วันอาทิตย์ที่ 21 พฤษภาคม พ.ศ. 2560

ภูเขาแห่งความโกรธ โดย ท่าน ว. วชิรเมธี ครั้งหนึ่งช่วงสงครามโลกครั้งที่ ๒ เมื่อสหรัฐอเมริกาโกรธทหารญี่ปุ่นที่เอาเครื่องบินมาทำกามิกาเซ่ เครื่องบินเรือรบของอเมริกาที่อ่าวเพิร์ลฮาร์เบอร์ ความโกรธของอเมริกาครั้งนั้นทำให้อเมริกาเอาระเบิดนิวเคลียร์ไปถล่มเมืองนางาซากิ เมืองฮิโรชิมาของญี่ปุ่น คนตายทันทีทั้งสองแห่งกว่า ๔ แสนคน ฮิตเลอร์โกรธชาวยิว ฆ่าชาวยิวไปในสงครามโลกครั้งที่ ๒ กว่า ๖ ล้านคน พระเจ้าวิฑูทภะในประเทศอินเดีย โกรธที่ชาวศากยะซึ่งเป็นพระญาติของพระพุทธเจ้ามาดูถูกพระองค์ ทรงกรีธาทัพไปฆ่าชาวศากยะล้างโคตร จนตระกูลศากยะของพระพุทธเจ้าสูญหายไปจากหน้าประวัติศาสตร์ นี่คืออานุภาพการทำลายล้างของความโกรธ เมื่อความโกรธเกิดขึ้นในใจของคนคนหนึ่ง ทุกสิ่งสามารถถูกนำไปเป็นอาวุธทำลายล้างกันได้ทั้งหมดเลย ยกตัวอย่างใกล้ตัวที่สุด หัวของเรานั้น ปกติก็เป็นที่อยู่ของมันสมอง สติปัญญา แต่เวลาเราโกรธกันขึ้นมา เราใช้หัวโขกหัวคนที่เราโกรธจนหัวแตกก็ได้ ตาของเราซึ่งเวลาเรารักกันนั้น เราสบตากันแล้วรู้สึกดีมาก เพราะว่าดวงตาเป็นหน้าต่างของดวงใจ แต่เวลาโกรธ คนสองคนโกรธกันอาจจะใช้ดวงตาเผาไหม้อีกฝ่ายได้อย่างน่าประหวั่นพรั่นพรึงเป็นที่สุด ฟันของเราปกติใช้บดเคี้ยวอาหาร ทำให้เราได้กินของอร่อยๆ พอเราโกรธกันขึ้นมา เราอาจจะกัดคนที่เราโกรธหูขาด คอขาด แขนขาด เลือดไหลทะลักออกมาก็ได้ทั้งนั้น สำหรับสามีภรรยาที่เคยรักกัน เวลารักกันเราก็จะตระกองกอดกันอย่างมีความสุข สองมือนี้อาจจะคอยประคองสองแก้มของคนที่เรารัก แต่เชื่อไหมว่า สองมือที่เคยตระกองกอดเราก็ดี เคยประคองสองแก้มของเราด้วยความชื่นชมก็ดี มือเดียวกันนี่แหละ ที่ถ้าโกรธแล้วสามารถตบเราให้หน้าคว่ำหน้าหงายได้ สำหรับพ่อแม่ลูกที่อยู่ด้วยกันในบ้าน ตอนที่ยังดีๆ กันอยู่ เคยไปเลือกซื้อข้าวของเครื่องประดับมาไว้ในบ้าน จัดมุมโน้น จัดมุมนี้อย่างสวยงาม ด้วยความสมัครสมานสามัคคี แต่เชื่อไหมว่าเวลาทะเลาะกัน ข้าวของที่เราเคยช่วยกันซื้อระหว่างพ่อแม่ลูก สามีภรรยานั่นแหละ เวลาโกรธกันขึ้นมา ต่างฝ่ายต่างก็หยิบขึ้นมาขว้างปากันจนหัวร้างข้างแตก เครื่องประดับกลายเป็นอาวุธทำร้ายคนที่เรารักไปได้อย่างไม่น่าเชื่อ สำหรับคู่สามีภรรยาที่นอนเตียงเดียวกัน เวลาโกรธกันขึ้นมา โคมไฟบนหัวเตียงอาจจะกลายเป็นกระบองชั้นดีทุบอีกฝ่ายหนึ่งจนเลือดอาบก็ได้ สำหรับช้อน ส้อม ซึ่งเราใช้กินอาหารอยู่ทุกวัน เวลาทะเลาะกันในวงข้าว อีกฝ่ายหนึ่งอาจจะหยิบมันมาเสียบคอของคู่ต่อสู้ หรือปักไปในดวงตาของคนที่ทำให้เราโกรธทันทีทันใดก็ได้ สำหรับพระที่ขาดสติ หากทะเลาะกันขึ้นมา บาตรที่เคยใช้ใส่ข้าวอยู่ทุกเช้า อาจจะกลายเป็นอาวุธที่ทุบหัวของอีกฝ่ายหนึ่งให้กะโหลกแตกกระจายก็ได้ ความโกรธเมื่อเกิดขึ้นแล้วทำให้บ้านแตกก็ได้ ทำให้ครอบครัวแตกก็ได้ ทำให้สำนักงานแตกก็ได้ ทำให้เพื่อนแตกจากเพื่อนก็ได้ ทำให้ข้าวของแตกกระจายก็ได้ ทำให้พรรคแตกก็ได้ ทำให้ประเทศแตกก็ได้ และทำให้โลกนี้แตกก็ได้ เหนืออื่นใดก็คือ ทำให้ชีวิตของเราแตกดับก็ได้ ที่กล่าวมานี้ก็เป็นอันตรายของความโกรธแค่ย่อๆ เท่านั้นเอง อาตมาเชื่อว่าทุกคนต้องเคยโกรธมาแล้ว และรู้ดีว่าความโกรธทำให้เราเจ็บปวดแค่ไหน ถ้าความโกรธเกิดขึ้นจงอย่าวิ่งตามความโกรธ แล้วก็อย่าเก็บความโกรธใส่ไว้ในขวดโหลเหมือนเราดองผลไม้ไว้ในขวดโหล ดังนั้นเมื่อความโกรธเกิดขึ้นเราต้องจัดการมันก่อน เพราะถ้าทิ้งไว้เราจะถูกมันจัดการ

ภูเขาแห่งความโกรธ
โดย ท่าน ว. วชิรเมธี

ครั้งหนึ่งช่วงสงครามโลกครั้งที่ ๒ เมื่อสหรัฐอเมริกาโกรธทหารญี่ปุ่นที่เอาเครื่องบินมาทำกามิกาเซ่ เครื่องบินเรือรบของอเมริกาที่อ่าวเพิร์ลฮาร์เบอร์ ความโกรธของอเมริกาครั้งนั้นทำให้อเมริกาเอาระเบิดนิวเคลียร์ไปถล่มเมืองนางาซากิ เมืองฮิโรชิมาของญี่ปุ่น คนตายทันทีทั้งสองแห่งกว่า ๔ แสนคน ฮิตเลอร์โกรธชาวยิว ฆ่าชาวยิวไปในสงครามโลกครั้งที่ ๒ กว่า ๖ ล้านคน พระเจ้าวิฑูทภะในประเทศอินเดีย โกรธที่ชาวศากยะซึ่งเป็นพระญาติของพระพุทธเจ้ามาดูถูกพระองค์ ทรงกรีธาทัพไปฆ่าชาวศากยะล้างโคตร จนตระกูลศากยะของพระพุทธเจ้าสูญหายไปจากหน้าประวัติศาสตร์ นี่คืออานุภาพการทำลายล้างของความโกรธ

เมื่อความโกรธเกิดขึ้นในใจของคนคนหนึ่ง ทุกสิ่งสามารถถูกนำไปเป็นอาวุธทำลายล้างกันได้ทั้งหมดเลย ยกตัวอย่างใกล้ตัวที่สุด หัวของเรานั้น ปกติก็เป็นที่อยู่ของมันสมอง สติปัญญา แต่เวลาเราโกรธกันขึ้นมา เราใช้หัวโขกหัวคนที่เราโกรธจนหัวแตกก็ได้ ตาของเราซึ่งเวลาเรารักกันนั้น เราสบตากันแล้วรู้สึกดีมาก เพราะว่าดวงตาเป็นหน้าต่างของดวงใจ แต่เวลาโกรธ คนสองคนโกรธกันอาจจะใช้ดวงตาเผาไหม้อีกฝ่ายได้อย่างน่าประหวั่นพรั่นพรึงเป็นที่สุด

ฟันของเราปกติใช้บดเคี้ยวอาหาร ทำให้เราได้กินของอร่อยๆ พอเราโกรธกันขึ้นมา เราอาจจะกัดคนที่เราโกรธหูขาด คอขาด แขนขาด เลือดไหลทะลักออกมาก็ได้ทั้งนั้น

สำหรับสามีภรรยาที่เคยรักกัน เวลารักกันเราก็จะตระกองกอดกันอย่างมีความสุข สองมือนี้อาจจะคอยประคองสองแก้มของคนที่เรารัก แต่เชื่อไหมว่า สองมือที่เคยตระกองกอดเราก็ดี เคยประคองสองแก้มของเราด้วยความชื่นชมก็ดี มือเดียวกันนี่แหละ ที่ถ้าโกรธแล้วสามารถตบเราให้หน้าคว่ำหน้าหงายได้

สำหรับพ่อแม่ลูกที่อยู่ด้วยกันในบ้าน ตอนที่ยังดีๆ กันอยู่ เคยไปเลือกซื้อข้าวของเครื่องประดับมาไว้ในบ้าน จัดมุมโน้น จัดมุมนี้อย่างสวยงาม ด้วยความสมัครสมานสามัคคี แต่เชื่อไหมว่าเวลาทะเลาะกัน ข้าวของที่เราเคยช่วยกันซื้อระหว่างพ่อแม่ลูก สามีภรรยานั่นแหละ เวลาโกรธกันขึ้นมา ต่างฝ่ายต่างก็หยิบขึ้นมาขว้างปากันจนหัวร้างข้างแตก เครื่องประดับกลายเป็นอาวุธทำร้ายคนที่เรารักไปได้อย่างไม่น่าเชื่อ

สำหรับคู่สามีภรรยาที่นอนเตียงเดียวกัน เวลาโกรธกันขึ้นมา โคมไฟบนหัวเตียงอาจจะกลายเป็นกระบองชั้นดีทุบอีกฝ่ายหนึ่งจนเลือดอาบก็ได้

สำหรับช้อน ส้อม ซึ่งเราใช้กินอาหารอยู่ทุกวัน เวลาทะเลาะกันในวงข้าว อีกฝ่ายหนึ่งอาจจะหยิบมันมาเสียบคอของคู่ต่อสู้ หรือปักไปในดวงตาของคนที่ทำให้เราโกรธทันทีทันใดก็ได้

สำหรับพระที่ขาดสติ หากทะเลาะกันขึ้นมา บาตรที่เคยใช้ใส่ข้าวอยู่ทุกเช้า อาจจะกลายเป็นอาวุธที่ทุบหัวของอีกฝ่ายหนึ่งให้กะโหลกแตกกระจายก็ได้

ความโกรธเมื่อเกิดขึ้นแล้วทำให้บ้านแตกก็ได้ ทำให้ครอบครัวแตกก็ได้ ทำให้สำนักงานแตกก็ได้ ทำให้เพื่อนแตกจากเพื่อนก็ได้ ทำให้ข้าวของแตกกระจายก็ได้ ทำให้พรรคแตกก็ได้ ทำให้ประเทศแตกก็ได้ และทำให้โลกนี้แตกก็ได้ เหนืออื่นใดก็คือ ทำให้ชีวิตของเราแตกดับก็ได้

ที่กล่าวมานี้ก็เป็นอันตรายของความโกรธแค่ย่อๆ เท่านั้นเอง อาตมาเชื่อว่าทุกคนต้องเคยโกรธมาแล้ว และรู้ดีว่าความโกรธทำให้เราเจ็บปวดแค่ไหน

ถ้าความโกรธเกิดขึ้นจงอย่าวิ่งตามความโกรธ แล้วก็อย่าเก็บความโกรธใส่ไว้ในขวดโหลเหมือนเราดองผลไม้ไว้ในขวดโหล

ดังนั้นเมื่อความโกรธเกิดขึ้นเราต้องจัดการมันก่อน เพราะถ้าทิ้งไว้เราจะถูกมันจัดการ

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น