยกย้ายกันไป สุดท้ายนี้... ชีวิตคนเป็นสิ่งมีค่า หากพบเห็นคนเจ็บป่วยอย่านิ่งดูดาย ไม่แน่วันหน้าคนที่ตกอยู่ในสภาพแบบนี้ อาจจะเป็นคนในครอบครัวหรือญาติพี่น้องของเราก็ได้ ด้วยความปรารถนาดีจาก... แม่โอ๋เรนเจอร์

#ยังมีคนอีกมากที่พลาดโอกาสในการรอดชีวิตเพียงเพราะคำว่า“ไม่รู้”

เมื่อคืนตอนพ่อปีย่ากลับมาจากทำงาน
เล่าให้ฟังว่าเดินสวนกับเพื่อนบ้านคนหนึ่ง
กำลังอุ้มคุณยายที่พักอยู่ชั้นสามไปโรงพยาบาล
ดูท่าแล้วเห็นทีจะไม่รอด...

พอตอนเช้าป้าร้านชำบอกกับเราว่า
คุณยายคนเมื่อคืนเสียชีวิตแล้ว
สภาพตอนที่พาขึ้นแท็กซี่ส่งโรงพยาบาล
เนื้อตัวมือเท้าเย็นหมดแล้ว หายใจรวยริน
กว่าจะไปถึงโรงพยาบาลหมอถึงขั้นต้องปั๊มหัวใจ
และสุดท้ายก็ไม่รอด

เราเลยถามว่าพาไปโรงพยาบาลอะไร
ป้าบอกว่า รพ.กลาง
ป๊าดดดดดด...อยู่อ่อนนุชไป รพ.กลาง
รอดได้ก็ปาฏิหาริย์แร่ว!!!

เลยถามต่อว่าทำไมต้องไป รพ. นั้น
รพ. ใกล้ ๆ ก็มี ทำไมไม่พาส่ง
แกก็บอกว่าบัตรทองระบุสิทธิ์อยู่ที่นั่น

เมื่อหลายปีก่อน
แม่โอ๋เคยพาน้องคนนึงส่งโรงพยาบาลกลางดึก
เพราะนางตกเลือดแท้งลูก
สิทธิบัตรทองอยู่นางอยู่ต่างจังหวัด
แต่แม่โอ๋พาส่ง รพ.สิรินธร เพราะเป็นเคสฉุกเฉิน
ซึ่งทางโรงพยาบาลก็รับดูแลรักษาจนปลอดภัย

#สิ่งที่อยากแนะนำคนที่ใช้บัตรทองหรือมีญาติใช้บัตรทอง

1. ถ้าเป็นเหตุฉุกเฉินให้พาคนเจ็บป่วยไปโรงพยาบาลที่ใกล้ที่สุด
บัตรทองให้สิทธิ์ในการรักษาสำหรับเคสฉุกเฉินไม่จำกัดจำนวนครั้ง
หากสถานพยาบาลไหนปฏิเสธการรักษาโดยไม่มีเหตุอันควร
สามารถร้องเรียนได้

2. หากหน่วยปฐมภูมิในบัตรทองเป็นคลินิกไม่ใช่โรงพยาบาล
ให้พาคนไข้ไปโรงพยาบาลก่อนเลย
ค่อยไปขอใบส่งตัวเอามาให้โรงพยาบาลทีหลัง

3. หากอยู่ในสภาวะที่ขอความช่วยเหลือจากใครไม่ได้
ให้ควบคุมสติโทรหา 1669  แจ้งอาการเบื้องต้น
เช่น หายใจไม่ออก มือเย็น เท้าเย็นหายใจรวยริน 
เลือดไหลออกเจ็ดทวาร
ไม่หายใจแล้วแต่เนื้อตัวยังอุ่นอยู่
หมายเลขนี้ให้บริการตลอด 24 ชั่วโมงนะคะ

4. แม่โอ๋เคยอ่านบทความเกี่ยวกับการแพทย์
จำได้ลาง ๆ ว่าหากผู้ป่วยมีอาการเนื้อตัวเย็น
แต่หัวใจยังเต้นอยู่  ( แม้จะเต้นเบามาก )

ให้ต้มน้ำร้อนเอาผ้าชุบน้ำให้พออุ่น
นำไปประคบตรงฝ่าเท้า
ระหว่างนั้นก็บีบนวดฝ่าเท้าไปด้วย

หากฝ่าเท้าเย็นเฉียบกลับมาอุ่นได้ตามปกติ
คนป่วยก็มีสิทธิ์รอดเพราะเท้าเป็นจุดศูนย์รวมของเส้นประสาท

5. เมื่อไปถึง รพ. ส่วนใหญ่จะมีบุรุษพยาบาลหรือเจ้าหน้าที่
ยืนรอรับพวกเคสฉุกเฉินอยู่  ให้วิ่งไปขอความช่วยเหลือเขา
บัตรคนไข้ทำตามทีหลังได้ อย่ามัวเสียเวลายืนต่อแถวทำบัตรใหม่
ยกเว้นมีคนนำส่งหลายคนก็แบ่งหน้าที่แล้วแยกย้ายกันไป

สุดท้ายนี้...

ชีวิตคนเป็นสิ่งมีค่า
หากพบเห็นคนเจ็บป่วยอย่านิ่งดูดาย
ไม่แน่วันหน้าคนที่ตกอยู่ในสภาพแบบนี้
อาจจะเป็นคนในครอบครัวหรือญาติพี่น้องของเราก็ได้

ด้วยความปรารถนาดีจาก... แม่โอ๋เรนเจอร์

10 สิ่งที่คุณต้อง (โคตร) 'ขอบคุณ' ! . 1. เวลาใครบางคน 'ไม่สนใจคุณ' เขากำลัง 'สอน' คุณ ให้ 'อยู่ได้' โดยไม่มีเขา ! . 2. เวลาใครบางคน 'เบื่อคุณ' เขากำลัง 'สอน' คุณ ให้คุณ 'ให้เวลา' ตัวเอง มากกว่าที่ 'ให้เวลา' เขา ! . 3. เวลาใครบางคน 'มองคุณในแง่ลบ' เขากำลัง 'สอน' คุณ ว่ามนุษย์ไม่ได้มองกันที่ 'ตัวตน' จริงๆ แต่ 'ตัดสิน' มั่วๆ แค่มองกันผิวเผิน ! . 4. เวลาใครบางคน 'ทำให้คุณผิดหวัง' เขากำลัง 'สอน' คุณ ว่าอย่า 'คาดหวัง' อะไรจากใครทั้งนั้น ! . 5. เวลาใครบางคน 'ทำร้ายคุณลับหลัง เขากำลัง 'สอน' คุณ ว่าอย่า 'ไว้ใจ' ใครไม่เลือกหน้า ต้องใช้เวลา 'ดู' ให้นานพอ ! . 6. เวลาใครบางคน 'ลืมบุญคุณคุณ' เขากำลัง 'สอน' คุณ ว่าอย่า 'ให้' มากเกินไป กับคนที่ 'ไม่คู่ควร' ! . 7. เวลาใครบางคน 'วิจารณ์คุณเละเทะ' เขากำลัง 'สอน' คุณ ว่าคน 'ไม่มีดี ไม่มีค่า ไม่มีผลงาน' จะ 'ทำลาย' คนอื่นได้มากแค่ไหน ! . 8. เวลาใครบางคน 'หาเรื่องคุณ' เขากำลัง 'สอน' คุณ ให้ 'ใจเย็น' กับคนจิตใจต่ำ และ 'ให้อภัย' คนนิสัยต่ำ ! . 9. เวลาใครบางคน 'เปลี่ยนไป' เขากำลัง 'สอน' คุณ ให้เริ่มทำตัว 'มีค่า' โดยไม่ต้อง 'แคร์' เขาเลย ! . 10. เวลาใครบางคน 'ไม่รักคุณ' เขากำลัง 'สอน' คุณ ให้รู้จัก 'รักตัวเอง' ! Cr. เฌอมาณย์ รัตนพงศ์ตระกูล ภาพ : http://lifestyle.campus-star.com/knowledge/1321.html #ThammanoonsFC #เรื่องดีๆมีข้อคิด Line : ts2502 Instagram : th.thamma

10 สิ่งที่คุณต้อง (โคตร) 'ขอบคุณ' !
.
1. เวลาใครบางคน 'ไม่สนใจคุณ'
เขากำลัง 'สอน' คุณ
ให้ 'อยู่ได้' โดยไม่มีเขา !
.
2. เวลาใครบางคน 'เบื่อคุณ'
เขากำลัง 'สอน' คุณ
ให้คุณ 'ให้เวลา' ตัวเอง
มากกว่าที่ 'ให้เวลา' เขา !
.
3. เวลาใครบางคน 'มองคุณในแง่ลบ'
เขากำลัง 'สอน' คุณ
ว่ามนุษย์ไม่ได้มองกันที่ 'ตัวตน' จริงๆ
แต่ 'ตัดสิน' มั่วๆ แค่มองกันผิวเผิน !
.
4. เวลาใครบางคน 'ทำให้คุณผิดหวัง'
เขากำลัง 'สอน' คุณ
ว่าอย่า 'คาดหวัง' อะไรจากใครทั้งนั้น !
.
5. เวลาใครบางคน 'ทำร้ายคุณลับหลัง
เขากำลัง 'สอน' คุณ
ว่าอย่า 'ไว้ใจ' ใครไม่เลือกหน้า
ต้องใช้เวลา 'ดู' ให้นานพอ !
.
6. เวลาใครบางคน 'ลืมบุญคุณคุณ'
เขากำลัง 'สอน' คุณ
ว่าอย่า 'ให้' มากเกินไป
กับคนที่ 'ไม่คู่ควร' !
.
7. เวลาใครบางคน 'วิจารณ์คุณเละเทะ'
เขากำลัง 'สอน' คุณ
ว่าคน 'ไม่มีดี ไม่มีค่า ไม่มีผลงาน'
จะ 'ทำลาย' คนอื่นได้มากแค่ไหน !
.
8. เวลาใครบางคน 'หาเรื่องคุณ'
เขากำลัง 'สอน' คุณ
ให้ 'ใจเย็น' กับคนจิตใจต่ำ
และ 'ให้อภัย' คนนิสัยต่ำ !
.
9. เวลาใครบางคน 'เปลี่ยนไป'
เขากำลัง 'สอน' คุณ
ให้เริ่มทำตัว 'มีค่า'
โดยไม่ต้อง 'แคร์' เขาเลย !
.
10. เวลาใครบางคน 'ไม่รักคุณ'
เขากำลัง 'สอน' คุณ
ให้รู้จัก 'รักตัวเอง' !

Cr. เฌอมาณย์ รัตนพงศ์ตระกูล
ภาพ : http://lifestyle.campus-star.com/knowledge/1321.html
#ThammanoonsFC
#เรื่องดีๆมีข้อคิด

Line : ts2502
Instagram : th.thamma

เส้นทางชีวิต เส้นทางในชีวิตคนเรามีหลายเส้นทาง แต่มี 2 เส้นที่เราต้องเดิน เส้นหนึ่งที่อยากเดิน เส้นทางนี้คือเส้นทางแห่งความฝัน อีกเส้น หนึ่งแม้ไม่อยากเดินก็ต้องเดิน นั่นคือเส้นทางแห่งความเป็นจริง ชีวิตคนเรา ไม่ใช่สนามแข่งขัน แต่เป็นการเดินทางท่องเที่ยว เพราะหากเป็นสนามแข่งขัน คุณต้องพยายามวิ่งเข้าหาเส้นชัย แต่หากเป็นการท่องเที่ยว คุณจึงเห็นทิวทัศน์งามตาสองข้างทาง ชีวิตคนเราสั้นนัก ไม่มีเวลาให้เรามามัวนั่งเสียใจหรอก อย่าเสีย เวลาให้กับคนหรือเรื่องที่ทำให้คุณไม่เป็นสุข เพราะหากสิ่งนี้ไม่ ใช่ป้ายสุดท้ายของชีวิต เบะปากมองบนแล้วเดินจากไปเถอะ คุณที่ถูกเข้าใจผิดไม่เคยเสียหาย คนที่มองคนอื่นว่าเสียหายต่าง หากที่เป็นคนเสียหาย อย่าเลือกครอบครองบางสิ่ง ณ ตอนนี้ แล้วต้องสูญเสียทุกสิ่งใน วันหน้า และอย่าคิดครอบครองในสิ่งที่คุณอื่นแทบเอาชีวิตแลก มา เพราะมันจะอยู่กับคุณไม่นานแน่นอน ชีวิต.... อาจมีความหวังมากมายที่สุดท้ายต้องผิดหวัง อาจมีความฝันมากมายที่สุดท้ายต้องกลายเป็นความว่างเปล่า อาจมีคำพูดมากมายที่สุดท้ายไม่รู้จะบอกใครได้ ที่จริง.... เรื่องบางเรื่อง จับได้แค่เพียงเบาๆ อย่าได้ยึดให้มันแน่นมากนัก คนบางคน ใส่ใจมากเกินไป ก็ใช่ว่าจะมีความสุข หากทางที่เดินหากขรุขระ จงให้กำลังใจแก่คนร่วมทาง หากชีวิตมากมายด้วยลมฝนกระหน่ำ จงยิ้มให้กับตัวเอง ชีวิตคนเรา เก็บความสุขใส่ไว้ในใจ เก็บความทุกข์ใส่ขวดโหล แล้วโยนทิ้งไป เก็บไว้ไม่มีประโยชน์ นุสนธิ์บุคส์ ภาพ : http://oknation.nationtv.tv/blog/ratchakit/2014/07/24/entry-1 #ThammanoonsFC #เรื่องดีๆมีข้อคิด Line : ts2502 Instagram : th.thamma

เส้นทางชีวิต

เส้นทางในชีวิตคนเรามีหลายเส้นทาง   แต่มี 2 เส้นที่เราต้องเดิน
เส้นหนึ่งที่อยากเดิน  เส้นทางนี้คือเส้นทางแห่งความฝัน  อีกเส้น
หนึ่งแม้ไม่อยากเดินก็ต้องเดิน  นั่นคือเส้นทางแห่งความเป็นจริง

ชีวิตคนเรา   ไม่ใช่สนามแข่งขัน    แต่เป็นการเดินทางท่องเที่ยว
เพราะหากเป็นสนามแข่งขัน    คุณต้องพยายามวิ่งเข้าหาเส้นชัย
แต่หากเป็นการท่องเที่ยว คุณจึงเห็นทิวทัศน์งามตาสองข้างทาง

ชีวิตคนเราสั้นนัก  ไม่มีเวลาให้เรามามัวนั่งเสียใจหรอก  อย่าเสีย
เวลาให้กับคนหรือเรื่องที่ทำให้คุณไม่เป็นสุข   เพราะหากสิ่งนี้ไม่
ใช่ป้ายสุดท้ายของชีวิต เบะปากมองบนแล้วเดินจากไปเถอะ

คุณที่ถูกเข้าใจผิดไม่เคยเสียหาย คนที่มองคนอื่นว่าเสียหายต่าง
หากที่เป็นคนเสียหาย

อย่าเลือกครอบครองบางสิ่ง ณ ตอนนี้  แล้วต้องสูญเสียทุกสิ่งใน
วันหน้า   และอย่าคิดครอบครองในสิ่งที่คุณอื่นแทบเอาชีวิตแลก
มา เพราะมันจะอยู่กับคุณไม่นานแน่นอน

ชีวิต....

อาจมีความหวังมากมายที่สุดท้ายต้องผิดหวัง
อาจมีความฝันมากมายที่สุดท้ายต้องกลายเป็นความว่างเปล่า
อาจมีคำพูดมากมายที่สุดท้ายไม่รู้จะบอกใครได้

ที่จริง....

เรื่องบางเรื่อง จับได้แค่เพียงเบาๆ อย่าได้ยึดให้มันแน่นมากนัก
คนบางคน ใส่ใจมากเกินไป ก็ใช่ว่าจะมีความสุข
หากทางที่เดินหากขรุขระ จงให้กำลังใจแก่คนร่วมทาง
หากชีวิตมากมายด้วยลมฝนกระหน่ำ จงยิ้มให้กับตัวเอง
ชีวิตคนเรา   เก็บความสุขใส่ไว้ในใจ   เก็บความทุกข์ใส่ขวดโหล
แล้วโยนทิ้งไป  เก็บไว้ไม่มีประโยชน์

นุสนธิ์บุคส์
ภาพ : http://oknation.nationtv.tv/blog/ratchakit/2014/07/24/entry-1
#ThammanoonsFC
#เรื่องดีๆมีข้อคิด

Line : ts2502
Instagram : th.thamma

ลิฟท์ช้า ผู้จัดการของตึกสำนักงานใหญ่แห่งหนึ่ง ได้รับคำตำหนิอย่างมาก เกี่ยวกับความเชื่องช้าของลิฟต์ในตึก โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วง เวลางาน เนื่องจากบางบริษัทที่เช่าสำนักงานอยู่ในตึกนี้ ขู่ว่าจะ ย้ายไปอยู่ที่อื่น ถ้าหากทางผู้จัดการยังไม่แก้ไขปัญหาดังกล่าว ทางผู้จัดการจึงตัดสินใจว่า จะต้องแก้ไขปัญหานี้ให้เสร็จสิ้นโดย เร็ว ผู้จัดการได้เรียกประชุมกลุ่มวิศวกรที่ปรึกษาที่มีความชำนาญ ในการออกแบบระบบลิฟต์ หลังจากที่พวกเขาสำรวจเหตุการณ์ที่ เกิดขึ้นแล้ว ทางวิศวกรที่ปรึกษา จึงได้เสนอวิธีแก้ไขด้วยกัน 3 แบบ คือ 1. เพิ่มจำนวนลิฟต์ 2. เปลี่ยนลิฟต์ที่มีอยู่บางตัวด้วยลิฟต์ที่วิ่งเร็วกว่า 3. ติดตั้งระบบควบคุมคอมพิวเตอร์เพื่อใช้ควบคุมการทำงานของ ลิฟต์ทั้งหมดให้เร็วขึ้น ทางวิศวกรที่ปรึกษาได้คำนวณค่าใช้จ่ายและประโยชน์ โดยวิธี การทั้ง 3 ข้อนี้ พวกเขาสรุปได้ว่า การเพิ่มจำนวนลิฟต์หรือการ เปลี่ยนลิฟต์ที่มีอยู่บางตัวด้วยลิฟต์ที่วิ่งเร็วกว่าเท่านั้น ที่สามารถ ทำให้การบริการดีกว่าเดิม แต่ว่าต้นทุนของวิธีการทั้งสองสูงกว่า ประโยชน์ ที่ทางผู้จัดการจะได้รับมาก ดังนั้นถ้ากล่าวกันจริงๆ แล้ว ไม่มีวิธีใดที่ดีพอที่ควรจะใช้เลย บรรดาวิศวกรจึงปล่อยให้ผู้ จัดการตึกเป็นคนตัดสินใจปัญหาเอง ผู้จัดการตึกจึงเรียกประชุมบรรดาลูกจ้างทุกคน เพื่อขอความคิด เห็น ว่ากันตามจริงแล้วผู้จัดการน้อยคนนัก ที่จะปฏิบัติเช่นผู้จัด การตึกท่านนี้ เขาพูดถึงปัญหาของลิฟต์ให้บรรดาลูกจ้างฟังและ ขอความคิดเห็นจากลูกจ้างที่เข้าประชุม ได้มีผู้แสดงความคิด เห็นและให้ข้อแนะนำหลายอย่าง แต่ว่าข้อคิดเห็นนั้นก็ถูกยกเลิก ไปก่อนที่จะผ่านวาระการประชุมเสมอ การประชุมเริ่มดำเนินการช้าลง จนกระทั่งชายหนุ่มผู้หนึ่งซี่งทำ หน้าที่เป็นผู้ช่วยของแผนกบุคคลและได้นั่งเงียบมาตลอด ได้ขอ แสดงความคิดเห็นของเขาบ้าง เขาอธิบายความเห็นของเขา อย่างสั้น ๆ และกินเวลาครู่เดียว ทุกคนในที่ประชุมเห็นด้วยกับ ข้อเสนอของเขาทันที หลังจากนั้นสองสามสัปดาห์ก็ไม่มีเสียง บ่นจากผู้ใช้ลิฟต์อีกเลย ปัญหาต่าง ๆ ได้หมดไปอย่างสิ้นเชิง นอกจากนี้ค่าใช้จ่ายในการแก้ปัญหาก็น้อยมาก วิธีการที่ทางผู้จัดการใช้คือ เขาได้ติดตั้งกระจกขนาดใหญ่บน ผนังข้าง ๆ ลิฟต์ของทุก ๆ ชั้น ชายหนุ่มสมองใสคนนั้นใช้หลัก จิตวิทยาเข้าช่วยในการคำนึงถึงสาเหตุที่คนบ่นว่าลิฟต์ช้า เขา คิดว่าความเบื่อหน่ายในการรอลิฟต์เป็นสาเหตุดังกล่าว แท้จริง แล้วช่วงเวลาที่คนเหล่านี้รอลิฟต์ค่อนข้างน้อยมาก แต่พวกเขา คิดว่านาน เพราะพวกเขาไม่มีอะไรทำในระหว่างที่ยืนรออยู่ ชายหนุ่มคนนี้เสนอบางสิ่งบางอย่างให้คนพวกนี้ทำคือ ให้พวก เขามองดูตัวเองและผู้อื่น (โดยเฉพาะอย่างยิ่งเพศตรงข้าม) ใน กระจก สิ่งนี้ทำให้ทุกคนที่รอลิฟต์มีอะไรบางสิ่งบางอย่างที่ไม่ เบื่อหน่ายทำ ข้อคิด : ปัญหาหนึ่ง ๆ ย่อมมีวิธีแก้ไขได้หลายแบบเสมอ ที่มา : http://blog.rmutp.ac.th/sukumal.w/2010/11/15 ภาพ : https://www.youtube.com/watch?v=1YDOGVCq8gM #ThammanoonsFC #เรื่องดีๆมีข้อคิด Line : ts2502 Instagram : th.thamma

ลิฟท์ช้า

ผู้จัดการของตึกสำนักงานใหญ่แห่งหนึ่ง ได้รับคำตำหนิอย่างมาก
เกี่ยวกับความเชื่องช้าของลิฟต์ในตึก  โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วง
เวลางาน   เนื่องจากบางบริษัทที่เช่าสำนักงานอยู่ในตึกนี้ ขู่ว่าจะ
ย้ายไปอยู่ที่อื่น     ถ้าหากทางผู้จัดการยังไม่แก้ไขปัญหาดังกล่าว
ทางผู้จัดการจึงตัดสินใจว่า  จะต้องแก้ไขปัญหานี้ให้เสร็จสิ้นโดย
เร็ว ผู้จัดการได้เรียกประชุมกลุ่มวิศวกรที่ปรึกษาที่มีความชำนาญ
ในการออกแบบระบบลิฟต์  หลังจากที่พวกเขาสำรวจเหตุการณ์ที่
เกิดขึ้นแล้ว   ทางวิศวกรที่ปรึกษา   จึงได้เสนอวิธีแก้ไขด้วยกัน 3
แบบ คือ

1. เพิ่มจำนวนลิฟต์
2. เปลี่ยนลิฟต์ที่มีอยู่บางตัวด้วยลิฟต์ที่วิ่งเร็วกว่า
3. ติดตั้งระบบควบคุมคอมพิวเตอร์เพื่อใช้ควบคุมการทำงานของ
ลิฟต์ทั้งหมดให้เร็วขึ้น

ทางวิศวกรที่ปรึกษาได้คำนวณค่าใช้จ่ายและประโยชน์    โดยวิธี
การทั้ง 3 ข้อนี้  พวกเขาสรุปได้ว่า    การเพิ่มจำนวนลิฟต์หรือการ
เปลี่ยนลิฟต์ที่มีอยู่บางตัวด้วยลิฟต์ที่วิ่งเร็วกว่าเท่านั้น ที่สามารถ
ทำให้การบริการดีกว่าเดิม แต่ว่าต้นทุนของวิธีการทั้งสองสูงกว่า
ประโยชน์  ที่ทางผู้จัดการจะได้รับมาก     ดังนั้นถ้ากล่าวกันจริงๆ
แล้ว ไม่มีวิธีใดที่ดีพอที่ควรจะใช้เลย บรรดาวิศวกรจึงปล่อยให้ผู้
จัดการตึกเป็นคนตัดสินใจปัญหาเอง

ผู้จัดการตึกจึงเรียกประชุมบรรดาลูกจ้างทุกคน   เพื่อขอความคิด
เห็น   ว่ากันตามจริงแล้วผู้จัดการน้อยคนนัก  ที่จะปฏิบัติเช่นผู้จัด
การตึกท่านนี้   เขาพูดถึงปัญหาของลิฟต์ให้บรรดาลูกจ้างฟังและ
ขอความคิดเห็นจากลูกจ้างที่เข้าประชุม     ได้มีผู้แสดงความคิด
เห็นและให้ข้อแนะนำหลายอย่าง  แต่ว่าข้อคิดเห็นนั้นก็ถูกยกเลิก
ไปก่อนที่จะผ่านวาระการประชุมเสมอ  

การประชุมเริ่มดำเนินการช้าลง    จนกระทั่งชายหนุ่มผู้หนึ่งซี่งทำ
หน้าที่เป็นผู้ช่วยของแผนกบุคคลและได้นั่งเงียบมาตลอด ได้ขอ
แสดงความคิดเห็นของเขาบ้าง      เขาอธิบายความเห็นของเขา
อย่างสั้น ๆ และกินเวลาครู่เดียว     ทุกคนในที่ประชุมเห็นด้วยกับ
ข้อเสนอของเขาทันที    หลังจากนั้นสองสามสัปดาห์ก็ไม่มีเสียง
บ่นจากผู้ใช้ลิฟต์อีกเลย      ปัญหาต่าง ๆ ได้หมดไปอย่างสิ้นเชิง
นอกจากนี้ค่าใช้จ่ายในการแก้ปัญหาก็น้อยมาก

วิธีการที่ทางผู้จัดการใช้คือ      เขาได้ติดตั้งกระจกขนาดใหญ่บน
ผนังข้าง ๆ ลิฟต์ของทุก ๆ ชั้น    ชายหนุ่มสมองใสคนนั้นใช้หลัก
จิตวิทยาเข้าช่วยในการคำนึงถึงสาเหตุที่คนบ่นว่าลิฟต์ช้า    เขา
คิดว่าความเบื่อหน่ายในการรอลิฟต์เป็นสาเหตุดังกล่าว   แท้จริง
แล้วช่วงเวลาที่คนเหล่านี้รอลิฟต์ค่อนข้างน้อยมาก   แต่พวกเขา
คิดว่านาน เพราะพวกเขาไม่มีอะไรทำในระหว่างที่ยืนรออยู่

ชายหนุ่มคนนี้เสนอบางสิ่งบางอย่างให้คนพวกนี้ทำคือ    ให้พวก
เขามองดูตัวเองและผู้อื่น (โดยเฉพาะอย่างยิ่งเพศตรงข้าม)   ใน
กระจก     สิ่งนี้ทำให้ทุกคนที่รอลิฟต์มีอะไรบางสิ่งบางอย่างที่ไม่
เบื่อหน่ายทำ

ข้อคิด : ปัญหาหนึ่ง ๆ ย่อมมีวิธีแก้ไขได้หลายแบบเสมอ

ที่มา : http://blog.rmutp.ac.th/sukumal.w/2010/11/15
ภาพ : https://www.youtube.com/watch?v=1YDOGVCq8gM
#ThammanoonsFC
#เรื่องดีๆมีข้อคิด

Line : ts2502
Instagram : th.thamma

บุญที่ทำให้เป็นคน 'โกรธยาก‘ . ไม่ใช่บุญจากการให้ทรัพย์เป็นทาน แต่...เป็นบุญที่ต่อยอดจาก ทรัพยทานขึ้นมาเป็น 'อภัยทาน' กล่าวคือ เมื่อไม่หวงทรัพย์ได้ แล้ว ก็ควรที่จะฝึกเลิกหวงความแค้น ความพยาบาทอาฆาตด้วย . ผู้ไม่ฝึกอภัยไว้แต่เนิ่นๆ เรื่องเล็กก็ฉุนขาดอาละวาดได้หมด นาน ไปก็เป็นคนโกรธง่ายหายยาก • อยากเลิกนิสัยขี้หงุดหงิด โกรธง่ายหายยาก? . อารมณ์ขี้หงุดหงิด มักมีที่มาที่ไป คือไม่ได้อย่างใจแล้วขัดเคือง ง่าย สะท้อนให้เห็นว่าอยากเอาให้ได้อย่างใจมาก และอดกลั้น กับ 'คลื่นรบกวน' ได้ยาก . : ทางที่จะไม่หงุดหงิดง่าย คือ ทุกครั้งที่รู้สึก 'พุ่งๆ' เหมือนอยาก เอาให้ได้อย่างใจมากๆ ให้เตือนตัวเองว่า นี่คือรากฐานอย่างที่ สุดของความหงุดหงิดง่าย ขัดเคืองง่าย เพราะถ้าอยากสิบ โลก มักให้แค่หนึ่ง หรืออย่างเก่งก็ไม่ถึงห้า! . : เมื่อฉุกใจคิดได้ก็จะเห็นโทษของความอยากเอาให้ได้อย่างใจ จิตจะฉลาดขึ้นทีละนิด และใจเย็นกว่าเดิมทีละหน่อย . : ส่วนทางที่จะอดกลั้นกับคลื่นรบกวนได้มากขึ้น ก็คือเพิ่มเหตุปัจ จัยของ 'ความหนักแน่น' เช่น พูดคำไหนคำนั้น! แม้แต่ตั้งใจกับ ตัวเอง ถ้าเป็นเรื่องดี เป็นคุณประโยชน์ อย่างไรก็ต้องทำให้สำ เร็จ เช่น จะสวดอิติปิโสให้ได้ทุกวันเป็นเวลาหนึ่งเดือน ต่อให้ฟ้า ถล่มดินทลาย ก็ต้องหาเวลาสักสามนาทีมาสวดให้จงได้ . : ถ้าทำอย่างนี้ เราจะพบเครื่องรบกวน ทั้งภายนอกภายในมาลอง ใจมากมาย หากผ่านด่านสำเร็จ ก็เท่ากับฝึกเอาชนะคลื่นรบกวน ไม่แพ้คลื่นรบกวนง่ายๆแล้ว . : พอทำสำเร็จตามเป้าหมายที่วางไว้ จะรู้สึกว่า ใจหายหงุดหงิด ง่ายไปกว่าครึ่งตั้งแต่เดือนแรกทีเดียว! ที่มา : แชร์ธรรมนำชีวิต ภาพ : http://nopparatnakmusik.blogspot.com/2012/12/blog-post.html #ThammanoonsFC #เรื่องดีๆมีข้อคิด Line : ts2502 Instagram : th.thamma

บุญที่ทำให้เป็นคน 'โกรธยาก‘
.

ไม่ใช่บุญจากการให้ทรัพย์เป็นทาน   แต่...เป็นบุญที่ต่อยอดจาก
ทรัพยทานขึ้นมาเป็น 'อภัยทาน'  กล่าวคือ  เมื่อไม่หวงทรัพย์ได้
แล้ว ก็ควรที่จะฝึกเลิกหวงความแค้น ความพยาบาทอาฆาตด้วย
.
ผู้ไม่ฝึกอภัยไว้แต่เนิ่นๆ เรื่องเล็กก็ฉุนขาดอาละวาดได้หมด นาน
ไปก็เป็นคนโกรธง่ายหายยาก

• อยากเลิกนิสัยขี้หงุดหงิด โกรธง่ายหายยาก?
.
อารมณ์ขี้หงุดหงิด มักมีที่มาที่ไป คือไม่ได้อย่างใจแล้วขัดเคือง
ง่าย  สะท้อนให้เห็นว่าอยากเอาให้ได้อย่างใจมาก   และอดกลั้น
กับ 'คลื่นรบกวน' ได้ยาก
.
: ทางที่จะไม่หงุดหงิดง่าย คือ  ทุกครั้งที่รู้สึก 'พุ่งๆ' เหมือนอยาก
เอาให้ได้อย่างใจมากๆ   ให้เตือนตัวเองว่า นี่คือรากฐานอย่างที่
สุดของความหงุดหงิดง่าย ขัดเคืองง่าย  เพราะถ้าอยากสิบ โลก
มักให้แค่หนึ่ง  หรืออย่างเก่งก็ไม่ถึงห้า!
.
: เมื่อฉุกใจคิดได้ก็จะเห็นโทษของความอยากเอาให้ได้อย่างใจ
จิตจะฉลาดขึ้นทีละนิด และใจเย็นกว่าเดิมทีละหน่อย
.
: ส่วนทางที่จะอดกลั้นกับคลื่นรบกวนได้มากขึ้น ก็คือเพิ่มเหตุปัจ
จัยของ 'ความหนักแน่น'  เช่น   พูดคำไหนคำนั้น! แม้แต่ตั้งใจกับ
ตัวเอง ถ้าเป็นเรื่องดี  เป็นคุณประโยชน์    อย่างไรก็ต้องทำให้สำ
เร็จ เช่น จะสวดอิติปิโสให้ได้ทุกวันเป็นเวลาหนึ่งเดือน  ต่อให้ฟ้า
ถล่มดินทลาย ก็ต้องหาเวลาสักสามนาทีมาสวดให้จงได้
.
: ถ้าทำอย่างนี้ เราจะพบเครื่องรบกวน ทั้งภายนอกภายในมาลอง
ใจมากมาย   หากผ่านด่านสำเร็จ ก็เท่ากับฝึกเอาชนะคลื่นรบกวน
ไม่แพ้คลื่นรบกวนง่ายๆแล้ว
.
: พอทำสำเร็จตามเป้าหมายที่วางไว้   จะรู้สึกว่า  ใจหายหงุดหงิด
ง่ายไปกว่าครึ่งตั้งแต่เดือนแรกทีเดียว!

ที่มา : แชร์ธรรมนำชีวิต
ภาพ : http://nopparatnakmusik.blogspot.com/2012/12/blog-post.html
#ThammanoonsFC
#เรื่องดีๆมีข้อคิด

Line : ts2502
Instagram : th.thamma

กรุณาอ่านให้จบน่ะครับขอร้องต้นไม้ของเด็กน้อย นานมาแล้ว มีต้นแอปเปิลใหญ่อยู่ต้นนึง และก็มีเด็กผู้ชายตัวเล็กๆคนนึงชอบเข้ามาอยู่ใกล้ๆและเล่นรอบๆต้นไม้นี้ทุกๆวัน เขาปีนขึ้นไปบนยอดของต้นไม้ และก็กินผลแอปเปิล และก็นอนหลับไปภายใต้ร่มเงาของต้นแอปเปิล เขารักต้นไม้ และต้นไม้ก็รักเขา เวลาผ่านไป เด็กน้อยโตขึ้น และเขาไม่มาวิ่งเล่นรอบๆต้นไม้ทุกวันอีกแล้ว วันนึง เด็กน้อย กลับมาหาต้นไม้ เด็กน้อยดูเศร้า "มาหาฉัน และมาเล่นกับฉันเหรอ" ต้นไม้ถาม "ฉันไม่ใช่เด็กเล็กๆแล้วนะ ฉันไม่อยากเล่นรอบๆต้นไม้อีกแล้ว ฉันต้องการของเล่น ฉันอยากได้เงินไปซื้อของเล่น" เด็กน้อยตอบ "แต่ฉันไม่มีเงินจะให้ 4 ระยะเวลาเก็บลูกแอปเปิลของฉันไปขายสิ เพื่อเอาเงินไปซื้อของเล่น " ต้นไม้ตอบ เด็กน้อยตื่นเต้นมาก เขาเก็บลูกแอปเปิลไปหมด และจากไปอย่างมีความสุข หลังจากเขาเก็บแอปเปิลไปหมดแล้ว เขาไม่กลับมาหาต้นไม้อีกเลย ต้นไม้ดูเศร้า 6 ระยะเวลา วันหนึ่ง เด็กน้อยกลับมา เขาดูโตขึ้น ต้นไม้รู้สึกตื่นเต้นมาก "มาหาฉัน และมาเล่นกับฉันเหรอ" ต้นไม้ถาม "ฉันไม่มีเวลามาเล่นหรอก ฉันมีครอบครัวแล้ว ฉันต้องทำงานเพื่อครอบครัวของฉันเอง เราต้องการบ้าน ช่วยฉันได้ไหม" "แต่ฉันไม่มีบ้าน 3 ระยะเวลา ตัดกิ่งก้านของฉันไปสิ 4 ระยะเวลาเอาไปสร้างบ้าน" ดังนั้นเด็กน้อยตัดกิ่งก้านทั้งหมดของต้นไม้ไป และจากไปอย่างมีความสุข อีกครั้งที่ต้นไม้ถูกทิ้งให้เดียวดาย และเศร้า 4 ระยะเวลา วันหนึ่งในฤดูร้อน เด็กน้อยกลับมา ต้นไม้ดีใจมาก "มาหาฉัน และมาเล่นกับฉันเหรอ" ต้นไม้ถาม "เปล่า ฉันรู้สึกผิดหวังกับชีวิต และเริ่มแก่ขึ้น ฉันอยากแล่นเรือไปพักผ่อนไกลๆ ให้เรือฉันได้ไหม" "ใช้ลำต้นของฉันได้ เอาไปสร้างเรือ เพื่อหนูจะได้เล่นเรือไปและมีความสุข"ต้นไม้ตอบ ดังนั้น เด็กน้อยตัดลำต้นของต้นไม้ไปสร้างเรือ เขาล่องเรือไป และไม่เคยกลับมาอีกเลย หลายปีผ่านไป ในที่สุดเด็กน้อยกลับมา "ฉันเสียใจ เด็กน้อย ฉันไม่เหลืออะไรจะให้อีกแล้ว ไม่มีผลแอปเปิลให้ 4 ระยะเวลา" "ฉันไม่มีฟันจะกินแล้ว " "ฉันไม่มีลำต้นให้ปีนอีกแล้ว" "ฉันปีนไม่ไหวแล้ว ฉันแก่แล้ว" เด็กน้อยตอบ "ฉันไม่มีอะไรเหลือให้อีกแล้ว สิ่งเดียวที่เหลือ มีเพียงรากที่กำลังจะตาย" "ตอนนี้ฉันไม่ต้องการอะไรอีกแล้ว แค่อยากได้ที่พักพิง ฉันเหนื่อยมาหลายปีแล้ว" "รากของต้นไม้แก่ๆ จะเป็นที่พักพิงของหนูได้ 6 ระยะเวลา มาสิ นั่งลงข้างๆฉัน 3 ระยะเวลาหลับให้สบาย 5 ระยะเวลา" เด็กน้อยนั่งลงข้างๆ ต้นไม้ดีใจ ยิ้ม 3 ระยะเวลาและน้ำตาไหล 8 ระยะเวลา นี่เป็นเรื่องสำหรับทุกๆคน ต้นไม้ในเรื่องคือพ่อแม่ เมื่อเราเป็นเด็กตัวเล็กๆ เรารักที่จะเล่นกับพ่อและแม่ 4 ระยะเวลา เมื่อเราโตขึ้น เราทอดทิ้งพ่อและแม่ และกลับมาหาท่านเมื่อเราต้องการบางสิ่งบางอย่าง หรือเมื่อเรามีปัญหา ไม่ว่าอย่างไร พ่อและแม่ของเราก็จะอยู่และให้ทุกสิ่งทุกอย่างที่ท่านทำได้ หวังเพียงเรามีความสุข คุณอาจจะคิดว่า "เด็กน้อย" ในเรื่องโหดร้าย แต่นั่นคือความจริงที่สะท้อนให้เห็นว่าพวกเราทำกับท่านอย่างไร 8 ระยะเวลา แล้วต้นไม้ของคุณล่ะ 7 ระยะเวลา เด็กน้อย 5 ระยะเวลา 3 เครื่องหมายคำถาม

กรุณาอ่านให้จบน่ะครับขอร้องต้นไม้ของเด็กน้อย

นานมาแล้ว มีต้นแอปเปิลใหญ่อยู่ต้นนึง
และก็มีเด็กผู้ชายตัวเล็กๆคนนึงชอบเข้ามาอยู่ใกล้ๆและเล่นรอบๆต้นไม้นี้ทุกๆวัน
เขาปีนขึ้นไปบนยอดของต้นไม้ และก็กินผลแอปเปิล และก็นอนหลับไปภายใต้ร่มเงาของต้นแอปเปิล
เขารักต้นไม้ และต้นไม้ก็รักเขา
เวลาผ่านไป เด็กน้อยโตขึ้น และเขาไม่มาวิ่งเล่นรอบๆต้นไม้ทุกวันอีกแล้ว

วันนึง เด็กน้อย กลับมาหาต้นไม้ เด็กน้อยดูเศร้า

"มาหาฉัน และมาเล่นกับฉันเหรอ" ต้นไม้ถาม
"ฉันไม่ใช่เด็กเล็กๆแล้วนะ ฉันไม่อยากเล่นรอบๆต้นไม้อีกแล้ว ฉันต้องการของเล่น
ฉันอยากได้เงินไปซื้อของเล่น" เด็กน้อยตอบ

"แต่ฉันไม่มีเงินจะให้  4 ระยะเวลาเก็บลูกแอปเปิลของฉันไปขายสิ เพื่อเอาเงินไปซื้อของเล่น " ต้นไม้ตอบ
เด็กน้อยตื่นเต้นมาก เขาเก็บลูกแอปเปิลไปหมด และจากไปอย่างมีความสุข
หลังจากเขาเก็บแอปเปิลไปหมดแล้ว เขาไม่กลับมาหาต้นไม้อีกเลย

ต้นไม้ดูเศร้า 6 ระยะเวลา

วันหนึ่ง เด็กน้อยกลับมา เขาดูโตขึ้น ต้นไม้รู้สึกตื่นเต้นมาก
"มาหาฉัน และมาเล่นกับฉันเหรอ" ต้นไม้ถาม
"ฉันไม่มีเวลามาเล่นหรอก ฉันมีครอบครัวแล้ว ฉันต้องทำงานเพื่อครอบครัวของฉันเอง
เราต้องการบ้าน ช่วยฉันได้ไหม"
"แต่ฉันไม่มีบ้าน 3 ระยะเวลา ตัดกิ่งก้านของฉันไปสิ  4 ระยะเวลาเอาไปสร้างบ้าน"
ดังนั้นเด็กน้อยตัดกิ่งก้านทั้งหมดของต้นไม้ไป และจากไปอย่างมีความสุข

อีกครั้งที่ต้นไม้ถูกทิ้งให้เดียวดาย และเศร้า 4 ระยะเวลา

วันหนึ่งในฤดูร้อน เด็กน้อยกลับมา ต้นไม้ดีใจมาก
"มาหาฉัน และมาเล่นกับฉันเหรอ" ต้นไม้ถาม
"เปล่า ฉันรู้สึกผิดหวังกับชีวิต และเริ่มแก่ขึ้น ฉันอยากแล่นเรือไปพักผ่อนไกลๆ ให้เรือฉันได้ไหม"
"ใช้ลำต้นของฉันได้ เอาไปสร้างเรือ เพื่อหนูจะได้เล่นเรือไปและมีความสุข"ต้นไม้ตอบ
ดังนั้น เด็กน้อยตัดลำต้นของต้นไม้ไปสร้างเรือ เขาล่องเรือไป และไม่เคยกลับมาอีกเลย

หลายปีผ่านไป ในที่สุดเด็กน้อยกลับมา
"ฉันเสียใจ เด็กน้อย ฉันไม่เหลืออะไรจะให้อีกแล้ว ไม่มีผลแอปเปิลให้  4 ระยะเวลา"
"ฉันไม่มีฟันจะกินแล้ว "
"ฉันไม่มีลำต้นให้ปีนอีกแล้ว"

"ฉันปีนไม่ไหวแล้ว ฉันแก่แล้ว" เด็กน้อยตอบ
"ฉันไม่มีอะไรเหลือให้อีกแล้ว สิ่งเดียวที่เหลือ มีเพียงรากที่กำลังจะตาย"

"ตอนนี้ฉันไม่ต้องการอะไรอีกแล้ว แค่อยากได้ที่พักพิง ฉันเหนื่อยมาหลายปีแล้ว"
"รากของต้นไม้แก่ๆ จะเป็นที่พักพิงของหนูได้  6 ระยะเวลา มาสิ นั่งลงข้างๆฉัน  3 ระยะเวลาหลับให้สบาย 5 ระยะเวลา"

เด็กน้อยนั่งลงข้างๆ ต้นไม้ดีใจ ยิ้ม 3 ระยะเวลาและน้ำตาไหล 8 ระยะเวลา

นี่เป็นเรื่องสำหรับทุกๆคน ต้นไม้ในเรื่องคือพ่อแม่
เมื่อเราเป็นเด็กตัวเล็กๆ เรารักที่จะเล่นกับพ่อและแม่ 4 ระยะเวลา
เมื่อเราโตขึ้น เราทอดทิ้งพ่อและแม่ และกลับมาหาท่านเมื่อเราต้องการบางสิ่งบางอย่าง หรือเมื่อเรามีปัญหา
ไม่ว่าอย่างไร พ่อและแม่ของเราก็จะอยู่และให้ทุกสิ่งทุกอย่างที่ท่านทำได้ หวังเพียงเรามีความสุข

คุณอาจจะคิดว่า "เด็กน้อย" ในเรื่องโหดร้าย
แต่นั่นคือความจริงที่สะท้อนให้เห็นว่าพวกเราทำกับท่านอย่างไร  8 ระยะเวลา

แล้วต้นไม้ของคุณล่ะ  7 ระยะเวลา เด็กน้อย  5 ระยะเวลา 3 เครื่องหมายคำถาม