เมื่อซอกแจถูกโดดเดี่ยว
เรื่องต่อไปนี้เป็นเรื่องจริงเกิดขึ้นที่จังหวัด
คย็องกี ประเทศเกาหลีใต้
ในชั้นเรียนประถมสี่ของโรงเรียน
มีเด็กนักเรียนชายที่ชื่อซอกแจ
เขาไม่เป็นที่ยอมรับและชื่นชอบของเพื่อนๆ
ไม่มีใครคุยด้วย
ไม่มีใครเล่นด้วย
ไม่มีใครยอมทำงานกลุ่มด้วย
เขาถูกโดดเดี่ยวโดยเพื่อนๆทั้งหมดในห้อง
เรื่องนี้เป็นที่จับตามองของครูประจำชั้น
หลังจากครูได้ศึกษาพฤติกรรมทั้งหมด
จึงได้วางแผนจัดการแก้ไขเรื่องนี้
โดยขอความร่วมมือจากทางโรงเรียนและผู้เกี่ยวข้องทั้งหมด
เช้าวันจันทร์เมื่อนักเรียนทุกคนเข้าห้องเรียนแล้ว
ครูบอกนักเรียนว่าจะมีการทดสอบทางวิทยาศาสตร์
ให้นักเรียนทุกคนไปวัดส่วนสูง
โดยแบ่งนักเรียนออกเป็นสองกลุ่ม
กลุ่มที่สูงเกิน 140 ซม. กับกลุ่มที่เตี้ยกว่า 140 ซม.
ครูบอกนักเรียนว่า
โดยหลักการทางวิทยาศาสตร์
คนสูงมักจะมีปัญญาทึบกว่าคนเตี้ย
จึงคัดเลือกพวกที่สูงเกิน 140 ซม. เป็นพวกปัญญาทึบ
ส่วนพวกเตี้ยกว่า 140 ซม. เป็นพวกปัญญาดี
และให้กลุ่มปัญญาทึบสวมเสื้อกั๊กสีแดงทุกคน เพื่อง่ายต่อการแยกแยะ
ตลอดระยะเวลาของการทดสอบ
นักเรียนกลุ่มปัญญาดี
ไม่ว่าจะทำอะไรก็ถูกไปหมด
ได้รับคำชมจากครูตลอด
วาดรูปธรรมดาๆออกมารูปหนึ่งก็ชมว่ามีพรสวรรค์
อ่านออกเสียงหน้าชั้นแบบงูๆปลาๆจะถูกชมว่าออกเสียงเยี่ยม
นั่งเฉยๆก็ถูกชมว่ามีความสงบเรียบร้อยดี
เวลากินข้าวก็ได้กินก่อน เป็นรางวัลสำหรับความขยันของทุกคนในกลุ่ม
กินข้าวเสร็จก็ได้ออกไปวิ่งเล่นพักผ่อนในสนาม
ทำอะไรๆก็เลอเลิศถูกต้องไปหมดทุกเรื่อง
ส่วนนักเรียนกลุ่มปัญญาทึบ
ไม่ว่าจะทำอะไรก็ถูกตำหนิไปหมด
วาดรูปออกมาสวยขนาดไหนก็ถูกครูพยายามหาที่ติจนได้
อ่านออกเสียงจะชัดเจนถูกต้องแค่ไหนครูก็ยังไม่พอใจ
จะพูดหรือเสนออะไรครูก็ไม่รับฟัง
เหมือนเป็นอากาศธาตุในห้องเรียน
กินข้าวก็ได้กินทีหลังเพื่อนอีกกลุ่ม
กินเสร็จต้องเข้าไปอุดอู้อยู่ในห้องเรียนไม่ให้ออกไปวิ่งเล่น
ความถูกต้องทั้งหมดถูกปฏิเสธโดยครูอย่างไม่แยแส
ตลอดระยะเวลาของการทดสอบในสองสามวันที่ผ่านมา
นักเรียนกลุ่มปัญญาทึบเริ่มมีปฏิกิริยา
เริ่มสับสนสิ่งที่เกิดขึ้นกับพวกตน
สงสัยว่านี่เป็นการทดสอบแบบไหนกันแน่
หาความยุติธรรมไม่ได้เลย
บรรยากาศในห้องเริ่มเปลี่ยนไป
ความเซ็ง อึดอัด น้อยใจ เสียใจ บางคนถึงกับร้องไห้ไม่อยากมาโรงเรียน
สงสัยทำไมครูจึงเลือกปฏิบัติกับพวกตนเช่นนี้
ดำเป็นขาว ขาวเป็นดำ
เริ่มมีความไม่ชอบหน้ากลุ่มปัญญาดี
เด็กชายซอกแจซึ่งมีความสูงเกิน 140 ซม.
ถูกจัดอยู่ในกลุ่มปัญญาทึบ
เขาไม่ได้เสียใจ ไม่ได้โวยวาย
เพราะเขาชินชากับเหตุการณ์แบบนี้มาตลอด
เขาถูกโดดเดี่ยว ถูกเมินเฉยจนกลายเป็นเรื่องปกติสำหรับเขา
เขาอมยิ้มมองดูปฏิกิริยาความไม่พอใจจากเพื่อนๆอย่างเงียบๆ
ในขณะที่เพื่อนกลุ่มปัญญาดีนั้น
แม้จะรู้สึกมีความสุข
เพราะถูกครูยกย่องชมเชยตลอด
แต่ก็รู้สึกเกรงใจและสงสารเพื่อนๆอีกกลุ่ม
บางคนกลับบ้านไปบ่นให้ผู้ปกครองฟังว่าไม่ชอบบรรยากาศแบบนี้เลย
เหตุการณ์ดำเนินไปถึงบ่ายวันที่สาม
ซึ่งเป็นวันสุดท้ายของแผนการทดสอบ
ครูให้นักเรียนทุกคนเขียนความรู้สึกเกี่ยวกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น
และให้อ่านความรู้สึกของแต่ละคนออกมาให้เพื่อนๆฟัง
ความไม่พอใจต่างๆถูกพรั่งพรูออกมาจากกลุ่มปัญญาทึบทุกคน
และแล้วก็มีคนเขียนความรู้สึกว่า
"ครูไม่สนใจใยดีพวกเรา เมินเฉยต่อพวกเรา เหมือนที่พวกเราทุกคนทำกับซอกแจ พวกเรากล่าวหาซอกแจ หาว่าสกปรก อ้วน ขี้เกียจ
ซึ่งความจริงจะเป็นแบบที่พวกเรากล่าวหาหรือเปล่า ผมก็ไม่แน่ใจ เพราะฟังเขาบอกเล่ามาอีกที......
แต่พวกเราได้โดดเดี่ยว รังเกียจ และเพิกเฉยต่อซอกแจไปนานแล้ว"
ครูถูกใจความเห็นอันนี้มาก
สั่งให้ทุกคนฟังครูให้ดี
ก่อนที่ครูจะสรุปให้ทุกคนฟังว่า
"นั่นคือสาเหตุของการทดสอบครั้งนี้
ความจริงซอกแจเป็นเด็กดี น่ารัก ยิ้มง่าย
ซอกแจก็ถือว่าเป็นเด็กเรียนดี ขยัน และรักสะอาด
แต่ทำไมพวกเราจึงกลั่นแกล้งและโดดเดี่ยวซอกแจอย่างไม่เป็นธรรม
หวังว่าการทดสอบครั้งนี้จะเป็นบทเรียนให้พวกเรารู้จักคิด รู้จักวิเคราะห์ ไม่ฟังแต่สิ่งที่เขาเล่ามา อคติกับคนอื่นแบบไร้เหตุผล และไร้ความยุติธรรม มันเป็นสิ่งที่น่าอึดอัดและเจ็บปวดดั่งที่พวกเราได้ประสบมาแล้วกับตัวเอง หวังว่าจากประสบการณ์ในสามวันนี้ จะทำให้ทุกคนได้จดจำ และไม่ควรให้เกิดสิ่งเหล่านี้ขึ้นอีกในอนาคต”
ช่วงสุดท้ายก่อนจบการทดสอบ
ครูได้จับสลากเอารายชื่อขึ้นมาสี่ชื่อ
ให้นักเรียนทุกคนเขียนถึงความดีของเพื่อนทั้งสี่คนนี้
และซอกแจเป็นหนึ่งในสี่คน
อาจด้วยทัศนคติที่เปลี่ยนไป
ซอกแจกจึงได้รับคำชมมากมายจากเพื่อนๆ
บางคนถึงกับกล่าวคำขอโทษ
และบางคนได้ออกมาโอบกอดซอกแจเป็นการแสดงมิตรไมตรี
บัดนี้ซอกแจได้เป็นที่ยอมรับของเพื่อนๆอย่างเต็มภาคภูมิแล้ว
"ขจรศักดิ์"
แปลและเรียบเรียง