วันพุธที่ 28 มิถุนายน พ.ศ. 2560

ผู้ยิ่งใหญ่ที่แท้จริง คุณพ่อมีเพื่อนคนหนึ่ง เป็นนักวาดภาพชื่อดัง ทุกครั้งที่คุณพ่อพาผมไปเยี่ยมคุณลุง ผมมักจะเห็นมีนักวาดรุ่นใหม่มาขอคำชี้แนะจากคุณลุง คุณลุงก็แสนใจดี เห็นนั่งแนะนั่งสอนไม่หยุดไม่หย่อน แต่ละครั้งก็กินเวลายาวนานพอควร บางครั้ง คุณลุงเจอนักวาดรุ่นใหม่ที่ฝีมือดีมีศักยภาพเพียงพอ ก็ยังใจดีช่วยสนับสนุนแนะนำไปหาช่องทางที่สามารถช่วยต่อยอดได้ หรือแนะนำให้สื่อมวลชนที่รู้จักกันช่วยสนับสนุน คุณลุงยอมอุทิศเวลาและกำลังความสามารถช่วยอย่างจริงใจอยู่บ่อยๆ ผมรู้ว่าเวลาของคุณลุงมีค่ามาก แต่ก็เต็มที่กับการหนุนนำชนรุ่นหลัง ห้ามใจไม่อยู่จึงต้องถามว่า "คุณลุงครับ ทำไมไม่เอาเวลาไปตั้งหน้าตั้งตาวาดรูป เพราะรูปคุณลุงแต่ละรูปก็ได้เงินเป็นหมื่นเป็นแสน ทำไมยอมเสียสละเวลามากมายให้กับนักวาดรุ่นใหม่พวกนี้" คุณลุงชงักไปนิดนึง ก่อนจะตอบอย่างยิ้มแย้มว่า "ต่อไปนี้เป็นเรื่องจริงที่จะเล่าให้หลานฟัง เมื่อสี่สิบปีที่แล้ว มีชายหนุ่มคนหนึ่งนำเอาภาพวาดของตนไปพบนักวาดในดวงใจของตน อยากให้นักวาดเรืองนามท่านนั้นช่วยวิจารณ์และชี้แนะในฝีมือตน แน่นอนที่สุด ชายหนุ่มผู้นั้นก็ยังเป็นนักวาดที่ไร้ชื่อเสียงในตอนนั้น แต่นักวาดเรืองนามท่านนั้นใช้หางตามองชายหนุ่ม ภาพก็ไม่ยอมคลี่ออกมาดู แค่พูดว่า ตนไม่เคยเสียเวลากับเรื่องพวกนี้ กลับไปเถอะ น้ำเสียงเต็มไปด้วยความยะโส ชายหนุ่มรู้ซึ้งถึงการถูกไล่อย่างไร้ศักดิ์ศรี ก่อนก้าวออกจากบ้าน หันกลับไปบอกนักวาดยะโสท่านนั้นว่า "อาจารย์ครับ ตอนนี้อาจารย์ยืนอยู่บนยอดเขา เมื่อมองลงไปเชิงเขา ก็คงเห็นคนที่ไร้ชื่อเสียงอย่างผมมีตัวตนแค่เล็กนิดเดียว แต่อาจารย์ช่วยรับรู้ไว้ด้วย ผมยืนอยู่ตีนเขา แหงนหน้ามองขึ้นไปยังยอดเขา อาจารย์ก็ตัวเล็กนิดเดียวเหมือนกัน" พูดจบเขาก็หันหลังเดินจากไปอย่างทรนง อาจเพราะเหตุนี้ ชายหนุ่มผู้นั้นจึงมุ่งมั่นศึกษาและฝึกฝนอย่างหนัก ฝีมือและชื่อเสียงจึงค่อยๆสั่งสมขึ้นมา จนสามารถกลายเป็นศิลปินระดับแนวหน้าของประเทศ แต่สิ่งที่เขาไม่เคยลืมก็คือ เหตุการณ์ที่ถูกเหยียบย่ำศักดิ์ศรีครั้งนั้นในชีวิต เขามักเตือนตัวเองว่า ความยิ่งใหญ่ของคนนั้น ไม่ได้อยู่เพียงแค่ตำแหน่งที่เขายึดครองหรือชื่อเสียงที่เขามี แต่ต้องรวมเอาอุปนิสัย ใจคอ พฤติกรรม และการวางตัวที่ดีของเขาผู้นั้นด้วย และชายหนุ่มคนนั้นเมื่อสี่สิบปีที่แล้ว ก็คือลุงของหลานในวันนี้" ตอนหลัง คุณลุงให้ภาพวาดผมมาภาพหนึ่ง ผมแขวนมันไว้ในห้องหนังสือ ในภาพเป็นรูปภูเขาที่สูงสง่า บนยอดเขามีคนยืนอยู่กำลังมองลงมายังเชิงเขา และที่เชิงเขาก็มีรูปคนยืนอยู่ที่กำลังแหงนหน้ามองขึ้นไปยังยอดเขา และคนทั้งสองก็มีขนาดเท่ากันจริงๆ "ขจรศักดิ์" แปลและเรียบเรียง Rensheng5.com/renshengzheli/id-3683.html

ผู้ยิ่งใหญ่ที่แท้จริง

คุณพ่อมีเพื่อนคนหนึ่ง เป็นนักวาดภาพชื่อดัง

ทุกครั้งที่คุณพ่อพาผมไปเยี่ยมคุณลุง ผมมักจะเห็นมีนักวาดรุ่นใหม่มาขอคำชี้แนะจากคุณลุง คุณลุงก็แสนใจดี เห็นนั่งแนะนั่งสอนไม่หยุดไม่หย่อน แต่ละครั้งก็กินเวลายาวนานพอควร

บางครั้ง คุณลุงเจอนักวาดรุ่นใหม่ที่ฝีมือดีมีศักยภาพเพียงพอ ก็ยังใจดีช่วยสนับสนุนแนะนำไปหาช่องทางที่สามารถช่วยต่อยอดได้ หรือแนะนำให้สื่อมวลชนที่รู้จักกันช่วยสนับสนุน คุณลุงยอมอุทิศเวลาและกำลังความสามารถช่วยอย่างจริงใจอยู่บ่อยๆ

ผมรู้ว่าเวลาของคุณลุงมีค่ามาก แต่ก็เต็มที่กับการหนุนนำชนรุ่นหลัง ห้ามใจไม่อยู่จึงต้องถามว่า "คุณลุงครับ ทำไมไม่เอาเวลาไปตั้งหน้าตั้งตาวาดรูป เพราะรูปคุณลุงแต่ละรูปก็ได้เงินเป็นหมื่นเป็นแสน ทำไมยอมเสียสละเวลามากมายให้กับนักวาดรุ่นใหม่พวกนี้"

คุณลุงชงักไปนิดนึง ก่อนจะตอบอย่างยิ้มแย้มว่า "ต่อไปนี้เป็นเรื่องจริงที่จะเล่าให้หลานฟัง เมื่อสี่สิบปีที่แล้ว มีชายหนุ่มคนหนึ่งนำเอาภาพวาดของตนไปพบนักวาดในดวงใจของตน อยากให้นักวาดเรืองนามท่านนั้นช่วยวิจารณ์และชี้แนะในฝีมือตน แน่นอนที่สุด ชายหนุ่มผู้นั้นก็ยังเป็นนักวาดที่ไร้ชื่อเสียงในตอนนั้น แต่นักวาดเรืองนามท่านนั้นใช้หางตามองชายหนุ่ม ภาพก็ไม่ยอมคลี่ออกมาดู แค่พูดว่า ตนไม่เคยเสียเวลากับเรื่องพวกนี้ กลับไปเถอะ น้ำเสียงเต็มไปด้วยความยะโส ชายหนุ่มรู้ซึ้งถึงการถูกไล่อย่างไร้ศักดิ์ศรี ก่อนก้าวออกจากบ้าน หันกลับไปบอกนักวาดยะโสท่านนั้นว่า "อาจารย์ครับ ตอนนี้อาจารย์ยืนอยู่บนยอดเขา เมื่อมองลงไปเชิงเขา ก็คงเห็นคนที่ไร้ชื่อเสียงอย่างผมมีตัวตนแค่เล็กนิดเดียว แต่อาจารย์ช่วยรับรู้ไว้ด้วย ผมยืนอยู่ตีนเขา แหงนหน้ามองขึ้นไปยังยอดเขา อาจารย์ก็ตัวเล็กนิดเดียวเหมือนกัน" พูดจบเขาก็หันหลังเดินจากไปอย่างทรนง อาจเพราะเหตุนี้ ชายหนุ่มผู้นั้นจึงมุ่งมั่นศึกษาและฝึกฝนอย่างหนัก ฝีมือและชื่อเสียงจึงค่อยๆสั่งสมขึ้นมา จนสามารถกลายเป็นศิลปินระดับแนวหน้าของประเทศ แต่สิ่งที่เขาไม่เคยลืมก็คือ เหตุการณ์ที่ถูกเหยียบย่ำศักดิ์ศรีครั้งนั้นในชีวิต เขามักเตือนตัวเองว่า ความยิ่งใหญ่ของคนนั้น ไม่ได้อยู่เพียงแค่ตำแหน่งที่เขายึดครองหรือชื่อเสียงที่เขามี แต่ต้องรวมเอาอุปนิสัย ใจคอ พฤติกรรม และการวางตัวที่ดีของเขาผู้นั้นด้วย และชายหนุ่มคนนั้นเมื่อสี่สิบปีที่แล้ว ก็คือลุงของหลานในวันนี้"

ตอนหลัง คุณลุงให้ภาพวาดผมมาภาพหนึ่ง ผมแขวนมันไว้ในห้องหนังสือ ในภาพเป็นรูปภูเขาที่สูงสง่า บนยอดเขามีคนยืนอยู่กำลังมองลงมายังเชิงเขา และที่เชิงเขาก็มีรูปคนยืนอยู่ที่กำลังแหงนหน้ามองขึ้นไปยังยอดเขา และคนทั้งสองก็มีขนาดเท่ากันจริงๆ

"ขจรศักดิ์"
แปลและเรียบเรียง

Rensheng5.com/renshengzheli/id-3683.html

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น