หลายวันที่ผ่านมา ผมแอบไปสยามเพื่อซื้อของขวัญมาเซอร์ไพร์ซวันเกิดภรรยา ย่องไปดู2-3ร้าน ในที่สุดก็เจอของที่ถูกใจ
ระหว่างให้ตาลเลขาผมไปกดเงิน ตาลก็โทรมาบอกว่า "พี่ครับ ตู้กินบัตร"
เป็นคำที่ฟังไม่ค่อยเพราะนักสำหรับสถานการณ์จากปลายสาย และยิ่งฟังดูหยาบคายเมื่อสถานการณ์ของผมคือบัตรใบนั้นคือบัตรบัญชีเดียวที่เมียผมไม่ได้ตรวจสอบบัญชี พูดง่ายๆคือเป็นบัญชีลับที่ผมแฮ้บเงินไว้ซื้อของ
ความชิบหายจึงเกิดขึ้น เพราะผมไม่สามาถเอาบัญชีอื่นซื้อของชิ้นนี้ได้ ไม่อย่างนั้นเบลก็จะรู้ทันทีว่าผมใช้เงิน สมุดบัญชีทุกเล่มเบลก็เป็นคนเก็บ ถ้าไปขอมาเพื่อถอนเงินความลับเรื่องของขวัญเซอร์ไพร์ซก็จะแตก ยิ่งของชิ้นที่จะซื้อนี้ก็ค่อนข้างมีมูลค่า ถ้าไม่มีเงินจากบัญชีลับนี้ผมก็ไม่รู้จะหาจากไหน
ผมพกความโกรธยัดกระเป๋าเดินไปเจรจาขอบัตรคืนที่ธนาคารเจ้าของตู้ ตาลเล่าว่าเรื่องที่เกิดขึ้นคือพอใส่บัตรยังไม่ทันกดอะไรเครื่องมันก็ตีเบลอ ไม่ทำอะไรต่อ กดแคนเซิลใดๆก็ไม่คืนบัตร เล่าเรื่องนี้ให้พนักงานฟัง น้องพนักงานก็จนปัญญา บอกว่าวันนี้คงคืนบัตรให้ไม่ได้ พรุ่งนี้จะมีรถมาเก็บเงิน เค้าคงนำออกมาให้ได้
อีกสองวันวันเกิดภรรยาและผมก็มีเวลาเหลือแค่วันนี้วันเดียว พรุ่งนี้ผมมีงานเยอะมากต้องทำ ผมบอกน้องอย่างอารมณ์เสียว่าผมต้องใช้เงินวันนี้ เธอเลยต่อสายให้ผมคุยกับคอลเซ็นเตอร์สาขาใหญ่
คอลเซ็นเตอร์ชื่อคุณ ป. บอกผมว่าบัตรของผมที่โดนยึดไปเป็นบัตรต่างธนาคาร ตามระเบียบเพื่อความปลอดภัยแล้วบัตรจะต้องถูกทำลาย
พูดง่ายๆคือเค้าไม่สามารถคืนบัตรให้ผมได้
ผมโกรธมาก กลืนไม่เข้าคายไม่ออก ผมบอกว่ามันเป็นความผิดของระบบธนาคารเจ้าของตู้ เค้าต้องรับผิดชอบ คุณ ป. ตอบว่า ถ้าเป็นบัตรธนาคารเดียวกันเค้าจะออกบัตรใหม่ให้เลยโดยไม่คิดค่าธรรมเนียม แต่เมื่อเป็นบัตรต่างธนาคาร คุณ ป. ทำได้อย่างเดียวคือเอ่ยคำว่าขอโทษ
ผมปรี้ดมาก ไม่รู้จะเล่าให้ฟังยังไงว่าสถานการณ์ของผมมันเป็นเคสอะไร มันเหมือนทุกคนที่มีมุมที่คนอื่นคงไม่เข้าใจ ผมตะคอกใส่คุณ ป. ว่ามันเสียเวลาผมมากรู้มั้ย คุณ ป. ก็ขอโทษหนึ่งครั้ง ผมพล่ามอย่างอื่นต่อแล้วตามด้วยคำว่ามันเสียเวลาผมมากรู้มั้ย คุณ ป. ก็ขอโทษหนึ่งครั้ง
วนอยู่อย่างนี้ประมาณ 4 - 5 ครั้ง
ฉับพลันเสียงในหัวผมก็บอกผมว่า นี่มึงกำลังทะเลาะกับคนที่แก้ปัญหาอะไรให้มึงไม่ได้ นอกจากคำว่าขอโทษ ซึ่งเขาก็ขอโทษมึงไปแล้ว
สิ่งที่มึงทำนี่ต่างหากที่เรียกว่าเสียเวลา แทนที่จะเอาเวลาไปทะเลาะกับเขา มึงทำไมไม่เอาเวลาที่ตะคอกเขานี้ไปคิดแก้ปัญหา
ผมได้สติ วางโทรศัพท์ไว้บนโต๊ะแล้วเดินออกธนาคารมา บอกให้ตาลโทรอายัดบัตรที่โดนยึด ผมเดินอย่างโมโหไปทั่วสยาม พอใจเย็นลงผมก็เริ่มหาว่าเรื่องนี้ใครผิด ตาลไม่ผิด น้องพนักงานไม่ผิด คุณ ป. ไม่ผิด ที่ผิดคือตู้ แต่จะโกรธตู้ไปตู้มันก็ไม่รู้เรื่อง
ผมคิดว่างั้นผมคงผิดเอง ถ้าผมทำบัตรนี้ตกท่อ ก็คงโทษแค่ความซวยตัวเอง เรื่องนี้ก็คงไม่มีใครผิด
ผมตัดสินใจยืมเงินไอ่ตาลซื้อของ สุดท้ายแผนเซอร์ไพร์ซเบลก็สำเร็จไปด้วยดี ตามเวลา พอเมียได้ของก็เล่าเรื่องเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นให้ฟัง วันรุ่งขึ้นเราก็ไปทำบัตร atm ใหม่ ถอนเงินมาคืนตาลเรียบร้อย ใช้เวลาทำบัตรเร็วกว่าเวลารวมในความโกรธ การทะเลาะ การหาคนผิดเสียอีก
บทเรียนสำคัญที่ผมได้รับมาจากการถูกยึดบัตรครั้งนี้คือ บางครั้งเวลาในชีวิตคนเราที่ดูว่ามันจะมีไม่พอสำหรับอะไรดีๆ นั่นอาจเพราะว่าเราเอาเวลาไปหมกมุ่นกับความขัดแย้งบนโลกมากเกินไป
อภัย แล้วเอาเวลาไปแก้ปัญหา จะพบว่าจริงๆแล้วเวลาสำหรับอะไรดีๆมีอีกเหลือเฟือ
ชีวิตคนเรามันสั้นเกินกว่าจะเกลียดกันจริงๆ
ปล. สิ่งที่ผมรู้สึกผิดคือความรู้สึกคุณ ป. ที่ต้องมารองรับอารมณ์ของผมที่ขาดสติไปในตอนนั้น หากคุณ ป. ได้อ่านข้อความโปรดทราบว่าผมรู้สึกเสียใจและขออภัยในเรื่องทั้งหมดด้วยครับ
ปล. 2 ลาก่อนบัญชีลับ เราจะคิดถึงนาย
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น