วันเสาร์ที่ 10 มิถุนายน พ.ศ. 2560

" Mandy Harvey เธอผู้ไม่แพ้ " ผมเชื่อว่าทุกคนเคยยอมแพ้กับการพยายามทำบางสิ่งที่ไม่เคยสำเร็จ แม้ว่าเราจะพยายามทุ่มเทสุดตัวเท่าไหร่ มันก็ยังทำไม่ได้ จนสุดท้ายต้องยอมพ่ายแพ้ให้กับมัน แล้วก็ล้มเลิกมันไปในที่สุด แต่ว่าวันนี้ผมมีหนึ่งตัวอย่างที่อยากให้ทุกคนที่หัวใจเคยยอมแพ้ได้ลองรู้จักเธอ และผมเชื่อว่า หลังจากที่ทุกคนได้รับรู้เรื่องราวของเธอ คุณอาจจะเปลี่ยนความคิดไปตลอดกาล แมนดี้ฮาร์วี่อายุ 29 ปีเธอเป็นผู้เข้าประกวดในรายการ อเมริกาก็อตทาเลนท์ ซีซั่นล่าสุดดูจากภายนอกที่เธอเดินก้าวขึ้นมาบนเวที ทุกอย่างดูปกติเหมือนผู้หญิงธรรมดาทั่วไป ที่แต่งตัวสวยเพื่อมาโชว์และทำตามความฝัน แต่เมื่อกรรมการบอกให้เธอแนะนำตัว กลับมีผู้หญิงอีกท่านหนึ่งเดินมายืนอยู่ด้านข้างโต๊ะของคณะกรรมการและหันหน้าให้เธอ เหล่าคณะกรรมการถึงกับงุนงงว่าคนๆนี้เป็นใคร แมนดี้บอกว่าคนๆนี้คือล่ามแปลภาษามือให้กับเธอ ใช่ครับแมนดี้เป็นผู้พิการหูหนวกทั้งสองข้าง เธอเริ่มไม่ได้ยินอะไรเลยตอนอายุ18 จากโรคหูเสื่อม นั่นหมายความว่าเธอจะไม่สามารถได้ยินสิ่งที่คณะกรรมการพูด หรือได้ยินเสียงอะไรเลย สิ่งที่จะสามารถทำให้เธอรับรู้และสื่อสารกับผู้อื่นได้คือภาษามือเท่านั้น ความมหัศจรรย์ยังไม่หมดเพียงเท่านี้ เมื่อกรรมการเริ่มสัมภาษณ์เธอว่า เธอจะมาโชว์อะไร เธอตอบอย่างมั่นใจว่า ฉันจะร้องเพลง เมื่อทุกคนได้ยินแบบนั้น ผมเชื่อเหลือเกินว่ามีคำถามเกิดขึ้นมากมาย ว่าจะร้องเพลงได้ยังไง เธอไม่ได้ยินเสียงดนตรีหนิ แต่นั่นไม่ใช่ปัญหาสำหรับผู้ที่ไม่เคยยอมแพ้ต่อโชคชะตาอย่างเธอ เธอถอดรองเท้าออก เพื่อให้เท้าของเธอแนบกับพื้น เธอบอกว่านี่เป็นวิธีการจับจังหวะเพลงจากการสั่นสะเทือนของพื้น และถ้านั่นยังมหัศจรรย์ไม่พอ เธอจะร้องเพลงพร้อมกับการเล่นอูกูเลเล่ไปพร้อมๆกันด้วย แล้วเธอก็ทำได้จริงๆ ผู้ชมจำนวนมากในฮอลล์ ต่างพากันร้องไห้ด้วยความซาบซึ้งและชื่นชมในสิ่งที่เธอทำ ทุกคนลุกขึ้นปรบมือดังกึกก้อง จนดังมากพอจะสั่นสะเทือนไปให้ถึงเธอ เพื่อให้เธอได้รับรู้ถึงความชื่นชมของพวกเขาที่มีต่อเธอ หลังจากโชว์จบ 1 ในคณะกรรมการอย่าง Simon Cowell ได้พูดว่า I don’t think you gonna need your translater for this. (แปลว่า ฉันไม่คิดว่าเธอจะต้องการล่ามแปลภาษาในตอนนี้แล้ว)จากนั้นไซม่อนก็เอื้อมมือไปกดปุ่ม Golden Buzzer นั้นหมายความว่าเธอได้ผ่านเข้ารอบ และทะลุไปถึงรอบการแสดงสด โดยไม่ต้องผ่านรอบต่างๆที่เหลือเลย และพูดทิ้งท้ายว่า นี่คือโชว์ที่มหัศจรรย์ที่สุดที่เขาเคยเห็นมา! ผมเชื่อเหลือเกินว่าเรื่องราวของแมนดี้นั้นจะบ่งบอกอะไรเราได้หลายอย่าง และ เธอเหมาะสมแล้วกับคำว่าผู้ที่หัวใจไม่เคยยอมแพ้ แล้วเราล่ะ ลองย้อนมองดูตัวเองว่าเรายอมแพ้อะไรง่ายๆไปรึเปล่า ขนาดแมดดี้ คนที่ทุกคนไม่เชื่อว่าจะสามารถกลับมาร้องเพลง และเล่นดนตรีได้อีกโดยปราศจากการได้ยิน เธอยังทำได้ คุณก็ต้องทำได้!จงเชื่อมั่นในตนเองและที่สำคัญอย่ายอมแพ้ต่อโชคชะตาที่ควบคุมไม่ได้ Cr. ชัยยุทธ กิติชัยวัฒน์

" Mandy Harvey เธอผู้ไม่แพ้ "

ผมเชื่อว่าทุกคนเคยยอมแพ้กับการพยายามทำบางสิ่งที่ไม่เคยสำเร็จ แม้ว่าเราจะพยายามทุ่มเทสุดตัวเท่าไหร่ มันก็ยังทำไม่ได้ จนสุดท้ายต้องยอมพ่ายแพ้ให้กับมัน แล้วก็ล้มเลิกมันไปในที่สุด แต่ว่าวันนี้ผมมีหนึ่งตัวอย่างที่อยากให้ทุกคนที่หัวใจเคยยอมแพ้ได้ลองรู้จักเธอ และผมเชื่อว่า หลังจากที่ทุกคนได้รับรู้เรื่องราวของเธอ คุณอาจจะเปลี่ยนความคิดไปตลอดกาล
            แมนดี้ฮาร์วี่อายุ 29 ปีเธอเป็นผู้เข้าประกวดในรายการ อเมริกาก็อตทาเลนท์ ซีซั่นล่าสุดดูจากภายนอกที่เธอเดินก้าวขึ้นมาบนเวที ทุกอย่างดูปกติเหมือนผู้หญิงธรรมดาทั่วไป ที่แต่งตัวสวยเพื่อมาโชว์และทำตามความฝัน แต่เมื่อกรรมการบอกให้เธอแนะนำตัว กลับมีผู้หญิงอีกท่านหนึ่งเดินมายืนอยู่ด้านข้างโต๊ะของคณะกรรมการและหันหน้าให้เธอ เหล่าคณะกรรมการถึงกับงุนงงว่าคนๆนี้เป็นใคร แมนดี้บอกว่าคนๆนี้คือล่ามแปลภาษามือให้กับเธอ  ใช่ครับแมนดี้เป็นผู้พิการหูหนวกทั้งสองข้าง เธอเริ่มไม่ได้ยินอะไรเลยตอนอายุ18 จากโรคหูเสื่อม นั่นหมายความว่าเธอจะไม่สามารถได้ยินสิ่งที่คณะกรรมการพูด หรือได้ยินเสียงอะไรเลย สิ่งที่จะสามารถทำให้เธอรับรู้และสื่อสารกับผู้อื่นได้คือภาษามือเท่านั้น
            ความมหัศจรรย์ยังไม่หมดเพียงเท่านี้ เมื่อกรรมการเริ่มสัมภาษณ์เธอว่า เธอจะมาโชว์อะไร เธอตอบอย่างมั่นใจว่า ฉันจะร้องเพลง เมื่อทุกคนได้ยินแบบนั้น ผมเชื่อเหลือเกินว่ามีคำถามเกิดขึ้นมากมาย ว่าจะร้องเพลงได้ยังไง เธอไม่ได้ยินเสียงดนตรีหนิ แต่นั่นไม่ใช่ปัญหาสำหรับผู้ที่ไม่เคยยอมแพ้ต่อโชคชะตาอย่างเธอ เธอถอดรองเท้าออก เพื่อให้เท้าของเธอแนบกับพื้น เธอบอกว่านี่เป็นวิธีการจับจังหวะเพลงจากการสั่นสะเทือนของพื้น และถ้านั่นยังมหัศจรรย์ไม่พอ เธอจะร้องเพลงพร้อมกับการเล่นอูกูเลเล่ไปพร้อมๆกันด้วย
แล้วเธอก็ทำได้จริงๆ ผู้ชมจำนวนมากในฮอลล์ ต่างพากันร้องไห้ด้วยความซาบซึ้งและชื่นชมในสิ่งที่เธอทำ ทุกคนลุกขึ้นปรบมือดังกึกก้อง จนดังมากพอจะสั่นสะเทือนไปให้ถึงเธอ เพื่อให้เธอได้รับรู้ถึงความชื่นชมของพวกเขาที่มีต่อเธอ หลังจากโชว์จบ 1 ในคณะกรรมการอย่าง Simon Cowell ได้พูดว่า I don’t think you gonna need your translater for this. (แปลว่า ฉันไม่คิดว่าเธอจะต้องการล่ามแปลภาษาในตอนนี้แล้ว)จากนั้นไซม่อนก็เอื้อมมือไปกดปุ่ม Golden Buzzer นั้นหมายความว่าเธอได้ผ่านเข้ารอบ และทะลุไปถึงรอบการแสดงสด โดยไม่ต้องผ่านรอบต่างๆที่เหลือเลย และพูดทิ้งท้ายว่า นี่คือโชว์ที่มหัศจรรย์ที่สุดที่เขาเคยเห็นมา!

            ผมเชื่อเหลือเกินว่าเรื่องราวของแมนดี้นั้นจะบ่งบอกอะไรเราได้หลายอย่าง และ เธอเหมาะสมแล้วกับคำว่าผู้ที่หัวใจไม่เคยยอมแพ้ แล้วเราล่ะ ลองย้อนมองดูตัวเองว่าเรายอมแพ้อะไรง่ายๆไปรึเปล่า ขนาดแมดดี้ คนที่ทุกคนไม่เชื่อว่าจะสามารถกลับมาร้องเพลง และเล่นดนตรีได้อีกโดยปราศจากการได้ยิน เธอยังทำได้ คุณก็ต้องทำได้!จงเชื่อมั่นในตนเองและที่สำคัญอย่ายอมแพ้ต่อโชคชะตาที่ควบคุมไม่ได้

Cr. ชัยยุทธ กิติชัยวัฒน์

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น