วันพุธที่ 8 มีนาคม พ.ศ. 2560

ผู้ที่ถูกธรณีลงโทษเป็นหญิง และเป็นหญิงรายเดียวใน 5 รายที่ถูกธรณีสูบ ซึ่งได้ทำบาปกรรมต่อพระพุทธองค์โดยตรง . นางนี้มีนามว่า จิญจมาณวิกา หลงผิดโดยรับอาสาจากพวก “ ปริพาชก ” บุคคลในลัทธิอื่นที่มีจิตริษยาในลาภสักการะของพระพุทธองค์ . จึงคิดกลั่นแกล้งด้วยการจ้างนางจิญจมาณวิกา แกล้งทำเป็นคนท้อง ให้เขากลึงไม้นูนผูกรัดไว้ที่เอว แล้วก็ไปร้องบอกสมณะโคดมขณะนั่งประทับเทศนาว่า “ ท่านสมณะโคดม ” จะมัวมานั่งเทศน์อยู่ทำไม นี่เธอทำให้ฉันมีครรภ์เช่นนี้กลับมิดูแล อย่ามัวเทศน์โปรดพุทธบริษัทอยู่เลย จงไปตัดฟืนไว้เพื่อฉันดีกว่า เวลาคลอดแล้วลูกเราจะได้มิลำบาก ” พระพุทธองค์ได้ทรงสดับ จึงหยุดเทศนาและกล่าวกับนางจิญจมาณวิกาว่า “ ภัคคินี ดูก่อนน้องหญิง เรื่องที่เธอกล่าวนั้น คนอื่นเขามิได้รู้เรื่องด้วยดอกนะ จะมีเธอกับฉันเพียงสองคนเท่านั้นละที่รู้กัน ” . พระพุทธองค์ทรงกล่าวด้วยความอิ่มเอมใจท่ามกลางความสงสัยของพุทธบริษัท เรื่องนี้เดือดร้อนถึงพระอินทร์ที่ต้องทำหน้าที่รักษาผู้ทรงคุณธรรมสูงส่ง จึงทรงแปลงกายเป็นหนูไปกัดเชือกที่ผูกไม้ ทำให้ไม้ที่ผูกติดไว้เหมือนเช่นคนมีครรภ์นั้นหลุดตกลงมา . พุทธบริษัทเห็นมารยากล่าวให้ร้ายที่นางจิญจมานวิกากระทำต่อพระพุทธองค์ ดังนั้นก็ดุด่าไล่ขว้างด้วยก้อนหินและไม้ นางจิญจมาณวิกา ได้วิ่งหลบหนี พอพ้นคลองจักษุของพระพุทธองค์ นางจิญจมาณวิกา ก็ถูกธรณีสูบลงสู่นรกมหาอเวจีด้วยกรรมอันหนักนั้น . นางจิญจมาณวิกาเมื่อชาติก่อนหน้านั้นนางเกิดเป็น นางอมิตตดา ภริยาของชูชกหรือพระเทวทัตในชาติเดียวกัน กับที่พระโพธิสัตว์ได้เกิดเป็นพระเวสสันดรนั่นเอง

ผู้ที่ถูกธรณีลงโทษเป็นหญิง  และเป็นหญิงรายเดียวใน 5 รายที่ถูกธรณีสูบ  ซึ่งได้ทำบาปกรรมต่อพระพุทธองค์โดยตรง
.

นางนี้มีนามว่า  จิญจมาณวิกา หลงผิดโดยรับอาสาจากพวก “ ปริพาชก ”  บุคคลในลัทธิอื่นที่มีจิตริษยาในลาภสักการะของพระพุทธองค์
.

จึงคิดกลั่นแกล้งด้วยการจ้างนางจิญจมาณวิกา  แกล้งทำเป็นคนท้อง ให้เขากลึงไม้นูนผูกรัดไว้ที่เอว  แล้วก็ไปร้องบอกสมณะโคดมขณะนั่งประทับเทศนาว่า  “ ท่านสมณะโคดม ”  จะมัวมานั่งเทศน์อยู่ทำไม  นี่เธอทำให้ฉันมีครรภ์เช่นนี้กลับมิดูแล  อย่ามัวเทศน์โปรดพุทธบริษัทอยู่เลย  จงไปตัดฟืนไว้เพื่อฉันดีกว่า  เวลาคลอดแล้วลูกเราจะได้มิลำบาก ”

พระพุทธองค์ได้ทรงสดับ จึงหยุดเทศนาและกล่าวกับนางจิญจมาณวิกาว่า

“ ภัคคินี  ดูก่อนน้องหญิง  เรื่องที่เธอกล่าวนั้น  คนอื่นเขามิได้รู้เรื่องด้วยดอกนะ  จะมีเธอกับฉันเพียงสองคนเท่านั้นละที่รู้กัน ”
.

พระพุทธองค์ทรงกล่าวด้วยความอิ่มเอมใจท่ามกลางความสงสัยของพุทธบริษัท  เรื่องนี้เดือดร้อนถึงพระอินทร์ที่ต้องทำหน้าที่รักษาผู้ทรงคุณธรรมสูงส่ง  จึงทรงแปลงกายเป็นหนูไปกัดเชือกที่ผูกไม้  ทำให้ไม้ที่ผูกติดไว้เหมือนเช่นคนมีครรภ์นั้นหลุดตกลงมา
.

พุทธบริษัทเห็นมารยากล่าวให้ร้ายที่นางจิญจมานวิกากระทำต่อพระพุทธองค์  ดังนั้นก็ดุด่าไล่ขว้างด้วยก้อนหินและไม้  นางจิญจมาณวิกา  ได้วิ่งหลบหนี  พอพ้นคลองจักษุของพระพุทธองค์  นางจิญจมาณวิกา  ก็ถูกธรณีสูบลงสู่นรกมหาอเวจีด้วยกรรมอันหนักนั้น
.

นางจิญจมาณวิกาเมื่อชาติก่อนหน้านั้นนางเกิดเป็น  นางอมิตตดา ภริยาของชูชกหรือพระเทวทัตในชาติเดียวกัน  กับที่พระโพธิสัตว์ได้เกิดเป็นพระเวสสันดรนั่นเอง

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น