วันศุกร์ที่ 25 สิงหาคม พ.ศ. 2560

3x8 = 23 เอี๋ยนหุยใฝ่ศึกษา มีคุณธรรมงดงาม เป็นศิษย์รักของขงจื้อ มีอยู่วันหนึ่ง เอี๋ยนหุยออกไปทำธุระที่ตลาด เห็นผู้คนจำนวน มากห้อม ล้อมอยู่ที่หน้าร้านขายผ้า จึงเข้าไปสอบถามดู จึงรู้ ว่าเกิดการพิพาทระหว่างคนขายผ้ากับลูกค้า ได้ยินลูกค้าตะโกนเสียงดังโหวกเหวกว่า “3x8 ได้ 23 ทำไมท่านถึงให้ข้าจ่าย 24 เหรียญล่ะ!” เอี๋ยนหุยจึงเดินเข้าไปที่ร้าน หลังจากทำความเคารพแล้ว ก็ กล่าวว่า “พี่ชาย 3x8 ได้ 24 จะเป็น 23 ได้ยังไง? พี่ชายคิดผิดแล้วไม่ ต้องทะเลาะกันหรอก” คนซื้อผ้าไม่พอใจเป็นอย่างยิ่ง ชี้หน้าเอี๋ยนหุยและกล่าวว่า “ใครให้เจ้าเข้ามายุ่ง! เจ้าอายุเท่าไหร่กัน! จะตัดสินก็มีเพียง ท่านขงจื้อเท่านั้น ผิดหรือถูกมีท่านผู้เดียวที่ข้าจะยอมรับ ไป ไป ไปหาท่านขงจื้อกัน ” เอี่ยนหุยกล่าวว่า “ก็ดี หากท่านขงจื้อบอกว่าท่านผิด ท่านจะทำอย่างไร?” คนซื้อผ้ากล่าวว่า “หากท่านวินิจฉัยว่าข้าผิด ข้ายอมให้หัวหลุดจากบ่า! แล้ว หากเจ้าผิดล่ะ?” เอี๋ยนหุยกล่าวว่า “หากท่านวินิจฉัยว่าข้าผิด ข้ายอมถูกปลดหมวก(ตำแหน่ง)” ทั้งสองจึงเกิดการเดิมพันขึ้น เมื่อขงจื้อสอบถามจนเกิดความกระจ่าง ก็ยิ้มให้กับเอี๋ยนหุย และกล่าวว่า “3x8 ได้ 23 ถูกต้องแล้วเอี๋ยนหุย เธอแพ้แล้วถอดหมวกของ เธอให้พี่ชายท่านนี้เสีย” เอี๋ยนหุย ไม่โต้แย้ง ยอมรับในการวินิจฉัยของท่านอาจารย์ จึงถอดหมวกที่สวมให้แก่ชายคนนั้น ชายผู้นั้นเมื่อได้รับหมวกก็ยิ้มสมหวังกลับไป ต่อคำวินิจฉัยของขงจื้อ ต่อหน้าแม้เอี๋ยนหุยจะยอมรับ แต่ใน ใจกลับไม่ได้คิดเช่นนั้น เอี๋ยนหุยคิดว่า ท่านอาจารย์ชรามาก แล้ว ความคิดคงเลอะเลือน จึงไม่อยากอยู่ศึกษากับขงจื้อ อีกต่อไป พอรุ่งขึ้น เอี๋ยนหุยจึงเข้าไปขอลาอาจารย์กลับบ้าน ด้วยเหตุ ผลที่ว่าที่บ้านเกิดเรื่องราว ต้องรีบกลับไปจัดการ ขงจื้อรู้ว่า เอี๋ยนหุยคิดอะไรอยู่ ก็ไม่ได้สอบถามมากความ อนุญาตให้ เอี๋ยนหุยกลับบ้านได้ ก่อนที่เอี๋ยนหุยจะออกเดินทาง ได้เข้าไปกราบลาขงจื้อ ขง จื้อกล่าวอวยพรและให้รีบกลับมาหากเสร็จกิจธุระแล้ว พร้อม กันนั้นก็ได้กำชับว่า “อย่าแฝงเร้นกายใต้ต้นไม้ใหญ่ อย่าฆ่าผู้ใดหากไม่ชัดแจ้ง” เอี๋ยนหุยคำนับพร้อมกล่าวว่า “ศิษย์จะจำใส่ใจ” แล้วลาอาจารย์ออกเดินทาง เมื่อออกเดินทางไปได้ระยะหนึ่งเกิดพายุลมแรงสายฟ้าแลบ แปลบ เอี๋ยนหุยคิดว่าต้องเกิดพายุลมฝนเป็นแน่ จึงเร่งฝีเท้า เพื่อจะเข้าไปอาศัยอยู่ไต้ต้นไม้ใหญ่ แต่ก็ฉุกคิดถึงคำกำชับ ของท่านอาจารย์ที่ว่า “อย่าแฝงเร้นกายใต้ต้นไม้ใหญ่ อย่าฆ่าผู้ใดหากไม่ชัดแจ้ง” เราเองก็ติดตามท่านอาจารย์มาเป็นเวลานาน ลองเชื่ออา จารย์ดูอีกสักครั้ง คิดได้ดังนั้น จึงเดินออกจากต้นไม้ใหญ่ ในขณะที่เอี๋ยนหุยเดินไปได้ไม่ไกลนัก บัดดล สายฟ้าก็ผ่า ต้นไม้ใหญ่นั้นล้มลงมาให้เห็นต่อหน้าต่อตา เอี๋ยนหุยตะลึง พรึงเพริดคำกล่าวของพระอาจารย์ประโยคแรกเป็นจริงแล้ว หรือตัวเราจะฆ่าใครโดยไม่รู้สาเหตุ? เอี๋ยนหุยจึงรีบเดินทาง กลับ กว่าจะถึงบ้านก็ดึกแล้ว แต่ไม่กล้าปลุกคนในบ้าน เลย ใช้ดาบที่นำติดตัวมาค่อยๆเดาะดาลประตูห้องของภรรยา เมื่อเอี๋ยนหุยคลำไปที่เตียงนอนก็ต้องตกใจ ทำไมมีคนนอน อยู่บนเตียงสองคน! เอี๋ยนหุยโมโหเป็นอย่างยิ่งจึงหยิบดาบ ขึ้นมาหมายปลิดชีพผู้ที่นอนอยู่บนเตียง เสียงกำชับของอา จารย์ก็ดังขึ้นมา “อย่าฆ่าผู้ใดหากไม่ชัดแจ้ง” เมื่อเขาจุดตะเกียง จึงได้เห็นว่าคนหนึ่งคือภรรยาอีกคนหนึ่ง คือน้องสาวของเขาเอง พอฟ้าส่าง เอี๋ยนหุยก็รีบกลับสำนัก เมื่อพบหน้าขงจื้อจึงรีบ คุกเข่ากราบอาจารย์และกล่าวว่า “ท่านอาจารย์ คำกำชับของท่านได้ช่วยชีวิตของศิษย์ภรร ยาและน้องสาวไว้ ทำไมท่านจึงรู้เหมือนตาเห็นว่า จะเกิด อะไรขึ้นกับศิษย์บ้าง?” ขงจื้อพยุงเอี๋ยนหุยให้ลุกขึ้น และกล่าวว่า “เมื่อวานอากาศไม่ค่อยสู้ดีนัก น่าจะมีฟ้าร้องฟ้าแลบเป็นแน่ จึงเตือนเธอว่า อย่าแฝงเร้นกายใต้ต้นไม้ใหญ่ และเมื่อวาน เธอจากไปด้วยโทสะ แถมยังพกดาบติดตัวไปด้วย อาจารย์ จึงเตือนเธอว่า อย่าฆ่าผู้ใดหากไม่ชัดแจ้ง ” เอี๋ยนหุยโค้งคำนับ “ท่านอาจารย์คาดการดังเทวดา ศิษย์รู้สึกเคารพเลื่อมใส ท่านเหลือเกิน” ขงจื้อจึงตักเดือนเอี๋ยนหุยว่า “อาจารย์ว่าที่เธอขอลากลับบ้านนั้นเป็นการโกหกที่จริงแล้ว เธอคิดว่าอาจารย์แก่แล้ว ความคิดเลอะเลือน ไม่อยากศึก ษากับอาจารย์อีกแล้ว เธอลองคิดดูสิ อาจารย์บอกว่า 3x8 ได้ 23 เธอแพ้ก็เพียงแค่ถอดหมวก หากอาจารย์บอกว่า 3x8 ได้ 24 เขาแพ้ นั่นหมายถึงชีวิตของคนๆหนึ่ง เธอคิดว่า หมวกหรือชีวิตสำคัญล่ะ? ” เอี๋ยนหุยกระจ่างในฉับพลัน คุกเข่าต่อหน้าขงจื้อ แล้วกล่าว ว่า “ท่านอาจารย์เห็นคุณธรรมเป็นสำคัญ โดยไม่เห็นแก่เรื่องถูก ผิดเล็กๆน้อยๆ ศิษย์คิดว่าอาจารย์แก่ชราจึงเลอะเลือน ศิษย์ เสียใจเป็นที่สุด” จากนั้นเป็นต้นไป ไม่ว่าขงจื้อจะเดินทางไปยังแห่งหนตำบล ใด เอี๋ยนหุยติดตามไม่เคยห่างกาย .................................................................................................... จากตำนานเรื่องเล่านี้ ทำให้ข้าพเจ้านึกถึงเพลงๆหนึ่งขงอิว เค่อหลี่หลิน(นักร้องดูโอของไต้หวัน) ที่ร้องว่า “หากสูญเสียเธอไป ต่อให้เอาชนะทั้งโลกได้แล้วจะยังไง? เช่นกัน บางครั้งคุณอาจเอาชนะคนอื่นด้วยเหตุผลของคุณ แต่อาจจะสูญเสียสิ่งที่สำคัญที่สุดไป ” เรื่องราวต่างๆแบ่งเป็นหนักเบารีบช้า อย่าเป็นเพราะต้องการ เอาชนะให้ได้ แล้วทำให้เสียใจไปตลอดชีวิต เรื่องราวมาก มายที่ไม่ควรทะเลาะกัน ถอยหนึ่งก้าวทะเลกว้างฟ้างาม ทะเลาะกับลูกค้า ต่อให้ชนะก็แพ้อยู่ดี (วันที่ส่งตัวอย่างผลิตภัณฑ์ใหม่ คุณก็จะรู้สึก) ทะเลาะกับเถ้าแก่ ต่อให้ชนะ ก็แพ้อยู่ดี (วันที่ตรวจผลงานปลายปีมาถึง คุณก็จะรู้สึก) ทะเลาะกับภรรยา ต่อให้ชนะ ก็แพ้อยู่ดี (เธอไม่สนใจคุณ คุณก็หากับข้าวกินเองละกัน) ทะเลาะกับเพื่อน ต่อให้ชนะก็แพ้อยู่ดี (เคลียร์ไม่ได้คุณอาจจะเสียเพื่อนไปเลย) ใบชา เกิดสีสวยและกลิ่นหอมน่าลิ้มลองได้ ก็เพราะโดนน้ำ ร้อนลวก ชีวิตของคนเราก็เช่นเดียวกัน เพราะเผชิญกับอุป สรรคครั้งแล้วครั้งเล่า จึงเหลือไว้ซึ่งเรื่องราวเป็นตำนานให้ ได้เล่าขานน่าตามติด ผู้ที่รู้สำนึกคุณอยู่เสมอจึงเป็นผู้มีวาส นามากที่สุด .................................................................................................. ที่มา : http://natres.psu.ac.th/board/view.php?q_id=680 ภาพ : http://palilyhuahin.blogspot.com/2013_08_01_archive.html

3x8 = 23

เอี๋ยนหุยใฝ่ศึกษา มีคุณธรรมงดงาม   เป็นศิษย์รักของขงจื้อ
มีอยู่วันหนึ่ง เอี๋ยนหุยออกไปทำธุระที่ตลาด เห็นผู้คนจำนวน
มากห้อม ล้อมอยู่ที่หน้าร้านขายผ้า จึงเข้าไปสอบถามดู จึงรู้
ว่าเกิดการพิพาทระหว่างคนขายผ้ากับลูกค้า

ได้ยินลูกค้าตะโกนเสียงดังโหวกเหวกว่า
“3x8 ได้ 23 ทำไมท่านถึงให้ข้าจ่าย 24 เหรียญล่ะ!”
เอี๋ยนหุยจึงเดินเข้าไปที่ร้าน  หลังจากทำความเคารพแล้ว  ก็
กล่าวว่า
“พี่ชาย 3x8 ได้ 24 จะเป็น 23 ได้ยังไง? พี่ชายคิดผิดแล้วไม่
ต้องทะเลาะกันหรอก”
คนซื้อผ้าไม่พอใจเป็นอย่างยิ่ง ชี้หน้าเอี๋ยนหุยและกล่าวว่า
“ใครให้เจ้าเข้ามายุ่ง!  เจ้าอายุเท่าไหร่กัน! จะตัดสินก็มีเพียง
ท่านขงจื้อเท่านั้น ผิดหรือถูกมีท่านผู้เดียวที่ข้าจะยอมรับ ไป
ไป ไปหาท่านขงจื้อกัน ”
เอี่ยนหุยกล่าวว่า
“ก็ดี หากท่านขงจื้อบอกว่าท่านผิด ท่านจะทำอย่างไร?”
คนซื้อผ้ากล่าวว่า
“หากท่านวินิจฉัยว่าข้าผิด  ข้ายอมให้หัวหลุดจากบ่า!    แล้ว
หากเจ้าผิดล่ะ?”
เอี๋ยนหุยกล่าวว่า
“หากท่านวินิจฉัยว่าข้าผิด ข้ายอมถูกปลดหมวก(ตำแหน่ง)”
ทั้งสองจึงเกิดการเดิมพันขึ้น

เมื่อขงจื้อสอบถามจนเกิดความกระจ่าง  ก็ยิ้มให้กับเอี๋ยนหุย
และกล่าวว่า
“3x8 ได้ 23 ถูกต้องแล้วเอี๋ยนหุย เธอแพ้แล้วถอดหมวกของ
เธอให้พี่ชายท่านนี้เสีย”
เอี๋ยนหุย ไม่โต้แย้ง   ยอมรับในการวินิจฉัยของท่านอาจารย์
จึงถอดหมวกที่สวมให้แก่ชายคนนั้น
ชายผู้นั้นเมื่อได้รับหมวกก็ยิ้มสมหวังกลับไป

ต่อคำวินิจฉัยของขงจื้อ ต่อหน้าแม้เอี๋ยนหุยจะยอมรับ แต่ใน
ใจกลับไม่ได้คิดเช่นนั้น เอี๋ยนหุยคิดว่า ท่านอาจารย์ชรามาก
แล้ว  ความคิดคงเลอะเลือน   จึงไม่อยากอยู่ศึกษากับขงจื้อ
อีกต่อไป

พอรุ่งขึ้น เอี๋ยนหุยจึงเข้าไปขอลาอาจารย์กลับบ้าน ด้วยเหตุ
ผลที่ว่าที่บ้านเกิดเรื่องราว ต้องรีบกลับไปจัดการ   ขงจื้อรู้ว่า
เอี๋ยนหุยคิดอะไรอยู่  ก็ไม่ได้สอบถามมากความ  อนุญาตให้
เอี๋ยนหุยกลับบ้านได้

ก่อนที่เอี๋ยนหุยจะออกเดินทาง ได้เข้าไปกราบลาขงจื้อ   ขง
จื้อกล่าวอวยพรและให้รีบกลับมาหากเสร็จกิจธุระแล้ว พร้อม
กันนั้นก็ได้กำชับว่า
“อย่าแฝงเร้นกายใต้ต้นไม้ใหญ่ อย่าฆ่าผู้ใดหากไม่ชัดแจ้ง”
เอี๋ยนหุยคำนับพร้อมกล่าวว่า
“ศิษย์จะจำใส่ใจ”
แล้วลาอาจารย์ออกเดินทาง

เมื่อออกเดินทางไปได้ระยะหนึ่งเกิดพายุลมแรงสายฟ้าแลบ
แปลบ เอี๋ยนหุยคิดว่าต้องเกิดพายุลมฝนเป็นแน่ จึงเร่งฝีเท้า
เพื่อจะเข้าไปอาศัยอยู่ไต้ต้นไม้ใหญ่  แต่ก็ฉุกคิดถึงคำกำชับ
ของท่านอาจารย์ที่ว่า
“อย่าแฝงเร้นกายใต้ต้นไม้ใหญ่ อย่าฆ่าผู้ใดหากไม่ชัดแจ้ง”
เราเองก็ติดตามท่านอาจารย์มาเป็นเวลานาน    ลองเชื่ออา
จารย์ดูอีกสักครั้ง คิดได้ดังนั้น จึงเดินออกจากต้นไม้ใหญ่

ในขณะที่เอี๋ยนหุยเดินไปได้ไม่ไกลนัก    บัดดล สายฟ้าก็ผ่า
ต้นไม้ใหญ่นั้นล้มลงมาให้เห็นต่อหน้าต่อตา  เอี๋ยนหุยตะลึง
พรึงเพริดคำกล่าวของพระอาจารย์ประโยคแรกเป็นจริงแล้ว
หรือตัวเราจะฆ่าใครโดยไม่รู้สาเหตุ? เอี๋ยนหุยจึงรีบเดินทาง
กลับ  กว่าจะถึงบ้านก็ดึกแล้ว แต่ไม่กล้าปลุกคนในบ้าน  เลย
ใช้ดาบที่นำติดตัวมาค่อยๆเดาะดาลประตูห้องของภรรยา

เมื่อเอี๋ยนหุยคลำไปที่เตียงนอนก็ต้องตกใจ ทำไมมีคนนอน
อยู่บนเตียงสองคน! เอี๋ยนหุยโมโหเป็นอย่างยิ่งจึงหยิบดาบ
ขึ้นมาหมายปลิดชีพผู้ที่นอนอยู่บนเตียง  เสียงกำชับของอา
จารย์ก็ดังขึ้นมา
“อย่าฆ่าผู้ใดหากไม่ชัดแจ้ง”
เมื่อเขาจุดตะเกียง จึงได้เห็นว่าคนหนึ่งคือภรรยาอีกคนหนึ่ง
คือน้องสาวของเขาเอง

พอฟ้าส่าง เอี๋ยนหุยก็รีบกลับสำนัก  เมื่อพบหน้าขงจื้อจึงรีบ
คุกเข่ากราบอาจารย์และกล่าวว่า
“ท่านอาจารย์    คำกำชับของท่านได้ช่วยชีวิตของศิษย์ภรร
ยาและน้องสาวไว้   ทำไมท่านจึงรู้เหมือนตาเห็นว่า  จะเกิด
อะไรขึ้นกับศิษย์บ้าง?”
ขงจื้อพยุงเอี๋ยนหุยให้ลุกขึ้น และกล่าวว่า
“เมื่อวานอากาศไม่ค่อยสู้ดีนัก น่าจะมีฟ้าร้องฟ้าแลบเป็นแน่
จึงเตือนเธอว่า  อย่าแฝงเร้นกายใต้ต้นไม้ใหญ่  และเมื่อวาน
เธอจากไปด้วยโทสะ แถมยังพกดาบติดตัวไปด้วย  อาจารย์
จึงเตือนเธอว่า อย่าฆ่าผู้ใดหากไม่ชัดแจ้ง ”

เอี๋ยนหุยโค้งคำนับ
“ท่านอาจารย์คาดการดังเทวดา     ศิษย์รู้สึกเคารพเลื่อมใส
ท่านเหลือเกิน”
ขงจื้อจึงตักเดือนเอี๋ยนหุยว่า
“อาจารย์ว่าที่เธอขอลากลับบ้านนั้นเป็นการโกหกที่จริงแล้ว
เธอคิดว่าอาจารย์แก่แล้ว  ความคิดเลอะเลือน  ไม่อยากศึก
ษากับอาจารย์อีกแล้ว  เธอลองคิดดูสิ  อาจารย์บอกว่า 3x8
ได้ 23 เธอแพ้ก็เพียงแค่ถอดหมวก หากอาจารย์บอกว่า 3x8
ได้ 24  เขาแพ้   นั่นหมายถึงชีวิตของคนๆหนึ่ง     เธอคิดว่า
หมวกหรือชีวิตสำคัญล่ะ? ”

เอี๋ยนหุยกระจ่างในฉับพลัน  คุกเข่าต่อหน้าขงจื้อ แล้วกล่าว
ว่า
“ท่านอาจารย์เห็นคุณธรรมเป็นสำคัญ โดยไม่เห็นแก่เรื่องถูก
ผิดเล็กๆน้อยๆ ศิษย์คิดว่าอาจารย์แก่ชราจึงเลอะเลือน ศิษย์
เสียใจเป็นที่สุด”
จากนั้นเป็นต้นไป ไม่ว่าขงจื้อจะเดินทางไปยังแห่งหนตำบล
ใด เอี๋ยนหุยติดตามไม่เคยห่างกาย

....................................................................................................

จากตำนานเรื่องเล่านี้  ทำให้ข้าพเจ้านึกถึงเพลงๆหนึ่งขงอิว
เค่อหลี่หลิน(นักร้องดูโอของไต้หวัน) ที่ร้องว่า
“หากสูญเสียเธอไป    ต่อให้เอาชนะทั้งโลกได้แล้วจะยังไง?
เช่นกัน   บางครั้งคุณอาจเอาชนะคนอื่นด้วยเหตุผลของคุณ
แต่อาจจะสูญเสียสิ่งที่สำคัญที่สุดไป ”

เรื่องราวต่างๆแบ่งเป็นหนักเบารีบช้า อย่าเป็นเพราะต้องการ
เอาชนะให้ได้  แล้วทำให้เสียใจไปตลอดชีวิต  เรื่องราวมาก
มายที่ไม่ควรทะเลาะกัน ถอยหนึ่งก้าวทะเลกว้างฟ้างาม

ทะเลาะกับลูกค้า ต่อให้ชนะก็แพ้อยู่ดี
(วันที่ส่งตัวอย่างผลิตภัณฑ์ใหม่ คุณก็จะรู้สึก)
ทะเลาะกับเถ้าแก่ ต่อให้ชนะ ก็แพ้อยู่ดี
(วันที่ตรวจผลงานปลายปีมาถึง คุณก็จะรู้สึก)
ทะเลาะกับภรรยา ต่อให้ชนะ ก็แพ้อยู่ดี
(เธอไม่สนใจคุณ คุณก็หากับข้าวกินเองละกัน)
ทะเลาะกับเพื่อน ต่อให้ชนะก็แพ้อยู่ดี
(เคลียร์ไม่ได้คุณอาจจะเสียเพื่อนไปเลย)

ใบชา เกิดสีสวยและกลิ่นหอมน่าลิ้มลองได้  ก็เพราะโดนน้ำ
ร้อนลวก  ชีวิตของคนเราก็เช่นเดียวกัน   เพราะเผชิญกับอุป
สรรคครั้งแล้วครั้งเล่า  จึงเหลือไว้ซึ่งเรื่องราวเป็นตำนานให้
ได้เล่าขานน่าตามติด ผู้ที่รู้สำนึกคุณอยู่เสมอจึงเป็นผู้มีวาส
นามากที่สุด
..................................................................................................

ที่มา : http://natres.psu.ac.th/board/view.php?q_id=680
ภาพ : http://palilyhuahin.blogspot.com/2013_08_01_archive.html

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น