เอาคนสองคนมานั่งด้วยกัน
สิ่งที่จะเกิดขึ้นได้มี ๔ ประการ
หนึ่ง คือ ความเงียบ
อันเกิดจากการต่างคนต่างอยู่
คิดไปคนละเรื่อง ไม่รู้จะคุยอะไร
สอง คือ เสียงคุยพอเป็นพิธี
อันเกิดจากการคิดว่า
ควรพูดอะไรเสียหน่อย
สาม คือ เสียงคุยขัดแย้ง
อันเกิดจากการขัดใจ
หรือพยายามเอาชนะกัน
สี่ คือ เสียงคุยอย่างมีรสชาติ
อันเกิดจากการติดใจ
ใคร่แสดงความคิดเห็นไปด้วยกัน
คู่ที่อยู่ด้วยกันได้นานๆอย่างเป็นสุข
คือคู่ที่ลงนั่งด้วยกันแล้ว
เกิดปรากฏการณ์ข้อที่ ๔ บ่อยๆ
แต่สังเกตไหมว่า
การติดใจคุยกันอย่างเป็นสุข
พากันและกันไปไหน?
พากันไปสรุปเรื่องฉาวของชาวบ้าน
พากันไปสรุปเรื่องงี่เง่าของคนอื่น
พากันไปสรุปเรื่องโลกไร้ทางออก
พากันไปสรุปเรื่องอดีตที่น่าเสียดาย
พากันไปสรุปเรื่องอนาคตที่น่ากังวล
ถ้าไม่อยากไปถึงแค่ความสุข
อันเกิดจากการสักแต่ได้คุย
ก็ให้ปรารถนาสุข
อันเกิดจากการคุยให้จิตเป็นกุศล
การคุยให้จิตเป็นกุศล เป็นของยาก
ไม่ใช่จะเกิดได้เองโดยบังเอิญ
แต่ต้องอาศัยความตั้งใจดีเป็นชนวน
ชวนกันคุยเรื่องน่าทึ่งของคนดี
ชวนกันคุยเรื่องน่าทำที่ยังไม่ได้ทำ
ชวนกันคุยเรื่องน่าคิดที่ยังคิดกันน้อยอยู่
เรื่องบุญเรื่องกุศล
เป็นเรื่องน่าสบายใจ
คู่ไหนคุยกันเรื่องบุญบ่อยๆ
คู่นั้นจึงมีความสุขความสบายใจกันมาก
อยู่กันได้นานบนทางกุศล
ยิ่งเดินด้วยกัน ยิ่งเกิดแรงบันดาลใจ
อยากทำเรื่องดีให้เกิดขึ้นมากๆ
ทั้งในบ้านและนอกบ้าน
ซึ่งนั่นแหละ คือการจูนจิต
จูนชีวิตเข้าหากัน
ได้อยู่ในโลกดีๆใบเดียวกันอย่างแท้จริง!
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น