ช่อดอกไม้โง่ๆ ในวันที่สายไป
มันเป็นคำถามที่เราสงสัยมาตลอดว่าผู้หญิงประทับใจอะไรหนักหนากับช่อดอกไม้โตๆ
แค่ตื่นขึ้นมามันก็เหี่ยวและต้องทิ้งไปเสียแล้ว ทำไมถึงไม่อยากได้อะไรที่คงอยู่ตลอดไป อะไรที่เมื่อมองเห็นมันจะทำให้นึกถึงวันนั้นได้ทุกครั้ง
เรามักจะทำของให้แฟนด้วยตัวเองเสมอในโอกาสต่างๆ เพราะเราคิดว่ามันคือความความใส่ใจที่มากกว่าการเดินไปที่ร้าน และซื้อมันกลับมาอย่างง่ายดาย และแน่นอนเราไม่เคยซื้อดอกไม้ให้เลยแม้แต่ครั้งเดียว
เราไม่ใช่คนโรแมนติกอะไรมากนัก แต่เราแค่ขี้เกียจเสียตัง และพวกงานฝีมือก็ไม่ได้ยากเกินความสามารถของเราเท่าไหร่
ครั้งหนึ่ง เราเคยนั่งทำถ้วยรางวัลด้วยตัวเองเผื่อว่าแฟนเราจะอดได้รางวัลประกวดหลีดตอนปี 1 อย่างน้อยก็ยังจะมีถ้วยรางวัลของเราเป็นรางวัลปลอบใจ หรือแม้แต่ในวันวาเลนไทน์เราก็ยังเลือกที่จะพับดอกไม้ด้วยตัวเองเพราะอยากให้มันเก็บไว้ได้ตลอดไป
พวงมาลัยคือสิ่งที่ใกล้เคียงกับดอกไม้จริงที่สุดที่เราเคยให้แฟนในวันแสดงละครเวทีตอนปี 3 เพราะเราคิดว่ามันเข้ากับธีมไทยๆของเรื่องดี
ถึงแฟนเราจะดีใจพร้อมกับลุ้นทุกครั้งว่ารอบนี้เราจะสรรหาอะไรมาให้อีก แต่ก็แอบมีบ่นบ้างว่าบางทีเราก็แค่อยากได้ดอกไม้ช่อโตๆแบบคนอื่นเขาบ้าง
เราก็ตั้งใจอย่างนั้นว่าครั้งหน้าที่มีโอกาส การรอคอยของแฟนเราจะสิ้นสุดลง เพราะรอบนี้เราจะซื้อดอกไม้ช่อเท่าควายเอาให้มันสมใจอยากไปเลย แต่โชคไม่ดีนักที่เรายังไม่ทันได้ทำ
เราเลิกกันไปเสียก่อนที่จะมีโอกาสได้ทำแบบนั้น และนับตั้งแต่ท่อนนี้ไปเราคงต้องเปลี่ยนสรรพนามเรียกแทนคนคนนั้นว่า แฟนเก่า
1 ปีผ่านไปกับการไม่พบเจอกันอีกเลยและบทสนทนาที่นับคำได้ผ่านตัวอักษร นับตั้งแต่เลิกกัน เราตัดสินใจไปงานรับปริญญาตามคำชวนของแฟนเก่า พร้อมความตั้งใจที่จะซื้อดอกไม้ที่ติดค้างไว้ไปให้สักที
แต่เราก็ยังคงเป็นเรา เรายังคงมีของที่ทำให้แปลกใจได้เสมอ เราจัดการซื้อของกินทุกอย่างที่แฟนเก่าเราชอบยัดใส่ถุงกระดาษที่เลือกซื้อมาอย่างดีและมันต้องชอบแน่ๆ แม้แต่กระป๋องน้ำเขียว และก๋วยเตี๋ยวจากฮะจิบัง เราก็ใส่มันลงไปด้วย
เราใส่มันไปพร้อมกับนาฬิกาเรือนนึงที่เขาเคยฝากให้เปลี่ยนสายไว้เมื่อนานมาแล้ว เราจัดการเดินไปเปลี่ยนมันที่ร้าน และเลือกสายอย่างดีด้วยสีดำด้านเรียบไม่มีลวดลายแบบเดิมที่มันชอบ แถมเรายังเตรียมคำพูดเท่ๆตอนที่จะให้เอาไว้ด้วย "เราเอาเวลามาคืนให้" ต้องมีซึ้งกันบ้างละงานนี้
และแน่นอน เราไม่ลืมดอกไม้
เราตัดสินใจคว้าช่อดอกไม้แบบสุ่มๆที่มาขายหน้า ม. ติดมือไปด้วยก่อนจะที่เดินเข้ารั้วมหาวิทยาลัยที่คุ้นเคย
ตื่นเต้นซะยิ่งกว่าตอนไปกินข้าวด้วยกันครั้งแรกเสียอีกเว้ย 1 ปีที่เราเกือบลืมบริบทต่างๆของแฟนเก่าไปหมดแล้ว หน้าตา ท่าทาง น้ำเสียง คำที่ชอบพูด เราจำมันไม่ค่อยได้แล้ว
ได้เจอกันเสียที
เรารัวสิ่งของที่เตรียมมาให้แบบไม่ยั้ง พร้อมกับใจที่เต้นรัวไม่ต่างกัน อย่างกับเราไม่เคยเจอกันมาก่อน
สำเร็จ! เราทำแม่งร้องไห้ได้
แฟนเก่าเราบ่อน้ำตาแตกแบบชุดใหญ่ แต่นั่นไม่ใช่เพราะของกินหรือนาฬิกาที่เลือกมาให้อย่างพิถีพิถันเลยแม้แต่น้อย
มันเป็นเพราะดอกไม้ช่อนั้นช่อเดียว ดอกไม้ที่เราซื้อมามั่วๆ จากหน้า ม. ที่ขอแม่ค้าต่อราคาก็ไม่ได้
ช่อดอกไม้โง่ๆที่เราดูถูกมาตลอดเวลา 4 ปี ที่คบกัน
ใครจะรู้ว่านี่คือดอกไม้ช่อเดียวที่มันได้รับในวันนั้น และที่ตลกกว่าคือมันเสือกเป็นดอกไม้ที่มาจากแฟนเก่าที่เลิกกันไปปีนึงและไม่เคยเจอกันอีกเลยตั้งแต่นั้น
เรายังคงรู้เสมอว่ามันชอบอะไร อะไรจะทำให้มันอ่อนไหวและร้องไห้กับสิ่งนั้นได้
สุดท้ายเมื่อถึงบรรทัดนี้ หลายคนคงจะคิดว่าเรื่องนี้จะจบลงอย่างแฮปปี้ เหมือนเอ็มวีซึ้งๆ แต่ขอโทษด้วยที่ทำให้ผิดหวัง
เรายังคงต่างใช้ชีวิตของตัวเองต่อไปในทางที่เลือกเดิน อันที่จริงเราต่างก็ไม่ได้ตั้งใจจะคืนดีกันอยู่แล้วตั้งแต่แรก ทั้งหมดวันนี้มันก็แค่การร่วมแสดงความยินดีในวันที่สำคัญ และการทำในสิ่งที่ยังติดค้างไว้
ในวันที่สายไป
แต่เราเรียนรู้อย่างนึงว่าคุณค่าของการให้ของสักอย่างกับคนที่เรารัก มันไม่ได้ขึ้นอยู่กับความตั้งใจ ความยากลำบากและเวลาที่เราใช้ไปกับการหามันมาเพียงอย่างเดียว
การให้ในสิ่งของง่ายๆ แต่เป็นสิ่งที่เขาต้องการ มันก็คือความตั้งใจชนิดหนึ่ง ที่ตั้งใจจะทำให้คนที่เรารักมีความสุข และมันมีคุณค่าไม่ต่างกันเลย
เรารู้แล้วว่าช่อดอกไม้โง่ๆ แม้มันจะเหี่ยวเฉาในหนึ่งวัน แต่ความรู้สึกเมื่อเราได้นำมันมาเป็นองค์ประกอบในช่วงเวลาที่น่าจดจำจะเบ่งบานในความทรงจำไปตลอดกาล
ช่อดอกไม้น่ะไม่ได้โง่ เราเองนี่แหละที่โง่ ที่พึ่งเข้าใจความหมายของมัน
อ่อ อย่าทำอะไรในวันที่สายไป (ประโยคนี้แฟนเก่าเราฝากเพิ่มมา)
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น