วันพุธที่ 3 พฤษภาคม พ.ศ. 2560

ยึดมั่นถือมั่น พระบวชใหม่รูปหนึ่ง เดินบิณฑบาตผ่านชุมชนแห่งหนึ่งซึ่งมี ผู้คนจอแจ ขณะเดินสำรวมก้มหน้าแต่พอประมาณ เพื่อเดิน ผ่านชุมชนไปอย่างช้าๆนั้นเอง จู่ๆก็มีชายวัยกลางคนคนหนึ่ง ใส่สูทผูกเน็คไท สวมแว่นตาดำเดินเข้ามาหาท่านพร้อมทั้งชี้ หน้าด่าท่านอย่างสาดเสียเทเสีย พระรูปนั้นตกตะลึง รีบเดิน หนี แต่แม้ท่านจะเดินหนีชายคนนั้นพ้นแล้ว แต่เสียงด่าของเขา ยังคงก้องอยู่ในโสตประสาทของท่าน อย่างชัดถ้อยชัดคำ เมื่อกลับถึงวัด พลันที่คิดถึงเหตุการณ์ที่ตนถูกชี้หน้าด่ากลาง ฝูงชน พระหนุ่มก็รู้สึกโกรธจนหน้าแดงก่ำ ยิ่งคิดต่อไปว่าชาย คนนั้นมาชี้หน้าด่าตนซึ่งเป็นพระ และตนเองก็จำได้ว่าตั้งแต่ บวชเข้ามาในพระธรรมวินัย ก็ยังไม่เคยทำอะไรผิด คิดมาถึง ขั้นว่า ตนไม่ผิดแต่ทำไมตนต้องถูกด่า ยิ่งเจ็บ ยิ่งแค้น วันที่ท่านถูกด่ากลางชุมชนนั้นเป็นวันศุกร์ แต่ตกถึงเช้าวัน จันทร์ท่านก็ยังไม่หายโกรธ เช้าวันจันทร์นั้น พระบวชใหม่ประ คองบาตรเดินผ่านชุมชนนั้นเหมือนเดิม ท่านพยายามสอด ส่ายสายตามองหาชายคนเดิม ตั้งใจว่า วันนี้จะต้องถามให้รู้ เรื่องว่า เหตุจึงมาชี้หน้าด่าตนเมื่อวันศุกร์ที่แล้ว ยิ่งพยายาม ค้นหากลับยิ่งไม่พอ ท่านจึงเดินสำรวจรับอาหารบิณฑบาตต่อ ไปจนได้อาหารเต็มบาตรแล้วจึงเดินกลับวัด ระหว่างทางกลับวัด โดยไม่คาดฝันพระหนุ่มทอดสายตาไป พบกับชายคนหนึ่งสวมสูทผูกเทคไทใส่แว่นตาดำ ท่านอุทาน ในใจว่า “อ๋อ เจ้าคนนี้เองที่ด่าฉันเมื่อวันศุกร์” ภาพที่เห็นก็คือ ชายแต่งตัวดีคนนั้นนอนหลับหมดสติอยู่ข้าง ศาลเจ้าแห่งหนึ่ง ข้างๆ ตัวเขามีขวดเหล้าล้มกลิ้งอยู่ พอท่าน พยายามเดินเข้าไปมองใกล้ๆ เขาจึงเริ่มรู้สึกตัวตื่นขึ้นมา พอ เห็นท่านเท่านั้นชายคนนั้นก็ร้องขึ้นมาว่า “ขอเดชะ พระอาญาไม่พ้นกล้าฯ บัดนี้พระองค์ทรงกลับมา ครองอยุธยาอีกครั้งหนึ่งแล้วกระนั้นหรือ...” ว่าแล้วก็ลุกขึ้นรำเฉิบๆ พลันที่ท่านประเมินว่าชายแต่งตัวดีคน ที่ชี้หน้าด่าท่านเมื่อวันศุกร์ที่แล้วเป็นคนบ้าที่มาในร่างของคน แต่งตัวดีเท่านั้นเอง ความโกรธที่ก่อตัวเป็นเมฆดำทะมึน อยู่ ในใจของท่านมานานถึงสามวัน ก็พลันอันตรธานไปอย่างง่าย ดายชนิดไร้ร่องรอย ทำไมเราจึงปล่อยวางต่อคนบ้าได้ง่ายดายเหลือเกิน ? แต่กับคนปกติทำไมเราจึงมีความรู้สึกว่าต้องเอาเรื่องราวให้ถึง ที่สุด ?. ใดใดในโลกอันบุคคลไม่ควรยึดติดถือมั่น ทำไมจึงไม่ควรยึดติดถือมั่น เพราะที่ใดมีความถือมั่น ที่นั่นก็มีความทุกข์ ความทุกข์ขยายตัวตามระดับความเข้มข้นของความยึดติด ยึดมาก ติดมาก จึงทุกข์น้อย ไม่ยึด ไม่ติด จึงไม่ทุกข์ ความไม่ยึดติดถือมั่น กล่าวอีกอย่างหนึ่งว่า “ความปล่อยวาง” ทำไมจึงต้องปล่อยวาง เพราะทุกอย่าง “มีความว่าง” มาแต่เดิม คนที่หลงกอด “ความว่าง” โดยคิดว่าเป็น “ความมี” ทำไมจะไม่ทุกข์ ? นำเสนอโดย เรื่องดีๆมีข้อคิด > http://bit.ly/2iFE1x4 Line : ts2502 Instagram : th.thamma เครดิต : Ramet Tanawangsri ภาพ : https://akphoto4.ask.fm/…/710003024-1rgnh…/original/file

ยึดมั่นถือมั่น

พระบวชใหม่รูปหนึ่ง  เดินบิณฑบาตผ่านชุมชนแห่งหนึ่งซึ่งมี
ผู้คนจอแจ  ขณะเดินสำรวมก้มหน้าแต่พอประมาณ  เพื่อเดิน
ผ่านชุมชนไปอย่างช้าๆนั้นเอง จู่ๆก็มีชายวัยกลางคนคนหนึ่ง
ใส่สูทผูกเน็คไท สวมแว่นตาดำเดินเข้ามาหาท่านพร้อมทั้งชี้
หน้าด่าท่านอย่างสาดเสียเทเสีย  พระรูปนั้นตกตะลึง รีบเดิน
หนี

แต่แม้ท่านจะเดินหนีชายคนนั้นพ้นแล้ว  แต่เสียงด่าของเขา
ยังคงก้องอยู่ในโสตประสาทของท่าน     อย่างชัดถ้อยชัดคำ
เมื่อกลับถึงวัด พลันที่คิดถึงเหตุการณ์ที่ตนถูกชี้หน้าด่ากลาง
ฝูงชน พระหนุ่มก็รู้สึกโกรธจนหน้าแดงก่ำ ยิ่งคิดต่อไปว่าชาย
คนนั้นมาชี้หน้าด่าตนซึ่งเป็นพระ  และตนเองก็จำได้ว่าตั้งแต่
บวชเข้ามาในพระธรรมวินัย ก็ยังไม่เคยทำอะไรผิด   คิดมาถึง
ขั้นว่า ตนไม่ผิดแต่ทำไมตนต้องถูกด่า ยิ่งเจ็บ ยิ่งแค้น

วันที่ท่านถูกด่ากลางชุมชนนั้นเป็นวันศุกร์      แต่ตกถึงเช้าวัน
จันทร์ท่านก็ยังไม่หายโกรธ เช้าวันจันทร์นั้น พระบวชใหม่ประ
คองบาตรเดินผ่านชุมชนนั้นเหมือนเดิม     ท่านพยายามสอด
ส่ายสายตามองหาชายคนเดิม   ตั้งใจว่า  วันนี้จะต้องถามให้รู้
เรื่องว่า  เหตุจึงมาชี้หน้าด่าตนเมื่อวันศุกร์ที่แล้ว   ยิ่งพยายาม
ค้นหากลับยิ่งไม่พอ ท่านจึงเดินสำรวจรับอาหารบิณฑบาตต่อ
ไปจนได้อาหารเต็มบาตรแล้วจึงเดินกลับวัด

ระหว่างทางกลับวัด    โดยไม่คาดฝันพระหนุ่มทอดสายตาไป
พบกับชายคนหนึ่งสวมสูทผูกเทคไทใส่แว่นตาดำ ท่านอุทาน
ในใจว่า
“อ๋อ เจ้าคนนี้เองที่ด่าฉันเมื่อวันศุกร์”

ภาพที่เห็นก็คือ  ชายแต่งตัวดีคนนั้นนอนหลับหมดสติอยู่ข้าง
ศาลเจ้าแห่งหนึ่ง ข้างๆ ตัวเขามีขวดเหล้าล้มกลิ้งอยู่ พอท่าน
พยายามเดินเข้าไปมองใกล้ๆ  เขาจึงเริ่มรู้สึกตัวตื่นขึ้นมา พอ
เห็นท่านเท่านั้นชายคนนั้นก็ร้องขึ้นมาว่า

“ขอเดชะ  พระอาญาไม่พ้นกล้าฯ    บัดนี้พระองค์ทรงกลับมา
ครองอยุธยาอีกครั้งหนึ่งแล้วกระนั้นหรือ...”
ว่าแล้วก็ลุกขึ้นรำเฉิบๆ พลันที่ท่านประเมินว่าชายแต่งตัวดีคน
ที่ชี้หน้าด่าท่านเมื่อวันศุกร์ที่แล้วเป็นคนบ้าที่มาในร่างของคน
แต่งตัวดีเท่านั้นเอง  ความโกรธที่ก่อตัวเป็นเมฆดำทะมึน  อยู่
ในใจของท่านมานานถึงสามวัน ก็พลันอันตรธานไปอย่างง่าย
ดายชนิดไร้ร่องรอย

ทำไมเราจึงปล่อยวางต่อคนบ้าได้ง่ายดายเหลือเกิน ?
แต่กับคนปกติทำไมเราจึงมีความรู้สึกว่าต้องเอาเรื่องราวให้ถึง
ที่สุด ?.
ใดใดในโลกอันบุคคลไม่ควรยึดติดถือมั่น
ทำไมจึงไม่ควรยึดติดถือมั่น
เพราะที่ใดมีความถือมั่น ที่นั่นก็มีความทุกข์
ความทุกข์ขยายตัวตามระดับความเข้มข้นของความยึดติด
ยึดมาก ติดมาก จึงทุกข์น้อย ไม่ยึด ไม่ติด จึงไม่ทุกข์
ความไม่ยึดติดถือมั่น กล่าวอีกอย่างหนึ่งว่า “ความปล่อยวาง”
ทำไมจึงต้องปล่อยวาง
เพราะทุกอย่าง “มีความว่าง” มาแต่เดิม
คนที่หลงกอด “ความว่าง”
โดยคิดว่าเป็น “ความมี” ทำไมจะไม่ทุกข์ ?

นำเสนอโดย
เรื่องดีๆมีข้อคิด > http://bit.ly/2iFE1x4
Line : ts2502
Instagram : th.thamma

เครดิต : Ramet Tanawangsri
ภาพ : https://akphoto4.ask.fm/…/710003024-1rgnh…/original/file

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น