วันศุกร์ที่ 17 มีนาคม พ.ศ. 2560

สามัคคีสยบสิงห์ สิงห์โตวัยหนุ่มตัวหนึ่งเป็นสิงห์โตที่เกเรมาก มันมีเพื่อนคู่ใจที่มี นิสัยพอๆ กัน คือ เจ้านกกา ทั้งสองจะไปไหนด้วยกันเสมอ ส่วน เจ้านกกานั้นก็ชอบยุแหย่เจ้าสิงโตให้ระรานไปทั่ว ฝ่ายเจ้าสิงโต พอโดนเจ้านกกายกย่องยุแหย่ก็บ้าลูกยอ ฮึกเหิมลำพองใจ “ นี่เจ้าสิงห์ ในป่านี้หรือในโลกนี้ก็ว่าได้เจ้าน่ะทั้งเก่งทั้งเท่ห์ที่สุด เลย สมกับเป็นเจ้าป่าจริงๆ ข้านะคิดถูกแล้วที่มาคบกับเจ้าเนี่ย!..” เจ้ากาพูด “อะ ฮ้า..แน่น๊อน แม้แต่ช้างตัวโตที่สุดบนผืนแผ่นดินนี้ ยังไม่กล้า มายุ่งกะข้าเลยหรือว่าไม่จริง ฮ่าๆๆ..ๆๆ..เอิ๊ก” เจ้าสิงห์คุยซะใหญ่โตด้วยความที่ไม่มีใครมายุ่งและไม่กลัวใคร ก็ เลยระรานเขาไปทั่ว ทั้งสองเดินเที่ยวกันอย่างเพลิดเพลิน จนไปเจอเข้ากับมดแดงรัง หนึ่ง เจ้ากาพูดยุแหย่ “เอ้ย...ดูนั่นสิเจ้าสิงห์ เจ้าเห็นรังมดแดงนั่นไหม ช่างใหญ่น่าเตะ เสียนี่กระไร ขยี้มันเลยดีกว่า เจ้าพวกตัวกระจ้อยร่อยหมั่นไส้ ดูสิ ทำเป็นขยัน มันทำอะไรเจ้าไม่ได้หรอกเจ้าสิงห์ ตัวมันเล็กนิด เดียวเอง ขนาดช้างยังกลัวเจ้าเลย เอาเลย” ว่าแล้วเจ้าสิงโตผู้ทระนงก็เข้าไปลุยเตะรังมด กะว่าให้บ้านมดพัง กระจุยไปเลย พลางบ่นว่า “ แก้เซ็งดีกว่าอยู่เฉยๆ เน๊าะ” ฝ่ายเจ้ามดแดงเมื่อรู้ว่าโดนทำร้าย ก็เฮโลเรียกพวกมาช่วยกันต่อ ต้านเจ้าสิงห์ด้วยการกัดไปตามจุดอ่อน เช่น เข้าไปกัดในรูหู กัด ตา กัดในรู จมูก เจ้าสิงห์ถึงกับวิ่งหนีแบบไม่มีทิศทาง ช่างเจ็บ ปวดยิ่งนัก ฝ่ายเจ้ามดก็พากันดีใจ ที่สามารถเอาชนะปราบปราม เจ้าสิงห์ได้ หัวหน้ามดจึงพูดว่า “ นี่คือผลจากความสามัคคีของพวกเรา พี่น้องทุกคน สามารถทำ ให้เจ้าสิงโตเกเรตัวใหญ่หนีไปได้ แม้ว่าเราตัวเล็ก แต่ถ้าเราร่วม มือสามัคคีกัน ศัตรูก็ทำอะไรเราได้ยาก ฝ่ายเจ้าสิงห์จอมเกเรต้อง มานั่งช้ำใจ ต้องเจ็บตัวและเกิดความสำนึกที่มองข้ามดูถูกสัตว์ตัว เล็กๆ นึกว่าจะรังแกได้ง่าย ยิ่งปวดใจเข้าไปอีก เมื่อเจ้านกกาจอม ยุแหย่บินหนีไปไม่ช่วย สิงห์โตคอตกคิดได้ และคงต้องเลิกเกเร อีกต่อไป นิทานเรื่องนี้สอนให้รู้ว่า “ สามัคคีคือพลัง ร่วมด้วยช่วยกันกระทำการใดก็สำเร็จไปด้วยดี “ ที่มา (http://www.thaitv3.com)

สามัคคีสยบสิงห์

สิงห์โตวัยหนุ่มตัวหนึ่งเป็นสิงห์โตที่เกเรมาก   มันมีเพื่อนคู่ใจที่มี
นิสัยพอๆ กัน คือ เจ้านกกา  ทั้งสองจะไปไหนด้วยกันเสมอ  ส่วน
เจ้านกกานั้นก็ชอบยุแหย่เจ้าสิงโตให้ระรานไปทั่ว  ฝ่ายเจ้าสิงโต
พอโดนเจ้านกกายกย่องยุแหย่ก็บ้าลูกยอ ฮึกเหิมลำพองใจ

“ นี่เจ้าสิงห์ ในป่านี้หรือในโลกนี้ก็ว่าได้เจ้าน่ะทั้งเก่งทั้งเท่ห์ที่สุด
เลย  สมกับเป็นเจ้าป่าจริงๆ ข้านะคิดถูกแล้วที่มาคบกับเจ้าเนี่ย!..”
เจ้ากาพูด
“อะ ฮ้า..แน่น๊อน แม้แต่ช้างตัวโตที่สุดบนผืนแผ่นดินนี้ ยังไม่กล้า
มายุ่งกะข้าเลยหรือว่าไม่จริง ฮ่าๆๆ..ๆๆ..เอิ๊ก”
เจ้าสิงห์คุยซะใหญ่โตด้วยความที่ไม่มีใครมายุ่งและไม่กลัวใคร ก็
เลยระรานเขาไปทั่ว

ทั้งสองเดินเที่ยวกันอย่างเพลิดเพลิน จนไปเจอเข้ากับมดแดงรัง
หนึ่ง เจ้ากาพูดยุแหย่
“เอ้ย...ดูนั่นสิเจ้าสิงห์  เจ้าเห็นรังมดแดงนั่นไหม ช่างใหญ่น่าเตะ
เสียนี่กระไร  ขยี้มันเลยดีกว่า เจ้าพวกตัวกระจ้อยร่อยหมั่นไส้ ดูสิ
ทำเป็นขยัน   มันทำอะไรเจ้าไม่ได้หรอกเจ้าสิงห์    ตัวมันเล็กนิด
เดียวเอง ขนาดช้างยังกลัวเจ้าเลย  เอาเลย”

ว่าแล้วเจ้าสิงโตผู้ทระนงก็เข้าไปลุยเตะรังมด กะว่าให้บ้านมดพัง
กระจุยไปเลย พลางบ่นว่า
“ แก้เซ็งดีกว่าอยู่เฉยๆ เน๊าะ”
ฝ่ายเจ้ามดแดงเมื่อรู้ว่าโดนทำร้าย ก็เฮโลเรียกพวกมาช่วยกันต่อ
ต้านเจ้าสิงห์ด้วยการกัดไปตามจุดอ่อน  เช่น เข้าไปกัดในรูหู กัด
ตา กัดในรู จมูก   เจ้าสิงห์ถึงกับวิ่งหนีแบบไม่มีทิศทาง   ช่างเจ็บ
ปวดยิ่งนัก ฝ่ายเจ้ามดก็พากันดีใจ  ที่สามารถเอาชนะปราบปราม
เจ้าสิงห์ได้

หัวหน้ามดจึงพูดว่า
“ นี่คือผลจากความสามัคคีของพวกเรา พี่น้องทุกคน สามารถทำ
ให้เจ้าสิงโตเกเรตัวใหญ่หนีไปได้   แม้ว่าเราตัวเล็ก แต่ถ้าเราร่วม
มือสามัคคีกัน ศัตรูก็ทำอะไรเราได้ยาก ฝ่ายเจ้าสิงห์จอมเกเรต้อง
มานั่งช้ำใจ ต้องเจ็บตัวและเกิดความสำนึกที่มองข้ามดูถูกสัตว์ตัว
เล็กๆ นึกว่าจะรังแกได้ง่าย ยิ่งปวดใจเข้าไปอีก เมื่อเจ้านกกาจอม
ยุแหย่บินหนีไปไม่ช่วย   สิงห์โตคอตกคิดได้ และคงต้องเลิกเกเร
อีกต่อไป

นิทานเรื่องนี้สอนให้รู้ว่า
“ สามัคคีคือพลัง ร่วมด้วยช่วยกันกระทำการใดก็สำเร็จไปด้วยดี “

ที่มา (http://www.thaitv3.com)

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น