ยืมเงินยืมใจ
เมื่อเดือนที่แล้ว สมลักษณ์ได้รับโทรศัพท์จากวินัย เขามีปัญหาทางการเงิน ต้อการยืมเงินจากสมลักษณ์
สมลักษณ์รู้สึกแปลกใจ เพราะเขากับวินัยก็ไม่ได้สนิทกันมากนัก เพียงแต่เป็นแค่เพื่อนรู้จักเท่านั้นเอง ในตอนนั้นสมลักษณ์ได้แต่รู้สึกลังเล จึงบอกแก่วินัยไปว่า
“รอสักครู่นะ เดี๋ยวผมโทรกลับนะ”
เขาครุ่นคิดสัก10นาที ก็ตัดสินใจที่จะให้วินัยยืมเงิน
เมื่ออาทิตย์ก่อน วินัยได้นำเงินมาคืนและขอเลี้ยงกาแฟผมที่ร้านเล็กๆใกล้กับบริษัทที่ผมทำงานอยู่
“ตอนที่ผมได้รับโทรศัพท์จากคุณ ผมรู้สึกประหลาดใจมาก” วินัยเอ่ยขึ้น
“เพราะอะไร” สมลักษณ์ถาม
“ก่อนที่ผมจะโทรหาคุณ ผมได้โทรไปหาเพื่อนถึง9คน คุณเป็นคนที่10 ตอนที่คุณบอกผมว่ารอสักครู่เดี๋ยวผมโทรกลับ ผมคิดว่าผมคงต้องโทรหาเพื่อนคนที่11แน่ๆ ผมโทรหาเพื่อนที่สนิทตามลำดับ ยิ่งโทรผมก็ยิ่งไม่มั่นใจ ตอนที่โทรหาคุณตอนนั้น ผมไม่มีกำลังใจอะไรแล้ว มันแทบจะไม่มีความหวังใดๆจะให้ยึดเลย ” วินัยมองหน้าผมและถอนหายใจยาวๆ
“ถ้าไม่มีเหตุการณ์นี้นะ ผมก็คงภูมิใจอยู่ตลอดว่าผมมีเพื่อนสนิทเยอะ แต่ตอนนี้ผมเข้าใจแล้ว ผมโดดเดี่ยวจะตาย ผมแทบจะไม่มีเพื่อนเลย”
หลังจากเหตุการณ์ในร้านกาแฟวันนั้น สมลักษณ์ก็ได้แค่ครุ่นคิด เขาเองก็อาจจะไม่ต่างอะไรจากวินัยก็เป็นได้ เขาจึงอยากลองใจเพื่อนๆของเขาบ้าง เขาจึงโทรไปเล่าให้วินัยฟัง
“ผมขอเตือนคุณเลยนะ อย่าทำอย่างนั้นเด็ดขาด มันไม่ใช่เรื่องล้อเล่น แล้วคุณจะเจ็บแบบหาเรื่องมาใส่ตัวเปล่าๆ”
สมลักษณ์ได้ฟังก็ได้แต่หัวเราะในลำคอ
“ไม่เป็นไร ผมก็อยากจะพิสูจน์ดู”
จากนั้นเขาก็ได้ลิสรายชื่อของเพื่อนที่ไปมาหาสู่กันบ่อยๆที่เรียกว่าสนิทสนมกันมากทีเดียว เพื่อนกลุ่มนี้ไม่ใช่เพื่อนร่วมงาน และไม่เคยยุ่งเรื่องเงินๆทองๆกันมาก่อน เป็นเพื่อนก๊วนกินข้าว ปั่นจักรยาน กินกาแฟและก็เที่ยวไนท์คลับด้วยกัน ส่วนมากสมลักษณ์จะเป็นคนอุปถัมภ์เพื่อนๆกลุ่มนี้ซะมากกว่า
สำหรับการเงินของเพื่อนทั้ง9คนกลุ่มนี้ หากจะหยิบยืมกันสักหมื่นสองหมื่นดูแล้วไม่น่าจะมีปัญหาอะไร
บ่ายแก่ๆของวันนั้น สมลักษณ์ได้ส่งข้อความทางไลน์ไปหาเพื่อนทั้ง9คน โดยใจความเนื้อหามีอยู่ว่า
“ผมมีปัญหาเรื่องเงิน อยากจะขอยืมเงินจากคุณสักหนึ่งหมื่น ประมาณกลางเดือนเดี๋ยวผมจะคืนให้ ถ้าสะดวกช่วยโทรหาผมหน่อย ถ้าไม่สะดวกก็ส่งข้อความกลับมานะ ไม่ต้องซีเรียส ผมรอได้”
เย็นวันนั้น ก่อนทานข้าวเย็น สมลักษณ์ได้รับข้อความจากเพื่อน7คน และโทรศัพท์อีก2สาย
สำหรับข้อความนั้น ถูกตอบกลับมาไม่เกินหนึ่งชั่วโมง ส่วนโทรศัพท์สายหนึ่งโทรมาหลังจากเขาส่งข้อความไปประมาณ20นาที ส่วนอีกสายหนึ่งโทรกลับมาหาเขาหลังจากข้อความถูกส่งไปแล้วประมาณ 2ชั่วโมงครึ่ง
ข้อความตอบกลับทางไลน์ทั้ง7ประมาณนี้
ก. “ขอโทษจริงๆ ช่วงนี้ผมก็มีปัญหาเช่นกัน ที่จริงถ้าผมมี ผมให้คุณได้มากกว่านนี้นะ ผมว่า คุณลองถาม....ดูไหม ขอโทษอีกครั้งนะ”
ข. “ผมเพิ่งให้ลุงยืมไปเมื่ออาทิตย์ก่อนหมื่นหนึ่ง ถ้าเป็นเดือนหน้านี่โอเคเลย ขอโทษจริงๆนะ”
ค. “ช่วงนี้ผมก็เงินขาดมือ เมื่ออาทิตย์ก่อนก็เสียไปกะหวยหลายหมื่นเลย ถ้าผมมีเงินอยู่ในมือผมให้คุณเลยจริงๆนะ”
ง. “ขอโทษจริงๆ ผมเอาเงินไปเทรดหุ้นหมดแล้ว”
จ. “นี่คุณจะยืมเงินจริงๆเหรอ เมื่อวานผมเพิ่งให้น้องๆที่บริษัทกู้ไป2หมื่นแบบไม่เอาดอกเบี้ย ถ้าคุณบอกผมเร็วกว่านี้ก็ดีนะสิ ผมจะได้เหลือให้คุณยืมสักหมื่น”
ฉ. “ช่วงนี้ผมหมดไปกับหุ้นมากโขอยู่ เงินสดผมไม่มีอยู่ในมือเลย ขอโทษจริงๆนะ”
ช. “ลูกชายผมเพิ่งย้ายโรงเรียน นี่ก็ต้องมีค่าใช้จ่ายเพิ่มเป็นหมื่นเลย ถ้าไม่ติดตรงหนี้ผมให้คุณยืมเลยนะ ขอโทษนะ”
ส่วนเพื่อนที่โทรมานั้น จรัลโทรมาเป็นคนแรก
จรัล “ฮะโหล สมลักษณ์เหรอวะ?”
สมลักษณ์ “ใช่ๆ เห้ยหวัดดี”
จรัล “มึงมีปัญหาอะไรวะถึงต้องใช้เงินใช้ทอง?”
สมลักษณ์ “เปล่าๆ เงินกูอยู่ในตลาด กูยังถอนออกมาไม่ได้ ต้องรอประมาณกลางเดือนกูถึงจะถอนออกมาได้ พอดีน้องกูมีปัญหานิดหน่อย กูก็เลยอยากจะช่วยมัน”
จรัล “เอ่อ มึงไม่มีเรื่องอะไรก็ดีแล้ว มึงอยู่ที่ทำงานเหรอ?”
สมลักษณ์ “เออ กูยังอยู่ที่บริษัทอยู่เลย”
จรัล “พอดีลูกกูถูกเพื่อนขี่จักรยานชน แขนหักวะ กูไม่ได้ออกไปไหนหลายวันแล้ว”
สมลักษณ์ “อ๊าว! ไอ้คิดเป็นยังไงบ้าง ไม่เห็นมึงบอกกูเลย ให้กูช่วยอะไรไหม?”
จรัล “กูลางานหนึ่งอาทิตย์ พอดีว่าก้อยมันลางานไม่ได้ กูก็เลยต้องลางานมาอยู่กับลูกแทน อาทิตย์หน้ากูขอแม่มาดูแลหลานแทน เอ่อ มึงไม่ต้องห่วงลูกหรอก มึงเอาเบอร์บัญชีให้กูเลย เดี๋ยวก้อยกลับมากูจะให้ก้อยออกไปโอนให้”
สมลักษณ์ “เอ่อ ขอบใจนะโว้ย”
สายที่สองเป็นสายของนพพร
นพพร “เฮ้ย สมลักษณ์หรือเปล่า คุณอยู่ไหน?”
สมลักษณ์ “ผมอยู่ที่ทำงาน”
นพพร “เอ่อ ผมอยู่ที่ร้านนะ เงินนะผมเตรียมให้คุณแล้ว คุณจะแวะมาเอาหรือให้ผมเอาไปส่งให้?”
สมลักษณ์ “โธ่ ผมจะกล้าให้คุณเอามาส่งให้ได้ยังไง เอางี้นะ เดี๋ยวผมไปที่ร้านคุณ คุณเตรียมสัญญาเงินกู้ไว้ ผมไปแล้วจะได้เซ็นต์ให้เลย”
นพพร “สัญญงสัญญาอะไร ไม่ต้องหรอก เงินแค่หมื่นเดียว มีเมื่อไหร่ค่อยคืนก็ได้ บ่ายๆเจอกันที่ร้านนะ”
สมลักษณ์ “โอเค ขอบคุณมาก”
เที่ยงวันต่อมา สมลักษณ์นักวินัยออกไปกินข้าวด้วยกัน
สมลักษณ์บอกกับวินัยว่า
“เพื่อน2คนที่ให้ผมยืมเงินนี่ปกติผมไม่ได้ให้ความช่วยเหลืออะไรพวกเขาเลย แต่เพื่อนอีก7คนที่ปฏิเสธนั้น มันมีเรื่องให้ผมช่วยแก้อยู่เป็นประจำ เดี๋ยวก็คอมเสีย เดี๋ยวก็เรื่องหุ้น เดี๋ยวก็เรื่องลงทุนฯลฯ”
“คุณจะบอกความจริงให้คุณจรัลและคุณนพพรไหม?” วินัยถาม
“โธ่ ผมไม่ได้เป็นโรคประสาทสักหน่อย ผมจะบอกให้เสียเพื่อนไปทำไมล่ะ?” สมลักษณ์พูดเสร็จก็หัวเราะ
“คราวนี้คุณก็รู้แล้วสะนะว่าคุณเหลือเพื่อนอยู่แค่2คน” วินัยพูดเป็นเชิง
“ผมเข้าใจ เพื่อนอีก7คนเขาอาจจะลำบากเรื่องเงินจริงๆก็ได้ แต่ก็นั่นแหละนะ” สมลักษณ์พูดแล้วก็หัวเราะต่อ
“ผมเคยอ่านเจอมาจากเพจหนึ่งนะ เขาบอกว่า “คนที่เคยช่วยเหลือคุณ เขาจะช่วยเหลือคุณวันยังค่ำ แต่คนที่คุณเคยช่วยเหลือ ไม่แน่เสมอไปว่าจะกลับมาช่วยเหลือคุณ” สิ้นเสียงของสมลักษณ์ วินัยก็หัวเราะออกมาและบอกไปว่า
“นั่นไม่ใช่ผมแน่นอน ฮ่าๆๆ”
.............................
เพื่อนสนิท ไม่จำเป็นต้องมีอะไรคุยกันไม่รู้จบ ต่อให้ไม่มีเรื่องอะไรจะคุย ก็ไม่รู้สึกอึดอัด
เพื่อนสนิท ต่อให้รู้ใส้รู้พุงกันหมด ก็ยังยินดีจะคบกันต่อไป
เพื่อนสนิท ไปมาหาสู่กันได้เสมอ โดยไม่ต้องอาศัยวาระหรือเทศกาลตรุษสารทใดๆ
เพื่อนสนิท ยืมเงินแล้วต้องใช้ หากไม่ใช้จะเสียเพื่อนจนไม่เหลือความสนิท
เพื่อนสนิท หากรู้ว่ายืมแล้วไม่รู้จะหามาคืนได้ยังไง ให้ขอ เพราะขอ เพื่อนที่ให้ยืมจะได้ไม่ต้องเฝ้ารอ รอว่าเมื่อไหร่จะได้คืน
นุสนธิ์บุคส์
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น