วันศุกร์ที่ 27 ตุลาคม พ.ศ. 2560

บทลงโทษด้วยความรัก วันหนึ่งเมื่อยังเด็ก แอนดี้น้องชายของฉันนั่งอยู่ที่มุม ห้องนั่งเล่น ในมือข้างหนึ่งมีปากกาหนึ่งด้าม ขณะที่ ในมืออีกข้างหนึ่งก็ถือหนังสือสะสมราคาแพงของพ่อ แอนดี้คงจะปีนขึ้นไปหยิบจากบนชั้นหนังสือ เมื่อพ่อ เดินเข้ามาในห้อง แอนดี้ก็ก้มหน้างุด และทำท่ากระ สับกระส่าย เขารู้ตัวดีเชียวละว่ากำลังทำผิด แม้จาก ระยะไกล ฉันก็เห็นรอยขีดเขียนเปรอะไปทั่วบนหน้า หนังสือของพ่อ และตอนนี้แอนดี้ก็กำลังจ้องมองพ่อ ตาโตด้วยความหวาดหวั่นรอคอยที่จะถูกทำโทษ พ่อ หยิบหนังสือขึ้นมามอง แล้วก็ทรุดตัวลงนั่งบนเก้าอี้ โดยไม่พูดอะไรสักคำ หนังสือทุกเล่มมีความหมายต่อพ่อมาก หนังสือคือ ความรู้ และหนังสือเล่มนี้ก็เป็นหนังสือสะสมราคา แพง แต่ในขณะเดียวกันท่านก็เป็นพ่อที่รักลูกมาก สิ่งที่พ่อทำในอีกไม่กี่นาทีข้างหน้านั้น ยอดเยี่ยมมาก แทนที่ท่านจะลงโทษหรือดุแอนดี้ หรือแม้แต่ตำหนิ ความซุกซน พ่อกลับนั่งลงหยิบปากกาในมือแอนดี้ ขึ้นมาถือไว้แล้วก็เขียนอะไรบางอย่างลงในหน้าหนัง สือสะสมราคาแพงนั่นเสียเอง. พ่อเขียนที่ข้างๆ ลาย เส้นที่แอนดี้ขีดว่า " ภาษาของแอนดี้ เมื่ออายุสองขวบ " ต่อไปนี้ ไม่ว่าครั้งไหนที่พ่อหยิบหนังสือเล่มนี้ขึ้นมา เปิด พ่อก็จะเห็นใบหน้าน้อยๆ ที่น่ารัก และดวงตาที่ สดใสของลูก และจะขอบคุณพระเจ้า ที่ประทานเด็ก น้อยคนนี้ มาให้ขีดเขียนบนหนังสือแสนหวงของพ่อ ลูกทำให้หนังสือเล่มนี้ของพ่อมีความหมาย เหมือน กับที่พี่ ๆ ของลูก นำความหมายมาสู่ชีวิตของพ่อ เหมือนกัน ว้าว !.. ฉันคิด นี่หรือคือการลงโทษของพ่อ ? นานๆ ครั้งฉันก็จะหยิบหนังสือที่สะสมไว้ มาให้ลูกหลาน ของฉันขีดเขียนเล่นทุกครั้งที่มองดูลายมือหยุกหยิก เหล่านั้น ฉันก็จะนึกถึงสิ่งที่พ่อทำในวันนั้น พ่อได้ สอนให้ฉันรู้ว่า อะไรกันแน่ที่มีค่าต่อชีวิตของเรา อย่างแท้จริงซึ่งนั่นก็คือคนที่เรารักไม่ใช่วัตถุสิ่งของ ลองมองย้อนดูตัวคุณเอง ในแต่ละวันเกิดเหตุการณ์ แบบนี้ขึ้นได้อยู่เสมอ เช่น คุณนั่งกินข้าวกับภรรยา อยู่ที่ร้านอาหาร เธอหวังดีอยากจะเทซอสให้คุณแต่ มันกลับหกไปเลอะเสื้อตัวเก่งของคุณ และคุณก็ทำ สีหน้าตำหนิเธอและคำพูดที่บอกว่า " เดี๋ยวผมเทเองก็ได้ " นอกจากคำขอโทษที่เธอพร่ำบอก น้ำตาใสๆ ก็เริ่ม เอ่อขึ้นในใจเช่นเดียวกัน และอาหารมื้อนั้น ไม่มีรส ชาติสำหรับเธอเสียแล้ว แต่ถ้าคุณบอกกับเธอว่า " ถ้าซักไม่ออกก็ไม่เป็นไรหรอก เมื่อผมหยิบเสื้อขึ้น มาใช้ครั้งใด ผมจะหวนนึกถึงร้านอาหารนี้ทุกครั้งไป ที่ได้มีโอกาสมาทานข้าวกับคุณ และจะได้คิดถึงทุก ครั้งว่า ภรรยารักและเอาใจใส่ผมมากเท่าใด อยาก ปรนนิบัติเอาใจ (จนเทซอสหกใส่ผม ) แต่ว่าคราว หน้าออกมาทานข้าว ผมจะเป็นคนเทซอสให้คุณมั้ง ล่ะ ( ทีนี้ตาผมมั่ง ) " ... รอยยิ้มจากหัวใจของเธอได้เริ่มโบยบิน แค่นี้คุณก็ ลงโทษเธอให้ระวังมากขึ้นแล้ว สิ่งที่มีค่าต่อชีวิตคนเรานั้นไม่ใช่นาฬิกาเรือนละแสน หรือเนคไทเส้นละหลายๆ พัน แต่เป็นความอบอุ่นใน หัวใจที่คุณรู้ว่ามีใครคนหนึ่งเฝ้ารักเฝ้าถนอมเฝ้าห่วง ใย และคอยแคร์ความรู้สึกคุณอยู่ตลอดเวลาต่างหาก แล้วคุณล่ะ เคยลงโทษใครด้วยความรักหรือเปล่า ? ขอมอบบทความนี้ ให้กับผู้มีหัวใจ ที่เต็มเปี่ยมด้วย "ความรัก" ทุกท่านและอย่าพยายามทำร้ายหัวใจใคร อีกเลย ไม่ว่าจะด้วยเจตนาหรือไม่ก็ตาม ขอขอบคุณเภสัชกรศรัญญา

บทลงโทษด้วยความรัก

วันหนึ่งเมื่อยังเด็ก แอนดี้น้องชายของฉันนั่งอยู่ที่มุม
ห้องนั่งเล่น  ในมือข้างหนึ่งมีปากกาหนึ่งด้าม ขณะที่
ในมืออีกข้างหนึ่งก็ถือหนังสือสะสมราคาแพงของพ่อ
แอนดี้คงจะปีนขึ้นไปหยิบจากบนชั้นหนังสือ เมื่อพ่อ
เดินเข้ามาในห้อง แอนดี้ก็ก้มหน้างุด  และทำท่ากระ
สับกระส่าย เขารู้ตัวดีเชียวละว่ากำลังทำผิด แม้จาก
ระยะไกล ฉันก็เห็นรอยขีดเขียนเปรอะไปทั่วบนหน้า
หนังสือของพ่อ  และตอนนี้แอนดี้ก็กำลังจ้องมองพ่อ
ตาโตด้วยความหวาดหวั่นรอคอยที่จะถูกทำโทษ พ่อ
หยิบหนังสือขึ้นมามอง   แล้วก็ทรุดตัวลงนั่งบนเก้าอี้
โดยไม่พูดอะไรสักคำ

หนังสือทุกเล่มมีความหมายต่อพ่อมาก    หนังสือคือ
ความรู้     และหนังสือเล่มนี้ก็เป็นหนังสือสะสมราคา
แพง     แต่ในขณะเดียวกันท่านก็เป็นพ่อที่รักลูกมาก
สิ่งที่พ่อทำในอีกไม่กี่นาทีข้างหน้านั้น ยอดเยี่ยมมาก
แทนที่ท่านจะลงโทษหรือดุแอนดี้   หรือแม้แต่ตำหนิ
ความซุกซน   พ่อกลับนั่งลงหยิบปากกาในมือแอนดี้
ขึ้นมาถือไว้แล้วก็เขียนอะไรบางอย่างลงในหน้าหนัง
สือสะสมราคาแพงนั่นเสียเอง. พ่อเขียนที่ข้างๆ ลาย
เส้นที่แอนดี้ขีดว่า
" ภาษาของแอนดี้ เมื่ออายุสองขวบ "

ต่อไปนี้  ไม่ว่าครั้งไหนที่พ่อหยิบหนังสือเล่มนี้ขึ้นมา
เปิด  พ่อก็จะเห็นใบหน้าน้อยๆ ที่น่ารัก และดวงตาที่
สดใสของลูก และจะขอบคุณพระเจ้า ที่ประทานเด็ก
น้อยคนนี้ มาให้ขีดเขียนบนหนังสือแสนหวงของพ่อ
ลูกทำให้หนังสือเล่มนี้ของพ่อมีความหมาย   เหมือน
กับที่พี่ ๆ ของลูก     นำความหมายมาสู่ชีวิตของพ่อ
เหมือนกัน

ว้าว !.. ฉันคิด นี่หรือคือการลงโทษของพ่อ ? นานๆ
ครั้งฉันก็จะหยิบหนังสือที่สะสมไว้     มาให้ลูกหลาน
ของฉันขีดเขียนเล่นทุกครั้งที่มองดูลายมือหยุกหยิก
เหล่านั้น   ฉันก็จะนึกถึงสิ่งที่พ่อทำในวันนั้น  พ่อได้
สอนให้ฉันรู้ว่า      อะไรกันแน่ที่มีค่าต่อชีวิตของเรา
อย่างแท้จริงซึ่งนั่นก็คือคนที่เรารักไม่ใช่วัตถุสิ่งของ

ลองมองย้อนดูตัวคุณเอง ในแต่ละวันเกิดเหตุการณ์
แบบนี้ขึ้นได้อยู่เสมอ   เช่น คุณนั่งกินข้าวกับภรรยา
อยู่ที่ร้านอาหาร เธอหวังดีอยากจะเทซอสให้คุณแต่
มันกลับหกไปเลอะเสื้อตัวเก่งของคุณ  และคุณก็ทำ
สีหน้าตำหนิเธอและคำพูดที่บอกว่า
" เดี๋ยวผมเทเองก็ได้ "
นอกจากคำขอโทษที่เธอพร่ำบอก   น้ำตาใสๆ ก็เริ่ม
เอ่อขึ้นในใจเช่นเดียวกัน  และอาหารมื้อนั้น ไม่มีรส
ชาติสำหรับเธอเสียแล้ว

แต่ถ้าคุณบอกกับเธอว่า
" ถ้าซักไม่ออกก็ไม่เป็นไรหรอก  เมื่อผมหยิบเสื้อขึ้น
มาใช้ครั้งใด ผมจะหวนนึกถึงร้านอาหารนี้ทุกครั้งไป
ที่ได้มีโอกาสมาทานข้าวกับคุณ และจะได้คิดถึงทุก
ครั้งว่า  ภรรยารักและเอาใจใส่ผมมากเท่าใด  อยาก
ปรนนิบัติเอาใจ (จนเทซอสหกใส่ผม )   แต่ว่าคราว
หน้าออกมาทานข้าว ผมจะเป็นคนเทซอสให้คุณมั้ง
ล่ะ ( ทีนี้ตาผมมั่ง ) " ...
รอยยิ้มจากหัวใจของเธอได้เริ่มโบยบิน   แค่นี้คุณก็
ลงโทษเธอให้ระวังมากขึ้นแล้ว

สิ่งที่มีค่าต่อชีวิตคนเรานั้นไม่ใช่นาฬิกาเรือนละแสน
หรือเนคไทเส้นละหลายๆ พัน แต่เป็นความอบอุ่นใน
หัวใจที่คุณรู้ว่ามีใครคนหนึ่งเฝ้ารักเฝ้าถนอมเฝ้าห่วง
ใย และคอยแคร์ความรู้สึกคุณอยู่ตลอดเวลาต่างหาก
แล้วคุณล่ะ เคยลงโทษใครด้วยความรักหรือเปล่า ?

ขอมอบบทความนี้   ให้กับผู้มีหัวใจ  ที่เต็มเปี่ยมด้วย
"ความรัก" ทุกท่านและอย่าพยายามทำร้ายหัวใจใคร
อีกเลย ไม่ว่าจะด้วยเจตนาหรือไม่ก็ตาม

ขอขอบคุณเภสัชกรศรัญญา

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น