วันอาทิตย์ที่ 20 พฤศจิกายน พ.ศ. 2559

#ลิงกำถั่ว #นิทานปรัชญาชีวิต พระพุทธองค์ตรัสว่า จิตของคนเรานั้นเหมือนกับลิง เราจึงเรียนรู้เรื่องของจิตใจของเราได้มากมาย จากพฤติกรรมของลิง.... ลิงนั้นเกลียดกะปิ ถ้ากะปิถูกมือมันเมื่อไหร่ มันจะถูนิ้วกับพื้นจนเลือดไหลเต็มมือจนกว่ากลิ่นกะปิจะหายในที่สุด จะกลายเป็นว่า กะปิถึงจะร้าย ก็ไม่ร้ายเท่าความเกลียดกะปิ ที่มือลิงเป็นแผลเหวอะหวะไม่ใช่เพราะกะปิ หากเป็นเพราะความจงเกลียดจงชังกะปิต่างหาก สิ่งที่เราเกลียดนั้น บ่อยครั้งไม่น่ากลัวเท่ากับความเกลียดชังในจิตใจเรา ความเกลียดชัง หรือพูดให้ถูกก็คือ ความรู้สึกอยากผลักไส ซึ่งรวมทั้งความโกรธและความกลัว จึงเป็นเจ้าตัวร้ายที่เราต้องระวังให้มาก แต่นั่นเป็นเพียงครึ่งหนึ่งของความจริงเท่านั้น นอกจากความอยากผลักไสแล้ว ความยึดติดเป็นอีกสิ่งหนึ่ง ที่เราต้องระวังไม่แพ้กัน กลับมาที่ลิงจอมซนอีกที ในอินเดีย ลิงเป็นไม้เบื่อไม้เมากับชาวบ้าน เพราะชอบโขมยผลไม้ในสวน ชาวบ้านจึงคิดวิธีจับลิง โดยใช้กล่องไม้ซึ่งมีฝาด้านหนึ่งเจาะรูเล็กๆ พอให้ลิงสอดมือเข้าไปได้ ในกล่องมีถั่ว ซึ่งเป็นของโปรดของลิงวางไว้เป็นเหยื่อล่อ วันดีคืนดีลิงมาที่สวนเห็นถั่วอยู่ในกล่อง ก็เอามือล้วงเข้าไปหยิบถั่ว แต่พอถอนมือออกก็ติดฝากล่อง เพราะกำมือของลิงนั้นใหญ่กว่าฝากล่องที่เจาะไว้ ลิงพยายามดึงมือเท่าไหร่ก็ไม่ออก พอชาวบ้านมาจับ ก็ปีนหนีขึ้นต้นไม้ไม่ได้ เพราะมีมือเปล่าอยู่ข้างเดียว สุดท้ายถูกคนจับได้ ลิงหาได้เฉลียวใจไม่ว่า เพียงแค่มันคลายมือออกเท่านั้น มันก็เอาตัวรอดได้ แต่เพราะยึดถั่วไว้แน่น ไม่ยอมปล่อยจึงต้องเอาชีวิตเข้าแลก มีหลายอย่างที่เราอยากได้ใฝ่ฝัน จนถึงกับยึดถือไว้อย่างเหนียวแน่น เวลาประสบปัญหา เพียงแค่คลายสิ่งที่ติดยึดนั้นเสียบ้าง ปัญหาก็คลี่คลาย แต่เป็นเพราะว่าเราไม่ยอมปล่อย จึงเกิดผลเสียตามมามากมาย ไม่คุ้มกับสิ่งที่ยึดติด จะชอบหรือพึงพอใจกับอะไรก็ตาม อย่าถึงกับยึดติดจนเหนียวแน่นเกินไป เพราะโอกาสที่จะหน้ามืดตามัวนั้น มีสูงจนหาทางออกไม่เจอ ปัญหาทั้งหลายในชีวิตนั้น ถ้าเรารู้จักปล่อยวางบางสิ่งเสียบ้าง มันก็จะบรรเทาไปได้เยอะ บ่อยครั้งการปล่อยวาง ไม่เพียงแต่เป็นจุดเริ่มต้นของการแก้ปัญหาเท่านั้น หากเป็นทางออกจากปัญหาเลยทีเดียว ความจริงการอยากผลักไสอะไรสักอย่าง ก็เป็นการติดยึดอีกแบบหนึ่งนั่นเอง ทั้งๆ ที่ลิงพยายามถูกำจัดกลิ่นกะปิไปจากมือ ก็อดไม่ได้ที่จะดึงมือมาดมหากลิ่นกะปิ ซ้ำแล้วซ้ำเล่ารู้ทั้งรู้ว่ากลิ่นกะปินั้นเหม็น แต่ก็ดมมือไม่ยอมเลิกง่ายๆ ในทำนองเดียวกัน ไม่ว่าเราจะโกรธอะไรหรือเกลียดใคร ก็มักดึงสิ่งนั้นหรือคนนั้นเข้ามาในจิตใจ ให้ครุ่นคิดเสมอไม่ยอมปล่อยไม่ยอมวางเสียที ทั้งๆ ที่ยิ่งคิดก็ยิ่งทุกข์ ปล่อยวางเสียเถิด แล้วใจเราจะเบาขึ้นเป็นกอง ความทุกข์ทั้งหลาย ไม่ว่าจะเป็นเพราะพลัดพรากจากสิ่งที่รัก หรือประสบกับสิ่งที่ไม่พึงปรารถนา ที่มันบีบคั้นกดทับจิตใจเราไม่หยุดหย่อนเสียที ก็เป็นเพราะเราไปยึดไปแบกมันเข้าไว้ ทั้งวันทั้งคืน ในหลายกรณี ความทุกข์ไม่ได้มาจากไหน หากมาจากการยึดติดไม่ยอมปล่อย ดังเจ้าลิงหวงถั่วนั่นเอง คุณเป็นคนหนึ่งหรือเปล่าที่มีพฤติกรรมเหมือนลิงกำถั่วนี้.... ขอบคุณบทความดีๆ จากเว็บไซต์ ครูบ้านนอก.คอม ครับผม http://www.kroobannok.com

#ลิงกำถั่ว #นิทานปรัชญาชีวิต

พระพุทธองค์ตรัสว่า จิตของคนเรานั้นเหมือนกับลิง เราจึงเรียนรู้เรื่องของจิตใจของเราได้มากมาย จากพฤติกรรมของลิง....
ลิงนั้นเกลียดกะปิ ถ้ากะปิถูกมือมันเมื่อไหร่ มันจะถูนิ้วกับพื้นจนเลือดไหลเต็มมือจนกว่ากลิ่นกะปิจะหายในที่สุด

จะกลายเป็นว่า กะปิถึงจะร้าย ก็ไม่ร้ายเท่าความเกลียดกะปิ ที่มือลิงเป็นแผลเหวอะหวะไม่ใช่เพราะกะปิ หากเป็นเพราะความจงเกลียดจงชังกะปิต่างหาก

สิ่งที่เราเกลียดนั้น บ่อยครั้งไม่น่ากลัวเท่ากับความเกลียดชังในจิตใจเรา

ความเกลียดชัง หรือพูดให้ถูกก็คือ ความรู้สึกอยากผลักไส ซึ่งรวมทั้งความโกรธและความกลัว จึงเป็นเจ้าตัวร้ายที่เราต้องระวังให้มาก
แต่นั่นเป็นเพียงครึ่งหนึ่งของความจริงเท่านั้น

นอกจากความอยากผลักไสแล้ว ความยึดติดเป็นอีกสิ่งหนึ่ง ที่เราต้องระวังไม่แพ้กัน                   
กลับมาที่ลิงจอมซนอีกที ในอินเดีย ลิงเป็นไม้เบื่อไม้เมากับชาวบ้าน เพราะชอบโขมยผลไม้ในสวน ชาวบ้านจึงคิดวิธีจับลิง โดยใช้กล่องไม้ซึ่งมีฝาด้านหนึ่งเจาะรูเล็กๆ พอให้ลิงสอดมือเข้าไปได้

ในกล่องมีถั่ว ซึ่งเป็นของโปรดของลิงวางไว้เป็นเหยื่อล่อ วันดีคืนดีลิงมาที่สวนเห็นถั่วอยู่ในกล่อง ก็เอามือล้วงเข้าไปหยิบถั่ว แต่พอถอนมือออกก็ติดฝากล่อง เพราะกำมือของลิงนั้นใหญ่กว่าฝากล่องที่เจาะไว้

ลิงพยายามดึงมือเท่าไหร่ก็ไม่ออก พอชาวบ้านมาจับ ก็ปีนหนีขึ้นต้นไม้ไม่ได้ เพราะมีมือเปล่าอยู่ข้างเดียว สุดท้ายถูกคนจับได้ ลิงหาได้เฉลียวใจไม่ว่า เพียงแค่มันคลายมือออกเท่านั้น มันก็เอาตัวรอดได้ แต่เพราะยึดถั่วไว้แน่น ไม่ยอมปล่อยจึงต้องเอาชีวิตเข้าแลก

มีหลายอย่างที่เราอยากได้ใฝ่ฝัน จนถึงกับยึดถือไว้อย่างเหนียวแน่น เวลาประสบปัญหา เพียงแค่คลายสิ่งที่ติดยึดนั้นเสียบ้าง ปัญหาก็คลี่คลาย แต่เป็นเพราะว่าเราไม่ยอมปล่อย จึงเกิดผลเสียตามมามากมาย ไม่คุ้มกับสิ่งที่ยึดติด จะชอบหรือพึงพอใจกับอะไรก็ตาม

อย่าถึงกับยึดติดจนเหนียวแน่นเกินไป เพราะโอกาสที่จะหน้ามืดตามัวนั้น มีสูงจนหาทางออกไม่เจอ

ปัญหาทั้งหลายในชีวิตนั้น ถ้าเรารู้จักปล่อยวางบางสิ่งเสียบ้าง มันก็จะบรรเทาไปได้เยอะ บ่อยครั้งการปล่อยวาง ไม่เพียงแต่เป็นจุดเริ่มต้นของการแก้ปัญหาเท่านั้น หากเป็นทางออกจากปัญหาเลยทีเดียว

ความจริงการอยากผลักไสอะไรสักอย่าง ก็เป็นการติดยึดอีกแบบหนึ่งนั่นเอง ทั้งๆ ที่ลิงพยายามถูกำจัดกลิ่นกะปิไปจากมือ ก็อดไม่ได้ที่จะดึงมือมาดมหากลิ่นกะปิ ซ้ำแล้วซ้ำเล่ารู้ทั้งรู้ว่ากลิ่นกะปินั้นเหม็น แต่ก็ดมมือไม่ยอมเลิกง่ายๆ

ในทำนองเดียวกัน ไม่ว่าเราจะโกรธอะไรหรือเกลียดใคร ก็มักดึงสิ่งนั้นหรือคนนั้นเข้ามาในจิตใจ ให้ครุ่นคิดเสมอไม่ยอมปล่อยไม่ยอมวางเสียที ทั้งๆ ที่ยิ่งคิดก็ยิ่งทุกข์ ปล่อยวางเสียเถิด แล้วใจเราจะเบาขึ้นเป็นกอง

ความทุกข์ทั้งหลาย ไม่ว่าจะเป็นเพราะพลัดพรากจากสิ่งที่รัก หรือประสบกับสิ่งที่ไม่พึงปรารถนา ที่มันบีบคั้นกดทับจิตใจเราไม่หยุดหย่อนเสียที ก็เป็นเพราะเราไปยึดไปแบกมันเข้าไว้ ทั้งวันทั้งคืน

ในหลายกรณี ความทุกข์ไม่ได้มาจากไหน หากมาจากการยึดติดไม่ยอมปล่อย ดังเจ้าลิงหวงถั่วนั่นเอง

คุณเป็นคนหนึ่งหรือเปล่าที่มีพฤติกรรมเหมือนลิงกำถั่วนี้....

ขอบคุณบทความดีๆ จากเว็บไซต์ ครูบ้านนอก.คอม ครับผม http://www.kroobannok.com

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น