คนโง่ vs คนฉลาด
เคยได้ยินชื่อ ดร.วรภัทร ภู่เจริญ ไหมครับ ? เขาเคย
เป็นวิศวกรขององค์การอวกาศนาซา ประเทศสหรัฐ
อเมริกา เมื่อเกือบ 25 ปีก่อน เคยได้รับรางวัลงาน
วิจัยที่ดีที่สุดระดับโลกเกี่ยวกับเครื่องยนต์ไอพ่น แต่
ตัดสินใจกลับเมืองไทยเพราะ
1. อยากดูแลพ่อแม่
2. ไม่อยากเป็นพลเมืองชั้นสองในบ้านพักคนชรา
3. อยากเที่ยว และ
4. ชอบกินอาหารอร่อย
เคยเป็นอาจารย์คณะวิศวกรรมศาสตร์ จุฬาลงกรณ์
มหาวิทยาลัย ก่อนจะออกมาตั้งบริษัทที่ปรึกษาของ
ตัวเอง ผมประทับใจบทสัมภาษณ์ของ ดร.วรภัทรใน
" เสาร์สวัสดี " ของ " กรุงเทพธุรกิจ " คนอะไรก็ไม่รู้
ชีวิตมันส์เป็นบ้า ความคิดก็กวนเหลือหลาย
ตอนที่เขาเป็นอาจารย์ วิธีการสอนหนังสือของเขา
แปลกกว่าคนอื่น
" ผมออกนอกกรอบตลอดเวลา "
เขาบอก เขาเคยพาเด็กวิศวะไปที่ริมสระว่ายน้ำ เรียน
ไปและดูนิสิตสาวๆ ว่ายน้ำไปด้วย คาดว่าคงไปเรียน
เรื่อง " คลื่น " ระหว่างท่าฟรีสไตล์ กับท่าผีเสื้อ คลื่น
ที่เกิดขึ้นของท่าไหนถี่กว่ากันระหว่างชุดทูพีซ กับวัน
พีซ แรงเสียดทานของน้ำชุดไหนจะมากกว่ากัน แนว
การศึกษา จะออกไปในทำนองนี้
แต่ที่ชอบที่สุดคือตอนที่เขาออกข้อสอบ ข้อสอบของ
เขาสั้นและกระชับมาก ...
" จงออกข้อสอบเอง พร้อมเฉลย "
โห ! ... เด็กวิดวะอึ้งกันทั้งห้อง
คำตอบส่วนใหญ่เป็นการตั้งโจทย์แบบง่ายๆ เช่น ปั้น
จั่นมีกี่ชนิด ผลปรากฏว่าได้ศูนย์กันทั้งห้อง เพราะเป็น
คำตอบที่ไม่ได้แสดงความคิดที่ลึกซึ้งสมกับที่เรียนมา
ทั้งเทอม เหตุผลที่ ดร.วรภัทร ออกข้อสอบด้วยการให้
นิสิตออกข้อสอบเอง เป็นเหตุผลที่ตรงกับใจผมมาก
" ชีวิตคนเราจะรอให้อาจารย์ตั้งโจทย์อย่างเดียวไม่ได้
ต้องหาโจทย์มาเอง คิดแล้วทำ ถ้าผิดแล้วอาจารย์จะ
ปรับให้ "
เขามองว่าเด็กรุ่นใหม่ติดนิสัยเด็กกวดวิชา รอคนคาบ
ทุกอย่างมาป้อนให้ ไม่รู้จักคิดเอง
" ถ้ารอ และตั้งรับ คุณก็เป็นพวกอีแร้ง แต่พวกคุณแย่
กว่า เพราะเป็นแค่ลูกอีแร้ง คือรออาหารที่คนอื่นป้อน
ให้
" โหย ... เจ็บ ผมเชื่อมานานแล้วว่า ชีวิตของคนเรา
เป็นข้อสอบอัตนัย ที่ต้องตั้งโจทย์เองและตอบเอง ไม่
ใช่ข้อสอบปรนัยที่มีคนตั้งโจทย์และมีคำตอบเป็นทาง
เลือก ก-ข-ค-ง ถ้าใครที่คุ้นกับ " ชีวิตปรนัย " ที่มีคน
ตั้งโจทย์ให้ และเสนอทางเลือก 1-2-3-4 คนคนนั้น
ชีวิตจะไม่ก้าวหน้า เพราะต้องพึ่งพาคนอื่นตลอดเวลา
ติดกับ " กรอบ " ที่คนอื่นสร้างให้ ไ ม่เหมือนกับคนที่รู้
จักคิด และตั้งคำถามเอง เรื่องการตั้งคำถามกับชีวิต
เป็นเรื่องสำคัญมาก อย่าลืมว่าเพราะมี " คำถาม " จึง
มี " คำตอบ " เมื่อมี " คำตอบ " เราจึงเลือกเดิน
พูดถึงเรื่องการตั้งคำถาม ผมนึกถึง โสเครติส เขาเป็น
นักปรัชญาเอกของโลกที่สอนลูกศิษย์ด้วยการสนทนา
ตั้งคำถามให้ลูกศิษย์ตอบสร้างองค์ความรู้จาก"คำถาม"
กลยุทธ์ของโสเครติสในการสอนคือ ไม่ให้ความเห็น
ใดๆ แก่นักเรียน และทำลายความมั่นใจของนักเรียนที่
เชื่อว่าตนเองรู้ โสเครติสเชื่อว่า เมื่อเด็กตระหนักใน
"ความไม่รู้" ของตนเอง เขาจะเริ่มต้นแสวงหา "ความรู้"
แต่ถ้าเด็กยังเชื่อมั่นว่าตนเองมี " ความรู้ " เขาก็จะไม่
แสวงหา " ความรู้ "
การตั้งคำถามของโสเครติสจึงมีเป้าหมายโจมตี และ
ทำลายความเชื่อมั่นในภูมิความรู้ของนักเรียน เป็นกล
ยุทธ์เท "น้ำ" ให้หมดจากแก้ว เมื่อแก้วไม่มีน้ำแล้วจึง
เริ่มให้เขาเท " น้ำ " ใหม่ใส่แก้วด้วยมือของเขาเอง
" น้ำ " ที่ลูกศิษย์แต่ละคนเทลงแก้วด้วยมือตัวเอง มา
จาก " คำตอบ "ที่เขาค้นคิดขึ้นมาเอง" คำตอบ "จาก
" คำถาม " ของโสเครติส
โสเครติส นิยามความหมายของคำว่า " คนฉลาด "
และ "คนโง่" ได้อย่างน่าสนใจ
" คนฉลาด " ในมุมมองของโสเครติสนั้น ไม่ใช่คนที่รู้
ทุกเรื่อง แต่ " คนฉลาด " คือคนที่รู้ว่าตัวเองไม่รู้ ส่วน
" คนโง่ " นั้น คือคนที่ไม่รู้ว่าตัวเองไม่รู้ แต่ทำตัวราว
กับเป็นผู้รู้
ไม่น่าเชื่อว่า ก่อนหน้านี้ผมยังมีความภาคภูมิใจใน
" ความรู้ " ของตนเอง แต่พออ่านถึงบรรทัดนี้ ทำไม
ผมเริ่มรู้สึกว่าตัวเองไม่รู้อะไรเลย .....
ขอขอบคุณนายสัตวแพทย์ สากล
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น