“ของธรรมดา กับ ของหรูหรา ต่างกันอย่างไร ?” (Normal vs Luxury)
เคยสงสัยไหมว่า นาฬิกาเหมือนกัน ..บางเรือนราคาไม่กี่พันบาท ก็ดูเวลาได้ตรง แทบไม่ต่างกับ นาฬิกาเรือนละแสน เรือนละล้าน
...ผมจะสรุปให้เข้าใจง่ายๆ ว่า “อะไรหรือคือความหรูหรา” 5 ข้อ ดังนี้
1. Luxury is in Detail ..ของอะไรที่ใส่ใจรายละเอียด ของนั้นคือของหรูหรา ...คนที่ใส่ใจรายละเอียด จึงเหมาะกับการทำธุรกิจที่หรูหรา ขายของแพงได้ เช่น ถ้าคุณมองว่า ที่นอน ก็คือ ห้องเอาไว้นอน คุณทำหอพักได้ ..แต่ถ้าคุณจะทำธุรกิจโรงแรม คุณต้องใส่ใจในรายละเอียด
2. Luxury is Knowledge ...ความรู้ คือ สิ่งที่แยกให้สิ่งนั้นมีคุณค่า ...ขนาดคนเรา เรายังเรียกคนมีความรู้ว่า คุณ... เราให้เกียรติเขา ให้ราคา เพราะเขามีความรู้ ...เหมือนจะตลกนะ ถ้าจะบอกว่า คนที่คนอื่นให้เกียรติ ให้ราคาก็คือ คนที่มีความรู้ ...ใช่!! ความรู้ และ เรื่องราว คือ ส่วนที่ของหรูหราต้องสร้าง ต้องพัฒนา
3. Luxury is Price ...อันนี้คิดง่าย แต่ทำยาก ...ของหรูต้องราคาแพง ...แต่ถ้าตั้งราคาแพง โดยที่คุณภาพไม่ถึง อันนี้จะไม่ยั่งยืน ...ลูกค้าไม่ได้โง่ครับ ถ้าจะขายของแพง ของนั้น ต้องดีจริง ใส่ใจรายละเอียดจริงๆ
4. Luxury is Time ...ของหรูหรา หรือ Brand หรู มักมีประวัติที่ยาวนาน ...นาฬิกาสวิส , รถยนต์เยอรมัน ...’เวลา’ คือ เครื่องพิสูจน์ของจริง คนจริง
5. Luxury is Feeling ...ถ้าขายของชำ ขายของถูก คงไม่ต้องใส่ใจความรู้สึก ...คนเราตัดสินใจซื้อของ เราใช้เหตุผล แต่คนเราตัดสินใจซื้อของแพง เราใช้อารมณ์ ...นี่เป็นเหตุผลที่ Apple เวลาทำ iPhone เขาใส่ใจมากๆ ว่า วัสดุที่เอามาทำโทรศัพท์ ต้องจับแล้วรู้สึกดี น้ำหนักดี
ลองสำรวจ สิ่งที่เราทำว่า เราใส่ใจกับ 5 ข้อนี้แค่ไหน ...ถ้าเราใส่ใจกับทุกข้อ แปลว่า คุณสามารถทำธุรกิจ Luxury ได้
‘แพง’ ไม่ใช่แค่ตั้งราคา แต่มันคือ องค์ประกอบทั้ง 5 ที่เราสั่งสมประสบการณ์และพัฒนาอย่างต่อเนื่อง
สิ่งที่เล่าสามารถใช้กับ ‘ตัวเรา’ ก็ทำได้ ...ถ้าเราอยากจะเป็นคน ‘แพง’ ต้อง มีความรู้ ผู้รู้มีราคา เพราะคนอื่นให้ค่า ...ใส่ใจรายละเอียด ไม่ใช่สักแต่ทำอะไรลวกๆ แต่ต้องมองความยั่งยืน ..เลือกจุดยืนที่ชัด มีเป้าหมายในชีวิตที่ดี (ใครทำแบบนี้ได้ คุณจะสร้างแรงบันดาลใจให้คนอื่น ในขณะที่คุณมุ่งสู่เป้าหมายได้พร้อมๆ กัน)
..ลองปรับดูครับ
#ภาววิทย์กลิ่นประทุม
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น