วันอังคารที่ 30 พฤษภาคม พ.ศ. 2560

นักวิ่งคนนี้จงใจยอมแพ้เพราะคิดว่าตนเองไม่สมควรชนะ และนี่คือเรื่องราวที่เต็มไปด้วย “สปิริต” ในโลกของเรานั้นเต็มไปด้วยการแข่งขันซึ่งก็ต้องมี ผู้แพ้ ผู้ชนะ เป็นสิ่งคู่กัน และเชื่อว่าหากลองได้ แข่งขันอะไรเข้าสักอย่างแล้วล่ะก็ ทุกๆ คนก็คงอยากเป็น “ผู้ชนะ” ด้วยกันทั้งนั้น แต่สำหรับบางคนหากต้องชนะแบบไม่สมศักดิ์ศรีแล้วล่ะก็ ตนขอเลือก “การแพ้แบบมีศักดิ์ศรี” ยังดีซะ กว่า ดังเช่นเรื่องราวที่เราจะนำเสนอในวันนี้ นักวิ่งคนนี้จงใจยอมแพ้เพราะคิดว่าตนเองไม่สมควร ชนะ และนี่คือเรื่องราวที่เต็มไปด้วย “สปิริต” ย้อนไปเมื่อวันที่ 2 ธันวาคม 2012 มีการแข่งขันวิ่งข้ามประเทศใน Burlada ซึ่งหนึ่งในผู้เข้าแข่ง ขันคือ Iván Fernández Anaya (คนผิวขาว) ที่กำลังวิ่งเข้าสู่เส้นชัยเป็นที่สองโดยตามหลัง Abel Mutai (คนผิวดำ) จากเคนยา ซึ่งในขณะที่การแข่งขันกำลังจะจบลงที่เส้นชัย Abel Mutai (คนผิวดำ) ซึ่งวิ่งนำมาอย่างทิ้งห่างก็ ลดความเร็วลงใน 10 เมตรสุดท้ายด้วยความเข้าใจผิดว่าเขาได้เข้าเส้นชัยไปแล้ว Fernández (คนผิวขาว)ซึึ่งวิ่งตามมาเป็นที่สองจึงสามารถตามผู้นำได้อย่างรวดเร็วแถมพร้อมจะ แซงขึ้นไปเป็นที่หนึ่งในช่วงไม่กี่ก้าวก่อนถึงเส้นชัยได้อย่างสบาย แต่เขาเลือกจะอยู่เป็นที่สอง พร้อม ทั้งพยายามอธิบายให้ Abel Mutai (คนผิวดำ) วิ่งต่อไปเพื่อเข้าเส้นชัยเป็นที่หนึ่ง *Iván Fernández ในวัย 24 ได้ให้สัมภาษณ์ภายหลังเกี่ยวกับการตัดสินใจของเขาดังนี้* “ผมไม่ควรที่จะชนะ ผมได้ทำในสิ่งที่ผมควรจะทำ เขา (Abel) คือผู้ชนะที่ถูกต้องแล้ว เขานำผม ชนิดที่ผมไม่มีทางตามเขาทันถ้าเขาไม่เข้าใจผิด เมื่อผมเห็นว่าเขากำลังจะหยุด ก็ผมก็รู้เลยว่าผมต้องไม่แซงเขาขึ้นไป ต่อให้พวกเขาบอกผมว่าการ ชนะรายการนี้จะทำให้ผมได้ติดทีมชาติสเปนก็ตามที ผมก็ยังทำเหมือนเดิม ผมยังคิดเลยว่าผมได้ชื่อเสียงมากกว่าที่ผมชนะเสียอีก ซึ่งนั่นสำคัญมากในทุกวันนี้ที่ทุกวงการ ไม่ว่าจะ ฟุตบอล การเมือง สังคม ฯลฯ เราพบว่าความซื่อสัตย์มันตกต่ำลงทุกที บางทีชัยชนะในการแข่งขันก็ ไม่ใช่ทุกๆ อย่างเสมอไป” เรื่องราวของ Fernández อาจจะทำให้เราได้คิดอยู่เสียหน่อยว่าในโลกทุกวันนี้นั้น เราเต็มไปด้วย การแข่งขันที่เต็มไปด้วยคนที่พร้อมจะทำทุกวิถีทางเพื่อไปให้ถึงชัยชนะ และหลายๆ ครั้งนั้นทำให้คน เราลดทอนค่าของตัวเองเพียงเพื่อให้ได้รับเกียรติยศหรือรางวัลเท่านั้น อะไรกันแน่คือสิ่งสำคัญที่เราควรจะต้องมี รางวัลและเกียรติยศที่เอาไว้ประดับบนตู้โชว์ หรือว่าการ ได้นับถือตัวเอง ส่งต่อคุณค่านี้ให้คนรุ่นต่อไปเพื่อสังคมจะได้น่าอยู่มากกว่านี้ เครดิตข้อมูล kellimni

นักวิ่งคนนี้จงใจยอมแพ้เพราะคิดว่าตนเองไม่สมควรชนะ และนี่คือเรื่องราวที่เต็มไปด้วย “สปิริต”

ในโลกของเรานั้นเต็มไปด้วยการแข่งขันซึ่งก็ต้องมี ผู้แพ้ ผู้ชนะ เป็นสิ่งคู่กัน และเชื่อว่าหากลองได้
แข่งขันอะไรเข้าสักอย่างแล้วล่ะก็ ทุกๆ คนก็คงอยากเป็น “ผู้ชนะ” ด้วยกันทั้งนั้น

แต่สำหรับบางคนหากต้องชนะแบบไม่สมศักดิ์ศรีแล้วล่ะก็ ตนขอเลือก “การแพ้แบบมีศักดิ์ศรี” ยังดีซะ
กว่า ดังเช่นเรื่องราวที่เราจะนำเสนอในวันนี้ นักวิ่งคนนี้จงใจยอมแพ้เพราะคิดว่าตนเองไม่สมควร
ชนะ และนี่คือเรื่องราวที่เต็มไปด้วย “สปิริต”

ย้อนไปเมื่อวันที่ 2 ธันวาคม 2012 มีการแข่งขันวิ่งข้ามประเทศใน Burlada ซึ่งหนึ่งในผู้เข้าแข่ง
ขันคือ Iván Fernández Anaya (คนผิวขาว) ที่กำลังวิ่งเข้าสู่เส้นชัยเป็นที่สองโดยตามหลัง
Abel Mutai (คนผิวดำ) จากเคนยา

ซึ่งในขณะที่การแข่งขันกำลังจะจบลงที่เส้นชัย Abel Mutai (คนผิวดำ) ซึ่งวิ่งนำมาอย่างทิ้งห่างก็
ลดความเร็วลงใน 10 เมตรสุดท้ายด้วยความเข้าใจผิดว่าเขาได้เข้าเส้นชัยไปแล้ว

Fernández (คนผิวขาว)ซึึ่งวิ่งตามมาเป็นที่สองจึงสามารถตามผู้นำได้อย่างรวดเร็วแถมพร้อมจะ
แซงขึ้นไปเป็นที่หนึ่งในช่วงไม่กี่ก้าวก่อนถึงเส้นชัยได้อย่างสบาย แต่เขาเลือกจะอยู่เป็นที่สอง พร้อม
ทั้งพยายามอธิบายให้ Abel Mutai (คนผิวดำ) วิ่งต่อไปเพื่อเข้าเส้นชัยเป็นที่หนึ่ง

      *Iván Fernández ในวัย 24 ได้ให้สัมภาษณ์ภายหลังเกี่ยวกับการตัดสินใจของเขาดังนี้*

“ผมไม่ควรที่จะชนะ ผมได้ทำในสิ่งที่ผมควรจะทำ เขา (Abel) คือผู้ชนะที่ถูกต้องแล้ว เขานำผม
ชนิดที่ผมไม่มีทางตามเขาทันถ้าเขาไม่เข้าใจผิด

เมื่อผมเห็นว่าเขากำลังจะหยุด ก็ผมก็รู้เลยว่าผมต้องไม่แซงเขาขึ้นไป ต่อให้พวกเขาบอกผมว่าการ
ชนะรายการนี้จะทำให้ผมได้ติดทีมชาติสเปนก็ตามที ผมก็ยังทำเหมือนเดิม

ผมยังคิดเลยว่าผมได้ชื่อเสียงมากกว่าที่ผมชนะเสียอีก ซึ่งนั่นสำคัญมากในทุกวันนี้ที่ทุกวงการ ไม่ว่าจะ
ฟุตบอล การเมือง สังคม ฯลฯ เราพบว่าความซื่อสัตย์มันตกต่ำลงทุกที บางทีชัยชนะในการแข่งขันก็
ไม่ใช่ทุกๆ อย่างเสมอไป”

เรื่องราวของ Fernández อาจจะทำให้เราได้คิดอยู่เสียหน่อยว่าในโลกทุกวันนี้นั้น เราเต็มไปด้วย
การแข่งขันที่เต็มไปด้วยคนที่พร้อมจะทำทุกวิถีทางเพื่อไปให้ถึงชัยชนะ และหลายๆ ครั้งนั้นทำให้คน
เราลดทอนค่าของตัวเองเพียงเพื่อให้ได้รับเกียรติยศหรือรางวัลเท่านั้น

อะไรกันแน่คือสิ่งสำคัญที่เราควรจะต้องมี รางวัลและเกียรติยศที่เอาไว้ประดับบนตู้โชว์ หรือว่าการ
ได้นับถือตัวเอง ส่งต่อคุณค่านี้ให้คนรุ่นต่อไปเพื่อสังคมจะได้น่าอยู่มากกว่านี้

เครดิตข้อมูล kellimni

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น