วันอาทิตย์ที่ 20 พฤศจิกายน พ.ศ. 2559

กำลังนั่งเล่นคอมอยู่ อยู่ๆ ก็มีคนเอาเงินมาให้ถึงที่ ... ผมมองเห็นเงินกองนี้ ก็มานึกคิดว่า เอ้ยทำไมเงินมันหาง่ายจังวะ ... คิดถึงก็วิ่งมา แล้วพลันคิดถึงสมัยเด็กขึ้นมาทันที เมื่อครั้งนั้นสมัยมัธยมต้น #ตอนมัธยมเราคุยกันเรื่องเงินค่าข้าวไปโรงเรียน เอ้ยเองได้เงินไปโรงเรียนวันละกี่บาท คำถามของเพื่อนคนหนึ่ง ... ส่วนเพื่อนอีกคนก็ตอบ ...วันนี้ได้มาเยอะหน่อยว่ะ 25 บาท ปกติได้วันละ 20 บาท ส่วนนั้นคือคำตอบของเพื่อนผม เพราะพวกเขาได้ไปอาทิตย์ละ 100 ถึง 150 บาทกัน แต่ผมได้ไปอาทิตย์ละ 80 บาท วันหนึ่งก็เฉลี่ยใช้เพียง 16 บาท บางอาทิตย์แม่ไม่มีเงินก็ต้องวิ่งไปหยิบยืมเงินจากข้างบ้านเพื่อให้ลูกได้ไปโรงเรียน ผมเรียนรู้ที่จะบริหารเงินที่มีมูลค่าต่ำกว่าเพื่อนๆ มาตั้งแต่มัธยม ผมไม่เคยแคร์เลยว่าจำนวนเงินที่น้อยกว่าเพื่อนมันจะเป็นข้อด้อยตรงไหน หรือเพื่อนบางคนอาจจะได้ต่ำกว่าเราก็มีนะ ... เมนูมื้อเที่ยงผมเลือกเป็น ก๋วยจั๊บญวนแบบอิสานแทบทุกวัน เพราะมันแค่ 5 บาท ส่วนถ้าเลือกทานข้าวราดแกงก็ 7-10 บาท ซึ่งผมจำเป็นต้องเผื่อเหลือซื้อน้ำอัดลมใส่น้ำแข็งเท่ห์ๆ ไว้ดูดเดินเล่นในโรงเรียนกับเพื่อนไว้บ้าง ... ในเมื่อเพื่อนๆ มีเงินไปมากกว่าผม เขาก็ทานข้าวเหมือนผม ผมว่าพวกเขาก็น่าจะมีเงินเหลือเยอะบ้างละน่า ขนาดผมยังอยู่รอดได้เลยเพียงใช้เงินแค่ 16 บาทต่อวัน ... ระหว่างนั้นก็ก่อเกิดธุรกิจเล็กๆ ขึ้นมา คือการตัดสติ๊กเกอร์ขายภายในโรงเรียน ผมเริ่มลงทุนซื้อสติกเกอร์มาตัด ซื้อม้วนใหญ่มาแค่ 30 บาท 2-3 ม้วน ตัดแบ่งขายก็ได้ 30-40 ชิ้นเลย ถ้าตัดหมดทั้งแผ่น ช่วงแรกก็ตัดติดกระเป๋านักเรียนตัวเองเท่ห์ๆ ไปโชว์ก่อน หลังๆ มาเพื่อนเห็น ก็เกิดเป็นธุรกิจขนาดย่อมขึ้นมาทันที ผมเริ่มได้ค่าขนมเพิ่มวันละ 5 บาท 10 บาท บางวันออเดอร์เยอะหน่อย ก็ตัดมาขายเพื่อนๆ ได้ถึง 20-30 บาทต่อวัน สรุปผมก็กลับกลายมาเป็นคนร่ำรวยมากกว่าเพื่อนจนได้ มีเงินไม่ขาดมือในระหว่างเรียนมัธยม แต่ถึงจะมีเงินเพิ่มขึ้น ผมก็ยังเลือกเมนูมื้อเที่ยงเป็นก๋วยจั๊บญวนแบบอิสานอยู่ดี เพราะผมจะได้มีเงินไปลงทุนซื้อสติกเกอร์สีใหม่ต่อ เพื่อเพิ่มทางเลือกให้ลูกค้ามากขึ้น #บทความนี้เกิดขึ้นจริง และถ้าใครอ่านจนถึงบรรทัดนี้ ก็โปรดจงรู้ว่า คนเราไม่จำเป็นต้องมีใครคอยบอกว่าเราควรทำอะไร แต่เราต้องคอยบอกตัวเองว่าเราควรทำอะไร และเราจะมีช่องทางในการหารายได้ขึ้นมาเอง

กำลังนั่งเล่นคอมอยู่ อยู่ๆ ก็มีคนเอาเงินมาให้ถึงที่ ...
ผมมองเห็นเงินกองนี้ ก็มานึกคิดว่า เอ้ยทำไมเงินมันหาง่ายจังวะ ... คิดถึงก็วิ่งมา แล้วพลันคิดถึงสมัยเด็กขึ้นมาทันที เมื่อครั้งนั้นสมัยมัธยมต้น
#ตอนมัธยมเราคุยกันเรื่องเงินค่าข้าวไปโรงเรียน เอ้ยเองได้เงินไปโรงเรียนวันละกี่บาท คำถามของเพื่อนคนหนึ่ง ... ส่วนเพื่อนอีกคนก็ตอบ ...วันนี้ได้มาเยอะหน่อยว่ะ 25 บาท ปกติได้วันละ 20 บาท ส่วนนั้นคือคำตอบของเพื่อนผม เพราะพวกเขาได้ไปอาทิตย์ละ 100 ถึง 150 บาทกัน แต่ผมได้ไปอาทิตย์ละ 80 บาท วันหนึ่งก็เฉลี่ยใช้เพียง 16 บาท บางอาทิตย์แม่ไม่มีเงินก็ต้องวิ่งไปหยิบยืมเงินจากข้างบ้านเพื่อให้ลูกได้ไปโรงเรียน ผมเรียนรู้ที่จะบริหารเงินที่มีมูลค่าต่ำกว่าเพื่อนๆ มาตั้งแต่มัธยม ผมไม่เคยแคร์เลยว่าจำนวนเงินที่น้อยกว่าเพื่อนมันจะเป็นข้อด้อยตรงไหน หรือเพื่อนบางคนอาจจะได้ต่ำกว่าเราก็มีนะ ... เมนูมื้อเที่ยงผมเลือกเป็น ก๋วยจั๊บญวนแบบอิสานแทบทุกวัน เพราะมันแค่ 5 บาท ส่วนถ้าเลือกทานข้าวราดแกงก็ 7-10 บาท ซึ่งผมจำเป็นต้องเผื่อเหลือซื้อน้ำอัดลมใส่น้ำแข็งเท่ห์ๆ ไว้ดูดเดินเล่นในโรงเรียนกับเพื่อนไว้บ้าง ... ในเมื่อเพื่อนๆ มีเงินไปมากกว่าผม เขาก็ทานข้าวเหมือนผม ผมว่าพวกเขาก็น่าจะมีเงินเหลือเยอะบ้างละน่า ขนาดผมยังอยู่รอดได้เลยเพียงใช้เงินแค่ 16 บาทต่อวัน ... ระหว่างนั้นก็ก่อเกิดธุรกิจเล็กๆ ขึ้นมา คือการตัดสติ๊กเกอร์ขายภายในโรงเรียน ผมเริ่มลงทุนซื้อสติกเกอร์มาตัด ซื้อม้วนใหญ่มาแค่ 30 บาท 2-3 ม้วน ตัดแบ่งขายก็ได้ 30-40 ชิ้นเลย ถ้าตัดหมดทั้งแผ่น ช่วงแรกก็ตัดติดกระเป๋านักเรียนตัวเองเท่ห์ๆ ไปโชว์ก่อน หลังๆ มาเพื่อนเห็น ก็เกิดเป็นธุรกิจขนาดย่อมขึ้นมาทันที ผมเริ่มได้ค่าขนมเพิ่มวันละ 5 บาท 10 บาท บางวันออเดอร์เยอะหน่อย ก็ตัดมาขายเพื่อนๆ ได้ถึง 20-30 บาทต่อวัน สรุปผมก็กลับกลายมาเป็นคนร่ำรวยมากกว่าเพื่อนจนได้ มีเงินไม่ขาดมือในระหว่างเรียนมัธยม แต่ถึงจะมีเงินเพิ่มขึ้น ผมก็ยังเลือกเมนูมื้อเที่ยงเป็นก๋วยจั๊บญวนแบบอิสานอยู่ดี เพราะผมจะได้มีเงินไปลงทุนซื้อสติกเกอร์สีใหม่ต่อ เพื่อเพิ่มทางเลือกให้ลูกค้ามากขึ้น #บทความนี้เกิดขึ้นจริง และถ้าใครอ่านจนถึงบรรทัดนี้ ก็โปรดจงรู้ว่า คนเราไม่จำเป็นต้องมีใครคอยบอกว่าเราควรทำอะไร แต่เราต้องคอยบอกตัวเองว่าเราควรทำอะไร และเราจะมีช่องทางในการหารายได้ขึ้นมาเอง

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น