วันจันทร์ที่ 24 เมษายน พ.ศ. 2560

ไม่น่าเชื่อ!! บริจาคเลือด 1 ครั้ง เผาผลาญได้ตั้ง 650 แคลอรี ข้อดีของการบริจาคเลือดที่นอกจากจะได้บุญให้อิ่มอกอิ่มใจแล้ว ยังแฝงประโยชน์กับสุขภาพแบบเนียน ๆ โดยเฉพาะช่วยเผาผลาญแคลอรีได้อย่างไม่น่าเชื่อ ดีแบบนี้ไม่บอกต่อไม่ได้แล้วล่ะ การสร้างบุญทำกุศลที่ดีที่สุดก็คือการช่วยชีวิตเพื่อนมนุษย์ด้วยกันเองนี่ล่ะค่ะ ซึ่งวิธีหนึ่งที่ทำได้ง่าย ๆ ก็คือการร่วมบริจาคเลือด ดังที่เราได้ยินคำเชิญชวนจากสภากาชาดไทยอยู่บ่อยครั้ง แต่ต้องยอมรับว่าคนส่วนหนึ่งไม่กล้าบริจาคเลือด เพราะกลัวเข็ม กลัวจะเกิดผลเสียกับร่างกาย แต่ถ้าได้อ่านเรื่องที่เว็บไซต์ magforwomen นำมาฝากกัน จะรู้เลยว่าการเสียเลือดครั้งนี้ทำให้มีอะไรดี ๆ เกิดขึ้นกับสุขภาพมากกว่าที่คิด 1. ป้องกันโรคหัวใจ โดยทั่วไปแล้วสาเหตุของโรคหลอดเลือดหัวใจนั้นก็มาจากเลือดที่มี­­­­ความหนืดผิดปกติ โดยมีผลมาจากการที่ในเลือดมีระดับธาตุเหล็กสูงจนเกินไป จนไปเกิดการออกซิเดชั่นและทำลายหลอดเลือดต่าง ๆ ในร่างกาย และทำให้เกิดอาการหัวใจวายในที่สุด การบริจาคเลือดจะช่วยลดความเสี่ยงหัวใจวายและโรคหลอดเลือดหัวใจ­­­­ได้ เพราะการบริจาคเลือดจะสามารถช่วยลดระดับธาตุเหล็กในร่างกาย ให้อยู่ในระดับที่ปกติได้ 2. เผาผลาญแคลอรี การบริจาคเลือดเพียงครั้งเดียวสามารถเผาผลาญแคลอรีได้มากถึง 650 แคลอรี ซึ่งเป็นผลดีกับการควบคุมน้ำหนักเลยเชียวล่ะ เรื่องนี้ @Drcarebear คุณหมอคนดังแห่งโลกไซเบอร์ก็เคยบอกไว้ด้วยนะ แต่ก็­อย่าคิดจะบริจาคเลือดเพื่อหวังลดน้ำหนักเชียว เพราะการบริจาคเลือดแต่ละครั้งต้องห่างกัน 2 - 3 เดือน เป็นอย่างต่ำค่ะ แถมถ้าสุขภาพไม่แข็งแรงก็ไม่สามารถบริจาคเลือดได้อีกด้วย 3. ลดความเสี่ยงโรคมะเร็ง ปริมาณธาตุเหล็กในร่างกายที่สูงเกินไปนอกจากจะส่งผลให้เกิดโรคเ­­­­กี่ยวกับระบบหลอดเลือดหัวใจแล้ว ก็ยังทำให้เกิดโรคมะเร็งได้อีกด้วย เพราะระดับธาตุเหล็กที่สูงในร่างกายจะทำให้สารอนุมูลอิสระเพิ่ม­­­­มากขึ้น ส่งผลให้เซลล์ในร่างกายแปรสภาพกลายเป็นเซลล์มะเร็งนั่นเอง การบริจาคเลือดจะช่วยลดปริมาณธาตุเหล็กในเลือดให้อยู่ในระดับที­­­­่ปกติ และทำให้ความเสี่ยงลดลง ใครสามารถบริจาคเลือดได้บ้าง 1. ต้องมีน้ำหนัก 45 กิโลกรัมขึ้นไป 2. ต้องมีอายุระหว่าง 17 ปี ถึง 60 ปีบริบูรณ์ (ถ้าเป็นผู้บริจาคครั้งแรกต้องอายุไม่เกิน 55 ปี) 3. ต้องมีสุขภาพสมบูรณ์แข็งแรง ไม่มีโรคประจำตัว ไม่อยู่ระหว่างไม่สบาย หรือกำลังรับประทานยาใด ๆ 4. ไม่มีพฤติกรรมเสี่ยงทางเพศ หรือติดยาเสพติด 5. สตรีไม่อยู่ในระหว่างมีประจำเดือน ตั้งครรภ์ หรือให้นมบุตร และไม่มีการคลอดบุตรหรือแท้งบุตรภายใน 6 เดือนที่ผ่านมา เตรียมตัวอย่างไรดี ก่อนไปบริจาคเลือด 1. ควรนอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอในเวลาปกติของตนเอง ในคืนก่อนวันที่จะมาบริจาคโลหิต 2. ควรมีสุขภาพสมบูรณ์ทุกประการ ไม่เป็นไข้หวัด หรืออยู่ระหว่างรับประทานยาแก้อักเสบใด ๆ 3. รับประทานอาหารมื้อหลักก่อนมาบริจาคโลหิต หลีกเลี่ยงอาหารที่มีไขมันสูง เช่น ข้าวขาหมู ข้าวมันไก่ อาหารที่ประกอบด้วยกะทิ แกงต่าง ๆ ของทอด ของหวาน ฯลฯ เนื่องจากจะทำให้สีพลาสมาผิดปกติ เป็นสีขาวขุ่น ไม่สามารถนำไปใช้ได้ 4. ดื่มน้ำ 3-4 แก้ว และเครื่องดื่มเหลวเพิ่ม เช่น น้ำผลไม้ นม น้ำหวาน เพื่อเพิ่มปริมาณโลหิตในร่างกาย จะช่วยป้องกันอาการแทรกซ้อน เช่น มึนงง อ่อนเพลีย หรือวิงเวียนศีรษะภายหลังบริจาคโลหิต 5. งดเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์ก่อนมาบริจาคโลหิต 24 ชั่วโมง 6. งดสูบบุหรี่ก่อนและหลังบริจาคโลหิต 1 ชั่วโมง เพื่อให้ปอดฟอกโลหิตได้ดี 7. ควรเลือกสวมใส่เสื้อผ้าที่แขนเสื้อไม่คับเกินไป สามารถดึงขึ้นเหนือข้อศอกได้อย่างน้อย 3 นิ้ว

ไม่น่าเชื่อ!! บริจาคเลือด 1 ครั้ง เผาผลาญได้ตั้ง 650 แคลอรี

ข้อดีของการบริจาคเลือดที่นอกจากจะได้บุญให้อิ่มอกอิ่มใจแล้ว ยังแฝงประโยชน์กับสุขภาพแบบเนียน ๆ โดยเฉพาะช่วยเผาผลาญแคลอรีได้อย่างไม่น่าเชื่อ ดีแบบนี้ไม่บอกต่อไม่ได้แล้วล่ะ

การสร้างบุญทำกุศลที่ดีที่สุดก็คือการช่วยชีวิตเพื่อนมนุษย์ด้วยกันเองนี่ล่ะค่ะ ซึ่งวิธีหนึ่งที่ทำได้ง่าย ๆ ก็คือการร่วมบริจาคเลือด ดังที่เราได้ยินคำเชิญชวนจากสภากาชาดไทยอยู่บ่อยครั้ง แต่ต้องยอมรับว่าคนส่วนหนึ่งไม่กล้าบริจาคเลือด เพราะกลัวเข็ม กลัวจะเกิดผลเสียกับร่างกาย แต่ถ้าได้อ่านเรื่องที่เว็บไซต์ magforwomen นำมาฝากกัน จะรู้เลยว่าการเสียเลือดครั้งนี้ทำให้มีอะไรดี ๆ เกิดขึ้นกับสุขภาพมากกว่าที่คิด

1. ป้องกันโรคหัวใจ

โดยทั่วไปแล้วสาเหตุของโรคหลอดเลือดหัวใจนั้นก็มาจากเลือดที่มี­­­­ความหนืดผิดปกติ โดยมีผลมาจากการที่ในเลือดมีระดับธาตุเหล็กสูงจนเกินไป จนไปเกิดการออกซิเดชั่นและทำลายหลอดเลือดต่าง ๆ ในร่างกาย และทำให้เกิดอาการหัวใจวายในที่สุด การบริจาคเลือดจะช่วยลดความเสี่ยงหัวใจวายและโรคหลอดเลือดหัวใจ­­­­ได้ เพราะการบริจาคเลือดจะสามารถช่วยลดระดับธาตุเหล็กในร่างกาย ให้อยู่ในระดับที่ปกติได้

2. เผาผลาญแคลอรี

การบริจาคเลือดเพียงครั้งเดียวสามารถเผาผลาญแคลอรีได้มากถึง 650 แคลอรี ซึ่งเป็นผลดีกับการควบคุมน้ำหนักเลยเชียวล่ะ เรื่องนี้ @Drcarebear คุณหมอคนดังแห่งโลกไซเบอร์ก็เคยบอกไว้ด้วยนะ แต่ก็­อย่าคิดจะบริจาคเลือดเพื่อหวังลดน้ำหนักเชียว เพราะการบริจาคเลือดแต่ละครั้งต้องห่างกัน 2 - 3 เดือน เป็นอย่างต่ำค่ะ แถมถ้าสุขภาพไม่แข็งแรงก็ไม่สามารถบริจาคเลือดได้อีกด้วย

3. ลดความเสี่ยงโรคมะเร็ง

ปริมาณธาตุเหล็กในร่างกายที่สูงเกินไปนอกจากจะส่งผลให้เกิดโรคเ­­­­กี่ยวกับระบบหลอดเลือดหัวใจแล้ว ก็ยังทำให้เกิดโรคมะเร็งได้อีกด้วย เพราะระดับธาตุเหล็กที่สูงในร่างกายจะทำให้สารอนุมูลอิสระเพิ่ม­­­­มากขึ้น ส่งผลให้เซลล์ในร่างกายแปรสภาพกลายเป็นเซลล์มะเร็งนั่นเอง การบริจาคเลือดจะช่วยลดปริมาณธาตุเหล็กในเลือดให้อยู่ในระดับที­­­­่ปกติ และทำให้ความเสี่ยงลดลง

ใครสามารถบริจาคเลือดได้บ้าง

1. ต้องมีน้ำหนัก 45 กิโลกรัมขึ้นไป

2. ต้องมีอายุระหว่าง 17 ปี ถึง 60 ปีบริบูรณ์ (ถ้าเป็นผู้บริจาคครั้งแรกต้องอายุไม่เกิน 55 ปี)

3. ต้องมีสุขภาพสมบูรณ์แข็งแรง ไม่มีโรคประจำตัว ไม่อยู่ระหว่างไม่สบาย หรือกำลังรับประทานยาใด ๆ

4. ไม่มีพฤติกรรมเสี่ยงทางเพศ หรือติดยาเสพติด

5. สตรีไม่อยู่ในระหว่างมีประจำเดือน ตั้งครรภ์ หรือให้นมบุตร และไม่มีการคลอดบุตรหรือแท้งบุตรภายใน 6 เดือนที่ผ่านมา

เตรียมตัวอย่างไรดี ก่อนไปบริจาคเลือด

1. ควรนอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอในเวลาปกติของตนเอง ในคืนก่อนวันที่จะมาบริจาคโลหิต

2. ควรมีสุขภาพสมบูรณ์ทุกประการ ไม่เป็นไข้หวัด หรืออยู่ระหว่างรับประทานยาแก้อักเสบใด ๆ

3. รับประทานอาหารมื้อหลักก่อนมาบริจาคโลหิต หลีกเลี่ยงอาหารที่มีไขมันสูง เช่น ข้าวขาหมู ข้าวมันไก่ อาหารที่ประกอบด้วยกะทิ แกงต่าง ๆ ของทอด ของหวาน ฯลฯ เนื่องจากจะทำให้สีพลาสมาผิดปกติ เป็นสีขาวขุ่น ไม่สามารถนำไปใช้ได้

4. ดื่มน้ำ 3-4 แก้ว และเครื่องดื่มเหลวเพิ่ม เช่น น้ำผลไม้ นม น้ำหวาน เพื่อเพิ่มปริมาณโลหิตในร่างกาย จะช่วยป้องกันอาการแทรกซ้อน เช่น มึนงง อ่อนเพลีย หรือวิงเวียนศีรษะภายหลังบริจาคโลหิต

5. งดเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์ก่อนมาบริจาคโลหิต 24 ชั่วโมง

6. งดสูบบุหรี่ก่อนและหลังบริจาคโลหิต 1 ชั่วโมง เพื่อให้ปอดฟอกโลหิตได้ดี

7. ควรเลือกสวมใส่เสื้อผ้าที่แขนเสื้อไม่คับเกินไป สามารถดึงขึ้นเหนือข้อศอกได้อย่างน้อย 3 นิ้ว

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น