วันอาทิตย์ที่ 21 พฤษภาคม พ.ศ. 2560

6 สิ่งที่ควรลืมเสียบ้างก็ได้ เพื่อความสุขที่มากขึ้น อาการขี้หลงขี้ลืมมักเป็นปัญหากวนใจที่ใครก็ไม่อยากพบเจอเสมอ แต่ในอีกทางหนึ่งน้อยคนนักที่จะรู้ว่ามันก็มีผลดีกับชีวิต เพราะความสุขของชีวิต ไม่ได้ขึ้นกับการเป็นคนรู้อะไรมากเสมอไป ปล่อยวางเสียบางเรื่องก็ได้ แกล้งโง่บ้าง แกล้งลืมบ้างก็ได้ จำอะไรมากเกินไปก็เหมือนกับมีพันธนาการรั้งตัวเราไว้ เพื่อความสุขของตนเองและคนอื่น ปลดพันธนาการนั้นเสียบ้างก็ดี 1. ลืมว่าตัวเองเป็นใคร เราไม่ได้หมายความว่าต้องทำตัวสติฟั่นเฟือน ไร้ความสามารถ ไม่รับผิดชอบกับสิ่งที่อยู่ตรงหน้า แต่ในที่นี้หมายความว่า บางสถานการณ์ควรลดอาการ “สำคัญตัวเอง” ลงเสียบ้างว่า มียศตำแหน่งอะไร มีความกว้างขวางในแวดวงสังคมเพียงใด เพื่อมิตรภาพที่เป็นกันเอง พูดคุยเจรจาได้ง่ายขึ้น เราไม่จำเป็นต้องแนะนำตัวอย่างเต็มยศเพื่อให้คนอื่นรู้สึกเกรงขาม คนอื่นจะเคารพและให้เกียรติเราอย่างไร มันก็ขึ้นกับว่าเราเริ่มต้นที่จะให้เกียรติคนอื่นอย่างไรก่อนก็เท่านั้นเอง 2. ลืมว่าคนอื่นเคยทำอะไร (ที่ไม่ดี) เป็นธรรมดาที่คนเราจะผิดพลาดบ้าง แต่เพื่อให้ทุกอย่างมันดำเนินต่อไปด้วยดี การ “ให้อภัย” คือสิ่งสำคัญยิ่งที่เราควรมีให้กับคนอื่น ให้เขารู้สึกมั่นใจในตัวเองมากขึ้น ปลดความรู้สึกผิดที่คอยวนเวียนรบกวนจิตใจตลอดเวลา และอบอุ่นหัวใจมากขึ้นที่จะเดินไปกับเรา แม้จะเป็นข้อผิดพลาดที่เกิดขึ้นไม่กี่นาทีที่แล้ว แม้เขาจะเพิ่งขอโทษเราไป สิ่งที่เราควรพูดเพื่อสร้างความเชื่อมั่นของกันและกันก็คือ “ไม่เป็นไร”, “ฉันลืมไปหมดแล้วน่ะ”, “ฉันไม่ถือสาหรอก” 3. ลืมว่าตัวเองเคยทำอะไร (ที่ไม่ดี) ในมุมกลับกัน เมื่อถึงตาตัวเองบ้าง เราก็ไม่ควรรู้สึกผิดกับเรื่องเดิม ย้ำคิดย้ำทำแต่สิ่งเดิม จนไม่สามารถเดินหน้าต่อไปได้อย่างสบายใจ เรียนรู้ความผิดพลาดแล้วก็ควรให้อภัยตนเองเสียบ้าง โลกนี้ไม่มีใครเพอร์เฟคเสมอไปหรอก และบางที คนอื่นก็ให้อภัยเราไปตั้งนานจนลืมไปด้วยซ้ำว่าเคยเกิดอะไรขึ้น มีแต่ตัวเองเท่านั้นแหละที่โทษตัวเอง โกรธตัวเอง รู้สึกผิดเองอยู่คนเดียว เหมือนกับถือมีดกรีดแผลเดิมซ้ำ ๆ ด้วยมือตัวเองทั้งนั้น 4. ลืมว่าเคยกลัวอะไร มนุษย์เรามีความกลัวกันทุกคน แต่จะเอาชนะหรือยอมกลัวเรื่อยไป มันก็ขึ้นกับความเข้มแข็งของจิตใจล้วน ๆ บางคนไม่กล้าไปสถานที่เดิมหรือเส้นทางเดิมเพราะเคยมีเหตุการณ์ฝังใจบางอย่างจนเข็ดขยาด ถ้ามีทางเลือกอื่นได้ก็จะเลือกไปทางอื่น แม้จะต้องลำบากกว่าเดิมก็ตาม ในมุมกลับกัน เหตุใดเราจึงไม่เอาชนะใจตัวเองดูบ้างว่า สถานที่เดิมแต่เวลาเปลี่ยนไป อะไรก็เปลี่ยนไปหมดแล้วเช่นกัน เพราะฉะนั้น จะต้องมีอะไรกังวลอีก จำเป็นหรือไม่ที่เราจะต้องจมกับความคิดเดิมอีก ก็ลุย ๆ มันให้รู้ไปเลยสิว่าการเดินทางครั้งใหม่แต่เส้นทางเดิมมันจะไม่ได้มุมมองใหม่ และการเอาชนะใจตัวเองเสียบ้างเลย ... เมื่อใดก็ตามที่เรากล้ามากขึ้น นั่นแหละ เรากำลังก้าวกระโดดจากที่เดิมได้ไกลขึ้นและดีขึ้นแล้วนะ 5. ลืมความเคยชินเดิม ๆ หรือเรียกอีกอย่างหนึ่งว่า หัดสร้างความเบื่อให้กับความเคยชินที่เป็นอยู่หรือมีอยู่ เช่น การติดนิสัยนอนตื่นสายในวันหยุด, การนั่ง ๆ นอน ๆ อยู่แต่ในห้องไม่ออกไปไหน แล้วหันมาฉีกประสบการณ์ให้ตัวเองออกไปลุยกับสิ่งที่แปลกใหม่มากขึ้น เช่น ออกไปเที่ยว, ออกไปสังสรรค์, ออกไปหาอะไรทำนอกบ้าน ฯลฯ มันเป็นอะไรที่สนุกมากเชียวแหละที่ได้เคลื่อนไหวไปพร้อมกับที่โลกหมุนไปเรื่อย ๆ สนุกกว่าการเป็นคนรักสบาย รักความขี้เกียจ ปล่อยให้เวลาผ่านไปโดยไม่ได้อะไรเลย 6. ลืมอบายมุข หรือสิ่งที่จะสร้างขยะให้ร่างกาย ทุกวันศุกร์ต้องออกไปสังสรรค์ และทุกวันที่ต้องสูบบุหรี่ หรือพฤติกรรมใดก็ตามที่จะทำร้ายสุขภาพและสภาพคล่องการเงิน ลืมมันไปเสียบ้างก็ได้ ปล่อยให้ตัวเองยุ่งกับอะไรสักอย่างจนไม่มีเวลานึกถึงมันและลืมมันได้สนิทใจในที่สุด ยิ่งดีต่อตัวคุณเองในระยะยาว ชีวิตคนเราเกิดมาก็เพียงแค่ครั้งเดียว ไม่รู้ว่าชาติหน้ามีจริงหรือไม่ ไม่รู้ว่าจะเกิดอีกหนเป็นอะไร การใช้ชีวิตให้คุ้มไม่แปลว่าต้องลองทุกอย่างด้วยความบ้าคลั่งจนตาย แต่ควรปรับลิมิตตนเองให้รู้จักความเหมาะสม อะไรที่ไม่ดีก็อย่าเก็บไว้กับตัว อะไรที่ดีก็รักษาไว้และควรแบ่งปันเมื่อมีโอกาส ให้คุ้มสมกับที่เกิดมาเป็นมนุษย์ในชาติหนึ่ง : ) เครดิต : jeeb.me http://line.me/ti/p/~natpokin อ.เอ Think Plus+ โค้ช / วีเจ / คอลัมนิสต์

6 สิ่งที่ควรลืมเสียบ้างก็ได้ เพื่อความสุขที่มากขึ้น

อาการขี้หลงขี้ลืมมักเป็นปัญหากวนใจที่ใครก็ไม่อยากพบเจอเสมอ แต่ในอีกทางหนึ่งน้อยคนนักที่จะรู้ว่ามันก็มีผลดีกับชีวิต เพราะความสุขของชีวิต ไม่ได้ขึ้นกับการเป็นคนรู้อะไรมากเสมอไป ปล่อยวางเสียบางเรื่องก็ได้ แกล้งโง่บ้าง แกล้งลืมบ้างก็ได้  

จำอะไรมากเกินไปก็เหมือนกับมีพันธนาการรั้งตัวเราไว้ เพื่อความสุขของตนเองและคนอื่น ปลดพันธนาการนั้นเสียบ้างก็ดี  

1. ลืมว่าตัวเองเป็นใคร

เราไม่ได้หมายความว่าต้องทำตัวสติฟั่นเฟือน ไร้ความสามารถ ไม่รับผิดชอบกับสิ่งที่อยู่ตรงหน้า แต่ในที่นี้หมายความว่า บางสถานการณ์ควรลดอาการ “สำคัญตัวเอง” ลงเสียบ้างว่า มียศตำแหน่งอะไร มีความกว้างขวางในแวดวงสังคมเพียงใด เพื่อมิตรภาพที่เป็นกันเอง พูดคุยเจรจาได้ง่ายขึ้น   เราไม่จำเป็นต้องแนะนำตัวอย่างเต็มยศเพื่อให้คนอื่นรู้สึกเกรงขาม คนอื่นจะเคารพและให้เกียรติเราอย่างไร มันก็ขึ้นกับว่าเราเริ่มต้นที่จะให้เกียรติคนอื่นอย่างไรก่อนก็เท่านั้นเอง  

2. ลืมว่าคนอื่นเคยทำอะไร (ที่ไม่ดี)

เป็นธรรมดาที่คนเราจะผิดพลาดบ้าง แต่เพื่อให้ทุกอย่างมันดำเนินต่อไปด้วยดี การ “ให้อภัย” คือสิ่งสำคัญยิ่งที่เราควรมีให้กับคนอื่น ให้เขารู้สึกมั่นใจในตัวเองมากขึ้น ปลดความรู้สึกผิดที่คอยวนเวียนรบกวนจิตใจตลอดเวลา และอบอุ่นหัวใจมากขึ้นที่จะเดินไปกับเรา   แม้จะเป็นข้อผิดพลาดที่เกิดขึ้นไม่กี่นาทีที่แล้ว แม้เขาจะเพิ่งขอโทษเราไป สิ่งที่เราควรพูดเพื่อสร้างความเชื่อมั่นของกันและกันก็คือ “ไม่เป็นไร”, “ฉันลืมไปหมดแล้วน่ะ”, “ฉันไม่ถือสาหรอก”  

3. ลืมว่าตัวเองเคยทำอะไร (ที่ไม่ดี)

ในมุมกลับกัน เมื่อถึงตาตัวเองบ้าง เราก็ไม่ควรรู้สึกผิดกับเรื่องเดิม ย้ำคิดย้ำทำแต่สิ่งเดิม จนไม่สามารถเดินหน้าต่อไปได้อย่างสบายใจ เรียนรู้ความผิดพลาดแล้วก็ควรให้อภัยตนเองเสียบ้าง โลกนี้ไม่มีใครเพอร์เฟคเสมอไปหรอก และบางที คนอื่นก็ให้อภัยเราไปตั้งนานจนลืมไปด้วยซ้ำว่าเคยเกิดอะไรขึ้น มีแต่ตัวเองเท่านั้นแหละที่โทษตัวเอง โกรธตัวเอง รู้สึกผิดเองอยู่คนเดียว เหมือนกับถือมีดกรีดแผลเดิมซ้ำ ๆ ด้วยมือตัวเองทั้งนั้น  

4. ลืมว่าเคยกลัวอะไร

มนุษย์เรามีความกลัวกันทุกคน แต่จะเอาชนะหรือยอมกลัวเรื่อยไป มันก็ขึ้นกับความเข้มแข็งของจิตใจล้วน ๆ บางคนไม่กล้าไปสถานที่เดิมหรือเส้นทางเดิมเพราะเคยมีเหตุการณ์ฝังใจบางอย่างจนเข็ดขยาด ถ้ามีทางเลือกอื่นได้ก็จะเลือกไปทางอื่น แม้จะต้องลำบากกว่าเดิมก็ตาม   ในมุมกลับกัน เหตุใดเราจึงไม่เอาชนะใจตัวเองดูบ้างว่า สถานที่เดิมแต่เวลาเปลี่ยนไป อะไรก็เปลี่ยนไปหมดแล้วเช่นกัน เพราะฉะนั้น จะต้องมีอะไรกังวลอีก จำเป็นหรือไม่ที่เราจะต้องจมกับความคิดเดิมอีก ก็ลุย ๆ มันให้รู้ไปเลยสิว่าการเดินทางครั้งใหม่แต่เส้นทางเดิมมันจะไม่ได้มุมมองใหม่ และการเอาชนะใจตัวเองเสียบ้างเลย ... เมื่อใดก็ตามที่เรากล้ามากขึ้น นั่นแหละ เรากำลังก้าวกระโดดจากที่เดิมได้ไกลขึ้นและดีขึ้นแล้วนะ  

5. ลืมความเคยชินเดิม ๆ

หรือเรียกอีกอย่างหนึ่งว่า หัดสร้างความเบื่อให้กับความเคยชินที่เป็นอยู่หรือมีอยู่ เช่น การติดนิสัยนอนตื่นสายในวันหยุด, การนั่ง ๆ นอน ๆ อยู่แต่ในห้องไม่ออกไปไหน แล้วหันมาฉีกประสบการณ์ให้ตัวเองออกไปลุยกับสิ่งที่แปลกใหม่มากขึ้น เช่น ออกไปเที่ยว, ออกไปสังสรรค์, ออกไปหาอะไรทำนอกบ้าน ฯลฯ มันเป็นอะไรที่สนุกมากเชียวแหละที่ได้เคลื่อนไหวไปพร้อมกับที่โลกหมุนไปเรื่อย ๆ สนุกกว่าการเป็นคนรักสบาย รักความขี้เกียจ ปล่อยให้เวลาผ่านไปโดยไม่ได้อะไรเลย 

6. ลืมอบายมุข หรือสิ่งที่จะสร้างขยะให้ร่างกาย

ทุกวันศุกร์ต้องออกไปสังสรรค์ และทุกวันที่ต้องสูบบุหรี่ หรือพฤติกรรมใดก็ตามที่จะทำร้ายสุขภาพและสภาพคล่องการเงิน ลืมมันไปเสียบ้างก็ได้ ปล่อยให้ตัวเองยุ่งกับอะไรสักอย่างจนไม่มีเวลานึกถึงมันและลืมมันได้สนิทใจในที่สุด ยิ่งดีต่อตัวคุณเองในระยะยาว  

ชีวิตคนเราเกิดมาก็เพียงแค่ครั้งเดียว ไม่รู้ว่าชาติหน้ามีจริงหรือไม่ ไม่รู้ว่าจะเกิดอีกหนเป็นอะไร การใช้ชีวิตให้คุ้มไม่แปลว่าต้องลองทุกอย่างด้วยความบ้าคลั่งจนตาย

แต่ควรปรับลิมิตตนเองให้รู้จักความเหมาะสม อะไรที่ไม่ดีก็อย่าเก็บไว้กับตัว อะไรที่ดีก็รักษาไว้และควรแบ่งปันเมื่อมีโอกาส ให้คุ้มสมกับที่เกิดมาเป็นมนุษย์ในชาติหนึ่ง : )

เครดิต : jeeb.me

http://line.me/ti/p/~natpokin

อ.เอ Think Plus+
โค้ช / วีเจ / คอลัมนิสต์

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น