วันพุธที่ 30 พฤศจิกายน พ.ศ. 2559

ลิฟท์ช้า ผู้จัดการของตึกสำนักงานใหญ่แห่งหนึ่ง ได้รับคำตำหนิอย่างมาก เกี่ยวกับความเชื่องช้าของลิฟต์ในตึก โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วง เวลางาน เนื่องจากบางบริษัทที่เช่าสำนักงานอยู่ในตึกนี้ ขู่ว่าจะ ย้ายไปอยู่ที่อื่น ถ้าหากทางผู้จัดการยังไม่แก้ไขปัญหาดังกล่าว ทางผู้จัดการจึงตัดสินใจว่า จะต้องแก้ไขปัญหานี้ให้เสร็จสิ้นโดย เร็ว ผู้จัดการได้เรียกประชุมกลุ่มวิศวกรที่ปรึกษาที่มีความชำนาญ ในการออกแบบระบบลิฟต์ หลังจากที่พวกเขาสำรวจเหตุการณ์ที่ เกิดขึ้นแล้ว ทางวิศวกรที่ปรึกษา จึงได้เสนอวิธีแก้ไขด้วยกัน 3 แบบ คือ 1. เพิ่มจำนวนลิฟต์ 2. เปลี่ยนลิฟต์ที่มีอยู่บางตัวด้วยลิฟต์ที่วิ่งเร็วกว่า 3. ติดตั้งระบบควบคุมคอมพิวเตอร์เพื่อใช้ควบคุมการทำงานของ ลิฟต์ทั้งหมดให้เร็วขึ้น ทางวิศวกรที่ปรึกษาได้คำนวณค่าใช้จ่ายและประโยชน์ โดยวิธี การทั้ง 3 ข้อนี้ พวกเขาสรุปได้ว่า การเพิ่มจำนวนลิฟต์หรือการ เปลี่ยนลิฟต์ที่มีอยู่บางตัวด้วยลิฟต์ที่วิ่งเร็วกว่าเท่านั้น ที่สามารถ ทำให้การบริการดีกว่าเดิม แต่ว่าต้นทุนของวิธีการทั้งสองสูงกว่า ประโยชน์ ที่ทางผู้จัดการจะได้รับมาก ดังนั้นถ้ากล่าวกันจริงๆ แล้ว ไม่มีวิธีใดที่ดีพอที่ควรจะใช้เลย บรรดาวิศวกรจึงปล่อยให้ผู้ จัดการตึกเป็นคนตัดสินใจปัญหาเอง ผู้จัดการตึกจึงเรียกประชุมบรรดาลูกจ้างทุกคน เพื่อขอความคิด เห็น ว่ากันตามจริงแล้วผู้จัดการน้อยคนนัก ที่จะปฏิบัติเช่นผู้จัด การตึกท่านนี้ เขาพูดถึงปัญหาของลิฟต์ให้บรรดาลูกจ้างฟังและ ขอความคิดเห็นจากลูกจ้างที่เข้าประชุม ได้มีผู้แสดงความคิด เห็นและให้ข้อแนะนำหลายอย่าง แต่ว่าข้อคิดเห็นนั้นก็ถูกยกเลิก ไปก่อนที่จะผ่านวาระการประชุมเสมอ การประชุมเริ่มดำเนินการช้าลง จนกระทั่งชายหนุ่มผู้หนึ่งซี่งทำ หน้าที่เป็นผู้ช่วยของแผนกบุคคลและได้นั่งเงียบมาตลอด ได้ขอ แสดงความคิดเห็นของเขาบ้าง เขาอธิบายความเห็นของเขา อย่างสั้น ๆ และกินเวลาครู่เดียว ทุกคนในที่ประชุมเห็นด้วยกับ ข้อเสนอของเขาทันที หลังจากนั้นสองสามสัปดาห์ก็ไม่มีเสียง บ่นจากผู้ใช้ลิฟต์อีกเลย ปัญหาต่าง ๆ ได้หมดไปอย่างสิ้นเชิง นอกจากนี้ค่าใช้จ่ายในการแก้ปัญหาก็น้อยมาก วิธีการที่ทางผู้จัดการใช้คือ เขาได้ติดตั้งกระจกขนาดใหญ่บน ผนังข้าง ๆ ลิฟต์ของทุก ๆ ชั้น ชายหนุ่มสมองใสคนนั้นใช้หลัก จิตวิทยาเข้าช่วยในการคำนึงถึงสาเหตุที่คนบ่นว่าลิฟต์ช้า เขา คิดว่าความเบื่อหน่ายในการรอลิฟต์เป็นสาเหตุดังกล่าว แท้จริง แล้วช่วงเวลาที่คนเหล่านี้รอลิฟต์ค่อนข้างน้อยมาก แต่พวกเขา คิดว่านาน เพราะพวกเขาไม่มีอะไรทำในระหว่างที่ยืนรออยู่ ชายหนุ่มคนนี้เสนอบางสิ่งบางอย่างให้คนพวกนี้ทำคือ ให้พวก เขามองดูตัวเองและผู้อื่น (โดยเฉพาะอย่างยิ่งเพศตรงข้าม) ใน กระจก สิ่งนี้ทำให้ทุกคนที่รอลิฟต์มีอะไรบางสิ่งบางอย่างที่ไม่ เบื่อหน่ายทำ ข้อคิด : ปัญหาหนึ่ง ๆ ย่อมมีวิธีแก้ไขได้หลายแบบเสมอ ที่มา : http://blog.rmutp.ac.th/sukumal.w/2010/11/15 ภาพ : https://www.youtube.com/watch?v=1YDOGVCq8gM #ThammanoonsFC #เรื่องดีๆมีข้อคิด Line : ts2502 Instagram : th.thamma

ลิฟท์ช้า

ผู้จัดการของตึกสำนักงานใหญ่แห่งหนึ่ง ได้รับคำตำหนิอย่างมาก
เกี่ยวกับความเชื่องช้าของลิฟต์ในตึก  โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วง
เวลางาน   เนื่องจากบางบริษัทที่เช่าสำนักงานอยู่ในตึกนี้ ขู่ว่าจะ
ย้ายไปอยู่ที่อื่น     ถ้าหากทางผู้จัดการยังไม่แก้ไขปัญหาดังกล่าว
ทางผู้จัดการจึงตัดสินใจว่า  จะต้องแก้ไขปัญหานี้ให้เสร็จสิ้นโดย
เร็ว ผู้จัดการได้เรียกประชุมกลุ่มวิศวกรที่ปรึกษาที่มีความชำนาญ
ในการออกแบบระบบลิฟต์  หลังจากที่พวกเขาสำรวจเหตุการณ์ที่
เกิดขึ้นแล้ว   ทางวิศวกรที่ปรึกษา   จึงได้เสนอวิธีแก้ไขด้วยกัน 3
แบบ คือ

1. เพิ่มจำนวนลิฟต์
2. เปลี่ยนลิฟต์ที่มีอยู่บางตัวด้วยลิฟต์ที่วิ่งเร็วกว่า
3. ติดตั้งระบบควบคุมคอมพิวเตอร์เพื่อใช้ควบคุมการทำงานของ
ลิฟต์ทั้งหมดให้เร็วขึ้น

ทางวิศวกรที่ปรึกษาได้คำนวณค่าใช้จ่ายและประโยชน์    โดยวิธี
การทั้ง 3 ข้อนี้  พวกเขาสรุปได้ว่า    การเพิ่มจำนวนลิฟต์หรือการ
เปลี่ยนลิฟต์ที่มีอยู่บางตัวด้วยลิฟต์ที่วิ่งเร็วกว่าเท่านั้น ที่สามารถ
ทำให้การบริการดีกว่าเดิม แต่ว่าต้นทุนของวิธีการทั้งสองสูงกว่า
ประโยชน์  ที่ทางผู้จัดการจะได้รับมาก     ดังนั้นถ้ากล่าวกันจริงๆ
แล้ว ไม่มีวิธีใดที่ดีพอที่ควรจะใช้เลย บรรดาวิศวกรจึงปล่อยให้ผู้
จัดการตึกเป็นคนตัดสินใจปัญหาเอง

ผู้จัดการตึกจึงเรียกประชุมบรรดาลูกจ้างทุกคน   เพื่อขอความคิด
เห็น   ว่ากันตามจริงแล้วผู้จัดการน้อยคนนัก  ที่จะปฏิบัติเช่นผู้จัด
การตึกท่านนี้   เขาพูดถึงปัญหาของลิฟต์ให้บรรดาลูกจ้างฟังและ
ขอความคิดเห็นจากลูกจ้างที่เข้าประชุม     ได้มีผู้แสดงความคิด
เห็นและให้ข้อแนะนำหลายอย่าง  แต่ว่าข้อคิดเห็นนั้นก็ถูกยกเลิก
ไปก่อนที่จะผ่านวาระการประชุมเสมอ  

การประชุมเริ่มดำเนินการช้าลง    จนกระทั่งชายหนุ่มผู้หนึ่งซี่งทำ
หน้าที่เป็นผู้ช่วยของแผนกบุคคลและได้นั่งเงียบมาตลอด ได้ขอ
แสดงความคิดเห็นของเขาบ้าง      เขาอธิบายความเห็นของเขา
อย่างสั้น ๆ และกินเวลาครู่เดียว     ทุกคนในที่ประชุมเห็นด้วยกับ
ข้อเสนอของเขาทันที    หลังจากนั้นสองสามสัปดาห์ก็ไม่มีเสียง
บ่นจากผู้ใช้ลิฟต์อีกเลย      ปัญหาต่าง ๆ ได้หมดไปอย่างสิ้นเชิง
นอกจากนี้ค่าใช้จ่ายในการแก้ปัญหาก็น้อยมาก

วิธีการที่ทางผู้จัดการใช้คือ      เขาได้ติดตั้งกระจกขนาดใหญ่บน
ผนังข้าง ๆ ลิฟต์ของทุก ๆ ชั้น    ชายหนุ่มสมองใสคนนั้นใช้หลัก
จิตวิทยาเข้าช่วยในการคำนึงถึงสาเหตุที่คนบ่นว่าลิฟต์ช้า    เขา
คิดว่าความเบื่อหน่ายในการรอลิฟต์เป็นสาเหตุดังกล่าว   แท้จริง
แล้วช่วงเวลาที่คนเหล่านี้รอลิฟต์ค่อนข้างน้อยมาก   แต่พวกเขา
คิดว่านาน เพราะพวกเขาไม่มีอะไรทำในระหว่างที่ยืนรออยู่

ชายหนุ่มคนนี้เสนอบางสิ่งบางอย่างให้คนพวกนี้ทำคือ    ให้พวก
เขามองดูตัวเองและผู้อื่น (โดยเฉพาะอย่างยิ่งเพศตรงข้าม)   ใน
กระจก     สิ่งนี้ทำให้ทุกคนที่รอลิฟต์มีอะไรบางสิ่งบางอย่างที่ไม่
เบื่อหน่ายทำ

ข้อคิด : ปัญหาหนึ่ง ๆ ย่อมมีวิธีแก้ไขได้หลายแบบเสมอ

ที่มา : http://blog.rmutp.ac.th/sukumal.w/2010/11/15
ภาพ : https://www.youtube.com/watch?v=1YDOGVCq8gM
#ThammanoonsFC
#เรื่องดีๆมีข้อคิด

Line : ts2502
Instagram : th.thamma

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น