ทุกๆ คนต่างมีตาอยู่แล้ว เพียงแต่อย่าเผลอในการที่จะลืมตาขึ้นดูทุกๆ อย่างที่จะทำให้ดีเสียก่อน ก็จะเห็นอะไรได้ถูกต้องดีขึ้นแน่นอน
ทุกๆ คนย่อมมีปัญญาที่เป็นพื้นและที่อบรมขึ้นใหม่อยู่ด้วยกัน พอที่จะดำรงตนอยู่ได้ตามสมควรแก่ภูมิปัญญาของตน แต่มีอยู่เป็นอันมากที่ไม่ใช่ปัญญา หรือไม่ชอบใช้ปัญญา แม้ที่มีอยู่ในเรื่อง ทั้งหลาย เช่น มักจะเชื่อเสียก่อนที่จะใช้ปัญญาก็มี เผลอสติไปจึงเลยขาดปัญญาก็มี หรือ
เพราะโลภ โกรธ หลง มากำบังปัญญาเสียก็มีเป็นต้น จึงกลายเป็นความหลง หรืออวิชชา ความไม่รู้ หรือรู้ผิดจากความจริงซึ่งเท่ากับไม่รู้นั่นเอง
คนเรามีกำเนิดปัญญา หรือปัญญาโดยกำเนิด และพึงอบรมให้เจริญปัญญา และในตอนท้ายนี้ ที่ยกพระพุทธภาษิตตรัสถึงคุณสมบัติที่จะทำให้บรรลุถึงความเจริญในทางดีว่ามีจักษุ คือ ปัญญา กับนิสัยคือที่อาศัยปัญญามีติดตัวมาแต่กำเนิดแล้ว เช่นเดียวกับจักษุคือดวงตาที่มีติดตัวมา ทุกคนจึงต่างมีปัญญาอยู่ด้วยกันแล้ว เช่นเดียวกับ มีจักษุอยู่แล้ว ท่านจึงสอนให้ไม่ประมาทคืออย่าเผลอปัญญาเหมือนอย่างอย่าเผลอในการที่จะลืมตาขึ้นดู
สมเด็จพระญาณสังวร
การบริหารทางจิตสำหรับผู้ใหญ่
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น