วันจันทร์ที่ 29 พฤษภาคม พ.ศ. 2560

"เฉลียงชีวิต" อย่าไปกังวลว่า ถ้าคุณจากไป อะไรจะเกิดขึ้น... เพราะเมื่อกลายเป็นผงธุลีไปแล้ว ใครเขาจะยกย่องชื่นชมหรือตำหนิประณามอย่างไร คุณจะไปรู้สึกรู้สาอะไรได้ ลูกของคุณเขาจะเป็นอย่างไร...ก็อย่าเป็นห่วงให้มากนัก พวกเขาต่างก็มีจุดหมายและ หนทางชีวิตของตนเอง ตายไปแล้ว...คุณก็ยังไม่เลิก เป็นทาสของลูกๆ อีกหรือ อย่าคาดหวังอะไรมากจากเด็กๆ ต่อให้คุณชุบเลี้ยงใคร ไว้ดูแลคุณยามแก่เฒ่า เขาก็ต้องวุ่นวายกับ การงานและภาระผูกพันต่างๆ เกินกว่าจะมีเวลามาช่วยเหลือดูแลอะไรคุณได้มากนัก ส่วนลูกจริงๆ นั้นก็อาจจะกำลังทะเลาะกัน เพื่อแย่งทรัพย์สมบัติ ของคุณอยู่ทั้งๆที่คุณยังมีชีวิตอยู่ก็ได้ ดีขึ้นมาหน่อย ก็อาจจะแค่แอบภาวนาให้คุณอย่าใช้เงินให้มาก และรีบจากไปเสียเร็วๆ อย่างนี้ก็มีให้เห็นอยู่ถมไป คุณไม่รู้หรอกหรือว่า..บรรดา ลูกๆ เขาถือว่าทรัพย์สมบัติของ คุณเป็นสิทธิ์ขาดของเขาไปแล้ว คุณจึงไม่มีสิทธิ์จะไปกำหนดอะไรได้เลย ในเงินที่เป็นของเขา... เข้าใจไหม? คนอายุเกิน ๖๐ อย่างคุณ ต้องเลิกเอาสุขภาพไปแลกกับความร่ำรวยได้แล้ว มีเงินเท่าไร ก็ซื้อสุขภาพคืนมาไม่ได้ คุณตอบได้ไหมว่า จะหยุดหาเงิน เมื่อใด...เท่าไหร่คุณถึงจะบอกว่า พอแล้ว...ร้อย พัน หมื่น ล้าน สิบล้าน...พอรึยังไม่ทราบ ? ต่อให้คุณมีไร่นานับพันไร่ คุณก็กินข้าวได้แค่วันละสามจาน แม้นมีคฤหาสน์นับพันหลัง คุณก็ต้องการพื้นที่หลับนอน ยามค่ำคืนเพียงแปดตารางเมตร ดังนั้น..ตราบใดที่คุณยังมีข้าวปลาอาหารกินอย่างเพียงพอ มีเงินพอใช้สอยได้ทุกวัน เพียงเท่านี้ก็ดีเหลือหลายแล้ว อายุเท่านี้แล้ว คุณควรอยู่ อย่างเป็นสุข ทุกบ้านต่าง ก็มีปัญหาของตนเอง อย่ามัวไปคิดเปรียบเทียบ แก่งแย่งแข่งดีกัน ไม่ว่าชื่อเสียง ฐานะในสังคม หรือความก้าวหน้า ของเด็กๆ ฯลฯ สิ่งที่ควรจะแข่งกันทำกันจริงๆ นั้น คือแข่งกันมีความสุข แข่งกันมีสุขภาพดีและอายุ ยืนนาน ส่วนอะไร ที่เราเปลี่ยนมันไม่ได้ ก็อย่าไปฝังอกฝังใจให้ป่วยการ และทำลายสุขภาพตัวเองเลย อายุป่านนี้แล้วก็ยังเปลี่ยนมันไม่ได้เลย หลัง ๖๐ แล้วอย่างนี้ คุณต้องค้นหาหนทางของคุณเองที่จะสร้างชีวิตที่เป็นอยู่ดีๆ และสุขสดใสขึ้นมาให้ได้ ตราบใดที่มันทำให้คุณอารมณ์ดี คิดถึงแต่สิ่งที่ทำให้เป็นสุข ทำอะไรก็สุขสนุกกับมันอยู่ทุกวัน นั่นก็หมายความว่า คุณได้ผ่าน วันเวลาอย่างเป็นสุขแล้ว ทุกวันวานที่ผ่านไป คุณจะสูญเสียไป ๑ วัน แต่ถ้ามันผ่านไป อย่างเป็นสุข วันนั้นคือกำไรชัดๆ เลย จิตใจที่ดีจะช่วยรักษาโรคภัยได้ ถ้าจิตใจเป็นสุขโรคก็จะหายเร็วขึ้น แต่ถ้าจิตใจทั้งดี ทั้งเป็นสุขด้วยแล้วล่ะก็ ความเจ็บป่วยจะไม่มีทางมาแผ้วพานได้ ด้วยอารมณ์ที่ดีแจ่มใสอยู่เป็นนิจ ออกกำลังกายให้เพียงพอ อยู่กลางแจ้งบ่อยๆ กินอาหารให้ครบหมู่ ได้วิตามินและแร่ธาตุ อย่างเพียงพอ เพียงเท่านี้ก็เชื่อ ได้แน่นอนว่า ชีวิตที่เป็นสุข อีก ๒๐ หรือ ๓๐ ปี จะเป็นของคุณแน่นอน เหนือสิ่งอื่นใด...คุณต้องรู้จัก บ่มเพาะและเก็บเกี่ยวความสุขดีๆ จากการได้อยู่ ได้เที่ยว ได้คุยกับเพื่อนๆ เพราะเขาเหล่านี้จะช่วยให้คุณ รู้สึกเยาว์วัยและมีความหมายอยู่เสมอ ขาดพวกเขาเมื่อใด... คุณจะต้องรู้สึกสูญเสียอย่างแน่นอน ครับ...อ่านแล้วเห็น "เฉลียงชีวิต" ในวัยชรากันบ้างมั้ย? ก็ต้องขอบคุณทั้งเจ้าของความคิด ผู้เผยแพร่ และทั้งผู้ส่งให้ผม อ่าน ก็อยากบอกว่า.... อายุเราเลือกไม่ได้ก็จริง แต่ชีวิตแต่ละช่วงชีวิต เราเลือกได้ เปลว สีเงิน

"เฉลียงชีวิต"

อย่าไปกังวลว่า ถ้าคุณจากไป อะไรจะเกิดขึ้น...
เพราะเมื่อกลายเป็นผงธุลีไปแล้ว
ใครเขาจะยกย่องชื่นชมหรือตำหนิประณามอย่างไร คุณจะไปรู้สึกรู้สาอะไรได้
ลูกของคุณเขาจะเป็นอย่างไร...ก็อย่าเป็นห่วงให้มากนัก
พวกเขาต่างก็มีจุดหมายและ
หนทางชีวิตของตนเอง
ตายไปแล้ว...คุณก็ยังไม่เลิก
เป็นทาสของลูกๆ อีกหรือ
อย่าคาดหวังอะไรมากจากเด็กๆ ต่อให้คุณชุบเลี้ยงใคร ไว้ดูแลคุณยามแก่เฒ่า เขาก็ต้องวุ่นวายกับ
การงานและภาระผูกพันต่างๆ เกินกว่าจะมีเวลามาช่วยเหลือดูแลอะไรคุณได้มากนัก
ส่วนลูกจริงๆ นั้นก็อาจจะกำลังทะเลาะกัน เพื่อแย่งทรัพย์สมบัติ
ของคุณอยู่ทั้งๆที่คุณยังมีชีวิตอยู่ก็ได้
ดีขึ้นมาหน่อย ก็อาจจะแค่แอบภาวนาให้คุณอย่าใช้เงินให้มาก และรีบจากไปเสียเร็วๆ อย่างนี้ก็มีให้เห็นอยู่ถมไป
คุณไม่รู้หรอกหรือว่า..บรรดา
ลูกๆ เขาถือว่าทรัพย์สมบัติของ
คุณเป็นสิทธิ์ขาดของเขาไปแล้ว คุณจึงไม่มีสิทธิ์จะไปกำหนดอะไรได้เลย ในเงินที่เป็นของเขา...
เข้าใจไหม?
คนอายุเกิน ๖๐ อย่างคุณ
ต้องเลิกเอาสุขภาพไปแลกกับความร่ำรวยได้แล้ว มีเงินเท่าไร
ก็ซื้อสุขภาพคืนมาไม่ได้
คุณตอบได้ไหมว่า จะหยุดหาเงิน
เมื่อใด...เท่าไหร่คุณถึงจะบอกว่า พอแล้ว...ร้อย พัน หมื่น ล้าน สิบล้าน...พอรึยังไม่ทราบ ?
ต่อให้คุณมีไร่นานับพันไร่
คุณก็กินข้าวได้แค่วันละสามจาน
แม้นมีคฤหาสน์นับพันหลัง
คุณก็ต้องการพื้นที่หลับนอน
ยามค่ำคืนเพียงแปดตารางเมตร
ดังนั้น..ตราบใดที่คุณยังมีข้าวปลาอาหารกินอย่างเพียงพอ มีเงินพอใช้สอยได้ทุกวัน
เพียงเท่านี้ก็ดีเหลือหลายแล้ว
อายุเท่านี้แล้ว คุณควรอยู่
อย่างเป็นสุข ทุกบ้านต่าง
ก็มีปัญหาของตนเอง
อย่ามัวไปคิดเปรียบเทียบ
แก่งแย่งแข่งดีกัน ไม่ว่าชื่อเสียง ฐานะในสังคม หรือความก้าวหน้า
ของเด็กๆ ฯลฯ
สิ่งที่ควรจะแข่งกันทำกันจริงๆ นั้น คือแข่งกันมีความสุข
แข่งกันมีสุขภาพดีและอายุ
ยืนนาน
ส่วนอะไร ที่เราเปลี่ยนมันไม่ได้
ก็อย่าไปฝังอกฝังใจให้ป่วยการ
และทำลายสุขภาพตัวเองเลย
อายุป่านนี้แล้วก็ยังเปลี่ยนมันไม่ได้เลย
หลัง ๖๐ แล้วอย่างนี้ คุณต้องค้นหาหนทางของคุณเองที่จะสร้างชีวิตที่เป็นอยู่ดีๆ และสุขสดใสขึ้นมาให้ได้
ตราบใดที่มันทำให้คุณอารมณ์ดี คิดถึงแต่สิ่งที่ทำให้เป็นสุข
ทำอะไรก็สุขสนุกกับมันอยู่ทุกวัน
นั่นก็หมายความว่า คุณได้ผ่าน
วันเวลาอย่างเป็นสุขแล้ว
ทุกวันวานที่ผ่านไป คุณจะสูญเสียไป ๑ วัน แต่ถ้ามันผ่านไป
อย่างเป็นสุข วันนั้นคือกำไรชัดๆ เลย
จิตใจที่ดีจะช่วยรักษาโรคภัยได้
ถ้าจิตใจเป็นสุขโรคก็จะหายเร็วขึ้น แต่ถ้าจิตใจทั้งดี ทั้งเป็นสุขด้วยแล้วล่ะก็ ความเจ็บป่วยจะไม่มีทางมาแผ้วพานได้
ด้วยอารมณ์ที่ดีแจ่มใสอยู่เป็นนิจ
ออกกำลังกายให้เพียงพอ
อยู่กลางแจ้งบ่อยๆ กินอาหารให้ครบหมู่ ได้วิตามินและแร่ธาตุ
อย่างเพียงพอ เพียงเท่านี้ก็เชื่อ
ได้แน่นอนว่า ชีวิตที่เป็นสุข
อีก ๒๐ หรือ ๓๐ ปี
จะเป็นของคุณแน่นอน
เหนือสิ่งอื่นใด...คุณต้องรู้จัก
บ่มเพาะและเก็บเกี่ยวความสุขดีๆ จากการได้อยู่ ได้เที่ยว ได้คุยกับเพื่อนๆ
เพราะเขาเหล่านี้จะช่วยให้คุณ รู้สึกเยาว์วัยและมีความหมายอยู่เสมอ ขาดพวกเขาเมื่อใด...
คุณจะต้องรู้สึกสูญเสียอย่างแน่นอน

ครับ...อ่านแล้วเห็น
"เฉลียงชีวิต"
ในวัยชรากันบ้างมั้ย?
ก็ต้องขอบคุณทั้งเจ้าของความคิด ผู้เผยแพร่ และทั้งผู้ส่งให้ผม
อ่าน ก็อยากบอกว่า....
อายุเราเลือกไม่ได้ก็จริง
แต่ชีวิตแต่ละช่วงชีวิต เราเลือกได้

เปลว สีเงิน

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น