วันจันทร์ที่ 19 มิถุนายน พ.ศ. 2560

นิทานเรื่องคนขับ Taxi ญี่ปุ่น? ณ สนามบินนาริตะ ผู้บริหารชาวอเมริกันโบกรถ Taxi คันหนึ่ง “ไปโรงแรม Four seasons ครับ!” ลุงโชเฟอร์โค้งรับอย่างสุภาพ เมื่อก้าวขึ้นรถ ผู้บริหารแปลกใจมาก ข้างในรถขาวสะอาด มี ผ้าลูกไม้สีขาวบริสุทธิ์หุ้มเบาะ แถมลุงคนขับสวมถุงมือสีขาว สะอาด พร้อมใบหน้ายิ้มแย้ม เขาจึงถามคุณลุงว่า “ถุงมือหรือผ้าหุ้มเบาะนี่ บริษัทบังคับให้ซักเหรอครับ” ลุงยิ้มและตอบว่า “เปล่าครับ ผมซักเอง อยากให้ลูกค้ารู้สึกดีเวลาขึ้นรถผม” ผู้บริหารอเมริกันยิ้มแห้งๆ และส่ายหน้าเบาๆ ค่าซักพวกนี้ก็เป็นต้นทุนทั้งนั้น เดี๋ยวก็ได้กำไรน้อยลงกันพอดี เมื่อขับไปได้สักพัก คุณลุงก็ชี้ให้ผู้บริหารดูสองข้างทาง “นั่น พระราชวังโตเกียว สร้างขึ้นเมื่อปี XXXX ส่วนสะพานตรง นั้น ชื่อสะพาน YYY คุณทราบไหม สองแห่งนี้เกี่ยวข้องกันยัง ไง เรื่องมีอยู่ว่า สมัยเอโดะ…..” ผู้บริหารฟังอย่างสนอกสนใจ แต่ก็เผลอถามคุณลุงอีกว่า “ทำไมคุณถึงรู้ละเอียดและเล่าได้ขนาดนี้” ลุงยิ้มและตอบว่า “วันหยุดหรือช่วงเวลาว่าง ผมก็นั่งศึกษาเพิ่มเติมเอง ไปเดิน หาซื้อหนังสือประวัติศาสตร์หนังสือท่องเที่ยวมาดูบ้าง เวลา ลูกค้านั่ง จะได้มีอะไรเล่าให้แขกฟังเพลินๆ” ระหว่างฟังผู้บริหารอเมริกันคำนวณตัวเลขในใจ ค่าหนังสือก็ คงแพงอยู่ เพราะลุงรู้หลายเรื่องคงจะอ่านหลายเล่ม แถมวัน หยุดแทนที่ลุงจะได้พักสบายๆ กลับต้องมานั่งอ่านตำราเยอะ แยะเสียเวลาแกแท้ๆ คนญี่ปุ่นนี่จะทำงานไปถึงไหนกัน “แล้ววันหยุด คุณทำอะไรอีกบ้าง นอกจากอ่านหนังสือ” “ก็อยู่กับภรรยาและลูกๆ ครับ ส่วนใหญ่ ก็พาครอบครัวขับรถ เล่นในโตเกียว ศึกษาเส้นทางใหม่ๆ ไปด้วยในตัวผมชอบหา เส้นทางลัด ทางที่สั้นๆ หรือรถไม่ติด จะได้ไปส่งผู้โดยสาร ได้เร็วๆ ใครๆ ก็อยากถึงที่หมายให้เร็วที่สุด ใช่ไหมครับ” ผู้บริหารเริ่มคิดต่อ ขับรถตัวเองหาเส้นทางเปลืองน้ำมันแถม ถ้าพาผู้โดยสารไปเส้นทางลัด คนขับก็จะได้ค่าแท็กซี่น้อย ลง ลุงนี่ … ช่างไม่รู้อะไรเลย เมื่อถึงโรงแรม Four Seasons คุณลุงเปิดหลังรถ และหยิบ กระเป๋าของผู้บริหารลงมาวางอย่างนิ่มนวล ผู้บริหารประทับ ใจเรื่องราวและความใส่ใจของคุณลุงมาก จึงตั้งใจจะให้ทิป แก 1 หมื่นเยน คุณลุงยิ้มและกล่าวปฏิเสธอย่างแข็งขัน “ที่ญี่ปุ่น ไม่มีธรรมเนียมการทิปครับ” ผู้บริหารอเมริกันยิ่งเกาหัวแกรกๆ …คุณลุง จะเสียเงินทำความสะอาดรถบ่อยๆ ทำไม จะซื้อหนังสือมานั่งศึกษาเรื่องโตเกียวหรือ จะหาเส้นทางใหม่ๆ ไปทำไม ทิปก็ไม่เอาอีก..กำไรก็ยิ่งลดลง คุณลุงเห็นผู้บริหารอเมริกัน ทำหน้างุนงง จึงกล่าวอย่างนอบน้อมว่า “แค่คุณมีความสุข แค่คุณประทับใจ แค่คุณรักโตเกียว รักประเทศญี่ปุ่นมากขึ้น ผมก็มีความสุขแล้วครับ” ผู้บริหารอเมริกันก็ยังคงไม่เข้าใจ ยังไงๆคุณลุงก็ขาดทุนอยู่ ดี กำไรน้อย ไม่มีเวลาพักเป็นของตัวเอง เจ้านายก็ไม่รู้ว่า คุณลุงตั้งใจทำงานขนาดนี้ คุณลุงทำงานไปเพื่ออะไร? ผู้บริหารอเมริกันลากกระเป๋าเดินเข้าโรงแรมไปพร้อมคำถาม ในใจ เขาคงไม่ทันสังเกตว่ามีพนักงานโรงแรมหญิงเดินมา หาคุณลุงพร้อมบอกว่า “ซุซุกิซังคะ คราวที่แล้ว ขอบพระคุณมากนะคะ แขกติดใจ คุณกันใหญ่บอกว่า คุณรู้สถานที่ต่างๆ ในโตเกียวดีมากอย่าง กับเป็นไกด์ทัวร์ ดิฉันอยากให้คุณช่วยไปรับแขก VIP ท่าน หนึ่งที่สนามบินค่ะ” ผู้บริหารอเมริกัน คงไม่ทันสังเกตอีกว่า ในรถ Taxi ของคุณ ลุงมีแฟ้มสีเหลือง ข้างในเป็นตารางเวลาไปรับลูกค้าประจำ ตารางแน่นเอี้ยด คุณลุงแทบไม่ต้องขับรถวนหาลูกค้าเลย มี แต่คนจะจองตัวคุณลุงเพราะประทับใจในตัวแก แถมยังบอก ต่อเพื่อนๆ ให้ใช้บริการคุณลุงอีกด้วย ถ้าผู้บริหารอเมริกันอ่านถึงตอนจบตรงนี้ เขาคงคำนวณต่อ ว่าแล้วลูกค้าเก่ามีกี่ % สร้างรายได้ได้กี่ % คุ้มกับการลงทุน ค่าน้ำมัน ค่าหนังสือ ค่าซักผ้าของคุณลุงไหม คุณลุงแอบกระซิบบอกว่า ผู้บริหารลืมบวกตัวแปรไป 3 ตัว ตัวแปรตัวนี้มีค่ามาก ถ้าใส่ลงไปในสมการ “กำไร = รายได้- ต้นทุน” ยังไงๆ กำไรแกก็เป็นบวกมหาศาล ตัวแปรนั้นคือ “ความสุขจากการเห็นผู้อื่นมีความสุข ความอิ่มใจกับผลงานที่ตัวเองสร้าง และความภูมิใจในคุณค่าของตัวเอง” Japan Gossip by เกตุวดี Marumura ภาพ : https://coachpatm888blog.files.wordpress.com/…/10/facts3.jpg

นิทานเรื่องคนขับ Taxi ญี่ปุ่น?

ณ สนามบินนาริตะ ผู้บริหารชาวอเมริกันโบกรถ Taxi คันหนึ่ง
“ไปโรงแรม Four seasons ครับ!”
ลุงโชเฟอร์โค้งรับอย่างสุภาพ
เมื่อก้าวขึ้นรถ ผู้บริหารแปลกใจมาก  ข้างในรถขาวสะอาด  มี
ผ้าลูกไม้สีขาวบริสุทธิ์หุ้มเบาะ แถมลุงคนขับสวมถุงมือสีขาว
สะอาด พร้อมใบหน้ายิ้มแย้ม
เขาจึงถามคุณลุงว่า
“ถุงมือหรือผ้าหุ้มเบาะนี่ บริษัทบังคับให้ซักเหรอครับ”
ลุงยิ้มและตอบว่า
“เปล่าครับ ผมซักเอง อยากให้ลูกค้ารู้สึกดีเวลาขึ้นรถผม”
ผู้บริหารอเมริกันยิ้มแห้งๆ และส่ายหน้าเบาๆ
ค่าซักพวกนี้ก็เป็นต้นทุนทั้งนั้น เดี๋ยวก็ได้กำไรน้อยลงกันพอดี

เมื่อขับไปได้สักพัก คุณลุงก็ชี้ให้ผู้บริหารดูสองข้างทาง
“นั่น พระราชวังโตเกียว สร้างขึ้นเมื่อปี XXXX ส่วนสะพานตรง
นั้น ชื่อสะพาน YYY คุณทราบไหม สองแห่งนี้เกี่ยวข้องกันยัง
ไง เรื่องมีอยู่ว่า สมัยเอโดะ…..”
ผู้บริหารฟังอย่างสนอกสนใจ แต่ก็เผลอถามคุณลุงอีกว่า
“ทำไมคุณถึงรู้ละเอียดและเล่าได้ขนาดนี้”
ลุงยิ้มและตอบว่า
“วันหยุดหรือช่วงเวลาว่าง   ผมก็นั่งศึกษาเพิ่มเติมเอง ไปเดิน
หาซื้อหนังสือประวัติศาสตร์หนังสือท่องเที่ยวมาดูบ้าง  เวลา
ลูกค้านั่ง จะได้มีอะไรเล่าให้แขกฟังเพลินๆ”
ระหว่างฟังผู้บริหารอเมริกันคำนวณตัวเลขในใจ ค่าหนังสือก็
คงแพงอยู่ เพราะลุงรู้หลายเรื่องคงจะอ่านหลายเล่ม แถมวัน
หยุดแทนที่ลุงจะได้พักสบายๆ กลับต้องมานั่งอ่านตำราเยอะ
แยะเสียเวลาแกแท้ๆ คนญี่ปุ่นนี่จะทำงานไปถึงไหนกัน

“แล้ววันหยุด คุณทำอะไรอีกบ้าง นอกจากอ่านหนังสือ”
“ก็อยู่กับภรรยาและลูกๆ ครับ  ส่วนใหญ่ ก็พาครอบครัวขับรถ
เล่นในโตเกียว ศึกษาเส้นทางใหม่ๆ ไปด้วยในตัวผมชอบหา
เส้นทางลัด ทางที่สั้นๆ หรือรถไม่ติด   จะได้ไปส่งผู้โดยสาร
ได้เร็วๆ  ใครๆ ก็อยากถึงที่หมายให้เร็วที่สุด ใช่ไหมครับ”
ผู้บริหารเริ่มคิดต่อ ขับรถตัวเองหาเส้นทางเปลืองน้ำมันแถม
ถ้าพาผู้โดยสารไปเส้นทางลัด   คนขับก็จะได้ค่าแท็กซี่น้อย
ลง  ลุงนี่ … ช่างไม่รู้อะไรเลย

เมื่อถึงโรงแรม Four Seasons  คุณลุงเปิดหลังรถ และหยิบ
กระเป๋าของผู้บริหารลงมาวางอย่างนิ่มนวล ผู้บริหารประทับ
ใจเรื่องราวและความใส่ใจของคุณลุงมาก จึงตั้งใจจะให้ทิป
แก 1 หมื่นเยน คุณลุงยิ้มและกล่าวปฏิเสธอย่างแข็งขัน
“ที่ญี่ปุ่น ไม่มีธรรมเนียมการทิปครับ”
ผู้บริหารอเมริกันยิ่งเกาหัวแกรกๆ …คุณลุง
จะเสียเงินทำความสะอาดรถบ่อยๆ ทำไม
จะซื้อหนังสือมานั่งศึกษาเรื่องโตเกียวหรือ
จะหาเส้นทางใหม่ๆ ไปทำไม
ทิปก็ไม่เอาอีก..กำไรก็ยิ่งลดลง  คุณลุงเห็นผู้บริหารอเมริกัน
ทำหน้างุนงง จึงกล่าวอย่างนอบน้อมว่า

“แค่คุณมีความสุข
แค่คุณประทับใจ
แค่คุณรักโตเกียว รักประเทศญี่ปุ่นมากขึ้น
ผมก็มีความสุขแล้วครับ”
ผู้บริหารอเมริกันก็ยังคงไม่เข้าใจ  ยังไงๆคุณลุงก็ขาดทุนอยู่
ดี  กำไรน้อย  ไม่มีเวลาพักเป็นของตัวเอง   เจ้านายก็ไม่รู้ว่า
คุณลุงตั้งใจทำงานขนาดนี้ คุณลุงทำงานไปเพื่ออะไร?

ผู้บริหารอเมริกันลากกระเป๋าเดินเข้าโรงแรมไปพร้อมคำถาม
ในใจ  เขาคงไม่ทันสังเกตว่ามีพนักงานโรงแรมหญิงเดินมา
หาคุณลุงพร้อมบอกว่า
“ซุซุกิซังคะ  คราวที่แล้ว  ขอบพระคุณมากนะคะ  แขกติดใจ
คุณกันใหญ่บอกว่า คุณรู้สถานที่ต่างๆ ในโตเกียวดีมากอย่าง
กับเป็นไกด์ทัวร์    ดิฉันอยากให้คุณช่วยไปรับแขก VIP ท่าน
หนึ่งที่สนามบินค่ะ”

ผู้บริหารอเมริกัน  คงไม่ทันสังเกตอีกว่า ในรถ Taxi ของคุณ
ลุงมีแฟ้มสีเหลือง  ข้างในเป็นตารางเวลาไปรับลูกค้าประจำ
ตารางแน่นเอี้ยด คุณลุงแทบไม่ต้องขับรถวนหาลูกค้าเลย มี
แต่คนจะจองตัวคุณลุงเพราะประทับใจในตัวแก แถมยังบอก
ต่อเพื่อนๆ ให้ใช้บริการคุณลุงอีกด้วย

ถ้าผู้บริหารอเมริกันอ่านถึงตอนจบตรงนี้   เขาคงคำนวณต่อ
ว่าแล้วลูกค้าเก่ามีกี่ % สร้างรายได้ได้กี่ %  คุ้มกับการลงทุน
ค่าน้ำมัน ค่าหนังสือ ค่าซักผ้าของคุณลุงไหม

คุณลุงแอบกระซิบบอกว่า    ผู้บริหารลืมบวกตัวแปรไป 3 ตัว
ตัวแปรตัวนี้มีค่ามาก ถ้าใส่ลงไปในสมการ “กำไร = รายได้-
ต้นทุน”  ยังไงๆ กำไรแกก็เป็นบวกมหาศาล

ตัวแปรนั้นคือ
“ความสุขจากการเห็นผู้อื่นมีความสุข
ความอิ่มใจกับผลงานที่ตัวเองสร้าง
และความภูมิใจในคุณค่าของตัวเอง”

Japan Gossip by เกตุวดี Marumura
ภาพ : https://coachpatm888blog.files.wordpress.com/…/10/facts3.jpg

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น