วันพฤหัสบดีที่ 12 ตุลาคม พ.ศ. 2560

บันทึกช่วยจำของเหลียงจี้จาง (จะเสียดายถ้าไม่ได้อ่าน) เหลียงจี้จาง เป็นพิธีกรดังของ TVB ในฮ่องกง และเป็น นักเขียนด้วย บันทึกช่วยจำที่เขาเขียนให้ " ลูก " ได้รับ การเผยแพร่เป็นวงกว้าง นอกจากแสดงถึงความห่วงหา อาทรที่พ่อมีต่อลูกเฉกเช่นคุณพ่อทั่วๆ ไป มุมมองของ เขาบางเรื่อง (ในแบบสังคมฮ่องกง) บางคนก็เคยประ สบมาบ้างเหมือนกัน อ่านแล้วก็ยังอดอึ้งไม่ได้ ................................................................. ลูกรัก ... ที่พ่อเขียนบันทึกช่วยจำฉบับนี้ให้ลูก มีเหตุผลอยู่ 3 ประการ คือ 1. สรรพสิ่งล้วนอนิจัง จะมีชิวิตอยู่ได้อีกนานเท่าใดไม่มี ใครบอกได้ พ่อจึงคิดว่าบางเรื่องพ่อน่าจะสั่งเสียไว้แต่ เนิ่นๆ ย่อมจะดีกว่า 2. เพราะพ่อเป็นพ่อของลูก ถ้าพ่อไม่บอกลูก ไม่มีใคร หรอกที่เขาจะบอกลูกแบบที่พ่อบอก 3. สิ่งที่พ่อบันทึกไว้นี้ล้วนเป็นประสบการณ์อันแสนเจ็บ ปวดที่พ่อได้เรียนรู้มา มันจะทำให้ลูกไม่ต้องเสียเวลาไป เรียนรู้มันอีก .................................................................. ในชีวิตของลูก ขอให้จำสิ่งต่างๆ เหล่านี้ไว้ให้ดี 1. คนที่ไม่ดีต่อเรา ไม่ต้องไปใส่ใจนัก ในชีวิตคนเรา ไม่มีใครมี หน้าที่ที่จะต้องมาดีต่อเรา ยก เว้นพ่อกับแม่ของลูก สำหรับคนที่ดีกับลูก นอกจากลูก ต้องหวงแหนและขอบคุณเขาแล้ว ยังต้องคอยระวังตัว ไว้ด้วยเพราะคนเราทุกคนทำอะไรย่อมมีจุดประสงค์ เขา ทำดีกับลูก ใช่ว่าเขาจะทำเพราะชอบลูกเสมอไป ลูก ต้องตระ หนักจุดนี้ให้ดี อย่าเพิ่งรับเขาเป็นเพื่อนเร็วเกิน ไป 2. ไม่มีคนที่ทดแทนกันไม่ได้และไม่มีสิ่งใดที่ต้องมีให้ได้ ถ้าเข้าใจจุดนี้ หากวันใดคนข้างกายของลูกไม่ต้องการ ลูกอีกต่อไป หรือวันใดที่ลูกต้องเสียสิ่งที่รักที่สุดไป ลูก จะได้เข้าใจว่า นี่ไม่ใช่เรื่องคอขาดบาดตายอะไรเลย 3. ชีวิตนี้แสนสั้น หากลูกยังใช้ชีวิตอย่างไม่เห็นคุณค่า พรุ่งนี้ลูกจะพบว่าชีวิตจะหลุดลอยไปไกลยิ่งขึ้น ดังนั้น ยิ่งรู้จักถนอมชีวิตเร็วเท่าใด เวลาที่ลูกจะได้รับความสุข จากชีวิตก็จะยิ่งมากขึ้นเท่านั้น หาความสุขเสียแต่วันนี้ ดีกว่านั่งหวังให้มีอายุยืนนาน 4. ในโลกนี้ไม่มีเรื่องรักนิรันด์กาล ความรักเป็นเพียงความรู้สึกชั่ววูบ โดยความรู้สึกนี้ย่อม เปลี่ยนไปตามกาลเวลา และอารมณ์ หากสิ่งที่ลูกรักมาก ที่สุดจากลูกไป ขอให้รอคอยอย่างอดทน ให้เวลาช่วย ชะล้าง ให้จิตใจค่อยๆ ตกตะกอน แล้วความทุกข์ของลูก จะค่อยๆจางหายไป..อย่าวาดหวังความรักให้สวยเกินไป และอย่าซ้ำเติมการอกหักให้ทุกข์เกินเหตุ 5. แม้ว่าคนหลายคนที่ประสบความสำเร็จในโลกนี้ไม่ได้ เรียนมาสูง แต่ไม่ได้หมายความว่า หากไม่ขยันเรียนแล้ว จะได้ดี ความรู้คืออาวุธ คนเราอาจสู้แล้วรวยแต่ไม่มีทาง รวยได้ หากปราศจากอาวุธสู้ ... 6. พ่อจะไม่ขอให้ลูกเลี้ยงดูครึ่งชีวิตหลังของพ่อ เพราะ พ่อก็จะไม่เลี้ยงดูครึ่งชีวิตหลังของลูกเช่นกัน เมื่อลูกโตพอจนเป็นอิสระได้แล้ว พ่อก็หมดหน้าที่แล้ว เช่นกัน หลังจากนั้นไปลูกจะนั่งรถเมล์หรือจะนั่งรถเบ๊นซ์ จะกินหูฉลาม หรือจะกินบะหมี่ยำๆ ต้องเลือกเอง 7. ต้องทำดีต่อผู้อื่น แต่อย่าหวังว่าผู้อื่นต้องทำดีต่อเรา เราปฏิบัติต่อผู้อื่นอย่างไร มิได้หมายความว่าผู้อื่นก็จะปฏิ บัติตอบต่อเราในแบบเดียวกัน...ลูกต้องเข้าใจในข้อนี้ จะ ได้ไม่หาทุกข์ใส่ตัวโดยไม่จำเป็น 8. พ่อซื้อล๊อตเตอรี่มาตลอดชีวิตยังยากจนเหมือนเดิมแม้ แต่ราง วัลเลขท้ายยังไม่เคยถูกเลย นี่เป็นบทพิสูจน์ว่า คนเราจะเจริญก้าวหน้าได้ ต้องขยัน ขันแข็งอย่างเดียวเท่านั้น ในโลกนี้ไม่มีมื้อเที่ยงที่ไม่ต้อง เสียตังค์ ( No free lunch ) 9. ญาติ มิตร หรือสหาย ล้วนเป็นกันชาตินี้ชาติเดียว ฉะนั้นจงหวนแหนโอกาสที่ได้อยู่ด้วยกัน และแสนมีค่านี้ เพราะในชาติหน้า ไม่ว่าลูกจะรักใครหรือชังใครลูกก็จะไม่ มีโอกาสได้พบ กันอีก จากพ่อ เหลียงจี้จาง ที่มา : http://topicstock.pantip.com/…/20…/09/N8291400/N8291400.html ภาพ : http://www.prettybangkok.com/ (จากภาพยนตร์โฆษณา “My dad’s story”ของบริษัทประกันชีวิต MetLife ประเทศฮ่องกง)

บันทึกช่วยจำของเหลียงจี้จาง (จะเสียดายถ้าไม่ได้อ่าน)

เหลียงจี้จาง เป็นพิธีกรดังของ TVB ในฮ่องกง และเป็น
นักเขียนด้วย บันทึกช่วยจำที่เขาเขียนให้ " ลูก " ได้รับ
การเผยแพร่เป็นวงกว้าง นอกจากแสดงถึงความห่วงหา
อาทรที่พ่อมีต่อลูกเฉกเช่นคุณพ่อทั่วๆ ไป   มุมมองของ
เขาบางเรื่อง (ในแบบสังคมฮ่องกง)    บางคนก็เคยประ
สบมาบ้างเหมือนกัน  อ่านแล้วก็ยังอดอึ้งไม่ได้

.................................................................

ลูกรัก ...

ที่พ่อเขียนบันทึกช่วยจำฉบับนี้ให้ลูก    มีเหตุผลอยู่  3
ประการ คือ

1. สรรพสิ่งล้วนอนิจัง จะมีชิวิตอยู่ได้อีกนานเท่าใดไม่มี
ใครบอกได้   พ่อจึงคิดว่าบางเรื่องพ่อน่าจะสั่งเสียไว้แต่
เนิ่นๆ ย่อมจะดีกว่า

2. เพราะพ่อเป็นพ่อของลูก  ถ้าพ่อไม่บอกลูก   ไม่มีใคร
หรอกที่เขาจะบอกลูกแบบที่พ่อบอก

3. สิ่งที่พ่อบันทึกไว้นี้ล้วนเป็นประสบการณ์อันแสนเจ็บ
ปวดที่พ่อได้เรียนรู้มา มันจะทำให้ลูกไม่ต้องเสียเวลาไป
เรียนรู้มันอีก

..................................................................

ในชีวิตของลูก ขอให้จำสิ่งต่างๆ เหล่านี้ไว้ให้ดี

1. คนที่ไม่ดีต่อเรา ไม่ต้องไปใส่ใจนัก
ในชีวิตคนเรา  ไม่มีใครมี หน้าที่ที่จะต้องมาดีต่อเรา  ยก
เว้นพ่อกับแม่ของลูก   สำหรับคนที่ดีกับลูก นอกจากลูก
ต้องหวงแหนและขอบคุณเขาแล้ว   ยังต้องคอยระวังตัว
ไว้ด้วยเพราะคนเราทุกคนทำอะไรย่อมมีจุดประสงค์ เขา
ทำดีกับลูก  ใช่ว่าเขาจะทำเพราะชอบลูกเสมอไป    ลูก
ต้องตระ หนักจุดนี้ให้ดี อย่าเพิ่งรับเขาเป็นเพื่อนเร็วเกิน
ไป

2. ไม่มีคนที่ทดแทนกันไม่ได้และไม่มีสิ่งใดที่ต้องมีให้ได้
ถ้าเข้าใจจุดนี้   หากวันใดคนข้างกายของลูกไม่ต้องการ
ลูกอีกต่อไป  หรือวันใดที่ลูกต้องเสียสิ่งที่รักที่สุดไป  ลูก
จะได้เข้าใจว่า นี่ไม่ใช่เรื่องคอขาดบาดตายอะไรเลย

3. ชีวิตนี้แสนสั้น   หากลูกยังใช้ชีวิตอย่างไม่เห็นคุณค่า
พรุ่งนี้ลูกจะพบว่าชีวิตจะหลุดลอยไปไกลยิ่งขึ้น   ดังนั้น
ยิ่งรู้จักถนอมชีวิตเร็วเท่าใด  เวลาที่ลูกจะได้รับความสุข
จากชีวิตก็จะยิ่งมากขึ้นเท่านั้น   หาความสุขเสียแต่วันนี้
ดีกว่านั่งหวังให้มีอายุยืนนาน

4. ในโลกนี้ไม่มีเรื่องรักนิรันด์กาล
ความรักเป็นเพียงความรู้สึกชั่ววูบ   โดยความรู้สึกนี้ย่อม
เปลี่ยนไปตามกาลเวลา และอารมณ์ หากสิ่งที่ลูกรักมาก
ที่สุดจากลูกไป  ขอให้รอคอยอย่างอดทน   ให้เวลาช่วย
ชะล้าง ให้จิตใจค่อยๆ ตกตะกอน แล้วความทุกข์ของลูก
จะค่อยๆจางหายไป..อย่าวาดหวังความรักให้สวยเกินไป
และอย่าซ้ำเติมการอกหักให้ทุกข์เกินเหตุ

5. แม้ว่าคนหลายคนที่ประสบความสำเร็จในโลกนี้ไม่ได้
เรียนมาสูง แต่ไม่ได้หมายความว่า หากไม่ขยันเรียนแล้ว
จะได้ดี ความรู้คืออาวุธ คนเราอาจสู้แล้วรวยแต่ไม่มีทาง
รวยได้ หากปราศจากอาวุธสู้ ...

6. พ่อจะไม่ขอให้ลูกเลี้ยงดูครึ่งชีวิตหลังของพ่อ   เพราะ
พ่อก็จะไม่เลี้ยงดูครึ่งชีวิตหลังของลูกเช่นกัน
เมื่อลูกโตพอจนเป็นอิสระได้แล้ว    พ่อก็หมดหน้าที่แล้ว
เช่นกัน หลังจากนั้นไปลูกจะนั่งรถเมล์หรือจะนั่งรถเบ๊นซ์
จะกินหูฉลาม หรือจะกินบะหมี่ยำๆ ต้องเลือกเอง

7. ต้องทำดีต่อผู้อื่น แต่อย่าหวังว่าผู้อื่นต้องทำดีต่อเรา
เราปฏิบัติต่อผู้อื่นอย่างไร มิได้หมายความว่าผู้อื่นก็จะปฏิ
บัติตอบต่อเราในแบบเดียวกัน...ลูกต้องเข้าใจในข้อนี้ จะ
ได้ไม่หาทุกข์ใส่ตัวโดยไม่จำเป็น

8. พ่อซื้อล๊อตเตอรี่มาตลอดชีวิตยังยากจนเหมือนเดิมแม้
แต่ราง วัลเลขท้ายยังไม่เคยถูกเลย
นี่เป็นบทพิสูจน์ว่า  คนเราจะเจริญก้าวหน้าได้  ต้องขยัน
ขันแข็งอย่างเดียวเท่านั้น ในโลกนี้ไม่มีมื้อเที่ยงที่ไม่ต้อง
เสียตังค์ ( No free lunch )

9. ญาติ มิตร หรือสหาย ล้วนเป็นกันชาตินี้ชาติเดียว
ฉะนั้นจงหวนแหนโอกาสที่ได้อยู่ด้วยกัน  และแสนมีค่านี้
เพราะในชาติหน้า ไม่ว่าลูกจะรักใครหรือชังใครลูกก็จะไม่
มีโอกาสได้พบ กันอีก

จากพ่อ
เหลียงจี้จาง

ที่มา : http://topicstock.pantip.com/…/20…/09/N8291400/N8291400.html
ภาพ : http://www.prettybangkok.com/
(จากภาพยนตร์โฆษณา “My dad’s story”ของบริษัทประกันชีวิต MetLife ประเทศฮ่องกง)

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น