วันอาทิตย์ที่ 21 พฤษภาคม พ.ศ. 2560

พี่ชายที่แสนดี ในหมู่บ้าน..มีเด็กทึ่มคนหนึ่ง ไม่ใช่ประเภทเป็นมาแต่กำเนิด เป็นเพราะถูกแก็สพิษ ในปีที่เขามี- อายุห้าขวบจึงเป็นเช่นนี้ อีกทั้งคุณพ่อที่นอนอยู่ห้องเดียวกันกับเขา ใช้พละกำลังเท่าที่มีเหลืออยู่ ผลักเขาออกจากห้องแล้วก็ได้ลาจากโลกนี้ไป ตั้งแต่นั้นมา เขาก็ได้แต่ยิ้มแบบโง่ๆ ไม่ว่าจะดีใจหรือเสียใจ กล่าวกันว่า เป็นเพราะสมองถูกทำ- ลายไปบางส่วน เจ้าทึ่มยังมีคุณแม่ที่งดงามและน้องสาวที่น่ารักคนหนึ่ง เขามักจะถามคุณแม่บ่อย บ่อยว่า คุณพ่อของเขาไปไหนแล้ว คุณแม่บอกกับเขาว่า " คุณพ่อตายแล้ว ท่านกลายเป็นดาวอยู่ บนท้องฟ้าแล้ว ท่านอยู่บนท้องฟ้ามองดูพวกเราอยู่ " ดังนั้น เจ้าทึ่มทุกคืนจะนอนอยู่บนสนามหญ้าในลานบ้านมองดูดวงดาว มองไปยิ้มไปแบบทึ่มๆ ตอนที่เจ้าทึ่มอายุสิบเอ็ดขวบ คุณแม่ที่รักเขา ก็ได้ตายจากด้วยโรคไต ก่อนตายได้กำชับเจ้าทึ่ม ไว้ว่า ต้องดูแลน้องสาวให้ดีๆ ยามนั้น น้องสาวของเขามีอายุเพียงหกขวบ เจ้าทึ้มได้แต่ยิ้มๆ ทุกคืนยังคงไปดูดวงดาว เขาบอก ว่า ดวงดาวได้เพิ่มขึ้นอีกหนึ่งดวง นั่นคือคุณแม่ของเขา ดวงที่อยู่ข้างๆคือคุณพ่อ จากการช่วยเหลือของผู้ใจบุญ เจ้าทึ่มได้ตั้งแผงขายแซนด์วิช แผงขายอยู่ไม่ห่างไกลจากโรง- เรียนที่น้องสาวเรียนหนังสืออยู่ เจ้าทึ่มยามอยู่ที่บ้าน ไม่กล้าที่จะเข้าไปในห้องของน้องสาวเลย เพราะว่าน้องสาวรังเกียจเขา น้องสาวใส่ใจมากกับการที่มีพี่ชายที่ทึ่มคนหนึ่ง ทว่า..เขาชอบนั่งอยู่ตรงข้างๆประตู มองดูน้องสาวเขาอ่านหนังสือ ทุกครั้งที่น้องสาวมองมาทาง เขา เขาก็จะคล้ายดั่งเด็กที่กระทำความผิด แอบซ่อนตัวไว้ จากนั้นก็ยิ้มแบบโง่ๆ ไม่รู้ว่าดีใจหรือ เสียใจ เจ้าทึ่มทุกๆเช้าจะตื่นแต่เช้า ทำอาหารเช้าให้น้องสาว แล้วจึงไปทำงานที่แผงขายของ หนึ่งเดียว ที่ชื่นชอบในยามค่ำคืนก็คือ มองดูดวงดาว ฝีมือของเจ้าทึ่มสุดยอดมาก แซนด์วิชที่ทำออกมา- เหมือนกันกับของภัตตาคาร คุณครูและเด็กนักเรียนในโรงเรียน ล้วนชื่นชอบที่มาอุดหนุนอาหาร เช้าที่แผงของเขา แต่ไม่มีใครรู้ว่า เจ้าทึ่มมีน้องสาวที่สวยงามน่ารักเรียนหนังสืออยู่ในโรงเรียน เพราะว่าน้องสาว แคร์มากกับการที่กลัวคนอื่นรู้ว่า เธอมีพี่ชายที่เป็นทึ่มคนหนึ่ง เจ้าทึ่มเป็นแต่ยิ้มๆแบบโง่ๆ ไม่ว่า จะเสียใจหรือดีใจ เจ้าทึ้มเพียรพยายามในการทำงานมาก แต่เขาไม่เคยใช้จ่ายเงิน ไม่มีใครรู้ว่าเขาพยายามที่จะหา เงินไว้เพื่ออะไร เวลาทำงานมือของเจ้าทึ่มมักจะได้รับบาดเจ็บบ่อยๆ รองเท้าที่สวมใส่ก็บ่อยครั้ง ที่จะหายไปข้างหนึ่ง น้องสาวเห็นแล้วก็จะพูดว่า " แค่หั่นผัก มือยังได้รับบาดเจ็บ รองเท้าก็ยัง หายอีก ทำไมไม่ทำให้ตัวเองหายไปด้วยล่ะ เป็นเจ้าทึ่มจริงๆ " เจ้าทึ่มได้ยินก็ยังคงยิ้มแบบโง่ๆ ไม่รู้ว่าดีใจหรือเสียใจ ทุกคืนก่อนนอน เจ้าทึ่มจะเขียนอะไรบางอย่างลงบนสมุดบันทึก น้องสาวอยากดูด้วยความประ- หลาดใจ แต่เจ้าทึ่มอย่างไรก็ไม่ยอมให้เธอดู เขียนเสร็จก็เก็บซ่อนไว้ น้องสาวเคยลองค้นหา หลายครั้ง แต่ก็ไม่เคยเจอ สุดท้ายก็เลิกสนใจว่า เขาเขียนอะไรอีก น้องสาวเรียนชั้นมัธยมต้นแล้ว เจ้าทึ่มก็ย้ายแผงขายของของเขาไปอยู่ไม่ห่างไกลจากโรงเรียน ทุกวันขายอาหารเช้าเสร็จ ก็จะเดินไปเดินมารอบๆบริเวณโรงเรียน วันหนึ่ง ยามที่เขาขายอาหาร เช้าอยู่ที่แผงของตนเอง ได้ยินเด็กนักเรียนหญิงสองคน พูดเอ่ยถึงชื่อของน้องสาวเขา บอกว่า เธอมาถึงชั้นเรียนตอนเช้า สีหน้าไม่สู้ดี ปวดเอวอย่างรุนแรง เจ้าทึ่มได้ยินเช่นนี้ อึ้งไปชั่วครู่ จากนั้นร้องเรียกชื่อของน้องสาวด้วยเสียงอันดังกะทันหัน ทิ้งงาน ที่อยู่ในมือแล้ววิ่งไปทางโรงเรียน ตะโกนเรียกชื่อของน้องสาวไม่หยุด ลุยฝ่ารปภ.ที่อยู่หน้าโรง เรียนและคุณครู ซึ่งคิดจะสกัดกั้นเขา เขาวิ่งไปที่ห้องรียนของน้องสาว เห็นน้องสาวฟุบอยู่กับ- โต๊ะ สีหน้าซีดเผือก เหงื่อไหลท่วมตัว เจ้าทึ่มครั้งนี้ไม่ได้ยิ้มแบบโง่ๆ ความกระวนกระวายเต็มทั้งใบหน้า ตะโกนร้องเรียกชื่อของน้อง- สาว แบกน้องสาวไว้ แล้ววิ่งไปที่โรงพยาบาล ระหว่างทางพบเห็นคุณครูในโรงเรียนถามเขา " เจ้าทำอะไรกัน รีบปล่อยเธอลง " เจ้าทึ่มเป็นเพราะความโมโหจนหน้าแดงก่ำ พูดว่า " เธอเป็นน้องสาวผม ผม..เป็นพี่ชายเธอ " ตลอดทางเจ้าทึ่มทวนประโยคนี้ซ้ำแล้วซ้ำเล่า แบกน้องสาววิ่งไปโรงพยาบาลที่อยู่ใกล้โรงเรียน คุณครูและเพื่อนนักเรียนในโรงเรียน ต่างตะลึง เพราะว่า ไม่เคยได้ยินได้รู้มาก่อนว่า เธอมีพี่ชาย เจ้าทึ่มมองดูน้องสาวอยู่หน้าห้องผู้ป่วย เธอฟื้นขึ้นมาแล้ว ส่วนเจ้าทึ่มเฝ้ารออยู่หน้าห้องผู้ป่วย สามวันสามคืนแล้ว คุณหมอที่รักษาเธอบอกกับเธอว่า " ไม่ต้องเป็นห่วงกังวล ค่ารักษาของเธอ พี่ชายเธอได้ตระเตรียมไว้เรียบร้อยแล้ว " น้องสาวเงยหน้าขึ้นด้วยความยากลำบาก มองไปที่พี่ชายทึ่มซึ่งอยู่หน้าห้อง ภายในนัยต์ตา- แสดงออกซึ่งข้อสงสัย เจ้าทึ่มเวลานี้ก็ได้กลับคืนสู่สภาพเดิม ยิ้มทึ่มๆให้กับน้องสาว แต่กลับไม่ กล้าเข้าไปในห้อง คุณหมอบอกกับน้องสาวว่า เขาไปซื้ออาหารเช้าที่แผงเจ้าทึ่มบ่อยๆนานมาแล้ว เขารู้ว่า ตลอดมา เจ้าทึ่มทำงานด้วยความขยันขันแข็ง อีกทั้งรู้ว่าเจ้าทึ่มไม่เคยใช้จ่ายเงิน เคยคิดสงสัย ไม่เข้าใจว่า เจ้าทึ่มทำมาหาเก็บเงินไว้มากมายเพื่ออะไร จวบจนกระทั่งวันนี้ เขาก็ได้เข้าใจแล้ว เพราะว่า ตอนที่เจ้าทึ่มแบกน้องสาวมาหาเขา เขาได้ตะ- โกนว่า " คุณแม่..ก็ตายด้วยแบบนี้..ขอร้องท่านช่วยน้องสาว..ผม..ไม่ต้องการให้น้องสาวตาย " ที่แท้ ตอนที่คุณแม่ของเจ้าทึ่มยังมีชีวิตอยู่ เคยบอกกับเจ้าทึ่มว่า น้องสาวของเขาก็มีโรคไตที่รุน แรง ให้เขาต้องดูแลน้องสาวเป็นอย่างดี คุณหมอบอกน้องสาวเขาว่า อาการป่วยของเธอจำต้อง เปลี่ยนไต ค่าใช้จ่ายในการเปลี่ยนไต พี่ชายทึ่มของเธอได้จ่ายจนเพียงพอแล้ว แต่ยังไม่สามารถ หาไตที่เหมาะสมได้ คุณหมอบอกกับน้องสาวว่า ยามที่เจ้าทึ่มรู้ว่าน้องสาวจำเป็นต้องเปลี่ยนไต ก็ได้ตะโกนบอกคุณ- หมอว่า " เอาของผม ผมเป็นพี่ชาย..ของเธอ " แต่ผลการตรวจปรากฎว่า ไตของเจ้าทึ่มก็ไม่- เหมาะสม หลังจากเจ้าทึ่มรู้ผลการตรวจ ท่าทางของเขาเศร้าสร้อยหงอยเหงามาก พูดตลอดเวลา ว่า " ผมเป็น..พี่ชายของเธอน่ะ " คุณหมอเข้าใจความหมายของเจ้าทึ่ม " ผมเป็นพี่ชายของเธอ ไตของผมทำไมจึงไม่สามารถ เปลี่ยนให้น้องสาว " สุดท้าย น้องสาวจึงได้รู้และเข้าใจว่า พี่ชายเป็นห่วงเป็นใยและรักเธอมาก มาย เจ้าทึ่มยังคงยืนมองดูน้องสาวอยู่หน้าห้อง ยิ้มอย่างโง่ๆ เวลานี้ น้องสาวน้ำตานองหน้าแล้ว มองดูพี่ชายทึ่มที่ตลอดมา ทำให้เธอมีความรู้สึกว่า อัปยศอด สู ใช้เสียงที่อ่อนแอบอกเขาว่า " เธอยืนอยู่นอกห้องทำอะไร ทำไมไม่เข้ามา " เจ้าทึ่มตะลึงไปชั่ว ครู่ พูดด้วยเสียงหวาดๆว่า " ผม..เข้าไปได้หรือ ?" น้องสาวที่น้ำตาคลอเบ้ายิ้มๆแล้วพยักหน้า เจ้าทึ่มเอามือไขว้หลังมาถึงเตียงผู้ป่วยของน้องสาว น้องสาวถามเขาว่า ทำไมต้องเอามือไขว้หลัง อีกทั้งยืนกรานต้องการจะดูมือของเขา เจ้าทึ่มยื่น มือออกมา บนมือพันไว้ด้วยผ้าพันแผล รองเท้าก็มีอยู่ข้างเดียว แผลที่มือมาจากถูกอะไรต่อมิอะไรเสียดสี ตอนที่พาร่างน้องสาวมาโรงพยาบาล ส่วนรองเท้าวิ่ง จนหลุดหายไปหนึ่งข้าง น้องสาวยังคงพูดแบบหน้านี้ว่า " ทำไมถึงทึ้มเช่นนี้ มือบาดเจ็บอีกแล้ว รองเท้าก็ยังมาหายอีก " แต่ครั้งนี้ขณะที่พูด ภายในนัยน์ตาของเธอเปี่ยมด้วยความอ่อนโยนและ เจ็บปวดหัวใจนี่เป็นครั้งแรกที่เขากลายเป็นเจ้าทึ่ม ในสภาพการณ์ที่น้องสาวของเขายินยอมให้ เขาเข้าใกล้ ผ่านไปวันแล้ววันเล่า อาการป่วยไข้ของน้องสาวทรุดหนักลงเรื่อยๆ บ่อยครั้งที่เข้าสู่สภาวะหมด สติ จากความกระตือรือร้นและเพียรพยายามของคุณหมอ สุดท้ายก็หาไตที่เหมาะสมได้ การผ่า ตัดประสบผลสำเร็จเป็นอย่างดี น้องสาวถูกช่วยให้หลุดพ้นจากเงื้อมมือมัจจุราช ทว่า..ยามที่เธอฟื้นขึ้นมา กลับไม่ได้เห็นใบหน้าที่ยิ้มทึ่มๆที่เธอคุ้นเคย คุณหมอบอกเธอว่า พี่ชาย เธอเพื่อต้องจ่ายค่ารักษาของเธอ ไปทำงานที่อยู่แดนไกลแล้ว รอจนกระทั่งเธอหายเป็นปกติแล้ว ก็จะมารับเธอกลับบ้าน บอกให้เธอพักฟื้นด้วยความโล่งใจ น้องสาวเว้นว่างไม่กี่วัน ก็จะได้รับจดหมายที่เขียนด้วยลายมือหวัดๆ นั่นเป็นจดหมายจากพี่ชายทึ่ เขียนถึงเธอ เนื้อหาเรียบง่าย อีกทั้งเหมือนๆกัน " ผมสบายดี เธอพักฟื้นให้หายในเร็ววัน " วันที่ออกจากโรงพยาบาล คุณหมอได้บอกเรื่องความเป็นจริงที่โหดร้ายกับน้องสาว เจ้าทึ่มไม่ได้ มารับน้องสาวที่โรงพยาบาล น้องสาวได้รับแต่ตุ๊กตาหมีกำมะหยี่ที่น่ารักตัวหนึ่ง ที่คุณหมอนำมา มอบให้ บนขาของตุ๊กตากำมะหยี่ตัวนั้น กลับเปื้อนด้วยคราบเลือด คุณหมอบอกกับเธอว่า เป็นเพราะค่าใช้จ่ายที่เจ้าทึ่มได้จ่ายไว้ เพียงพอแต่สำหรับเปลี่ยนไให้เธอ การนอนพักรักษาตัวในโรงพยาบาล ค่าใช้จ่ายก็มีจำนวนมาก เจ้าทึ่มเพื่อหาเงินมาจ่ายค่าพักอยู่ ในโรงพยาบาล ทุกวันนอกจากทำอาหารเช้าขายแล้ว ยังไปทำงานอย่างอื่นอีก ขอเพียงหาเงิน ได้ ขุดมูลก็ยังไม่กลัว ล้วนไปทำ คุณหมอได้บอกข่าวดีที่หาไตที่เหมาะสมได้แล้วแก่เจ้าทึ่ม ตอนที่มาเยี่ยมน้องสาว เขาก็ยังคงยิ้ม แบบโง่ๆเหมือนเดิม อีกทั้งมีมารยาทด้วยการโค้งคำนับให้กับคุณหมอ จากนั้นพูดกับคุณหมอว่า " ผม..จะไปซื้อของขวัญให้กับน้องสาว รอ..น้องสาว..ฟื้น..มอบให้เธอ..." เจ้าทึ่มนำพาร่างที่เหนื่อยล้า ไปซื้อตุ๊กตาหมีกำมะหยี่ที่ห้างฯด้วยความดีใจ อาจจะเป็นเพราะร่าง กายเหนื่อยล้าเกินไป จึงทำให้สติสะลึมสะลือ ยามที่เขาเตรียมจะกลับโรงพยาบาล ระหว่างที่ข้าม ถนน ถูกรถที่วิ่งด้วยความเร็วสูงชนจนกระเด็น ยามที่ส่งถึงโรงพยาบาลก็หมดสติไปแล้ว แต่ภายในมือยังคงกำถุงพลาสติกที่บรรจุตุ๊กตาหมีกำ- มะหยี่ไว้แน่น เลือดได้ไหลตามแขนหยดใส่ลงบนขาของตุ๊กตาหมี ก่อนสิ้นลมยังพูดกับคุณหมอ ว่า " หมี..ให้..น้องสาว "จากนั้นยิ้มอย่างโง่ๆแล้วจากไป ก็ไม่รู้ว่า เขาเสียใจหรือดีใจ คุณหมอบอกกับน้องสาวว่า จดหมายเหล่านั้นเป็นเขาที่ลอกเลียนแบบลายมือของเจ้าทึ่มเขียน ขึ้นมา เขาบอกเขารู้ดีว่า เจ้าทึ่มต้องไม่อยากให้เธอยังไม่หายดี แล้วรู้ข่าวว่า เขาไม่อยู่แล้วอย่าง แน่นอน คุณหมอบอกว่า เขาอยากช่วยเจ้าทึ่มสมความปรารถนา ดังนั้น จึงเขียนจดหมายเหล่า- นั้นขึ้นมา น้องสาวกอดตุ๊กตาหมีกำมะหยี่อย่างเหม่อลอย เนิ่นนานก็ไม่พูดอะไร เธอกลับไปบ้านอย่างเงียบ เงียบ ภายในบ้านเรียบง่าย แต่จัดเก็บเรียบร้อยยิ่ง โดยเฉพาะห้องของน้องสาว เรียบร้อยยิ่งกว่า ตอนที่เธออยู่ที่บ้านเสียอีก เพียงแต่พื้นผิวของเฟอร์นิเจอร์ได้ปกคลุมด้วยฝุ่นบางๆชั้นหนึ่งแล้ว บนโต๊ะหนังสือวางไว้ด้วยไม้ดอกกระถางหนึ่ง ดอกไม้กำลังเบ่งบานสีสันสดใส ข้างกระถางไม้ ดอกมีการ์ดที่สวยงามอยู่แผ่นหนึ่ง ด้านหลังเขียนด้วยลายมือหวัดๆว่า " ยินดีต้อนรับน้องสาว กลับบ้าน " เจ้าทึ่มรู้ว่า อีกไม่นานน้องสาวก็สามารถหายเป็นปกติ เตรียมตัวต้อนรับน้องสาวกลับบ้านแล้ว ทว่า ยามนี้ เธอจะไม่ได้ยินเสียงหัวเราะ ทึ่มๆนั้นอีกต่อไปแล้ว น้องสาวได้มาถึงห้องของเจ้าทึ่ม จัดเก็บของของเจ้าทึ่ม เธอได้พบเห็นสมุดบันทึกที่เธออยากจะได้อ่านมาโดยตลอด บนสมุดบัน ทึกยังมีกลิ่นของแซนด์วิชตกค้างอยู่ ภายในเป็นลายมือหวัดๆของเจ้าทึ่ม.... น้องสาวชอบนอนขี้เกียจ ขี้เซา ยามที่ตื่นตอนเช้าต้องไม่ส่งเสียงดัง อย่ารบกวนจนทำให้เธอตื่น น้องสาวช่วงเช้าไม่ชอบกินแซนด์วิช ชอบกินบะหมี่ เช้าตื่นขึ้นมาแล้ว ทำให้เธอก่อนแล้วจึงไปทำ งาน นีองสาวไม่ชอบผมเข้าไปในห้องของเธอ ไม่ชอบผมอยู่ใกล้ชิดเธอเกินไป ไม่ได้รับความเห็น ชอบจากเธอ ห้ามเข้าไปในห้องของเธอ น้องสาวไม่ชอบให้คนอื่นรู้ว่า ผมเป็นพี่ชายของเธอ ห้ามเด็ดขาดกับการให้เพื่อนนักเรียนของเธอ รู้ว่าผมเป็นพี่ชายของเธอ สุขภาพของน้องสาวไม่ดี แต่ห้ามเด็ดขาดที่จะให้เธอรู้ ว่าเธอมีอาการป่วยไข้เหมือนคุณแม่ ผม ต้องเพียรพยายามหาเงินให้น้องสาว...อาการป่วยไข้ของน้องสาวสามารถรักษาจนหายดีแล้ว... น้องสาวถือสมุดบันทึกของเจ้าทึ่ม แล้วเปล่งเสียงร่ำร้องไห้ออกมา ตั้งแต่นั้นมา ทุกคืนของทุกวัน น้องสาวก็เหมือนดั่งเจ้าทึ่มในอดีต ชื่นชอบที่จะนอนอยู่บนสนามหญ้าที่ลานบ้าน มองดูดวงดาว เพียงแต่ว่า ดวงดาวบนท้องฟ้าได้เพิ่มขึ้นมาอีกหนึ่งดวง นั่นคือ เจ้าทึ่มพี่ชายของเธอ แนบชิดอยู่ ใกล้คุณพ่อคุณแม่ พวกเขาล้วนอยู่บนฟ้ามองดูเธอ Niwat Rungvicha

พี่ชายที่แสนดี

ในหมู่บ้าน..มีเด็กทึ่มคนหนึ่ง ไม่ใช่ประเภทเป็นมาแต่กำเนิด เป็นเพราะถูกแก็สพิษ ในปีที่เขามี-
อายุห้าขวบจึงเป็นเช่นนี้ อีกทั้งคุณพ่อที่นอนอยู่ห้องเดียวกันกับเขา ใช้พละกำลังเท่าที่มีเหลืออยู่
ผลักเขาออกจากห้องแล้วก็ได้ลาจากโลกนี้ไป

ตั้งแต่นั้นมา เขาก็ได้แต่ยิ้มแบบโง่ๆ ไม่ว่าจะดีใจหรือเสียใจ กล่าวกันว่า เป็นเพราะสมองถูกทำ-
ลายไปบางส่วน เจ้าทึ่มยังมีคุณแม่ที่งดงามและน้องสาวที่น่ารักคนหนึ่ง เขามักจะถามคุณแม่บ่อย
บ่อยว่า คุณพ่อของเขาไปไหนแล้ว คุณแม่บอกกับเขาว่า " คุณพ่อตายแล้ว ท่านกลายเป็นดาวอยู่
บนท้องฟ้าแล้ว ท่านอยู่บนท้องฟ้ามองดูพวกเราอยู่ "

ดังนั้น เจ้าทึ่มทุกคืนจะนอนอยู่บนสนามหญ้าในลานบ้านมองดูดวงดาว มองไปยิ้มไปแบบทึ่มๆ
ตอนที่เจ้าทึ่มอายุสิบเอ็ดขวบ คุณแม่ที่รักเขา ก็ได้ตายจากด้วยโรคไต ก่อนตายได้กำชับเจ้าทึ่ม
ไว้ว่า ต้องดูแลน้องสาวให้ดีๆ

ยามนั้น น้องสาวของเขามีอายุเพียงหกขวบ เจ้าทึ้มได้แต่ยิ้มๆ ทุกคืนยังคงไปดูดวงดาว เขาบอก
ว่า ดวงดาวได้เพิ่มขึ้นอีกหนึ่งดวง นั่นคือคุณแม่ของเขา ดวงที่อยู่ข้างๆคือคุณพ่อ

จากการช่วยเหลือของผู้ใจบุญ เจ้าทึ่มได้ตั้งแผงขายแซนด์วิช แผงขายอยู่ไม่ห่างไกลจากโรง-
เรียนที่น้องสาวเรียนหนังสืออยู่ เจ้าทึ่มยามอยู่ที่บ้าน ไม่กล้าที่จะเข้าไปในห้องของน้องสาวเลย
เพราะว่าน้องสาวรังเกียจเขา น้องสาวใส่ใจมากกับการที่มีพี่ชายที่ทึ่มคนหนึ่ง

ทว่า..เขาชอบนั่งอยู่ตรงข้างๆประตู มองดูน้องสาวเขาอ่านหนังสือ ทุกครั้งที่น้องสาวมองมาทาง
เขา เขาก็จะคล้ายดั่งเด็กที่กระทำความผิด แอบซ่อนตัวไว้ จากนั้นก็ยิ้มแบบโง่ๆ ไม่รู้ว่าดีใจหรือ
เสียใจ

เจ้าทึ่มทุกๆเช้าจะตื่นแต่เช้า ทำอาหารเช้าให้น้องสาว แล้วจึงไปทำงานที่แผงขายของ หนึ่งเดียว
ที่ชื่นชอบในยามค่ำคืนก็คือ มองดูดวงดาว ฝีมือของเจ้าทึ่มสุดยอดมาก แซนด์วิชที่ทำออกมา-
เหมือนกันกับของภัตตาคาร คุณครูและเด็กนักเรียนในโรงเรียน ล้วนชื่นชอบที่มาอุดหนุนอาหาร
เช้าที่แผงของเขา

แต่ไม่มีใครรู้ว่า เจ้าทึ่มมีน้องสาวที่สวยงามน่ารักเรียนหนังสืออยู่ในโรงเรียน เพราะว่าน้องสาว
แคร์มากกับการที่กลัวคนอื่นรู้ว่า เธอมีพี่ชายที่เป็นทึ่มคนหนึ่ง เจ้าทึ่มเป็นแต่ยิ้มๆแบบโง่ๆ ไม่ว่า
จะเสียใจหรือดีใจ

เจ้าทึ้มเพียรพยายามในการทำงานมาก แต่เขาไม่เคยใช้จ่ายเงิน ไม่มีใครรู้ว่าเขาพยายามที่จะหา
เงินไว้เพื่ออะไร เวลาทำงานมือของเจ้าทึ่มมักจะได้รับบาดเจ็บบ่อยๆ รองเท้าที่สวมใส่ก็บ่อยครั้ง
ที่จะหายไปข้างหนึ่ง น้องสาวเห็นแล้วก็จะพูดว่า " แค่หั่นผัก มือยังได้รับบาดเจ็บ รองเท้าก็ยัง
หายอีก ทำไมไม่ทำให้ตัวเองหายไปด้วยล่ะ เป็นเจ้าทึ่มจริงๆ " เจ้าทึ่มได้ยินก็ยังคงยิ้มแบบโง่ๆ ไม่รู้ว่าดีใจหรือเสียใจ

ทุกคืนก่อนนอน เจ้าทึ่มจะเขียนอะไรบางอย่างลงบนสมุดบันทึก น้องสาวอยากดูด้วยความประ-
หลาดใจ แต่เจ้าทึ่มอย่างไรก็ไม่ยอมให้เธอดู เขียนเสร็จก็เก็บซ่อนไว้ น้องสาวเคยลองค้นหา
หลายครั้ง แต่ก็ไม่เคยเจอ สุดท้ายก็เลิกสนใจว่า เขาเขียนอะไรอีก

น้องสาวเรียนชั้นมัธยมต้นแล้ว เจ้าทึ่มก็ย้ายแผงขายของของเขาไปอยู่ไม่ห่างไกลจากโรงเรียน
ทุกวันขายอาหารเช้าเสร็จ ก็จะเดินไปเดินมารอบๆบริเวณโรงเรียน วันหนึ่ง ยามที่เขาขายอาหาร
เช้าอยู่ที่แผงของตนเอง ได้ยินเด็กนักเรียนหญิงสองคน พูดเอ่ยถึงชื่อของน้องสาวเขา บอกว่า
เธอมาถึงชั้นเรียนตอนเช้า สีหน้าไม่สู้ดี ปวดเอวอย่างรุนแรง

เจ้าทึ่มได้ยินเช่นนี้ อึ้งไปชั่วครู่ จากนั้นร้องเรียกชื่อของน้องสาวด้วยเสียงอันดังกะทันหัน ทิ้งงาน
ที่อยู่ในมือแล้ววิ่งไปทางโรงเรียน ตะโกนเรียกชื่อของน้องสาวไม่หยุด ลุยฝ่ารปภ.ที่อยู่หน้าโรง
เรียนและคุณครู ซึ่งคิดจะสกัดกั้นเขา เขาวิ่งไปที่ห้องรียนของน้องสาว เห็นน้องสาวฟุบอยู่กับ-
โต๊ะ สีหน้าซีดเผือก เหงื่อไหลท่วมตัว

เจ้าทึ่มครั้งนี้ไม่ได้ยิ้มแบบโง่ๆ ความกระวนกระวายเต็มทั้งใบหน้า ตะโกนร้องเรียกชื่อของน้อง-
สาว แบกน้องสาวไว้ แล้ววิ่งไปที่โรงพยาบาล ระหว่างทางพบเห็นคุณครูในโรงเรียนถามเขา "
เจ้าทำอะไรกัน รีบปล่อยเธอลง "

เจ้าทึ่มเป็นเพราะความโมโหจนหน้าแดงก่ำ พูดว่า " เธอเป็นน้องสาวผม ผม..เป็นพี่ชายเธอ "
ตลอดทางเจ้าทึ่มทวนประโยคนี้ซ้ำแล้วซ้ำเล่า แบกน้องสาววิ่งไปโรงพยาบาลที่อยู่ใกล้โรงเรียน
คุณครูและเพื่อนนักเรียนในโรงเรียน ต่างตะลึง เพราะว่า ไม่เคยได้ยินได้รู้มาก่อนว่า เธอมีพี่ชาย

เจ้าทึ่มมองดูน้องสาวอยู่หน้าห้องผู้ป่วย เธอฟื้นขึ้นมาแล้ว ส่วนเจ้าทึ่มเฝ้ารออยู่หน้าห้องผู้ป่วย
สามวันสามคืนแล้ว คุณหมอที่รักษาเธอบอกกับเธอว่า " ไม่ต้องเป็นห่วงกังวล ค่ารักษาของเธอ
พี่ชายเธอได้ตระเตรียมไว้เรียบร้อยแล้ว "

น้องสาวเงยหน้าขึ้นด้วยความยากลำบาก มองไปที่พี่ชายทึ่มซึ่งอยู่หน้าห้อง ภายในนัยต์ตา-
แสดงออกซึ่งข้อสงสัย เจ้าทึ่มเวลานี้ก็ได้กลับคืนสู่สภาพเดิม ยิ้มทึ่มๆให้กับน้องสาว แต่กลับไม่
กล้าเข้าไปในห้อง

คุณหมอบอกกับน้องสาวว่า เขาไปซื้ออาหารเช้าที่แผงเจ้าทึ่มบ่อยๆนานมาแล้ว เขารู้ว่า ตลอดมา
เจ้าทึ่มทำงานด้วยความขยันขันแข็ง อีกทั้งรู้ว่าเจ้าทึ่มไม่เคยใช้จ่ายเงิน เคยคิดสงสัย ไม่เข้าใจว่า
เจ้าทึ่มทำมาหาเก็บเงินไว้มากมายเพื่ออะไร

จวบจนกระทั่งวันนี้ เขาก็ได้เข้าใจแล้ว เพราะว่า ตอนที่เจ้าทึ่มแบกน้องสาวมาหาเขา เขาได้ตะ-
โกนว่า " คุณแม่..ก็ตายด้วยแบบนี้..ขอร้องท่านช่วยน้องสาว..ผม..ไม่ต้องการให้น้องสาวตาย "

ที่แท้ ตอนที่คุณแม่ของเจ้าทึ่มยังมีชีวิตอยู่ เคยบอกกับเจ้าทึ่มว่า น้องสาวของเขาก็มีโรคไตที่รุน
แรง ให้เขาต้องดูแลน้องสาวเป็นอย่างดี คุณหมอบอกน้องสาวเขาว่า อาการป่วยของเธอจำต้อง
เปลี่ยนไต ค่าใช้จ่ายในการเปลี่ยนไต พี่ชายทึ่มของเธอได้จ่ายจนเพียงพอแล้ว แต่ยังไม่สามารถ
หาไตที่เหมาะสมได้

คุณหมอบอกกับน้องสาวว่า ยามที่เจ้าทึ่มรู้ว่าน้องสาวจำเป็นต้องเปลี่ยนไต ก็ได้ตะโกนบอกคุณ-
หมอว่า " เอาของผม ผมเป็นพี่ชาย..ของเธอ " แต่ผลการตรวจปรากฎว่า ไตของเจ้าทึ่มก็ไม่-
เหมาะสม หลังจากเจ้าทึ่มรู้ผลการตรวจ ท่าทางของเขาเศร้าสร้อยหงอยเหงามาก พูดตลอดเวลา
ว่า " ผมเป็น..พี่ชายของเธอน่ะ "

คุณหมอเข้าใจความหมายของเจ้าทึ่ม " ผมเป็นพี่ชายของเธอ ไตของผมทำไมจึงไม่สามารถ
เปลี่ยนให้น้องสาว " สุดท้าย น้องสาวจึงได้รู้และเข้าใจว่า พี่ชายเป็นห่วงเป็นใยและรักเธอมาก
มาย เจ้าทึ่มยังคงยืนมองดูน้องสาวอยู่หน้าห้อง ยิ้มอย่างโง่ๆ

เวลานี้ น้องสาวน้ำตานองหน้าแล้ว มองดูพี่ชายทึ่มที่ตลอดมา ทำให้เธอมีความรู้สึกว่า อัปยศอด
สู ใช้เสียงที่อ่อนแอบอกเขาว่า " เธอยืนอยู่นอกห้องทำอะไร ทำไมไม่เข้ามา " เจ้าทึ่มตะลึงไปชั่ว
ครู่ พูดด้วยเสียงหวาดๆว่า " ผม..เข้าไปได้หรือ ?"

น้องสาวที่น้ำตาคลอเบ้ายิ้มๆแล้วพยักหน้า เจ้าทึ่มเอามือไขว้หลังมาถึงเตียงผู้ป่วยของน้องสาว
น้องสาวถามเขาว่า ทำไมต้องเอามือไขว้หลัง อีกทั้งยืนกรานต้องการจะดูมือของเขา เจ้าทึ่มยื่น
มือออกมา บนมือพันไว้ด้วยผ้าพันแผล รองเท้าก็มีอยู่ข้างเดียว

แผลที่มือมาจากถูกอะไรต่อมิอะไรเสียดสี ตอนที่พาร่างน้องสาวมาโรงพยาบาล ส่วนรองเท้าวิ่ง
จนหลุดหายไปหนึ่งข้าง น้องสาวยังคงพูดแบบหน้านี้ว่า " ทำไมถึงทึ้มเช่นนี้ มือบาดเจ็บอีกแล้ว
รองเท้าก็ยังมาหายอีก " แต่ครั้งนี้ขณะที่พูด ภายในนัยน์ตาของเธอเปี่ยมด้วยความอ่อนโยนและ
เจ็บปวดหัวใจนี่เป็นครั้งแรกที่เขากลายเป็นเจ้าทึ่ม ในสภาพการณ์ที่น้องสาวของเขายินยอมให้ เขาเข้าใกล้

ผ่านไปวันแล้ววันเล่า อาการป่วยไข้ของน้องสาวทรุดหนักลงเรื่อยๆ บ่อยครั้งที่เข้าสู่สภาวะหมด
สติ จากความกระตือรือร้นและเพียรพยายามของคุณหมอ สุดท้ายก็หาไตที่เหมาะสมได้ การผ่า
ตัดประสบผลสำเร็จเป็นอย่างดี น้องสาวถูกช่วยให้หลุดพ้นจากเงื้อมมือมัจจุราช

ทว่า..ยามที่เธอฟื้นขึ้นมา กลับไม่ได้เห็นใบหน้าที่ยิ้มทึ่มๆที่เธอคุ้นเคย คุณหมอบอกเธอว่า พี่ชาย
เธอเพื่อต้องจ่ายค่ารักษาของเธอ ไปทำงานที่อยู่แดนไกลแล้ว รอจนกระทั่งเธอหายเป็นปกติแล้ว
ก็จะมารับเธอกลับบ้าน บอกให้เธอพักฟื้นด้วยความโล่งใจ

น้องสาวเว้นว่างไม่กี่วัน ก็จะได้รับจดหมายที่เขียนด้วยลายมือหวัดๆ นั่นเป็นจดหมายจากพี่ชายทึ่
เขียนถึงเธอ เนื้อหาเรียบง่าย อีกทั้งเหมือนๆกัน " ผมสบายดี เธอพักฟื้นให้หายในเร็ววัน "

วันที่ออกจากโรงพยาบาล คุณหมอได้บอกเรื่องความเป็นจริงที่โหดร้ายกับน้องสาว เจ้าทึ่มไม่ได้
มารับน้องสาวที่โรงพยาบาล น้องสาวได้รับแต่ตุ๊กตาหมีกำมะหยี่ที่น่ารักตัวหนึ่ง ที่คุณหมอนำมา
มอบให้ บนขาของตุ๊กตากำมะหยี่ตัวนั้น กลับเปื้อนด้วยคราบเลือด

คุณหมอบอกกับเธอว่า เป็นเพราะค่าใช้จ่ายที่เจ้าทึ่มได้จ่ายไว้ เพียงพอแต่สำหรับเปลี่ยนไให้เธอ
การนอนพักรักษาตัวในโรงพยาบาล ค่าใช้จ่ายก็มีจำนวนมาก เจ้าทึ่มเพื่อหาเงินมาจ่ายค่าพักอยู่
ในโรงพยาบาล ทุกวันนอกจากทำอาหารเช้าขายแล้ว ยังไปทำงานอย่างอื่นอีก ขอเพียงหาเงิน
ได้ ขุดมูลก็ยังไม่กลัว ล้วนไปทำ

คุณหมอได้บอกข่าวดีที่หาไตที่เหมาะสมได้แล้วแก่เจ้าทึ่ม ตอนที่มาเยี่ยมน้องสาว เขาก็ยังคงยิ้ม
แบบโง่ๆเหมือนเดิม อีกทั้งมีมารยาทด้วยการโค้งคำนับให้กับคุณหมอ จากนั้นพูดกับคุณหมอว่า
" ผม..จะไปซื้อของขวัญให้กับน้องสาว รอ..น้องสาว..ฟื้น..มอบให้เธอ..."

เจ้าทึ่มนำพาร่างที่เหนื่อยล้า ไปซื้อตุ๊กตาหมีกำมะหยี่ที่ห้างฯด้วยความดีใจ อาจจะเป็นเพราะร่าง
กายเหนื่อยล้าเกินไป จึงทำให้สติสะลึมสะลือ ยามที่เขาเตรียมจะกลับโรงพยาบาล ระหว่างที่ข้าม
ถนน ถูกรถที่วิ่งด้วยความเร็วสูงชนจนกระเด็น

ยามที่ส่งถึงโรงพยาบาลก็หมดสติไปแล้ว แต่ภายในมือยังคงกำถุงพลาสติกที่บรรจุตุ๊กตาหมีกำ-
มะหยี่ไว้แน่น เลือดได้ไหลตามแขนหยดใส่ลงบนขาของตุ๊กตาหมี ก่อนสิ้นลมยังพูดกับคุณหมอ
ว่า " หมี..ให้..น้องสาว "จากนั้นยิ้มอย่างโง่ๆแล้วจากไป ก็ไม่รู้ว่า เขาเสียใจหรือดีใจ

คุณหมอบอกกับน้องสาวว่า จดหมายเหล่านั้นเป็นเขาที่ลอกเลียนแบบลายมือของเจ้าทึ่มเขียน
ขึ้นมา เขาบอกเขารู้ดีว่า เจ้าทึ่มต้องไม่อยากให้เธอยังไม่หายดี แล้วรู้ข่าวว่า เขาไม่อยู่แล้วอย่าง
แน่นอน คุณหมอบอกว่า เขาอยากช่วยเจ้าทึ่มสมความปรารถนา ดังนั้น จึงเขียนจดหมายเหล่า-
นั้นขึ้นมา

น้องสาวกอดตุ๊กตาหมีกำมะหยี่อย่างเหม่อลอย เนิ่นนานก็ไม่พูดอะไร เธอกลับไปบ้านอย่างเงียบ
เงียบ ภายในบ้านเรียบง่าย แต่จัดเก็บเรียบร้อยยิ่ง โดยเฉพาะห้องของน้องสาว เรียบร้อยยิ่งกว่า
ตอนที่เธออยู่ที่บ้านเสียอีก เพียงแต่พื้นผิวของเฟอร์นิเจอร์ได้ปกคลุมด้วยฝุ่นบางๆชั้นหนึ่งแล้ว

บนโต๊ะหนังสือวางไว้ด้วยไม้ดอกกระถางหนึ่ง ดอกไม้กำลังเบ่งบานสีสันสดใส ข้างกระถางไม้
ดอกมีการ์ดที่สวยงามอยู่แผ่นหนึ่ง ด้านหลังเขียนด้วยลายมือหวัดๆว่า " ยินดีต้อนรับน้องสาว
กลับบ้าน "

เจ้าทึ่มรู้ว่า อีกไม่นานน้องสาวก็สามารถหายเป็นปกติ เตรียมตัวต้อนรับน้องสาวกลับบ้านแล้ว ทว่า ยามนี้ เธอจะไม่ได้ยินเสียงหัวเราะ ทึ่มๆนั้นอีกต่อไปแล้ว น้องสาวได้มาถึงห้องของเจ้าทึ่ม
จัดเก็บของของเจ้าทึ่ม เธอได้พบเห็นสมุดบันทึกที่เธออยากจะได้อ่านมาโดยตลอด บนสมุดบัน
ทึกยังมีกลิ่นของแซนด์วิชตกค้างอยู่ ภายในเป็นลายมือหวัดๆของเจ้าทึ่ม....

น้องสาวชอบนอนขี้เกียจ ขี้เซา ยามที่ตื่นตอนเช้าต้องไม่ส่งเสียงดัง อย่ารบกวนจนทำให้เธอตื่น
น้องสาวช่วงเช้าไม่ชอบกินแซนด์วิช ชอบกินบะหมี่ เช้าตื่นขึ้นมาแล้ว ทำให้เธอก่อนแล้วจึงไปทำ
งาน

นีองสาวไม่ชอบผมเข้าไปในห้องของเธอ ไม่ชอบผมอยู่ใกล้ชิดเธอเกินไป ไม่ได้รับความเห็น
ชอบจากเธอ ห้ามเข้าไปในห้องของเธอ น้องสาวไม่ชอบให้คนอื่นรู้ว่า ผมเป็นพี่ชายของเธอ ห้ามเด็ดขาดกับการให้เพื่อนนักเรียนของเธอ รู้ว่าผมเป็นพี่ชายของเธอ

สุขภาพของน้องสาวไม่ดี แต่ห้ามเด็ดขาดที่จะให้เธอรู้ ว่าเธอมีอาการป่วยไข้เหมือนคุณแม่ ผม
ต้องเพียรพยายามหาเงินให้น้องสาว...อาการป่วยไข้ของน้องสาวสามารถรักษาจนหายดีแล้ว...

น้องสาวถือสมุดบันทึกของเจ้าทึ่ม แล้วเปล่งเสียงร่ำร้องไห้ออกมา ตั้งแต่นั้นมา ทุกคืนของทุกวัน น้องสาวก็เหมือนดั่งเจ้าทึ่มในอดีต ชื่นชอบที่จะนอนอยู่บนสนามหญ้าที่ลานบ้าน มองดูดวงดาว
เพียงแต่ว่า ดวงดาวบนท้องฟ้าได้เพิ่มขึ้นมาอีกหนึ่งดวง นั่นคือ เจ้าทึ่มพี่ชายของเธอ แนบชิดอยู่
ใกล้คุณพ่อคุณแม่ พวกเขาล้วนอยู่บนฟ้ามองดูเธอ

Niwat Rungvicha

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น