12 บทเรียนที่ต้องรู้ก่อน 30
โลกทุกวันนี้เปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็ว โดยเฉพาะเรื่องของข่าวสาร ข้อมูล และความรู้ แม้แต่อาชีพการงาน ก็มีการแปลงแปลงไปอย่างมากมาย มีคำกล่าวว่า ถ้าเราหยุดอยู่กับที่ แปลว่าเรากำลังถูกทิ้งไว้ข้างหลัง แต่บางทีเราก็ไม่รู้จริงๆว่า จะต้องพัฒนาอะไรยังไงกันบ้าง ดูเหมือนทุกสิ่งทุกอย่างรอบๆตัวมันหมุนเร็วไปหมด
วันนี้จึงหยิบข้อคิดที่เราน่าจะรู้เอาไว้ เรียกว่ายิ่งรู้เร็วยิ่งดี หรืออย่างน้อยก็น่าจะรู้ก่อนอายุ 30 เพราะถ้ารู้ช้า คนรุ่นใหม่จะไล่ทันและแซงเอาได้ง่ายๆ 12 บทเรียนที่ต้องรู้ไว้มี ดังนี้
ข้อหนึ่ง อย่าฝืนทำงานหนักมากจนเกินไป
สำหรับคนที่ทำงานออฟฟิศ การทำงานล่วงเวลาจนถึงสี่ ห้าทุ่ม ต่อเนื่องกันเป็นเวลานาน ย่อมส่งผลเสียต่อสุขภาพอย่างแน่นอน การที่บริษัทขาดเราไป เขาก็หาคนอื่นมาแทนได้ แต่ถ้าสุขภาพของเราเสียหายรุนแรง เงินมากมายก็ไม่สามารถชดเชยได้ ดังนั้นต้องชั่งใจให้ดี ระหว่างการทำงานหนักกับสุขภาพของตัวเอง
ข้อสอง ชีวิตสั้นนัก อย่าฝืนทนทำงานที่ตัวเองไม่ได้รัก หรือไม่อยากทำ
บางทีเราทนทำงานอยู่กับเจ้านายที่จุกจิก ทนกับเพื่อนร่วมงานที่ชอบเอาเปรียบ ไม่กล้าเปลี่ยนงานใหม่ กลัวที่ใหม่ไม่ดีเท่าที่เก่า หารู้ไม่ว่า คนที่ลาออกไปก่อนหน้าเรา เขาก้าวหน้าไปไหนต่อไหนแล้ว ดังนั้นอย่าทนกับงานที่ไม่ใช่ ชีวิตเราไม่ได้ยืนยาวมากมาย
ข้อสาม โลกออนไลน์เป็นโลกสมมุติ อย่าอยู่ในโลกโซเชี่ยลมากเกินไป
ลองออกไปสัมผัสชีวิตจริง มีปฏิสัมพันธ์กับผู้คนตัวเป็นๆให้มากขึ้น แล้วจะพบว่า โลกนี้มีมุมที่น่าอยู่น่าไปเผชิญอีกตั้งเยอะแยะ
ข้อสี่ ทำงานเป็นทีม
บางคนคิดว่าตัวเองเก่งเลยอยากทำงานคนเดียว จริงอยู่ที่ทำงานคนเดียวสบายใจ แต่ถ้าอยากไปได้ไกล ต้องไปด้วยกันหลายๆคนจะดีกว่า คนที่ทำงานมามากๆจะรู้ดีว่า การมีกลุ่มที่ทำงานไปด้วยกันนั้น ทำให้ได้งานที่สร้างสรรค์และมีประสิทธิภาพมากกว่า ดังนั้นต้องฝึกทำงานเป็นทีมให้ได้
ข้อห้า อย่ากลัวจนเกินไป
ความกลัวและความวิตกกังวลต่างๆ จะฉุดรั้งเราไม่ให้ตัดสินใจ และไม่กล้าลงมือทำ วิธีแก้คือ การลงมือทำ ไม่ต้องกลัวอะไร ทำในสิ่งที่เราสามารถรับผิดชอบได้ ทำไปเลย แรกๆอาจยังไม่เข้าท่าสักเท่าไหร่ ก็ค่อยปรับค่อยจูน สุดท้ายงานนั้นจะไปได้ดี
ข้อหก หัดเข้าสังคม
สมัยเรียนจบใหม่ๆ หลายๆคนก็ขลุกยังอยู่แต่ในวงเพื่อนฝูง พอเริ่มทำงานสักพัก ก็เริ่มมีสังคมของเพื่อนร่วมงานและเพื่อนร่วมอาชีพ และก็จะจำกัดขอบเขตสังคมตัวเองอยู่แค่นั้น จริงๆแล้วเราต้องรู้จักเข้าสังคมให้มากๆ ขยายขอบเขตคอนเน็กชั่นออกไป ยิ่งมีคอนเน็กชั่นเยอะโอกาสต่างในชีวิตก็จะเพิ่มขึ้นตามไปด้วย ดังนั้นอย่าหยุดคบแค่เพื่อนร่วมงานและเพื่อนร่วมเรียน ต้องเข้าสังคมและสร้างคอนเน็กชั่นให้มากขึ้น
ข้อเจ็ด การเปลี่ยนแปลงเป็นสิ่งดีงาม
การนิ่งอยู่กับที่เปรียบกับการไม่เคลื่อนไหว ไม่เติบโต การเปลี่ยนแปลงช่วยกระตุ้นให้เราเรียนรู้ และค้นพบศักยภาพใหม่ๆในตัวเอง อย่าได้กลัวการเปลี่ยนแปลงอีกต่อไป เพราะการเปลี่ยนแปลงเป็นสัจธรรม ไม่ช้าก็เร็วทุกสิ่งในชีวิตเราย่อมเปลี่ยนไป ไม่มีอะไรอยู่คงที่คงทนถาวร จงมองการเปลี่ยนแปลงเป็นสิ่งดีงาม
ข้อแปด อย่าหยุดเรียนรู้ เพราะโลกหมุนทุกวัน
สังคมและผู้คนก็พัฒนาก้าวหน้า ถ้าเราไม่ขวนขวายเรียนรู้สิ่งใหม่ หยุดนิ่งอยู่กับความรู้เดิมๆ ด้วยคิดว่าตัวเองเรียนสูง เรียนเยอะ และแน่กว่าใครๆ สักวันหนึ่งเราจะพบว่า ความรู้ที่มากมายของเราล้าสมัย ใช้การอะไรแทบไม่ได้เสียแล้ว
ข้อเก้า อย่ากลัวความล้มเหลว ความล้มเหลวไม่ใช่จุดจบ
ความผิดพลาดและล้มเหลวเป็นเพียงส่วนหนึ่งของความสำเร็จ ถ้าเราไม่ล้มเลิกเสียก่อน วันหนึ่งก็จะได้พบกับความสำเร็จ หากวันนี้เราล้มลง ขอให้ลุกขึ้นใหม่ แล้วออกไปสู้
ข้อสิบ เป้าหมายไม่ใช่ปลายทางของความสุข
หลายคนรอว่าเมื่อไหร่จะถึงจุดหมาย จะได้ฉลองความสำเร็จอย่างมีความสุขเสียที แต่ในความเป็นจริง ระยะเวลาของเราหมดไปกับการเดินทาง เราใช้เวลาอยู่กับความสำเร็จไม่มาก ดังนั้นขอให้เก็บเกี่ยวความสุขระหว่างทางเดิน จะทำให้เรามีความสุขได้ยาวนานและต่อเนื่อง
ข้อสิบเอ็ด ความสุขมาจากชีวิตที่มีเป้าหมาย
ชีวิตต้องมีความหวัง ความฝัน และมีเป้าหมาย ถึงจะมีแรงบันดาลใจในการต่อสู้ พยายามอย่างต่อเนื่อง ทุกครั้งที่เจออุปสรรคปัญหา เป้าหมายจะทำให้เราผ่านมันไปได้ การมีเป้าหมายใหญ่ปัญหาเราจะเล็ก การมีเป้าหมายเล็กปัญหามันจะใหญ่ จงตั้งเป้าหมายให้ใหญ่ไว้ จะได้มีความสุขทุกๆวัน
ข้อสิบสอง คนเราเสียใจกับสิ่งที่ไม่ได้ทำมากกว่าสิ่งที่ทำ
หลายครั้งที่เราเจอโอกาสเข้ามาในชีวิต และรู้สึกว่าใช่ แต่ลังเล ไม่แน่ใจ กลัวทำไปแล้วไม่สำเร็จ อย่าคิดมากเลย ความรู้สึกแรกเป็นสิ่งที่บอกเราว่าใช่หรือไม่ หากรู้สึกว่าใช่แล้วลงมือทำดีกว่าปล่อยให้คาใจ และหากปล่อยไปเราอาจจะเสียใจที่ไม่ได้ทำ เพราะมันจะจำมากกว่าสิ่งที่ทำแล้วไม่สำเร็จ จงจำไว้ว่ารู้อะไร ไม่เท่า"รู้งี้" นะครับ
Credit:https://www.facebook.com/Puttichet/posts/779079728932752:0
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น