วันจันทร์ที่ 8 พฤษภาคม พ.ศ. 2560

อย่าให้แม่ผมรู้เด็ดขาด แม่ของหมั่นชังเป็นคนตาบอด ตอนที่หมั่นชังต้องไปรับใช้ชาติ แม่ของเขาเริ่มป่วย ก่อนที่หมั่นชังจะเดินทาง นางเรียกลูกชายเข้ามาหาที่เตียงนอน ได้แต่กอดและลูบหัวลูกชาย “เจ้าจงเชื่อฟังครูฝึกนะอาชัง อย่าทำตัวเหลวไหลนะลูก” “ครับแม่ ผมจะจำคำของแม่ไว้ ผมไปก่อนนะครับแม่” “ขอสิ่งศักดิ์สิทธิ์จงคุ้มครองลูกของแม่ด้วยเถิด” นางได้แต่พร่ำอ้อนวอน หมั่นชังเดินออกจากบ้านด้วยความกังวลและเป็นห่วงแม่ แต่ที่เขาวางใจ แม่ยังมีพี่สาวอีกคนคนดูแลอยู่ หมั่นชังฝึกหนักเป็นเวลาหลายเดือน ครั้งแรกที่เขาส่งจดหมายให้แม่ เขาไม่ปริปากเล่าความยากลำบากในค่ายทหารให้แม่ฟังเลย ได้แต่บอกกับแม่ว่าเขาสบายดี ครูผู้ฝึกก็ใจดีทุกคน “ลูกชั้นช่างโชคดีนัก เป็นเพราะบรรพชนคุ้มครอง อาจู พยุงแม่ไปไหว้บรรพชนหน่อยเถอะ” วันเกิดเหตุ อากาศหนาวเหน็บ น้ำที่อยู่บนท้องถนนเกาะกันจนเป็นน้ำแข็งบางๆ หมั่นชังออกไปซ่อมถนนกับครูฝึกและเพื่อนทหาร โชคร้ายเสาไฟฟ้าล้มลงมาทับเขาได้รับบาดเจ็บสาหัส ครูฝึกและเพื่อนๆเร่งพาเขาไปส่งที่โรงพยาบาล หมั่นชังรู้ชะตากรรมของตัวเองดีว่าไม่มีทางรอด เขาจับมือครูฝึกไว้แน่น รวบรวมพละกำลังพูดกับครูผู้ฝึกว่า “หากผมตาย อย่าให้แม่ผมรู้เป็นอันขาด แม่ผมบอบช้ำเกินที่จะรับรู้ข่าวร้ายเช่นนี้ได้” พูดเสร็จ หมั่นชังก็สิ้นใจตายก่อนที่จะถึงโรงพยาบาล หลังจากที่หมั่นชังเสียชีวิต ครูฝึกและเพื่อนทหารต่างก็พากันฝึกเขียนลายมือของหมั่นชัง อีกทั้งสอบถามประวัติของหมั่นชังจากทหารที่มาจากหมู่บ้านเดียวกัน เพื่อให้รู้ว่า หมั่นชังมีพี่น้องกี่คน? บ้านอยู่ที่ไหน? มีไร่นาเท่าไหร่? เลี้ยงหมูกี่ตัว? ฯลฯ จดหมายฉบับแล้วฉบับเล่าถูกส่งไปที่บ้านเกิดของหมั่นชัง ข้อความในจดหมาย ขึ้นต้นด้วย “ถึงคุณแม่อันเป็นที่รักและเคารพของลูก” เหมือนที่เพื่อนๆทหารเคยเห็นหมั่นชังเขียนจดหมายถึงแม่ทุกประการ ทุกครั้งที่แม่ของหมั่นชังได้รับจดหมายจากบุรุษไปรษณีย์ ก็ดีอกดีใจ เรียกให้ลูกสาวหรือเพื่อนบ้านมาอ่านจดหมายให้นางฟัง คนที่อ่านจดหมายให้นางฟัง ต้องทนกัดฟันอ่านจดหมายฉบับนั้นให้จบ ต่างคนต่างก็กลั้นน้ำตาเอาไว้ไม่ให้ไหลออกมา พออ่านเสร็จ ต่างก็ขอตัวออกไปนอกบ้าน คนทั้งหมู่บ้านต่างก็รู้ว่าหมั่นชังกลับมาตั้งนานแล้ว ร่างของเขาฝังไว้ที่สุสานหลังหมู่บ้าน ด้วยความช่วยเหลือของครูฝึกที่นำร่างอันไร้วิญญาณของเขากลับมา ชาวบ้านต่างรู้สึกเวทนาแม่ของหมั่นชังที่ทั้งป่วยและอายุมากแล้ว จึงพากันจัดงานศพของหมั่นชังอย่างเงียบๆ มีเพียงคนเดียวในหมู่บ้านที่ไม่รู้ข่าวนี้ นั่นก็คือแม่ของหมั่นชังนั่นเอง ก่อนเทศกาลตรุษจีน หมั่นชังเขียนจดหมายกลับมาบอกแม่ว่าจะกลับมาฉลองตรุษจีนกับแม่และพี่สาวที่บ้าน แม่เฒ่าได้แต่บอกแก่คนที่มาเยี่ยมนางว่าอีกไม่กี่สัปดาห์ลูกชายของนางก็จะกลับมาเยี่ยมนางแล้ว! ก่อนตรุษจีน1อาทิตย์ หมั่นชังได้เขียนจดหมายส่งข่าวให้แม่ว่า ทางกองทัพมีภารกิจด่วน ตัวเขากลับมาฉลองตรุษจีนกับแม่และพี่สาวไม่ได้ ครั้งนี้ เขาได้ส่งรูปถ่ายมาด้วย2-3ใบ แถมยังมีอาหารเสริมและยาบำรุงกำลังมาให้แม่ด้วยอีกจำนวนหนึ่ง แท้ที่จริง รูปที่หมั่นชังส่งมา เป็นรูปของทหารที่สวมใส่ชุดทหารเหมือนกัน นั่งอยู่รวมกันและฝึกร่วมกัน แม่ของหมั่นชังได้แต่กอดรูปเหล่านั้นไว้ที่อก ปากก็พร่ำไป “หมั่นชังลูกแม่ แม่ภูมิใจในตัวลูกจริงๆ” ผ่านไปหนึ่งปีแล้ว แม่ของหมั่นชังได้รับจดหมายจากลูกปึกใหญ่ นางไม่รู้ว่าหมั่นชังนั้นจะปลดประจำการเมื่อไหร่ ปลายฤดูหนาวในปีนั้น อาการป่วยของนางรุนแรงจนนางรู้สึกได้ นางจึงเรียกพี่สาวของหมั่นชังเข้ามาสั่งความ “อาจูเอ๋ย แม่อยู่รออาชางกลับมาไม่ไหวแล้ว หากแม่ตาย เจ้าอย่าบอกให้อาชังรู้นะ อาชังจะเสียใจจนทำการทำงานไม่ได้ จำไว้นะอาจู อย่าบอกให้อาชังรู้เป็นอันขาด” พูดเสร็จ นางก็สิ้นลมหายใจ ข่าวการตายของแม่อาชังถูกเล่าลือไปถึงค่ายทหาร เหล่าลูกชายปลอมๆของนางต่างก็พากันร่ำไห้ ร่างของนางถูกฝังไว้ใกล้กับร่างของหมั่นชัง ประหนึ่งว่า จากนี้ไปแม่ลูกจะไม่พรากจากกันไปไหนอีกแล้ว... นุสนธิ์บุคส์

อย่าให้แม่ผมรู้เด็ดขาด

แม่ของหมั่นชังเป็นคนตาบอด
ตอนที่หมั่นชังต้องไปรับใช้ชาติ แม่ของเขาเริ่มป่วย ก่อนที่หมั่นชังจะเดินทาง นางเรียกลูกชายเข้ามาหาที่เตียงนอน ได้แต่กอดและลูบหัวลูกชาย
“เจ้าจงเชื่อฟังครูฝึกนะอาชัง อย่าทำตัวเหลวไหลนะลูก”
“ครับแม่ ผมจะจำคำของแม่ไว้ ผมไปก่อนนะครับแม่”
“ขอสิ่งศักดิ์สิทธิ์จงคุ้มครองลูกของแม่ด้วยเถิด”
นางได้แต่พร่ำอ้อนวอน หมั่นชังเดินออกจากบ้านด้วยความกังวลและเป็นห่วงแม่ แต่ที่เขาวางใจ แม่ยังมีพี่สาวอีกคนคนดูแลอยู่

หมั่นชังฝึกหนักเป็นเวลาหลายเดือน ครั้งแรกที่เขาส่งจดหมายให้แม่ เขาไม่ปริปากเล่าความยากลำบากในค่ายทหารให้แม่ฟังเลย ได้แต่บอกกับแม่ว่าเขาสบายดี ครูผู้ฝึกก็ใจดีทุกคน
“ลูกชั้นช่างโชคดีนัก เป็นเพราะบรรพชนคุ้มครอง อาจู พยุงแม่ไปไหว้บรรพชนหน่อยเถอะ”

วันเกิดเหตุ อากาศหนาวเหน็บ น้ำที่อยู่บนท้องถนนเกาะกันจนเป็นน้ำแข็งบางๆ
หมั่นชังออกไปซ่อมถนนกับครูฝึกและเพื่อนทหาร โชคร้ายเสาไฟฟ้าล้มลงมาทับเขาได้รับบาดเจ็บสาหัส
ครูฝึกและเพื่อนๆเร่งพาเขาไปส่งที่โรงพยาบาล
หมั่นชังรู้ชะตากรรมของตัวเองดีว่าไม่มีทางรอด เขาจับมือครูฝึกไว้แน่น รวบรวมพละกำลังพูดกับครูผู้ฝึกว่า
“หากผมตาย อย่าให้แม่ผมรู้เป็นอันขาด แม่ผมบอบช้ำเกินที่จะรับรู้ข่าวร้ายเช่นนี้ได้”
พูดเสร็จ หมั่นชังก็สิ้นใจตายก่อนที่จะถึงโรงพยาบาล

หลังจากที่หมั่นชังเสียชีวิต ครูฝึกและเพื่อนทหารต่างก็พากันฝึกเขียนลายมือของหมั่นชัง อีกทั้งสอบถามประวัติของหมั่นชังจากทหารที่มาจากหมู่บ้านเดียวกัน เพื่อให้รู้ว่า หมั่นชังมีพี่น้องกี่คน? บ้านอยู่ที่ไหน? มีไร่นาเท่าไหร่? เลี้ยงหมูกี่ตัว? ฯลฯ จดหมายฉบับแล้วฉบับเล่าถูกส่งไปที่บ้านเกิดของหมั่นชัง ข้อความในจดหมาย ขึ้นต้นด้วย “ถึงคุณแม่อันเป็นที่รักและเคารพของลูก” เหมือนที่เพื่อนๆทหารเคยเห็นหมั่นชังเขียนจดหมายถึงแม่ทุกประการ

ทุกครั้งที่แม่ของหมั่นชังได้รับจดหมายจากบุรุษไปรษณีย์ ก็ดีอกดีใจ เรียกให้ลูกสาวหรือเพื่อนบ้านมาอ่านจดหมายให้นางฟัง คนที่อ่านจดหมายให้นางฟัง ต้องทนกัดฟันอ่านจดหมายฉบับนั้นให้จบ ต่างคนต่างก็กลั้นน้ำตาเอาไว้ไม่ให้ไหลออกมา พออ่านเสร็จ ต่างก็ขอตัวออกไปนอกบ้าน
คนทั้งหมู่บ้านต่างก็รู้ว่าหมั่นชังกลับมาตั้งนานแล้ว ร่างของเขาฝังไว้ที่สุสานหลังหมู่บ้าน ด้วยความช่วยเหลือของครูฝึกที่นำร่างอันไร้วิญญาณของเขากลับมา ชาวบ้านต่างรู้สึกเวทนาแม่ของหมั่นชังที่ทั้งป่วยและอายุมากแล้ว จึงพากันจัดงานศพของหมั่นชังอย่างเงียบๆ มีเพียงคนเดียวในหมู่บ้านที่ไม่รู้ข่าวนี้ นั่นก็คือแม่ของหมั่นชังนั่นเอง

ก่อนเทศกาลตรุษจีน
หมั่นชังเขียนจดหมายกลับมาบอกแม่ว่าจะกลับมาฉลองตรุษจีนกับแม่และพี่สาวที่บ้าน
แม่เฒ่าได้แต่บอกแก่คนที่มาเยี่ยมนางว่าอีกไม่กี่สัปดาห์ลูกชายของนางก็จะกลับมาเยี่ยมนางแล้ว!
ก่อนตรุษจีน1อาทิตย์ หมั่นชังได้เขียนจดหมายส่งข่าวให้แม่ว่า ทางกองทัพมีภารกิจด่วน ตัวเขากลับมาฉลองตรุษจีนกับแม่และพี่สาวไม่ได้ ครั้งนี้ เขาได้ส่งรูปถ่ายมาด้วย2-3ใบ แถมยังมีอาหารเสริมและยาบำรุงกำลังมาให้แม่ด้วยอีกจำนวนหนึ่ง
แท้ที่จริง รูปที่หมั่นชังส่งมา เป็นรูปของทหารที่สวมใส่ชุดทหารเหมือนกัน นั่งอยู่รวมกันและฝึกร่วมกัน แม่ของหมั่นชังได้แต่กอดรูปเหล่านั้นไว้ที่อก ปากก็พร่ำไป
“หมั่นชังลูกแม่ แม่ภูมิใจในตัวลูกจริงๆ”

ผ่านไปหนึ่งปีแล้ว แม่ของหมั่นชังได้รับจดหมายจากลูกปึกใหญ่ นางไม่รู้ว่าหมั่นชังนั้นจะปลดประจำการเมื่อไหร่
ปลายฤดูหนาวในปีนั้น อาการป่วยของนางรุนแรงจนนางรู้สึกได้ นางจึงเรียกพี่สาวของหมั่นชังเข้ามาสั่งความ
“อาจูเอ๋ย แม่อยู่รออาชางกลับมาไม่ไหวแล้ว หากแม่ตาย เจ้าอย่าบอกให้อาชังรู้นะ อาชังจะเสียใจจนทำการทำงานไม่ได้ จำไว้นะอาจู อย่าบอกให้อาชังรู้เป็นอันขาด”
พูดเสร็จ นางก็สิ้นลมหายใจ

ข่าวการตายของแม่อาชังถูกเล่าลือไปถึงค่ายทหาร เหล่าลูกชายปลอมๆของนางต่างก็พากันร่ำไห้
ร่างของนางถูกฝังไว้ใกล้กับร่างของหมั่นชัง ประหนึ่งว่า จากนี้ไปแม่ลูกจะไม่พรากจากกันไปไหนอีกแล้ว...

นุสนธิ์บุคส์

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น