วันพุธที่ 21 มิถุนายน พ.ศ. 2560

วิธีการที่จะกลายเป็นเศรษฐี นานมาแล้ว มีชายหนุ่มแสนจะยากจนคนหนึ่ง กำพร้าตั้งแต่เล็ก วันหนึ่ง เขาไปไหว้ พระที่วัด คุกเข่าลงกับพื้น วิงวอนต่อสิ่งศักดิ์สิทธิ์ " สิ่งศักดิ์สิทธิ์ โปรดบอกแก่ข้าด้วย เถอะ ผมต้องทำอย่างไร จึงสามารถที่จะกลายเป็นเศรษฐีได้ " เนิ่นนาน..เขาก็ได้ยินเสียงๆหนึ่งว่า " หากคิดที่จะเป็นเศรษฐี ต้องรู้ที่จะสำนึกคุณใน ชีวิต ให้ความสำคัญกับทุกเรื่องราวที่เกิดขึ้นรอบกาย หวงแหนทะนุถนอนทุกสิ่งทุก อย่างที่มีอยู่ เช่นนี้แล้ว ก็จะสามารถเป็นเศรษฐีได้ ชายหนุ่มได้ฟังเช่นนั้น กระโดดโลดเต้นขึ้นมาด้วยความดีใจ " เรียบง่ายเช่นนี้ ? ผม ต้องพยายามทำให้สำเร็จจงได้ " เขารีบวิ่งออกจากวัด ไม่ทันระวัง สะดุดก้อนหินล้มลง กำลังที่จะคลานลุกขึ้นมา กลับ พบเห็นช็อคโกแลคชิ้นหนึ่ง และฟางข้าวต้นหนึ่ง เขานึกถึงคำสอนของสิ่งศักดิ์สิทธิ์ จึงเก็บช็อคโกแลคและฟางข้าวขึ้นมา แล้วเดินหน้าต่อไป เดินไปได้สักพัก เขาเห็นตรงริมทาง มีคุณแม่ยังสาวกำลังปลอบเด็กคนหนึ่ง ที่ร้องไห้ ส่งเสียงดัง ไม่ว่านางจะปลอบอย่างไร เด็กก็ไม่ยอมที่จะหยุคร้อง ชายหนุ่มนึกถึงคำสอนของสิ่งศักดิ์สิทธิ์ เลยนำช็อคโกแลคและฟางข้าวให้เด็ก อีกทั้ง พูดว่า " น้องชาย..อย่าร้องไห้อีกเลย ดูซิ เล่นฟางข้าวนี้สนุกออก " อาจจะเป็นเพราะเด็กเกิดความสนใจกับฟางข้าว เสียงร้องค่อยๆลดลง เริ่มหยิบฟาง ข้าวขึ้นมาเล่น อีกทั้งหยิบช็อคโกแลคเข้าปาก คุณแม่เห็นเด็กน้อยหยุคร้องไห้แล้ว ในใจรู้สึกซาบซึ้ง จึงหยิบซาลาเปาสามใบให้ชาย หนุ่ม ชายหนุ่มนึกเสียดายที่จะกินทันที จึงเก็บไว้แล้วเดินทางต่อไป เดินไปสักพัก ชายหนุ่มเห็นริมถนน มีชายคนหนึ่งและม้าตัวหนึ่งนอนอยู่ หายใจรวย ริน เขาเขย่าร่างชายผู้นั้น ชายผู้นั้นลืมตาขึ้น ที่แท้ ทั้งคนและม้าล้วนหิวโหย จนเป็น ลมล้มฟุบลง ชายหนุ่มนึกถึงคำสอนของสิ่งศักดิ์สิทธิ์ เลยนำซาลาเปาสามใบนั้นให้ชายคนนั้นกิน อีกทั้งยังไปหาน้ำมาให้ดื่ม หลังจากชายผู้นั้น พละกำลังกลับคืนมาแล้ว พูดกับเขาว่า " น้องชาย ม้าตัวนี้ก็หิวจวน จะไม่รอดแล้ว ผมไม่สามารถดูแลมันต่อไปอีกแล้ว ขอมอบให้เธอแล้วกัน " ชายผู้นั้น พูดจบก็เดินจากไป ชายหนุ่มป้อนน้ำให้ม้าด้วยความอดทน หลังจากที่ม้าฟื้นแล้ว ก็หาหญ้ามาค่อยๆป้อน ให้มันกิน จนพละกำลังกลับคืนมา สามารถลุกขึ้นมาเดินได้ ชายหนุ่มจึงจูงม้าเดินทาง ต่อไป เมื่อเดินทางมาถึงหน้าบ้านคฤหาสน์หลังหนึ่ง ทันใดนั้น มีเศรษฐีท่านหนึ่ง ซึ่งแต่ง กายภูมิฐานวิ่งออกมา พูดกับชายหนุ่มว่า " หนุ่มน้อย เร็ว..เร็ว..โปรดยืมม้าให้ข้า ข้าจะ ต้องรีบไปจัดการเรื่องเร่งด่วนที่สำคัญมาก มันเป็นธุรกิจหลายร้อยล้าน " ไม่ทันรอให้ชายหนุ่มพูดอะไร ท่านเศรษฐีก็พูดต่อว่า " หากข้าไปแล้วไม่กลับมาอีก คฤหาสน์หลังใหญ่นี้ อีกทั้งทรัพย์สมบัติที่อยู่ภายใน ล้วนมอบให้แก่เจ้าทั้งหมด " พูด จบก็ควบม้าจากไป ไม่หันหัวกลับมาอีกเลย ท้ายสุด...ชายหนุ่มก็ได้กลายเป็น เจ้าของคฤหาสน์อีกทั้งทรัพย์สมบัติที่อยู่ภายใน ☆ เรื่องนี้..จุดประกายความคิดและ แรงบันดาลใจให้แก่พวกเราว่า.... * คนผู้หนึ่ง..คิดที่จะประสบความสำเร็จ ไม่ใช่พึ่งเพียงแต่ความใฝ่ฝัน และความคิด สิ่งที่สำคัญ คือต้องลงมือปฏิบัติกระทำจริงๆ รู้ที่จะให้ รู้ที่จะเป็นห่วงเป็นใย ผู้คนรอบข้างและเรื่องราวในรอบตัวเรา กุญแจชะตา ชีวิต กำอยู่ในมือเรา อย่าคิดแต่ว่า ผู้อื่นจะหยิบยื่นอะไรให้เรา * Niwat Rungvicha

วิธีการที่จะกลายเป็นเศรษฐี

นานมาแล้ว มีชายหนุ่มแสนจะยากจนคนหนึ่ง กำพร้าตั้งแต่เล็ก วันหนึ่ง เขาไปไหว้
พระที่วัด คุกเข่าลงกับพื้น วิงวอนต่อสิ่งศักดิ์สิทธิ์ " สิ่งศักดิ์สิทธิ์ โปรดบอกแก่ข้าด้วย
เถอะ ผมต้องทำอย่างไร จึงสามารถที่จะกลายเป็นเศรษฐีได้ "

เนิ่นนาน..เขาก็ได้ยินเสียงๆหนึ่งว่า " หากคิดที่จะเป็นเศรษฐี ต้องรู้ที่จะสำนึกคุณใน
ชีวิต ให้ความสำคัญกับทุกเรื่องราวที่เกิดขึ้นรอบกาย หวงแหนทะนุถนอนทุกสิ่งทุก
อย่างที่มีอยู่ เช่นนี้แล้ว ก็จะสามารถเป็นเศรษฐีได้

ชายหนุ่มได้ฟังเช่นนั้น กระโดดโลดเต้นขึ้นมาด้วยความดีใจ " เรียบง่ายเช่นนี้ ? ผม
ต้องพยายามทำให้สำเร็จจงได้ "

เขารีบวิ่งออกจากวัด ไม่ทันระวัง สะดุดก้อนหินล้มลง กำลังที่จะคลานลุกขึ้นมา กลับ
พบเห็นช็อคโกแลคชิ้นหนึ่ง และฟางข้าวต้นหนึ่ง เขานึกถึงคำสอนของสิ่งศักดิ์สิทธิ์
จึงเก็บช็อคโกแลคและฟางข้าวขึ้นมา แล้วเดินหน้าต่อไป

เดินไปได้สักพัก เขาเห็นตรงริมทาง มีคุณแม่ยังสาวกำลังปลอบเด็กคนหนึ่ง ที่ร้องไห้
ส่งเสียงดัง ไม่ว่านางจะปลอบอย่างไร เด็กก็ไม่ยอมที่จะหยุคร้อง

ชายหนุ่มนึกถึงคำสอนของสิ่งศักดิ์สิทธิ์ เลยนำช็อคโกแลคและฟางข้าวให้เด็ก อีกทั้ง
พูดว่า " น้องชาย..อย่าร้องไห้อีกเลย ดูซิ เล่นฟางข้าวนี้สนุกออก "

อาจจะเป็นเพราะเด็กเกิดความสนใจกับฟางข้าว เสียงร้องค่อยๆลดลง เริ่มหยิบฟาง
ข้าวขึ้นมาเล่น อีกทั้งหยิบช็อคโกแลคเข้าปาก

คุณแม่เห็นเด็กน้อยหยุคร้องไห้แล้ว ในใจรู้สึกซาบซึ้ง จึงหยิบซาลาเปาสามใบให้ชาย
หนุ่ม ชายหนุ่มนึกเสียดายที่จะกินทันที จึงเก็บไว้แล้วเดินทางต่อไป

เดินไปสักพัก ชายหนุ่มเห็นริมถนน มีชายคนหนึ่งและม้าตัวหนึ่งนอนอยู่ หายใจรวย
ริน เขาเขย่าร่างชายผู้นั้น ชายผู้นั้นลืมตาขึ้น ที่แท้ ทั้งคนและม้าล้วนหิวโหย จนเป็น
ลมล้มฟุบลง

ชายหนุ่มนึกถึงคำสอนของสิ่งศักดิ์สิทธิ์ เลยนำซาลาเปาสามใบนั้นให้ชายคนนั้นกิน
อีกทั้งยังไปหาน้ำมาให้ดื่ม

หลังจากชายผู้นั้น พละกำลังกลับคืนมาแล้ว พูดกับเขาว่า " น้องชาย ม้าตัวนี้ก็หิวจวน
จะไม่รอดแล้ว ผมไม่สามารถดูแลมันต่อไปอีกแล้ว ขอมอบให้เธอแล้วกัน " ชายผู้นั้น
พูดจบก็เดินจากไป

ชายหนุ่มป้อนน้ำให้ม้าด้วยความอดทน หลังจากที่ม้าฟื้นแล้ว ก็หาหญ้ามาค่อยๆป้อน
ให้มันกิน จนพละกำลังกลับคืนมา สามารถลุกขึ้นมาเดินได้ ชายหนุ่มจึงจูงม้าเดินทาง
ต่อไป

เมื่อเดินทางมาถึงหน้าบ้านคฤหาสน์หลังหนึ่ง ทันใดนั้น มีเศรษฐีท่านหนึ่ง ซึ่งแต่ง
กายภูมิฐานวิ่งออกมา พูดกับชายหนุ่มว่า " หนุ่มน้อย เร็ว..เร็ว..โปรดยืมม้าให้ข้า ข้าจะ
ต้องรีบไปจัดการเรื่องเร่งด่วนที่สำคัญมาก มันเป็นธุรกิจหลายร้อยล้าน "

ไม่ทันรอให้ชายหนุ่มพูดอะไร ท่านเศรษฐีก็พูดต่อว่า " หากข้าไปแล้วไม่กลับมาอีก
คฤหาสน์หลังใหญ่นี้ อีกทั้งทรัพย์สมบัติที่อยู่ภายใน ล้วนมอบให้แก่เจ้าทั้งหมด " พูด
จบก็ควบม้าจากไป ไม่หันหัวกลับมาอีกเลย

ท้ายสุด...ชายหนุ่มก็ได้กลายเป็น เจ้าของคฤหาสน์อีกทั้งทรัพย์สมบัติที่อยู่ภายใน

☆ เรื่องนี้..จุดประกายความคิดและ แรงบันดาลใจให้แก่พวกเราว่า....

* คนผู้หนึ่ง..คิดที่จะประสบความสำเร็จ ไม่ใช่พึ่งเพียงแต่ความใฝ่ฝัน และความคิด
สิ่งที่สำคัญ คือต้องลงมือปฏิบัติกระทำจริงๆ

รู้ที่จะให้ รู้ที่จะเป็นห่วงเป็นใย ผู้คนรอบข้างและเรื่องราวในรอบตัวเรา กุญแจชะตา
ชีวิต กำอยู่ในมือเรา อย่าคิดแต่ว่า ผู้อื่นจะหยิบยื่นอะไรให้เรา *

Niwat Rungvicha

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น