วันศุกร์ที่ 11 สิงหาคม พ.ศ. 2560

รักที่ยอมอ่อนข้อไม่ได้ เรื่องราวต่อไปนี้ไม่ใช่นิทาน แต่เป็นเรื่องจริงที่เกิดขึ้นที่มณฑลชิงไห่ทางภาคตะวันตกของประเทศจีน ที่นี่เป็นหนึ่งในทะเลทรายที่แห้งแล้งและขาดแคลนน้ำที่สุดของจีน ประชาชนที่นี่ถูกกำหนดให้ใช้น้ำได้ 1.5 กก. ต่อคนต่อวัน และยังต้องอาศัยกองทัพเป็นหน่วยงานลำเลียงน้ำมาแจกจ่ายจากแดนไกลให้ชาวบ้าน ไม่ว่าจะใช้ดื่ม เช็ดล้างร่างกาย ทำอาหาร ซักเสื้อผ้า รวมแม้กระทั่งสัตว์เลี้ยงในบ้าน ทุกอย่างรวมอยู่ในน้ำที่มีน้ำหนักเพียงแค่ 1.5 กก.ต่อคนต่อวัน คนขาดแคลนน้ำไม่ได้ สัตว์ก็เช่นกัน มีอยู่วันหนึ่ง แม่วัวแก่ที่เคยถูกชมว่าเชื่องที่สุดในหมู่บ้าน สลัดเชือกที่ผูกตนทิ้ง แล้ววิ่งตรงไปยังถนนเดินรถเพียงสายเดียวบนทะเลทรายนี้ แน่นอนที่สุด รถบรรทุกน้ำของกองทัพที่นำน้ำมาแจกจ่ายชาวบ้านก็ต้องวิ่งมาบนถนนสายนี้ แม่วัวรออยู่ริมถนน ในที่สุด รถบรรทุกน้ำก็วิ่งมาแต่ไกล และเมื่อวิ่งใกล้เข้ามา แม่วัวรีบวิ่งไปยืนนิ่งขวางอยู่กลางถนน รถบรรทุกน้ำต้องหยุดรถอย่างกระทันหัน แม่วัวยืนขวางรถไม่ยอมถอยไปไหน ทหารลงจากรถมาขับไล่ยังไงก็ไม่ยอมหนี หลายๆนาทีผ่านไป ต่างฝ่ายต่างปักหลักอยู่กับที่ ทหารก็เคยเจอเหตุการณ์ที่วัวมาดักขอน้ำมาก่อนหน้านี้แล้ว แต่ไม่เคยเจอวัวที่ดื้อรั้นเหมือนวัวตัวนี้ รถข้างหลังเริ่มติด มีการบีบแตรไล่ มีเสียงก่นด่าจากคนขับรถหลายๆคน มีคนจุดไฟมาไล่วัว แต่วัวก็ปักหลักอยู่กับที่ด้วยการนั่งลงกองอยู่บนกลางถนน ในที่สุด เจ้าของวัวถูกตามตัวมาจากบ้านพร้อมแส้ติดมือมา เจ้าของวัวโกรธมาก ตวัดแส้เฆี่ยนตีวัวที่ผอมเหลือแต่หนังหุ้มกระดูกอย่างแรง เริ่มมีแผลแตก มีเลือดไหล วัวที่น่าสงสารได้แต่ส่งเสียงร้องด้วยความเจ็บปวด แต่ก็ไม่ย่อมขยับตัวไปไหน แส้ต้องเปื้อนเลือดจนกลายเป็นสีแดง เสียงร้องไห้แห่งความเจ็บปวดที่โหยหวนแผดก้องไปทั่วบริเวณทะเลทรายอันเวิ้งว้าง ก่อให้เกิดความรู้สึกที่โศกเศร้าและหดหู่อย่างที่สุด ทหารเริ่มมีน้ำตาซึมในเบ้าตา เสียงก่นด่าจากเหล่าคนขับรถเงียบหายไปหมด กลายเป็นความสงสารที่หดหู่ ในที่สุด ทหารทนต่อสภาพที่เห็นต่อหน้าไม่ไหว เลยตะโกนขึ้นว่า "ไม่เป็นไร ผมยอมทำผิดกฎสักครั้ง แม้จะโดนเจ้านายลงโทษก็ยอม" แล้วเขาก็ไปยกน้ำลงจากรถมาถังหนึ่ง น้ำหนักของน้ำในถังคือ 1.5 กก. เขาวางน้ำถังนั้นไว้ด้านหน้าของวัวที่น่าสงสาร วัวมองหน้าทหารผู้นั้นด้วยแววตาอันซาบซึ้ง แต่วัวก็ไม่ได้แตะต้องน้ำถังนั้นที่ตนได้ร้องขอมาด้วยชีวิต แม่วัวที่น่าสงสารลุกขึ้นยืนแล้วเงยหน้ามองไปยังดวงอาทิตย์ที่ใกล้จะลาลับขอบฟ้า แล้วก็ส่งเสียงร้องดังๆยาวๆออกไป เหมือนกำลังส่งเสียงเรียกหาใคร ในที่สุด ลูกวัวตัวน้อยตัวหนึ่งก็วิ่งมาแต่ไกลตรงมาหาแม่ แม่วัวมองดูลูกน้อยกินน้ำด้วยสายตาที่อ่อนโยน แม่วัวค่อยๆเลียขอบตาของลูกอย่างถนอม ทุกๆคนในที่นั้นไม่มีใครกลั้นน้ำตาอยู่ได้ มีคนเห็นน้ำตาซึมออกมาจากเบ้าตาของแม่วัวกับลูกวัวเช่นกัน ในความเงียบงันของทุกคน บนความเวิ้งว้างของทะเลทราย แสงอาทิตย์แสงสุดท้ายที่กำลังจะลาลับขอบฟ้าไป ไม่ต้องรอให้เจ้าของตะคอกสั่ง วัวทั้งสองตัวหันหลังแล้วเดินทางกลับบ้านอย่างช้าๆ ************* รักของแม่ คือสิ่งที่มีค่าที่สุดของสัตว์ทุกชนิดบนโลกใบนี้ และต้องอย่าลืมว่ามนุษย์เราก็เป็นสัตว์สองเท้าเหมือนกัน นี่คือเรื่องจริงที่สั่นคลอนหัวใจผู้คนที่อยู่ในเหตุการณ์วันนั้นทั้งหมด อาจรวมถึงผู้รับรู้โดยผ่านตัวหนังสือของบทความนี้ มันบ่งบอกกับพวกเราว่า "นี่คือรักที่ยอมอ่อนข้อหรือยอมแพ้ไม่ได้ และรักที่ยิ่งใหญ่เช่นนี้ สามารถกลั่นออกมาจากหัวใจที่ยิ่งใหญ่ของแม่เท่านั้น" "ขจรศักดิ์" แปลและเรียบเรียง 12/8/17 www.facebook.com/Flintlibrary

รักที่ยอมอ่อนข้อไม่ได้

เรื่องราวต่อไปนี้ไม่ใช่นิทาน  แต่เป็นเรื่องจริงที่เกิดขึ้นที่มณฑลชิงไห่ทางภาคตะวันตกของประเทศจีน  ที่นี่เป็นหนึ่งในทะเลทรายที่แห้งแล้งและขาดแคลนน้ำที่สุดของจีน  ประชาชนที่นี่ถูกกำหนดให้ใช้น้ำได้ 1.5 กก. ต่อคนต่อวัน  และยังต้องอาศัยกองทัพเป็นหน่วยงานลำเลียงน้ำมาแจกจ่ายจากแดนไกลให้ชาวบ้าน  ไม่ว่าจะใช้ดื่ม  เช็ดล้างร่างกาย  ทำอาหาร  ซักเสื้อผ้า  รวมแม้กระทั่งสัตว์เลี้ยงในบ้าน  ทุกอย่างรวมอยู่ในน้ำที่มีน้ำหนักเพียงแค่ 1.5 กก.ต่อคนต่อวัน

คนขาดแคลนน้ำไม่ได้  สัตว์ก็เช่นกัน  มีอยู่วันหนึ่ง  แม่วัวแก่ที่เคยถูกชมว่าเชื่องที่สุดในหมู่บ้าน สลัดเชือกที่ผูกตนทิ้ง  แล้ววิ่งตรงไปยังถนนเดินรถเพียงสายเดียวบนทะเลทรายนี้  แน่นอนที่สุด  รถบรรทุกน้ำของกองทัพที่นำน้ำมาแจกจ่ายชาวบ้านก็ต้องวิ่งมาบนถนนสายนี้  แม่วัวรออยู่ริมถนน  ในที่สุด  รถบรรทุกน้ำก็วิ่งมาแต่ไกล  และเมื่อวิ่งใกล้เข้ามา  แม่วัวรีบวิ่งไปยืนนิ่งขวางอยู่กลางถนน  รถบรรทุกน้ำต้องหยุดรถอย่างกระทันหัน  แม่วัวยืนขวางรถไม่ยอมถอยไปไหน  ทหารลงจากรถมาขับไล่ยังไงก็ไม่ยอมหนี  หลายๆนาทีผ่านไป  ต่างฝ่ายต่างปักหลักอยู่กับที่  ทหารก็เคยเจอเหตุการณ์ที่วัวมาดักขอน้ำมาก่อนหน้านี้แล้ว   แต่ไม่เคยเจอวัวที่ดื้อรั้นเหมือนวัวตัวนี้  รถข้างหลังเริ่มติด  มีการบีบแตรไล่  มีเสียงก่นด่าจากคนขับรถหลายๆคน  มีคนจุดไฟมาไล่วัว  แต่วัวก็ปักหลักอยู่กับที่ด้วยการนั่งลงกองอยู่บนกลางถนน

ในที่สุด  เจ้าของวัวถูกตามตัวมาจากบ้านพร้อมแส้ติดมือมา  เจ้าของวัวโกรธมาก ตวัดแส้เฆี่ยนตีวัวที่ผอมเหลือแต่หนังหุ้มกระดูกอย่างแรง  เริ่มมีแผลแตก  มีเลือดไหล  วัวที่น่าสงสารได้แต่ส่งเสียงร้องด้วยความเจ็บปวด แต่ก็ไม่ย่อมขยับตัวไปไหน  แส้ต้องเปื้อนเลือดจนกลายเป็นสีแดง  เสียงร้องไห้แห่งความเจ็บปวดที่โหยหวนแผดก้องไปทั่วบริเวณทะเลทรายอันเวิ้งว้าง  ก่อให้เกิดความรู้สึกที่โศกเศร้าและหดหู่อย่างที่สุด  ทหารเริ่มมีน้ำตาซึมในเบ้าตา  เสียงก่นด่าจากเหล่าคนขับรถเงียบหายไปหมด  กลายเป็นความสงสารที่หดหู่ 

ในที่สุด  ทหารทนต่อสภาพที่เห็นต่อหน้าไม่ไหว  เลยตะโกนขึ้นว่า  "ไม่เป็นไร ผมยอมทำผิดกฎสักครั้ง  แม้จะโดนเจ้านายลงโทษก็ยอม"  แล้วเขาก็ไปยกน้ำลงจากรถมาถังหนึ่ง  น้ำหนักของน้ำในถังคือ 1.5 กก.  เขาวางน้ำถังนั้นไว้ด้านหน้าของวัวที่น่าสงสาร

วัวมองหน้าทหารผู้นั้นด้วยแววตาอันซาบซึ้ง  แต่วัวก็ไม่ได้แตะต้องน้ำถังนั้นที่ตนได้ร้องขอมาด้วยชีวิต  แม่วัวที่น่าสงสารลุกขึ้นยืนแล้วเงยหน้ามองไปยังดวงอาทิตย์ที่ใกล้จะลาลับขอบฟ้า  แล้วก็ส่งเสียงร้องดังๆยาวๆออกไป  เหมือนกำลังส่งเสียงเรียกหาใคร  ในที่สุด  ลูกวัวตัวน้อยตัวหนึ่งก็วิ่งมาแต่ไกลตรงมาหาแม่  แม่วัวมองดูลูกน้อยกินน้ำด้วยสายตาที่อ่อนโยน  แม่วัวค่อยๆเลียขอบตาของลูกอย่างถนอม

ทุกๆคนในที่นั้นไม่มีใครกลั้นน้ำตาอยู่ได้  มีคนเห็นน้ำตาซึมออกมาจากเบ้าตาของแม่วัวกับลูกวัวเช่นกัน  ในความเงียบงันของทุกคน  บนความเวิ้งว้างของทะเลทราย  แสงอาทิตย์แสงสุดท้ายที่กำลังจะลาลับขอบฟ้าไป  ไม่ต้องรอให้เจ้าของตะคอกสั่ง  วัวทั้งสองตัวหันหลังแล้วเดินทางกลับบ้านอย่างช้าๆ 

            *************

รักของแม่  คือสิ่งที่มีค่าที่สุดของสัตว์ทุกชนิดบนโลกใบนี้  และต้องอย่าลืมว่ามนุษย์เราก็เป็นสัตว์สองเท้าเหมือนกัน

นี่คือเรื่องจริงที่สั่นคลอนหัวใจผู้คนที่อยู่ในเหตุการณ์วันนั้นทั้งหมด  อาจรวมถึงผู้รับรู้โดยผ่านตัวหนังสือของบทความนี้  มันบ่งบอกกับพวกเราว่า 

"นี่คือรักที่ยอมอ่อนข้อหรือยอมแพ้ไม่ได้ และรักที่ยิ่งใหญ่เช่นนี้ สามารถกลั่นออกมาจากหัวใจที่ยิ่งใหญ่ของแม่เท่านั้น"

"ขจรศักดิ์"
แปลและเรียบเรียง
12/8/17
www.facebook.com/Flintlibrary

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น