วันอาทิตย์ที่ 31 กรกฎาคม พ.ศ. 2559

มองผ่านชีวิตเมื่อชีวิตต้องดำเนินต่อไปเสมอจะก้าวผ่านทุกข์หรือสุขสักกี่ครั้งกันถึงจะกลับหลังหันไปดูบทเรียนชีวิตที่ผ่านมาทำไมถึงผิดพลาดทำไมไม่รวยเสียทีทำไมลำบากยากจนขนาดนี้ มีแต่หนี้สินเมื่อไหร่จะลืมตาอ้าปากได้รอโชคชะตาฟ้าบันดาลกระนั้นหรือ??เครื่องรางของขลังเห็นขายกันเกลื่อนเฟสแชร์แล้วจะโชคดีใส่สร้อยเส้นนี้เงินไหลเข้าบ้านถ้าไม่ทำงาน หรือทำบ้างไม่ทำบ้างเงินมันจะมาจากไหนสิ่งศักดิ์สิทธิ์ท่านคงมองแล้วส่ายหน้า พระเจ้าคงไม่ใจดีแจกเงินให้คนขี้เกียจบางคนซื้อสร้อย กำไล มาใส่แขน ใส่อยู่สามเดือนมีตุ๊กตาเทพมาถอดสร้อยทิ้งวางฝุ่นเขรอะอุ้มลูกเทพเดินเที่ยวชีวิตที่ไร้ที่ยึดเหนี่ยว เคว้งคว้าง เห็นขอนไม้ลอยมาคิดว่าเทพเจ้าบันดาลโชค คว้าจับไม้ เมื่อไม่ใช่ก็ปล่อยทิ้งไปหาจับใหม่วนเวียนเช่นนี้ร่ำไปเพราะเราไม่เคยวางชีวิตไว้ในอุ้งมือตนเองฝากอนาคตไว้กับคนอื่นไม่มีทางลัดใดๆที่มาจากการไม่ลงมือทำลงมือทำ ผลลัพท์จึงเกิดใส่พริกแห้งลงเครื่องปั่น ออกมาเป็นพริกป่นใส่ความดีลงในชีวิต ชีวิตต้องออกมาดีไม่มีการเปลี่ยนเป็นเลวไปได้ถ้าชีวิตวันนี้มันออกมาบัดซบนักก็ลองย้อนกลับไปดู....ว่าใส่อะไรลงไปในชีวิตแล้วแก้ไขเสียด้วยมือตัวเองเห็นแล้วแก้ทันทีไม่มีคำว่าสายอยากรวย....ก็ต้องใส่การทำงานที่มีอนาคตใส่วิธีการที่ถูกต้อง ใส่ความคิดการกระทำบดโม่ลงไป....แล้วมันยังไม่รวย....ก็ทำใหม่ชีวิตมันก็แค่นี้เองไม่มีอะไรมากไม่ทำงานก็ไม่มีเงินใช้เงินมากกว่าหามามันก็จนมองผ่านชีวิตแบบไม่เข้าข้างตัวเองบ้างแล้วขยับร่างกายส่ายหัวใจจังหวะ....ร้อคแอนด์โรล.....สักครั้งชีวิตมันจะได้มีแรงไปต่ออย่ามัวท้ออย่ามัวรอโชคชะตาเร่งให้สุดแรง.....ชีวิตที่ดีรออยู่ไม่ไกลด้วยรักแม่กะละมังCr. Miracle lifeCr. ภาพจาก,pinterest

มองผ่านชีวิต
เมื่อชีวิตต้องดำเนินต่อไปเสมอ
จะก้าวผ่านทุกข์หรือสุขสักกี่ครั้งกัน
ถึงจะกลับหลังหันไปดูบทเรียนชีวิตที่ผ่านมา
ทำไมถึงผิดพลาด
ทำไมไม่รวยเสียที
ทำไมลำบากยากจนขนาดนี้ มีแต่หนี้สิน
เมื่อไหร่จะลืมตาอ้าปากได้
รอโชคชะตาฟ้าบันดาลกระนั้นหรือ??
เครื่องรางของขลังเห็นขายกันเกลื่อนเฟส
แชร์แล้วจะโชคดี
ใส่สร้อยเส้นนี้เงินไหลเข้าบ้าน
ถ้าไม่ทำงาน หรือทำบ้างไม่ทำบ้าง
เงินมันจะมาจากไหน
สิ่งศักดิ์สิทธิ์ท่านคงมองแล้วส่ายหน้า
พระเจ้าคงไม่ใจดีแจกเงินให้คนขี้เกียจ
บางคนซื้อสร้อย กำไล มาใส่แขน ใส่อยู่สามเดือน
มีตุ๊กตาเทพมาถอดสร้อยทิ้งวางฝุ่นเขรอะ
อุ้มลูกเทพเดินเที่ยว
ชีวิตที่ไร้ที่ยึดเหนี่ยว เคว้งคว้าง
เห็นขอนไม้ลอยมาคิดว่าเทพเจ้าบันดาลโชค
คว้าจับไม้ เมื่อไม่ใช่ก็ปล่อยทิ้งไปหาจับใหม่
วนเวียนเช่นนี้ร่ำไป
เพราะเราไม่เคยวางชีวิตไว้ในอุ้งมือตนเอง
ฝากอนาคตไว้กับคนอื่น
ไม่มีทางลัดใดๆที่มาจากการไม่ลงมือทำ
ลงมือทำ ผลลัพท์จึงเกิด
ใส่พริกแห้งลงเครื่องปั่น ออกมาเป็นพริกป่น
ใส่ความดีลงในชีวิต ชีวิตต้องออกมาดี
ไม่มีการเปลี่ยนเป็นเลวไปได้
ถ้าชีวิตวันนี้มันออกมาบัดซบนัก
ก็ลองย้อนกลับไปดู....ว่าใส่อะไรลงไปในชีวิต
แล้วแก้ไขเสียด้วยมือตัวเอง
เห็นแล้วแก้ทันทีไม่มีคำว่าสาย
อยากรวย....ก็ต้องใส่การทำงานที่มีอนาคต
ใส่วิธีการที่ถูกต้อง ใส่ความคิดการกระทำ
บดโม่ลงไป....
แล้วมันยังไม่รวย....ก็ทำใหม่
ชีวิตมันก็แค่นี้เอง
ไม่มีอะไรมาก
ไม่ทำงานก็ไม่มีเงิน
ใช้เงินมากกว่าหามามันก็จน
มองผ่านชีวิตแบบไม่เข้าข้างตัวเองบ้าง
แล้วขยับร่างกายส่ายหัวใจจังหวะ....
ร้อคแอนด์โรล.....สักครั้ง
ชีวิตมันจะได้มีแรงไปต่อ
อย่ามัวท้อ
อย่ามัวรอโชคชะตา
เร่งให้สุดแรง.....ชีวิตที่ดีรออยู่ไม่ไกล
ด้วยรัก
แม่กะละมัง
Cr. Miracle life
Cr. ภาพจาก,pinterest

" ช็อกโกแลต "บั๊ดเป็นเด็กชายตัวเล็ก ๆ อายุ 10 ขวบ วันหนึ่งป้าของบั๊ดมาเยี่ยมครอบครัวของบั๊ดที่บ้าน ป้าเพิ่งไปเที่ยวต่างประเทศมาจึงซื้อของมาฝาก พ่อ แม่ และบั๊ดมากมาย แต่ที่บั๊ดเห็นแล้วตาลุกวาวคือช็อกโกแลตแท่งโตที่ป้าบอกว่าเป็นยี่ห้อที่อร่อยที่สุดของประเทศนั้นความจริงบั๊ดเป็นเด็กเอื้อเฟื้อคนหนึ่ง แต่ครั้งนี้เขาเลือกที่จะเก็บช็อกโกแลตไว้กินคนเดียว เพราะเป็นสิ่งที่เขาชอบมาก ดังนั้นเมื่อป้ากลับไปแล้วบั๊ดจึงคว้าช็อกโกแลตแล้ววิ่งเข้าไปในห้องนอนของตัวเองทันทีโดยที่พ่อและแม่ไม่ทันได้สังเกตเห็น“เอาเข้ามากินในห้องอย่างนี้ไม่มีใครแย่งเราได้ เราจะได้กินช็อกโกแลตแท่งนี้ให้เต็มที่ไปเลย” บั๊ดพูดกับตัวเองด้วยความกระหยิ่มยิ้มย่องบั๊ดลงมือแกะห่อช็อกโกแลตพลางจินตนาการถึงรสชาติเข้มข้นหวานมันที่กำลังจะแตะลิ้นในอีกไม่กี่วินาทีข้างหน้า แต่แล้วจู่ ๆ ก็มีเสียงร้อง เรียกชื่อเขาดังมาจากหน้าบ้าน“บั๊ด บั๊ด ยู้ฮู! บั๊ด”เสียงเรียกแบบนี้คงเป็นใครไปไม่ได้นอกจากเพื่อน ๆ ของเขาเอง พวกนั้นคงชวนไปเตะฟุตบอลเหมือนทุกวัน แต่วันบั๊ดแสร้งทำหูทวนลมเสีย เพราะเขาอยากกินช็อกโกแลตมากกว่าออกไปวิ่งเล่น“บั๊ด บั๊ด เฮ้! บั๊ด อย่ามาทำไก๋ เรารู้นะว่านายอยู่บ้าน นั่นไง รองเท้านายวางอยู่นั่น เราเห็นนะเพื่อน”เพื่อนของบั๊ดฉลาดเป็นกรด บั๊ดจึงต้องวางช็อกโกแลตแล้ววิ่งไปที่หน้าต่าง“โทษทีเราหลับอยู่ พวกนายมีอะไรหรือเปล่า” บั๊ดชะโงกหน้าออกไปถามจึงได้รู้ว่าเพื่อน ๆ มากันหลายคนทีเดียว เพื่อนคนที่ตะโกนเรียกบั๊ดตอบว่า“จะมีอะไรล่ะ ก็มาชวนไปเตะบอลน่ะสิ นายนัดพวกเราเองนะ จำไม่ได้รึไง”“วันนี้เราไปไม่ได้แล้ว พวกนายไปเล่นกันก่อนเถอะ”“ทำไมล่ะ”“เรา…” บั๊ดคิดคำแก้ตัว “อ้อ ใช่แล้ว เราต้องทำการบ้าน”“การบ้านอะไร” เพื่อนอีกคนถามขึ้น บั๊ดจึงได้รู้ว่ามีคนที่เรียนห้องเดียวกันกับเขาปะปนอยู่ในกลุ่มนั้นด้วย บั๊ดตกใจ “ไม่มีสักหน่อยนี่นา” เพื่อนห้องเดียวกันคนนั้นหันไปพูดกับคนอื่น ๆ แล้วเด็กชายที่ตะโกนเรียกบั๊ดจึงร้องถามบั๊ดว่า“เฮ้ บั๊ด นายเป็นอะไรกันแน่..หรือว่าพ่อซื้อเกมใหม่มาให้แล้วแอบเล่นคนเดียว..ดีล่ะ พวกเราจะขึ้นไปบุกห้องนอนเพื่อเล่นเกมสุดมันนั้นด้วย”‘ถ้าพวกนี้มาเห็นช็อกโกแลตเรา เราก็จำต้องแบ่งให้ แล้วจะเหลือกินเองสักเท่าไรล่ะ’ สมองของบั๊ดคิดเรื่องช็อกโกแลตขึ้นมาทันที แล้วปากเขาก็ร้องขึ้นเร็วเท่าความคิดว่า“ไม่มี ๆ ไม่มีอะไรทั้งนั้น เอาล่ะ ๆ เราจะลงไปเดี๋ยวนี้ พวกนายรออยู่ตรงนั้นแหละ”พูดจบบั๊ดก็วิ่งกลับมาที่เตียงนอนแล้วเอาช็อกโกแลตที่แกะค้างไว้แต่ยังไม่ได้กินแม้แต่น้อยซุกไว้ใต้ผ้าปูที่นอน เพราะเป็นที่ที่เขาแน่ใจว่าจะปลอดภัยจากมนุษย์ทุกคนในโลก จากนั้นจึงวิ่งลงไปหาเพื่อน ๆ ที่รออยู่ด้านล่างเด็ก ๆ เล่นฟุตบอลกันตั้งแต่บ่ายถึงเย็นจึงชวนกันเลิก วันนี้ทุกคนยังไม่กลับบ้านของตัวเองทันที แต่กลับชวนกันไปเล่นที่บ้านของบั๊ดต่อ บั๊ดซึ่งมีใจพะวงถึงแต่ช็อกโกแลตใต้ผ้าปูที่นอนอยู่ตลอดเวลาจำต้องตอบรับคำขอของเพื่อนๆ อย่างเสียไม่ได้ปกติเวลาบั๊ดชวนเพื่อน ๆ มาเล่นที่บ้าน เขาจะพาเพื่อน ๆ ขึ้นไปเล่นบนห้องนอน แต่วันนี้บั๊ดไม่เอ่ยปากชวนใครขึ้นไปบนห้องนอนของเขาเลย ดีที่แม่ของบั๊ดทำขนมอบไว้จึงนำขนมอบและน้ำหวานมาให้บั๊ดและเพื่อน ๆ กินกันอย่างอิ่มหนำสำราญ ทุกคนสนุกสนานเฮฮายกเว้นบั๊ด แต่ก็ไม่มีใครสังเกตเห็น‘เมื่อไรเจ้าพวกนี้จะกลับไปเสียทีนะ เราเสียเวลาอยู่กับพวกมันมาทั้งวันแล้ว เราอยากกินช็อกโกแลตของเราเสียที’ บั๊ดคิดซ้ำไปซ้ำมาด้วยความหงุดหงิดกระทั่งถึงเวลาอาหารเย็น เด็ก ๆ จึงขอตัวกลับบ้าน บั๊ดดีใจมากแต่ต้องเก็บซ่อนอาการไว้ ครั้นเพื่อน ๆ กลับไปจนหมดแล้ว บั๊ดจึงรีบวิ่งขึ้นบันไดแต่สวนกับพ่อที่เดินลงมา และถามบั๊ดว่า“ลูกเห็นช็อกโกแลตที่ป้าซื้อมาฝากบ้างไหม เห็นป้าบอกว่าอร่อยนักหนา พ่อก็เลยจะชิมดูเสียหน่อยว่ารสชาติเป็นอย่างไร แต่หาเท่าไรก็หาไม่เจอสักที”บั๊ดอึก ๆ อัก ๆ เพราะไม่ค่อยอยากแบ่งช็อกโกแลตให้ใคร แต่เมื่อเป็นพ่อก็ไม่อาจปฏิเสธได้ ดังนั้นเขาจึงพาพ่อไปที่ห้องนอนและเปิดผ้าปูที่นอนออก ทันทีที่ได้เห็นของวางอยู่ สองพ่อลูกร้องออกมาด้วยความตกใจช็อกโกแลตแท่งนั้นยังวางอยู่ที่เดิม แต่ไม่อยู่ในสภาพที่จะกินได้อีกต่อไป เนื่องจากกองทัพมดได้จัดการกัดกินช็อกโกแลตแท่งนั้นจนกลายเป็นรูพรุนไปเสียทั้งแท่ง พ่อของบั๊ดจึงต้องเอาช็อกโกแลตแท่งนั้นไปทิ้งถังขยะก่อนจะมาสอบถามความจริงจากบั๊ดซึ่งทำหน้าเหมือนจะร้องไห้อยู่รอมร่อเมื่อรู้ความจริงทั้งหมดแล้ว พ่อก็พูดกับบั๊ดว่า “เพราะลูกแกะซองช็อกโกแลตทิ้งไว้ มดจึงได้กลิ่นและไปบอกเพื่อน ๆ ของมันให้มากินช็อกโกแลตด้วยกัน นั่นเป็นเพราะพวกมันไม่หวงสิ่งดี ๆ ไว้กับตนเพียงตนเดียว แต่รู้จักแบ่งปันสิ่งดี ๆ นั้นให้กับเพื่อน ๆ ของมันด้วย มดทุกตัวจึงได้กินช็อกโกแลตอร่อยแท่งนี้อย่างมีความสุข แต่สำหรับลูก ลูกคิดแต่จะกินให้อร่อยคนเดียว อยากมีความสุขเพียงคนเดียว สุดท้ายลูกก็จะไม่เหลืออะไรอย่างนี้เอง จำไว้นะ สิ่งดี ๆ มีไว้แบ่งปัน มิใช่เก็บไว้กับตัวเอง”บั๊ดปล่อยโฮด้วยความเสียใจที่ตัวเองตระหนี่ไม่รู้จักแบ่งปันสิ่งดี ๆ เพื่อคนอื่น จึงต้องเสียช็อกโกแลตไปทั้งหมด ต่อไปนี้เขาจะทำตัวเสียใหม่อย่างที่พ่อสอนพ่อกอดบั๊ดและปลอบเขาอย่างอ่อนโยนCr. ดร.อาจอง ชุมสาย ณ อยุธยา

" ช็อกโกแลต "
บั๊ดเป็นเด็กชายตัวเล็ก ๆ อายุ 10 ขวบ
วันหนึ่งป้าของบั๊ดมาเยี่ยมครอบครัวของบั๊ดที่บ้าน ป้าเพิ่งไปเที่ยวต่างประเทศมาจึงซื้อของมาฝาก พ่อ แม่ และบั๊ดมากมาย แต่ที่บั๊ดเห็นแล้วตาลุกวาวคือช็อกโกแลตแท่งโตที่ป้าบอกว่าเป็นยี่ห้อที่อร่อยที่สุดของประเทศนั้น
ความจริงบั๊ดเป็นเด็กเอื้อเฟื้อคนหนึ่ง แต่ครั้งนี้เขาเลือกที่จะเก็บช็อกโกแลตไว้กินคนเดียว เพราะเป็นสิ่งที่เขาชอบมาก ดังนั้นเมื่อป้ากลับไปแล้วบั๊ดจึงคว้าช็อกโกแลตแล้ววิ่งเข้าไปในห้องนอนของตัวเองทันทีโดยที่พ่อและแม่ไม่ทันได้สังเกตเห็น
“เอาเข้ามากินในห้องอย่างนี้ไม่มีใครแย่งเราได้ เราจะได้กินช็อกโกแลตแท่งนี้ให้เต็มที่ไปเลย” บั๊ดพูดกับตัวเองด้วยความกระหยิ่มยิ้มย่อง
บั๊ดลงมือแกะห่อช็อกโกแลตพลางจินตนาการถึงรสชาติเข้มข้นหวานมันที่กำลังจะแตะลิ้นในอีกไม่กี่วินาทีข้างหน้า แต่แล้วจู่ ๆ ก็มีเสียงร้อง เรียกชื่อเขาดังมาจากหน้าบ้าน
“บั๊ด บั๊ด ยู้ฮู! บั๊ด”
เสียงเรียกแบบนี้คงเป็นใครไปไม่ได้นอกจากเพื่อน ๆ ของเขาเอง พวกนั้นคงชวนไปเตะฟุตบอลเหมือนทุกวัน แต่วันบั๊ดแสร้งทำหูทวนลมเสีย เพราะเขาอยากกินช็อกโกแลตมากกว่าออกไปวิ่งเล่น
“บั๊ด บั๊ด เฮ้! บั๊ด อย่ามาทำไก๋ เรารู้นะว่านายอยู่บ้าน นั่นไง รองเท้านายวางอยู่นั่น เราเห็นนะเพื่อน”
เพื่อนของบั๊ดฉลาดเป็นกรด บั๊ดจึงต้องวางช็อกโกแลตแล้ววิ่งไปที่หน้าต่าง
“โทษทีเราหลับอยู่ พวกนายมีอะไรหรือเปล่า” บั๊ดชะโงกหน้าออกไปถามจึงได้รู้ว่าเพื่อน ๆ มากันหลายคนทีเดียว เพื่อนคนที่ตะโกนเรียกบั๊ดตอบว่า
“จะมีอะไรล่ะ ก็มาชวนไปเตะบอลน่ะสิ นายนัดพวกเราเองนะ จำไม่ได้รึไง”
“วันนี้เราไปไม่ได้แล้ว พวกนายไปเล่นกันก่อนเถอะ”
“ทำไมล่ะ”
“เรา…” บั๊ดคิดคำแก้ตัว “อ้อ ใช่แล้ว เราต้องทำการบ้าน”
“การบ้านอะไร” เพื่อนอีกคนถามขึ้น บั๊ดจึงได้รู้ว่ามีคนที่เรียนห้องเดียวกันกับเขาปะปนอยู่ในกลุ่มนั้นด้วย บั๊ดตกใจ “ไม่มีสักหน่อยนี่นา” เพื่อนห้องเดียวกันคนนั้นหันไปพูดกับคนอื่น ๆ แล้วเด็กชายที่ตะโกนเรียกบั๊ดจึงร้องถามบั๊ดว่า
“เฮ้ บั๊ด นายเป็นอะไรกันแน่..หรือว่าพ่อซื้อเกมใหม่มาให้แล้วแอบเล่นคนเดียว..ดีล่ะ พวกเราจะขึ้นไปบุกห้องนอนเพื่อเล่นเกมสุดมันนั้นด้วย”
‘ถ้าพวกนี้มาเห็นช็อกโกแลตเรา เราก็จำต้องแบ่งให้ แล้วจะเหลือกินเองสักเท่าไรล่ะ’ สมองของบั๊ดคิดเรื่องช็อกโกแลตขึ้นมาทันที แล้วปากเขาก็ร้องขึ้นเร็วเท่าความคิดว่า
“ไม่มี ๆ ไม่มีอะไรทั้งนั้น เอาล่ะ ๆ เราจะลงไปเดี๋ยวนี้ พวกนายรออยู่ตรงนั้นแหละ”
พูดจบบั๊ดก็วิ่งกลับมาที่เตียงนอนแล้วเอาช็อกโกแลตที่แกะค้างไว้แต่ยังไม่ได้กินแม้แต่น้อยซุกไว้ใต้ผ้าปูที่นอน เพราะเป็นที่ที่เขาแน่ใจว่าจะปลอดภัยจากมนุษย์ทุกคนในโลก จากนั้นจึงวิ่งลงไปหาเพื่อน ๆ ที่รออยู่ด้านล่าง
เด็ก ๆ เล่นฟุตบอลกันตั้งแต่บ่ายถึงเย็นจึงชวนกันเลิก วันนี้ทุกคนยังไม่กลับบ้านของตัวเองทันที แต่กลับชวนกันไปเล่นที่บ้านของบั๊ดต่อ บั๊ดซึ่งมีใจพะวงถึงแต่ช็อกโกแลตใต้ผ้าปูที่นอนอยู่ตลอดเวลาจำต้องตอบรับคำขอของเพื่อนๆ อย่างเสียไม่ได้
ปกติเวลาบั๊ดชวนเพื่อน ๆ มาเล่นที่บ้าน เขาจะพาเพื่อน ๆ ขึ้นไปเล่นบนห้องนอน แต่วันนี้บั๊ดไม่เอ่ยปากชวนใครขึ้นไปบนห้องนอนของเขาเลย ดีที่แม่ของบั๊ดทำขนมอบไว้จึงนำขนมอบและน้ำหวานมาให้บั๊ดและเพื่อน ๆ กินกันอย่างอิ่มหนำสำราญ ทุกคนสนุกสนานเฮฮายกเว้นบั๊ด แต่ก็ไม่มีใครสังเกตเห็น
‘เมื่อไรเจ้าพวกนี้จะกลับไปเสียทีนะ เราเสียเวลาอยู่กับพวกมันมาทั้งวันแล้ว เราอยากกินช็อกโกแลตของเราเสียที’ บั๊ดคิดซ้ำไปซ้ำมาด้วยความหงุดหงิด
กระทั่งถึงเวลาอาหารเย็น เด็ก ๆ จึงขอตัวกลับบ้าน บั๊ดดีใจมากแต่ต้องเก็บซ่อนอาการไว้ ครั้นเพื่อน ๆ กลับไปจนหมดแล้ว บั๊ดจึงรีบวิ่งขึ้นบันไดแต่สวนกับพ่อที่เดินลงมา และถามบั๊ดว่า
“ลูกเห็นช็อกโกแลตที่ป้าซื้อมาฝากบ้างไหม เห็นป้าบอกว่าอร่อยนักหนา พ่อก็เลยจะชิมดูเสียหน่อยว่ารสชาติเป็นอย่างไร แต่หาเท่าไรก็หาไม่เจอสักที”
บั๊ดอึก ๆ อัก ๆ เพราะไม่ค่อยอยากแบ่งช็อกโกแลตให้ใคร แต่เมื่อเป็นพ่อก็ไม่อาจปฏิเสธได้ ดังนั้นเขาจึงพาพ่อไปที่ห้องนอนและเปิดผ้าปูที่นอนออก ทันทีที่ได้เห็นของวางอยู่ สองพ่อลูกร้องออกมาด้วยความตกใจ
ช็อกโกแลตแท่งนั้นยังวางอยู่ที่เดิม แต่ไม่อยู่ในสภาพที่จะกินได้อีกต่อไป เนื่องจากกองทัพมดได้จัดการกัดกินช็อกโกแลตแท่งนั้นจนกลายเป็นรูพรุนไปเสียทั้งแท่ง พ่อของบั๊ดจึงต้องเอาช็อกโกแลตแท่งนั้นไปทิ้งถังขยะก่อนจะมาสอบถามความจริงจากบั๊ดซึ่งทำหน้าเหมือนจะร้องไห้อยู่รอมร่อ
เมื่อรู้ความจริงทั้งหมดแล้ว พ่อก็พูดกับบั๊ดว่า “เพราะลูกแกะซองช็อกโกแลตทิ้งไว้ มดจึงได้กลิ่นและไปบอกเพื่อน ๆ ของมันให้มากินช็อกโกแลตด้วยกัน นั่นเป็นเพราะพวกมันไม่หวงสิ่งดี ๆ ไว้กับตนเพียงตนเดียว แต่รู้จักแบ่งปันสิ่งดี ๆ นั้นให้กับเพื่อน ๆ ของมันด้วย มดทุกตัวจึงได้กินช็อกโกแลตอร่อยแท่งนี้อย่างมีความสุข แต่สำหรับลูก ลูกคิดแต่จะกินให้อร่อยคนเดียว อยากมีความสุขเพียงคนเดียว สุดท้ายลูกก็จะไม่เหลืออะไรอย่างนี้เอง จำไว้นะ สิ่งดี ๆ มีไว้แบ่งปัน มิใช่เก็บไว้กับตัวเอง”
บั๊ดปล่อยโฮด้วยความเสียใจที่ตัวเองตระหนี่ไม่รู้จักแบ่งปันสิ่งดี ๆ เพื่อคนอื่น จึงต้องเสียช็อกโกแลตไปทั้งหมด ต่อไปนี้เขาจะทำตัวเสียใหม่อย่างที่พ่อสอน
พ่อกอดบั๊ดและปลอบเขาอย่างอ่อนโยน
Cr. ดร.อาจอง ชุมสาย ณ อยุธยา

"ถ้าเจอกันอีกครั้ง เธอจะยังจำฉันได้ไหม"เป็นคำถามสุดท้ายก่อนที่เราจะเลิกลากันเราต่างเดินทางใหม่พบเจอคนใหม่ แต่เราไม่เคยลืมกันวันนี้ฉันมาเจอเธออีกครั้งในวันที่กาลเวลาได้พรากความเยาว์วัยไปจากเรา"จำเราได้ไหม"ฉันเข้าไปทักเธอเธอจ้องมองฉัน ก่อนจะยิ้มกว้างออกมาแล้วทักฉันว่า"เอ้า สวัสดีครับ คุณป้าสบายดีไหมครับ"ฉันถึงขั้นขำออกมา นี่เธอก็แก่ไม่แพ้กันมาเล่นมุขลุงป้าเลยเหรอ"ไม่ได้ไปเยี่ยมคุณป้าเลย สบายดีไหมครับคิดถึงกับข้าวฝีมือคุณป้ามากเลยครับตอนนั้นขอโทษที่หายไปไม่ได้บอกกล่าวนะครับพอดีผมกับเธอไปด้วยกันไม่ได้จริงๆแต่เธอเป็นคนน่ารักนะครับ และต่อไปเธอคงต้องเจอคนดีๆที่เหมาะจะจับมือร่วมทุกข์ร่วมสุขไปกันแน่นอนครับ ถ้าเจอเธอ ฝากบอกเธอด้วยนะครับ ว่าอย่าลืมผมนะครับ "ฉันนิ่งเงียบไป ทบทวนในคำพูดของเธอถึงเข้าใจได้ว่า เธอคิดว่าฉันเป็นแม่ของฉันก่อนที่ฉันจะได้ถามอะไรต่อไป ก็มีเด็กสาววัยรุ่นคนหนึ่งวิ่งมาพาเธอออกไป และพูดกับฉันว่า"ขอโทษด้วยนะคะ คุณป้า พอดีคุณตาหนูเป็นอัลไซเมอร์นะค่ะ ความจำเลยเลอะๆเลือนๆ ไปค่ะตา...คุณยายรออยู่นานละ "ฉันไม่ได้ยื้อหรืออะไรทั้งนั้นเพียงแต่เมื่อเธอเดินลับตาไปฉันก็น้ำตาไหลแบบไม่รู้ตัวก่อนจะพูดบอกเธอไปทั้งที่เธอไม่ได้ยินว่า "ขอบคุณนะ ที่ไม่ลืมกัน ขอบคุณนะ ที่ยังให้ฉันเป็นคนที่ยังน่ารักในความทรงจำของเธอ"Cr. คิ้วต่ำ

"ถ้าเจอกันอีกครั้ง เธอจะยังจำฉันได้ไหม"
เป็นคำถามสุดท้ายก่อนที่เราจะเลิกลากัน
เราต่างเดินทางใหม่
พบเจอคนใหม่ แต่เราไม่เคยลืมกัน
วันนี้ฉันมาเจอเธออีกครั้งในวันที่
กาลเวลาได้พรากความเยาว์วัยไปจากเรา
"จำเราได้ไหม"
ฉันเข้าไปทักเธอ
เธอจ้องมองฉัน ก่อนจะยิ้มกว้างออกมาแล้วทักฉันว่า
"เอ้า สวัสดีครับ คุณป้าสบายดีไหมครับ"
ฉันถึงขั้นขำออกมา
นี่เธอก็แก่ไม่แพ้กันมาเล่นมุขลุงป้าเลยเหรอ
"ไม่ได้ไปเยี่ยมคุณป้าเลย สบายดีไหมครับ
คิดถึงกับข้าวฝีมือคุณป้ามากเลยครับ
ตอนนั้นขอโทษที่หายไปไม่ได้บอกกล่าวนะครับ
พอดีผมกับเธอไปด้วยกันไม่ได้จริงๆ
แต่เธอเป็นคนน่ารักนะครับ และต่อไปเธอ
คงต้องเจอคนดีๆที่เหมาะจะจับมือร่วมทุกข์ร่วมสุข
ไปกันแน่นอนครับ ถ้าเจอเธอ ฝากบอกเธอด้วยนะครับ ว่าอย่าลืมผมนะครับ "
ฉันนิ่งเงียบไป ทบทวนในคำพูดของเธอ
ถึงเข้าใจได้ว่า เธอคิดว่าฉันเป็นแม่ของฉัน
ก่อนที่ฉันจะได้ถามอะไรต่อไป
ก็มีเด็กสาววัยรุ่นคนหนึ่งวิ่งมา
พาเธอออกไป และพูดกับฉันว่า
"ขอโทษด้วยนะคะ คุณป้า พอดีคุณตาหนู
เป็นอัลไซเมอร์นะค่ะ ความจำเลยเลอะๆเลือนๆ ไปค่ะ
ตา...คุณยายรออยู่นานละ "
ฉันไม่ได้ยื้อหรืออะไรทั้งนั้น
เพียงแต่เมื่อเธอเดินลับตาไป
ฉันก็น้ำตาไหลแบบไม่รู้ตัว
ก่อนจะพูดบอกเธอไปทั้งที่เธอไม่ได้ยินว่า
"ขอบคุณนะ ที่ไม่ลืมกัน
ขอบคุณนะ ที่ยังให้ฉันเป็นคนที่ยังน่ารัก
ในความทรงจำของเธอ"
Cr. คิ้วต่ำ

เมื่ออดีตสามี และอดีตภรรยา เดินสวนกันในซอยอดีตสามี : เป็นไงเธอ..ได้ข่าวว่าแต่งงานใหม่แล้วหรอ??อดีตภรรยา : แต่งมาสองเดือนแล้วอดีตสามี : แต่งแล้วเป็นไง โอเคมั้ยอดีตภรรยามองหน้าอดีตสามีแล้วพูดว่า “โคโลราโด” แล้วก็เดินจากไปอดีตสามี ฟังด้วยความมึนงง ไม่เข้าใจว่า เธอพูดอะไร เมื่ออดีตสามีเดินถึงปากซอยเหลือบเห็นป้ายโฆษณารถยนต์ เขียนตัวโตว่าเชฟโรเลดปิคอัพ “ โคโลราโด“ ใหม่ แรงขึ้นสองเท่า..ใหญ่กว่าเก่า..และ..ยาวกว่าเดิม..!!!

เมื่ออดีตสามี และอดีตภรรยา
เดินสวนกันในซอย
อดีตสามี : เป็นไงเธอ..ได้ข่าวว่าแต่งงานใหม่แล้วหรอ??
อดีตภรรยา : แต่งมาสองเดือนแล้ว
อดีตสามี : แต่งแล้วเป็นไง โอเคมั้ย
อดีตภรรยามองหน้าอดีตสามีแล้วพูดว่า
“โคโลราโด” แล้วก็เดินจากไป
อดีตสามี ฟังด้วยความมึนงง ไม่เข้าใจว่า เธอพูดอะไร
เมื่ออดีตสามีเดินถึงปากซอยเหลือบเห็นป้ายโฆษณารถยนต์ เขียนตัวโตว่า
เชฟโรเลดปิคอัพ “ โคโลราโด“ ใหม่ แรงขึ้นสองเท่า..ใหญ่กว่าเก่า..และ..ยาวกว่าเดิม..!!!

....."20 ข้อที่แม่ควรสอนลูกชาย".....:)1.ฝึกเล่นกีฬา เพราะ กีฬาสอนให้รู้จักการชนะอย่างมีเกียรติ แพ้อย่างสง่างาม เชื่อฟังกติกา ทำงานเป็นทีม การแบ่งเวลา การขอเวลานอก เพื่อหาวิธีแก้เมื่อเจออุปสรรค2.เวลาฉี่ให้ระวัง เพราะ คนอื่นต้องมาทำความสะอาดที่เลอะ3.หัดเก็บเงินตั้งแต่เล็ก เพราะวันหนึ่งลูกจะต้องใช้4.ให้แม่สอนลูกให้รู้วิธีล้างจาน ทำอาหาร ซักผ้า รีดผ้า ดูดฝุ่น กวาดบ้าน ถูบ้าน เอาหล่ะ เราไปทำกันเลย5.อย่ารังแกคน อย่าเป็นคนเริ่มทำร้ายผู้อื่น แต่ถ้ามีใครมาแกล้ง ก็ต้องป้องกันตัวเอง6.การศึกษา และความรู้ เป็นสิ่งที่ไม่มีใครขโมยไปจากเราได้7.จงเข้มแข็ง และ อ่อนโยน ในคราวเดียวกัน8.จงมั่นใจในตัวเองทุกครั้ง ที่ต้องปรากฏตัว9.ผู้หญิงทำได้ทุกอย่างที่ผู้ชายทำ รวมถึงการประสบความสำเร็จในหน้าที่การงาน และ การตื่นขึ้นมาเปลี่ยนผ้าอ้อมให้ลูกตอนตี 3 ดังนั้น จึงควรให้ความนับถือภรรยาเพื่อความสัมพันธ์ที่ดีในครอบครัว10."ครับผม" "ได้ครับ" จงพูดไว้ให้ติดปาก11.เหตุผลที่เรียกว่า"ของลับ" ก็เพราะว่ามันไม่ควรโชว์ จงอย่าเกามันในที่สาธารณะ12.เพื่อนเป็นสิ่งที่มีอิทธิพล จงเป็นผู้นำที่ดี แล้วผู้อื่นจะคล้อยตาม13.ฝึกการเป็นผู้นำที่อบอุ่นและเข้าถึงจิตใจของผู้อื่น14.การเป็นคนจิดใจดี ดีกว่า การเป็นคนที่ถูกต้องเสมอ15.จงฝึกเป็นคนมีอารมณ์ขัน จะช่วยเยียวยาทุกสิ่ง16.จงเลือกคนมาเป็นภรรยาอย่างตรึกตรอง17.การให้ดอกไม้ภรรยาแบบไม่มีเหตุผล เป็นความคิดที่ดีเสมอ18.เพื่อความสัมพันธ์ที่ดีในครอบครัว จงอย่าคาดหวังว่า ลูกจะได้สิ่งใดจากภรรยา ถ้าลูกไม่สามารถให้สิ่งนั้นกับเธอ19.ปฏิบัติต่อผู้หญิงทุกคนด้วยความสุภาพ โดยเฉพาะกับภรรยา ไม่เช่นนั้นลูกจะรู้สึกโดดเดี่ยวตลอดไป20.และอย่าลืมที่จะโทรศัพท์หาแม่บ่อยๆ เพราะว่า แม่คิดถึงลูกตลอดเวลา ^^- Learning petals -Cr.People Magazine

....."20 ข้อที่แม่ควรสอนลูกชาย".....:)
1.ฝึกเล่นกีฬา เพราะ กีฬาสอนให้รู้จักการชนะอย่างมีเกียรติ แพ้อย่างสง่างาม
เชื่อฟังกติกา ทำงานเป็นทีม การแบ่งเวลา การขอเวลานอก เพื่อหาวิธีแก้
เมื่อเจออุปสรรค
2.เวลาฉี่ให้ระวัง เพราะ คนอื่นต้องมาทำความสะอาดที่เลอะ
3.หัดเก็บเงินตั้งแต่เล็ก เพราะวันหนึ่งลูกจะต้องใช้
4.ให้แม่สอนลูกให้รู้วิธีล้างจาน ทำอาหาร ซักผ้า รีดผ้า ดูดฝุ่น กวาดบ้าน
ถูบ้าน เอาหล่ะ เราไปทำกันเลย
5.อย่ารังแกคน อย่าเป็นคนเริ่มทำร้ายผู้อื่น แต่ถ้ามีใครมาแกล้ง ก็ต้องป้องกันตัวเอง
6.การศึกษา และความรู้ เป็นสิ่งที่ไม่มีใครขโมยไปจากเราได้
7.จงเข้มแข็ง และ อ่อนโยน ในคราวเดียวกัน
8.จงมั่นใจในตัวเองทุกครั้ง ที่ต้องปรากฏตัว
9.ผู้หญิงทำได้ทุกอย่างที่ผู้ชายทำ รวมถึงการประสบความสำเร็จในหน้าที่การงาน และ การตื่นขึ้นมาเปลี่ยนผ้าอ้อมให้ลูกตอนตี 3 ดังนั้น จึงควรให้ความนับถือภรรยาเพื่อความสัมพันธ์ที่ดีในครอบครัว
10."ครับผม" "ได้ครับ" จงพูดไว้ให้ติดปาก
11.เหตุผลที่เรียกว่า"ของลับ" ก็เพราะว่ามันไม่ควรโชว์ จงอย่าเกามันในที่สาธารณะ
12.เพื่อนเป็นสิ่งที่มีอิทธิพล จงเป็นผู้นำที่ดี แล้วผู้อื่นจะคล้อยตาม
13.ฝึกการเป็นผู้นำที่อบอุ่นและเข้าถึงจิตใจของผู้อื่น
14.การเป็นคนจิดใจดี ดีกว่า การเป็นคนที่ถูกต้องเสมอ
15.จงฝึกเป็นคนมีอารมณ์ขัน จะช่วยเยียวยาทุกสิ่ง
16.จงเลือกคนมาเป็นภรรยาอย่างตรึกตรอง
17.การให้ดอกไม้ภรรยาแบบไม่มีเหตุผล เป็นความคิดที่ดีเสมอ
18.เพื่อความสัมพันธ์ที่ดีในครอบครัว จงอย่าคาดหวังว่า ลูกจะได้สิ่งใดจากภรรยา
ถ้าลูกไม่สามารถให้สิ่งนั้นกับเธอ
19.ปฏิบัติต่อผู้หญิงทุกคนด้วยความสุภาพ โดยเฉพาะกับภรรยา ไม่เช่นนั้น
ลูกจะรู้สึกโดดเดี่ยวตลอดไป
20.และอย่าลืมที่จะโทรศัพท์หาแม่บ่อยๆ เพราะว่า แม่คิดถึงลูกตลอดเวลา ^^
- Learning petals -
Cr.People Magazine

มีเรื่องเล่าว่า...... ครั้งหนึ่งพระพยอม กัลยาโณ เทศน์นักโทษในคุกว่า พวกนักโทษที่มาติดอยู่ในคุกไม่ได้ติดคนเดียว แต่เอาพ่อเอาแม่มาติดด้วย พ่อแม่ต้องลำบาก หาเงินซื้อข้าวปลาอาหาร ข้าวของเครื่องใช้ เสียค่ารถเดินทางมาเยี่ยมนักโทษทุกอาทิตย์ อีกทั้งเป็นการทำร้ายจิตใจพ่อแม่ให้ทนทุกข์ทรมานจนกว่าจะพ้นโทษ เป็นบาปกรรมเพราะการกระทำของตนคนเดียวแท้ ๆนักโทษคนหนึ่งได้ยินแล้วก็ร้องไห้โฮ สำนึกผิด เสียใจที่ทำร้ายพ่อแม่เพราะการกระทำของตนเองไม่มีอะไรทำร้ายพ่อแม่เท่าลูกที่ประพฤติตัวเลว มันแย่กว่าการเรียนไม่ดี สอบตก หรือไม่ประสบความสำเร็จในชีวิตเสียอีกในสมัยโบราณ หนึ่งคนทำผิด ครอบครัวของเขาทั้งเจ็ดชั่วโคตรอาจถูกกุดหัวไปพร้อมกันสมัยนี้ไม่มีโทษประหารเจ็ดชั่วโคตร แต่บางครั้งกระแสลบของสังคมอาจแรงพอกับโทษประหาร บางตระกูลอาจต้องเปลี่ยนนามสกุลไปเลยในชีวิตของคนเรา การกระทำไม่ดีใด ๆ ก็ตามอาจมิได้สร้างความเดือดร้อนแค่คนทำคนเดียวเสมอไป มันมักลงไปที่ครอบครัวหรือคนที่รักด้วยสามีภรรยาหย่ากัน ลูกอาจได้รับผลกระทบทางจิตใจ โตขึ้นเป็นคนมีปัญหาลูกประพฤติชั่ว อาจทำให้พ่อแม่อายุสั้นลงเพราะความเครียดและกลัดกลุ้มใจสามีโกงเงินและต้องโทษจำคุก ลูกเมียอาจไม่มีที่ยืนในสังคม เพราะถูกตราหน้าว่าเป็นตระกูลขี้โกงสมาชิกคนหนึ่งในครอบครัวประพฤติชั่ว ทุกคนที่ใช้นามสกุลนั้นก็พลอยอับอายขายหน้าไปทั้งหมดทำเรื่องแย่มาก ๆ บางครั้งกระแสสังคมอาจถึงขั้นต่อต้าน ไม่คบหาสมาคมด้วยแค่ทำให้คนที่รักเจ็บช้ำเสียใจก็แย่กว่าโทษอื่นใดแล้วจะทำอะไร คิดถึงคนที่รักเราด้วยCr. วินทร์ เลียววาริณ

มีเรื่องเล่าว่า......
ครั้งหนึ่งพระพยอม กัลยาโณ เทศน์นักโทษในคุกว่า พวกนักโทษที่มาติดอยู่ในคุกไม่ได้ติดคนเดียว แต่เอาพ่อเอาแม่มาติดด้วย พ่อแม่ต้องลำบาก
หาเงินซื้อข้าวปลาอาหาร ข้าวของเครื่องใช้
เสียค่ารถเดินทางมาเยี่ยมนักโทษ
ทุกอาทิตย์ อีกทั้งเป็นการทำร้ายจิตใจพ่อแม่
ให้ทนทุกข์ทรมานจนกว่าจะพ้นโทษ เป็นบาปกรรมเพราะการกระทำของตนคนเดียวแท้ ๆ
นักโทษคนหนึ่งได้ยินแล้วก็ร้องไห้โฮ สำนึกผิด
เสียใจที่ทำร้ายพ่อแม่เพราะการกระทำของตนเอง
ไม่มีอะไรทำร้ายพ่อแม่เท่าลูกที่ประพฤติตัวเลว มันแย่กว่าการเรียนไม่ดี สอบตก หรือไม่ประสบความสำเร็จ
ในชีวิตเสียอีก
ในสมัยโบราณ หนึ่งคนทำผิด ครอบครัวของเขา
ทั้งเจ็ดชั่วโคตรอาจถูกกุดหัวไปพร้อมกัน
สมัยนี้ไม่มีโทษประหารเจ็ดชั่วโคตร แต่บางครั้ง
กระแสลบของสังคมอาจแรงพอกับโทษประหาร
บางตระกูลอาจต้องเปลี่ยนนามสกุลไปเลย
ในชีวิตของคนเรา การกระทำไม่ดีใด ๆ ก็ตาม
อาจมิได้สร้างความเดือดร้อนแค่คนทำคนเดียว
เสมอไป มันมักลงไปที่ครอบครัวหรือคนที่รักด้วย
สามีภรรยาหย่ากัน ลูกอาจได้รับผลกระทบทางจิตใจ
โตขึ้นเป็นคนมีปัญหา
ลูกประพฤติชั่ว อาจทำให้พ่อแม่อายุสั้นลงเพราะความเครียดและกลัดกลุ้มใจ
สามีโกงเงินและต้องโทษจำคุก ลูกเมียอาจไม่มีที่ยืน
ในสังคม เพราะถูกตราหน้าว่าเป็นตระกูลขี้โกง
สมาชิกคนหนึ่งในครอบครัวประพฤติชั่ว ทุกคนที่ใช้นามสกุลนั้นก็พลอยอับอายขายหน้าไปทั้งหมด
ทำเรื่องแย่มาก ๆ บางครั้งกระแสสังคมอาจถึงขั้นต่อต้าน ไม่คบหาสมาคมด้วย
แค่ทำให้คนที่รักเจ็บช้ำเสียใจก็แย่กว่าโทษอื่นใดแล้ว
จะทำอะไร คิดถึงคนที่รักเราด้วย
Cr. วินทร์ เลียววาริณ

ลองคิดดูนะ..โดยเฉพาะคนที่มีห่วงผูกพันธ์ ที่ต้องรับผิดชอบถ้าคุณมีชีวิตเหลือเพียง 2-3 เดือนหากโชคชะตาของคุณ เดินทางมาถึงช่วงเวลาสุดท้ายของชีวิต เช่น เป็นโรคมะเร็ง ที่คุณจะมีชีวิตเหลือเพียง 2-3 เดือนช่วงเวลาที่เหลือ คุณจะทำอะไรบางคนได้ยินคำถามนี้ ก็คงขำ หัวเราะ เพราะคิดว่า มันเป็นแค่คำถามสมมติ คำถามลองเชาว์ปัญญา เมื่อขำแล้ว อาจจะตอบคำถาม หรือไม่ยอมตอบอะไรเลย เพราะคิดว่า มันไร้สาระแต่ชีวิตนี้ ไม่มีอะไรที่แน่นอนหรอกโยม อะไรมันก็เกิดขึ้นได้ทั้งนั้นมีคนที่ประมาทเท่านั้นที่ จะใช้ชีวิตแบบไม่มีคุณค่าใดๆ ไม่ว่าจะมีเวลาเหลืออีกซักเท่าไหร่ ก็ไม่มีความหมายใดๆทั้งนั้น ใช้ชีวิตเพื่อหาความสุขสำราญให้ตัวเอง เพื่อหายใจทิ้งไปวันๆสำหรับคนที่เห็นคุณค่าของชีวิต ถ้าหากจะมีชีวิตอีกเพียง 2-3 เดือน เขาจะเริ่มต้นทำความฝันตามวัยเยาว์ทำความฝันให้เป็นจริงทำความฝันที่เขาสามารถทำได้มีหลายอย่างที่อยากทำ แต่ยังไม่มีโอกาสได้ทำ เนื่องจากจังหวะเวลา และโอกาสไม่เอื้ออำนวยให้ทำแบบนั้น มีเงื่อนไข ข้ออ้าง และความจำเป็นมากมายหลายอย่างที่จะต้องทำ แต่ถ้าคุณจะมีชีวิตเพียง 2-3 เดือน เวลาที่เหลือนี้ ไอ้เงื่อนไข ข้ออ้างความจำเป็น ที่เอามาพูดพ่นบ่อยๆ มันก็ไม่สำมะคัญแล้วล่ะความฝันในวัยเยาว์ มีหลายอย่างที่อยากทำ เมื่อเป็นโอกาสสุดท้าย อะไรที่อยากทำ ก็รีบลงมือทำเสีย- เคยโกรธเกลียดใคร ก็ยกโทษ ไปคืนดีกันซะ- ยังไม่เคยทำความดีให้ พ่อแม่ พี่น้อง ก็ถือโอกาสทำซะ- ยังไม่เคยทำบุญ ก็ทำซะ- ไม่เคยโอบกอด ดูแลสัตว์เลี้ยง ก็ทำซะฯลฯ มีอะไรให้ทำอีกมากมายหลายอย่าง อย่ารอช้า ลงมือทำทันทีCr. พี่ สาว

ลองคิดดูนะ..โดยเฉพาะคนที่มีห่วงผูกพันธ์
ที่ต้องรับผิดชอบ
ถ้าคุณมีชีวิตเหลือเพียง 2-3 เดือน
หากโชคชะตาของคุณ เดินทางมาถึงช่วงเวลาสุดท้ายของชีวิต เช่น เป็นโรคมะเร็ง ที่คุณจะมีชีวิตเหลือเพียง 2-3 เดือนช่วงเวลาที่เหลือ คุณจะทำอะไร
บางคนได้ยินคำถามนี้ ก็คงขำ หัวเราะ เพราะคิดว่า มันเป็นแค่คำถามสมมติ คำถามลองเชาว์ปัญญา เมื่อขำแล้ว อาจจะตอบคำถาม หรือไม่ยอมตอบอะไรเลย เพราะคิดว่า มันไร้สาระ
แต่ชีวิตนี้ ไม่มีอะไรที่แน่นอนหรอกโยม อะไรมันก็เกิดขึ้นได้ทั้งนั้น
มีคนที่ประมาทเท่านั้นที่ จะใช้ชีวิตแบบไม่มีคุณค่าใดๆ ไม่ว่าจะมีเวลาเหลืออีกซักเท่าไหร่ ก็ไม่มีความหมายใดๆทั้งนั้น ใช้ชีวิตเพื่อหาความสุขสำราญให้ตัวเอง เพื่อหายใจทิ้งไปวันๆ
สำหรับคนที่เห็นคุณค่าของชีวิต ถ้าหากจะมีชีวิตอีกเพียง 2-3 เดือน เขาจะเริ่มต้นทำความฝันตามวัยเยาว์
ทำความฝันให้เป็นจริง
ทำความฝันที่เขาสามารถทำได้
มีหลายอย่างที่อยากทำ แต่ยังไม่มีโอกาสได้ทำ เนื่องจากจังหวะเวลา และโอกาสไม่เอื้ออำนวยให้ทำแบบนั้น มีเงื่อนไข ข้ออ้าง และความจำเป็นมากมายหลายอย่างที่จะต้องทำ แต่ถ้าคุณจะมีชีวิตเพียง 2-3 เดือน เวลาที่เหลือนี้ ไอ้เงื่อนไข ข้ออ้างความจำเป็น ที่เอามาพูดพ่นบ่อยๆ มันก็ไม่สำมะคัญแล้วล่ะ
ความฝันในวัยเยาว์ มีหลายอย่างที่อยากทำ เมื่อเป็นโอกาสสุดท้าย อะไรที่อยากทำ ก็รีบลงมือทำเสีย
- เคยโกรธเกลียดใคร ก็ยกโทษ ไปคืนดีกันซะ
- ยังไม่เคยทำความดีให้ พ่อแม่ พี่น้อง ก็ถือโอกาสทำซะ
- ยังไม่เคยทำบุญ ก็ทำซะ
- ไม่เคยโอบกอด ดูแลสัตว์เลี้ยง ก็ทำซะ
ฯลฯ มีอะไรให้ทำอีกมากมายหลายอย่าง
อย่ารอช้า ลงมือทำทันที
Cr. พี่ สาว

มีคำถามที่ว่า......หากชาวจีนอยากทำแฟรนไชส์ร้านน้ำชาแข่งกับสตาร์บัคส์ จะทำได้อย่างไร?แจ็ค หม่า บอกว่า...อย่างแรกเลย อย่าคิดแข่งกับสตาร์บัคส์ แต่ต้องคิดว่าชาของเราจะสร้างคุณค่าที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะได้อย่างไร เพราะสิ่งที่สตาร์บัคส์ขายไม่ใช่กาแฟ แต่เป็น "สัมผัสที่ผู้คนมีต่อกาแฟ"...หากอยากทำแฟรนไชส์ร้านน้ำชาที่ยิ่งใหญ่ คุณต้องรอบรู้เรื่องชา ต้องเข้าใจวัฒนธรรมเรื่องชา แต่ที่สำคัญกว่าคือ สินค้าต้องดี และต้องทุ่มเทกับการบริการอย่างถึงที่สุดแจ็คสอนว่า ทำธุรกิจอย่าคิดแต่จะเอาชนะคู่แข่ง จะประสบความสำเร็จได้ยาก แต่ต้องตั้งใจว่า....... วันนี้ฉันจะบริการลูกค้าให้ดีกว่าเมื่อวาน .....พรุ่งนี้ฉันจะบริการลูกค้าให้ดีกว่าวันนี้เข้าใจลูกค้ามากขึ้นวันละนิด ทำให้ดีขึ้นวันละนิด แล้วคุณจะประสบความสำเร็จที่สตาร์บัคส์เป็นผู้ชนะได้ ก็ด้วยการถ่ายทอด "จิตวิญญาณการบริการ" ผ่านกาแฟในแก้วนั่นเอง...ปัจจุบันสตาร์บัคส์ประกาศว่า จะสร้างจีนให้เป็นตลาดใหญ่ที่สุดอันดับที่ 2 และเปิดสาขาให้ได้ 1,400 สาขาทั่วจีนCr. จิตอัจฉริยะ

มีคำถามที่ว่า...
...หากชาวจีนอยากทำแฟรนไชส์ร้านน้ำชา
แข่งกับสตาร์บัคส์ จะทำได้อย่างไร?
แจ็ค หม่า บอกว่า...อย่างแรกเลย อย่าคิดแข่ง
กับสตาร์บัคส์ แต่ต้องคิดว่าชาของเราจะสร้างคุณค่า
ที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะได้อย่างไร เพราะสิ่งที่สตาร์บัคส์ขายไม่ใช่กาแฟ แต่เป็น "สัมผัสที่ผู้คนมีต่อกาแฟ"
...หากอยากทำแฟรนไชส์ร้านน้ำชาที่ยิ่งใหญ่
คุณต้องรอบรู้เรื่องชา ต้องเข้าใจวัฒนธรรมเรื่องชา
แต่ที่สำคัญกว่าคือ สินค้าต้องดี และต้องทุ่มเท
กับการบริการอย่างถึงที่สุด
แจ็คสอนว่า ทำธุรกิจอย่าคิดแต่จะเอาชนะคู่แข่ง
จะประสบความสำเร็จได้ยาก แต่ต้องตั้งใจว่า...
.... วันนี้ฉันจะบริการลูกค้าให้ดีกว่าเมื่อวาน
.....พรุ่งนี้ฉันจะบริการลูกค้าให้ดีกว่าวันนี้
เข้าใจลูกค้ามากขึ้นวันละนิด ทำให้ดีขึ้นวันละนิด
แล้วคุณจะประสบความสำเร็จ
ที่สตาร์บัคส์เป็นผู้ชนะได้ ก็ด้วยการถ่ายทอด
"จิตวิญญาณการบริการ" ผ่านกาแฟในแก้วนั่นเอง
...ปัจจุบันสตาร์บัคส์ประกาศว่า จะสร้างจีน
ให้เป็นตลาดใหญ่ที่สุดอันดับที่ 2
และเปิดสาขาให้ได้ 1,400 สาขาทั่วจีน
Cr. จิตอัจฉริยะ

ไอ้หนุ่มคนหนึ่งเดินเข้าไปในร้านขายยา เพื่อซื้อถุงยางอนามัย เจ้าของร้านถามว่าจะเอาแพ็คขนาดไหน มีแบบ 3 ชิ้น 6 ชิ้น และ 12 ชิ้น “อะฮ่า” ไอ้หนุ่มคุย “ผมคบสาวคนนี้มาพักนึงแล้ว ท่าทางเธอจะร้อนแรงมาก ผมมาซื้อก็เพราะว่า คืนนี้ผมมีนัดกินข้าวกับพ่อแม่เธอ แล้วจะออกไปเที่ยวต่อข้างนอก ผมมีโอกาสดีแน่ ถ้าเธอเจอทีเด็ดผม เธอต้องติดใจจนหยุดไม่ได้แน่ ผมว่าผมเอาแบบ 12 ชิ้นดีกว่า” หลังจากจ่ายเงิน ไอ้หนุ่มก็เดินออกจากร้าน ไปอย่างกระหยิ่ม ในเย็นวันนั้น ขณะที่ไอ้หนุ่มนั่งอยู่ที่โต๊ะอาหาร พร้อมกับแฟนสาวและพ่อแม่ของเธอ เขาขออนุญาตสวดขอบคุณพระเจ้า ซึ่งก็ได้รับอนุญาตโดยดี หลังจากสวดภาวนาอยู่หลายนาที แฟนสาวก็กระซิบถาม “คุณไม่เคยบอกชั้นเลยนะว่าคุณเคร่งศาสนาขนาดนี้” ไอ้หนุ่มกระซิบตอบเสียงสั่น “คุณก็ไม่เคยบอกผมเหมือนกันว่าพ่อของคุณเป็นเจ้าของร้านขายยา”

ไอ้หนุ่มคนหนึ่งเดินเข้าไปในร้านขายยา
เพื่อซื้อถุงยางอนามัย เจ้าของร้านถามว่า
จะเอาแพ็คขนาดไหน
มีแบบ 3 ชิ้น 6 ชิ้น และ 12 ชิ้น
“อะฮ่า”  ไอ้หนุ่มคุย
“ผมคบสาวคนนี้มาพักนึงแล้ว
ท่าทางเธอจะร้อนแรงมาก
ผมมาซื้อก็เพราะว่า คืนนี้ผมมีนัดกินข้าว
กับพ่อแม่เธอ แล้วจะออกไปเที่ยวต่อข้างนอก
ผมมีโอกาสดีแน่ ถ้าเธอเจอทีเด็ดผม
เธอต้องติดใจจนหยุดไม่ได้แน่
ผมว่าผมเอาแบบ 12 ชิ้นดีกว่า”
หลังจากจ่ายเงิน ไอ้หนุ่มก็เดินออกจากร้าน
ไปอย่างกระหยิ่ม
ในเย็นวันนั้น ขณะที่ไอ้หนุ่มนั่งอยู่ที่โต๊ะอาหาร
พร้อมกับแฟนสาวและพ่อแม่ของเธอ
เขาขออนุญาตสวดขอบคุณพระเจ้า
ซึ่งก็ได้รับอนุญาตโดยดี หลังจากสวดภาวนา
อยู่หลายนาที แฟนสาวก็กระซิบถาม
“คุณไม่เคยบอกชั้นเลยนะว่า
คุณเคร่งศาสนาขนาดนี้”
ไอ้หนุ่มกระซิบตอบเสียงสั่น
“คุณก็ไม่เคยบอกผมเหมือนกันว่า
พ่อของคุณเป็นเจ้าของร้านขายยา”

รักที่ดี..ในความรู้สึกของแต่ละคนนั้น อาจจะต่างกันแต่..หากมันคือความรัก และยังคงเป็นความรักมันก็มักจะมีสายใยบาง ๆ ที่เชื่อมต่อระหว่างกันไว้เสมอเพราะมีเยื่อ..จึงเหลือใยเพราะเข้าใจ..จึงเข้ากันอย่างน้อย การรัก..อย่างเข้าใจในรักก็ควรเป็นหนึ่งในคุณสมบัติของรักที่ดีแต่หากมันคือความรัก ที่เป็นแค่เคยรักมันก็ยากจะมีอะไรไว้คอยเชื่อมต่อระหว่างกันเพราะหมดเยื่อ..จึงไม่เหลือใยเพราะไม่เข้าใจ..จึงต้องจากกันแต่หากเรารู้จักมองทุกอย่างด้วยความเป็นกลางโดยใช้สติทุกสิ่ง..ล้วนต้องจบ จาก และพรากกัน ไม่ช้า..ก็เร็วแค่บางเรื่อง..มันมาไวขึ้นอีกหน่อยแค่บางครั้ง..มันยังรู้สึกโหยหาอยู่บ่อย ๆแค่บางที..มันก็มีเพ้อ ๆ อยู่บ้างเล็กน้อยก็แค่..บางครั้งก็แค่..บางหนกับแค่..บางคนและแค่..บางวันแค่เข้าใจมัน..เข้าใจเผือกและรู้จักเลือกความรู้สึกในลิ้นชัก ลิ้นชักไหนควรพัก ลิ้นชักไหนควรพอแล้วเรา..ก็จะไม่ชักดิ้นชักงอกันนะครับ คุณ ๆ.......................Cr. ผมเอง ^^..

รักที่ดี..
ในความรู้สึกของแต่ละคนนั้น อาจจะต่างกัน
แต่..หากมันคือความรัก
และยังคงเป็นความรัก
มันก็มักจะมีสายใยบาง ๆ ที่เชื่อมต่อระหว่างกันไว้เสมอ
เพราะมีเยื่อ..จึงเหลือใย
เพราะเข้าใจ..จึงเข้ากัน
อย่างน้อย การรัก..อย่างเข้าใจในรัก
ก็ควรเป็นหนึ่งในคุณสมบัติของรักที่ดี
แต่หากมันคือความรัก ที่เป็นแค่เคยรัก
มันก็ยากจะมีอะไรไว้คอยเชื่อมต่อระหว่างกัน
เพราะหมดเยื่อ..จึงไม่เหลือใย
เพราะไม่เข้าใจ..จึงต้องจากกัน
แต่หากเรารู้จักมองทุกอย่างด้วยความเป็นกลางโดยใช้สติ
ทุกสิ่ง..ล้วนต้องจบ จาก และพรากกัน
ไม่ช้า..ก็เร็ว
แค่บางเรื่อง..มันมาไวขึ้นอีกหน่อย
แค่บางครั้ง..มันยังรู้สึกโหยหาอยู่บ่อย ๆ
แค่บางที..มันก็มีเพ้อ ๆ อยู่บ้างเล็กน้อย
ก็แค่..บางครั้ง
ก็แค่..บางหน
กับแค่..บางคน
และแค่..บางวัน
แค่เข้าใจมัน..เข้าใจเผือก
และรู้จักเลือกความรู้สึกในลิ้นชัก
ลิ้นชักไหนควรพัก
ลิ้นชักไหนควรพอ
แล้วเรา..ก็จะไม่ชักดิ้นชักงอกันนะครับ คุณ ๆ
.......................
Cr. ผมเอง ^^..

"18 คำแนะนำ ของผู้หญิงวัยกลางคนที่อยากจะบอกให้สาวๆ รุ่นใหม่ได้รู้"1. อย่างแรกต้องรู้จักรัก และเคารพตัวเองให้มากๆ อย่าทำร้ายตัวเอง2. เลือกงาน ให้ดูที่บรรยากาศการทำงานของที่ๆ นั้น เพราะต่อให้คุณเก่งแค่ไหน แต่ถ้าที่นั่นเต็มไปด้วยการเมือง การแบ่งแยกและคำนินทา ไม่นานคุณก็จะกลายเป็นพวกเค้า หรือคงทนไม่ได้ ประสาทแตกตายไปก่อน3. การจะเลือกเพื่อน หรือแม้แต่คนในชีวิตคู่ ให้เลือกคนที่เขาสนับสนุนการกระทำของเราได้ ไม่ใช่คนที่ดูดีแค่ภายนอก4. เป็นตัวของตัวเองน่ะดีที่สุดแล้ว คนที่ไม่ชอบก็อย่าไปแคร์ 5. ก่อนจะใช้ชีวิตเพื่อใคร ก็ขอให้เราได้ใช้ชีวิตเพื่อตัวเองอย่างเต็มที่ซะก่อน6. ประนีประนอมกับมันบ้าง อย่าไปดึงดันที่จะต้องรู้ หรือเอาทุกอย่างเลย เพราะมีแต่เราเนี่ยแหละที่ทุกข์7. เดินทางท่องเที่ยวเก็บประสบการณ์ให้ได้มากที่สุด เท่าที่จะทำได้8. นิสัยขี้กังวลน่ะ ลดๆ มันไปบ้าง เพราะในหลายๆ ทีความกังวล ก็เกิดจากการมโนไปเองของเรา9. หยุดเปรียบเทียบตัวเองกับคนอื่นเถอะ มันไม่ได้ทำให้เราดูดีขึ้นมาได้เลย10. คาดหวังให้มันน้อยลง แล้วอยู่กับปัจจุบันให้มันมากขึ้น11. เป็นผู้หญิงก็ต้องรู้จักการออมและการลงทุนนะ สำคัญมาก!12. เราต้องเรียนรู้ที่จะให้บ้าง สละออกไปบ้าง ชีวิตคุณจะสุขขึ้นเยอะเลย13. หลายๆ เรื่องอย่าไปเก็บมันไว้คนเดียวเลย บอกๆ เขาไปเถอะ14. คำว่ายกโทษ ขอโทษ มันไม่ได้พูดยากหรอก อย่าไปเล่นตัวอะไรมากมาย ชีวิตคนเรามันสั้นเกินกว่า จะมาเสียเวลากับเรื่องพวกนี้15. เรื่องเล็กๆ น้อยๆ บางทีมองข้ามมันไปก็ดีนะ16. คนอื่นเขาจะคิดจะมองยังไงกับคุณ ก็ชั่งเขาซิ นี่มันชีวิตฉัน!17. การปฏิเสธมันก็ไม่ได้แย่อย่างที่คิด อะไรที่มองว่ามันไม่ใช่ ก็ไม่ใช่อยู่ดี18. ผู้หญิงไม่ได้จำเป็นว่าต้องอ่อนแอ แต่เราก็ไม่ควรที่จะทำตัวห้าวหาญ ฉะนั้นการวางตัวจึงสำคัญCr : วรันณ์ธร UTDID.COM

"18 คำแนะนำ ของผู้หญิงวัยกลางคนที่อยากจะบอกให้สาวๆ รุ่นใหม่ได้รู้"
1. อย่างแรกต้องรู้จักรัก และเคารพตัวเองให้มากๆ อย่าทำร้ายตัวเอง
2. เลือกงาน ให้ดูที่บรรยากาศการทำงานของที่ๆ นั้น เพราะต่อให้คุณเก่งแค่ไหน แต่ถ้าที่นั่นเต็มไปด้วยการเมือง การแบ่งแยกและคำนินทา ไม่นานคุณก็จะกลายเป็นพวกเค้า หรือคงทนไม่ได้ ประสาทแตกตายไปก่อน
3. การจะเลือกเพื่อน หรือแม้แต่คนในชีวิตคู่ ให้เลือกคนที่เขาสนับสนุนการกระทำของเราได้ ไม่ใช่คนที่ดูดีแค่ภายนอก
4. เป็นตัวของตัวเองน่ะดีที่สุดแล้ว คนที่ไม่ชอบก็อย่าไปแคร์
5. ก่อนจะใช้ชีวิตเพื่อใคร ก็ขอให้เราได้ใช้ชีวิตเพื่อตัวเองอย่างเต็มที่ซะก่อน
6. ประนีประนอมกับมันบ้าง อย่าไปดึงดันที่จะต้องรู้ หรือเอาทุกอย่างเลย เพราะมีแต่เราเนี่ยแหละที่ทุกข์
7. เดินทางท่องเที่ยวเก็บประสบการณ์ให้ได้มากที่สุด เท่าที่จะทำได้
8. นิสัยขี้กังวลน่ะ ลดๆ มันไปบ้าง เพราะในหลายๆ ทีความกังวล ก็เกิดจากการมโนไปเองของเรา
9. หยุดเปรียบเทียบตัวเองกับคนอื่นเถอะ มันไม่ได้ทำให้เราดูดีขึ้นมาได้เลย
10. คาดหวังให้มันน้อยลง แล้วอยู่กับปัจจุบันให้มันมากขึ้น
11. เป็นผู้หญิงก็ต้องรู้จักการออมและการลงทุนนะ สำคัญมาก!
12. เราต้องเรียนรู้ที่จะให้บ้าง สละออกไปบ้าง ชีวิตคุณจะสุขขึ้นเยอะเลย
13. หลายๆ เรื่องอย่าไปเก็บมันไว้คนเดียวเลย บอกๆ เขาไปเถอะ
14. คำว่ายกโทษ ขอโทษ มันไม่ได้พูดยากหรอก อย่าไปเล่นตัวอะไรมากมาย ชีวิตคนเรามันสั้นเกินกว่า จะมาเสียเวลากับเรื่องพวกนี้
15. เรื่องเล็กๆ น้อยๆ บางทีมองข้ามมันไปก็ดีนะ
16. คนอื่นเขาจะคิดจะมองยังไงกับคุณ ก็ชั่งเขาซิ นี่มันชีวิตฉัน!
17. การปฏิเสธมันก็ไม่ได้แย่อย่างที่คิด อะไรที่มองว่ามันไม่ใช่ ก็ไม่ใช่อยู่ดี
18. ผู้หญิงไม่ได้จำเป็นว่าต้องอ่อนแอ แต่เราก็ไม่ควรที่จะทำตัวห้าวหาญ ฉะนั้นการวางตัวจึงสำคัญ
Cr : วรันณ์ธร UTDID.COM

น้ำหมดทะเลก็จมเรือไม่ได้ถ้าน้ำไม่เข้าเรือ โลกรอบตัวที่แย่ก็ไม่สามารถทำเราแย่ถ้าเราไม่ปล่อยมันเข้ามาในใจ - แปลได้ประมาณนี้ :) สำหรับพ่อแม่ทุกท่านที่รู้สึกว่าเราต้านกระแสการศึกษาที่ทำลายความฝัน จินตนาการ ความใฝ่รู้ และแรงจูงใจของลูกเราทุกวันนี้ไม่ได้ แต่เราผ่อนหนักเป็นเบาได้แน่นอนCr. นายแพทย์ประเสริฐ ผลิตผลการพิมพ์

น้ำหมดทะเลก็จมเรือไม่ได้ถ้าน้ำไม่เข้าเรือ
โลกรอบตัวที่แย่ก็ไม่สามารถทำเราแย่
ถ้าเราไม่ปล่อยมันเข้ามาในใจ
- แปลได้ประมาณนี้ :)
สำหรับพ่อแม่ทุกท่านที่รู้สึกว่า
เราต้านกระแสการศึกษาที่ทำลายความฝัน
จินตนาการ ความใฝ่รู้ และแรงจูงใจ
ของลูกเราทุกวันนี้ไม่ได้
แต่เราผ่อนหนักเป็นเบาได้แน่นอน
Cr. นายแพทย์ประเสริฐ ผลิตผลการพิมพ์

แพงที่สุด .. อาจไม่ได้ดีที่สุดอร่อยที่สุด .. อาจไม่ได้มีประโยชน์ที่สุดรวยที่สุด .. อาจไม่ได้มีความสุขที่สุดชีวิตไม่จำเป็นต้องดีที่สุด .. ก็สุขที่สุดได้Cr. CreativeGuru

แพงที่สุด .. อาจไม่ได้ดีที่สุด
อร่อยที่สุด .. อาจไม่ได้มีประโยชน์ที่สุด
รวยที่สุด .. อาจไม่ได้มีความสุขที่สุด
ชีวิตไม่จำเป็นต้องดีที่สุด .. ก็สุขที่สุดได้
Cr. CreativeGuru

ตึกสวยแปลกตาในกรุงเทพครับ" ตึก MahaNakhon " สถาปนิกคือ Ole Scheeren เป็นหนึ่งในตึกที่ดีไซน์แปลกที่สุดในโลก ด้วยดีไซน์พิกเซลจากล่างสุดไปบนสุด - @imtaiki

ตึกสวยแปลกตาในกรุงเทพครับ
" ตึก MahaNakhon " สถาปนิกคือ Ole Scheeren
เป็นหนึ่งในตึกที่ดีไซน์แปลกที่สุดในโลก
ด้วยดีไซน์พิกเซลจากล่างสุดไปบนสุด - @imtaiki

สัญขาตญานแมงป่องมีอยู่วันหนึ่ง เจ้าแมงป่องตัวหนึ่งไต่ไปมาตามริมผั่งน้ำจน เซ็งชีวิตเลยเกิดความคิดขึ้นมาว่า ถ้าได้ข้ามน้ำไปยังฝั่งโน้น คงมีอะไรให้ทำมากกว่าการไต่ไปมาอยู่ที่เดิมอย่างซ้ำซากเป็นแน่มันมองหาวิธีที่จะข้ามน้ำไปยังฝั่งโน้นอยู่หลายวัน และในที่สุดโอกาสก็มาถึงจนได้ เมื่อมันพบกบตัวหนึ่งกำลังจะว่ายข้ามน้ำไปยังฝั่งตรงข้ามพอดี เจ้าแมงป่องเห็นเช่นนั้น จึงขอเป็นผู้โดยสารขี่หลังกบไปชมวิวฝั่งโน้นบ้าง กบนึกสังหรณ์ใจแปลกๆ จึงถามว่า “แมงป่องเพื่อนรัก เธอจะรับประกันได้อย่างไรล่ะว่า เมื่อฉันให้เธอขี่หลังข้ามไปฝั่งโน้นแล้ว เธอจะไม่แว้งมาต่อยฉัน”“กบเพื่อนรัก ทำไมจึงมองฉันในแง่ร้ายเช่นนั้น ถ้าคนอย่างฉันไม่มีคุณธรรมต่อเพื่อนเช่นเธอเสียแล้ว ในโลกนี้คงหาคนดีไม่ได้อีกแล้ว” “มั่นใจนะว่าเธอจะไม่ต่อยฉันกลางแม่น้ำแน่ๆ” กบคาดคั้น“โธ่เพื่อนเอ๋ย ถ้าฉันต่อยเธอ ฉันก็จมไปพร้อมๆ กับเธอน่ะสิ” แมงป่องอธิบายอย่างสมเหตุสมผล“เออ จริงของเธอสินะ มาสิ ถ้างั้นเธอขึ้นขี่หลังฉันได้เลย เราจะข้ามไปฝั่งโน้นด้วยกัน”ว่าแล้ว เจ้าแมงป่องก็ได้ขึ้นขี่หลังกบสมใจ กบน้อยพาเพื่อนร่วมทางลอยไปสักพักหนึ่งก็จะถึงฝั่ง พอเห็นฝั่งเคลื่อนตัวมาใกล้ทุกที เหลืออีกเพียงศอกเดียวเท่านั้น ตอนนั้นเองที่แมงป่องเผลอตัวต่อยหลังกบเข้าอย่างถนัดถนี่ กบร้องด้วยความเจ็บปวดขึ้นสุดเสียง พอรู้สึกตัว กบก็หันมาถามแมงป่องว่า“ไหนเธอรับปากว่าจะไม่ต่อยฉัน แล้วนี่เธอทำอะไรลงไป”“ไม่รู้สิ ฉันไมได้คิดจะต่อยเธอเลยนะ แต่มารู้สึกตัวอีกทีฉันก็ต่อยเธอไปแล้ว” แมงป่องตอบอย่างเสียไม่ได้ ไม่ยี่หระกับสิ่งที่ตนทำแม้สักนิดอนิจจา กบน้อยพอลอยแตะฝั่งก็ถึงแก่กรรมไป ส่วนแมงป่องก็ขึ้นฝั่งอย่างสบายใจ ดูไม่รู้สึกทุกข์ร้อนอะไรกับสิ่งที่ตนเป็นคนก่อแม้แต่น้อย...คำคำหนึ่งขึ้นมาทันที นั่นคือคำว่า “สันดาน” รู้สึกว่าในโลกนี้มีคนบางประเภทจริงๆ ที่เกิดมาแล้วทำตัวเป็น “อันธพาล” โดยสายเลือด โดยความเคยชินจนเป็นนิสัย เราไม่ทราบว่าคนที่รู้สึกมีความสุขเสมอกับการได้ทำร้ายคนอื่นทั้งโดยตรงและโดยอ้อมนั้น เขาเติบโตมาในสภาพแวดล้อมอย่างไร ได้รับการศึกษามาอย่างไร แต่พอมาเจอกับเรา เขาก็ได้กลายเป็นคนที่มีความสุขกับการเป็นคนเลวไปเสียแล้ว สำหรับคนประเภทนี้ คุณคงไม่ต้องไปทำร้ายหรือตอบโต้เขาอีกแล้ว การที่เขาเป็นคนเช่นนั้น นับว่าเป็นเคราะห์กรรมของเขามากพอแล้ว เพราะทั้งชีวิตนี้ คนเช่นนี้จะไม่ได้รับความรักจากใครเลย ลึกๆ แล้วคนที่มีความสุขกับการหาทุกข์ให้คนอื่นนั้น เขาเป็นคนน่าสงสาร คนอย่างนี้ควรได้รับความเห็นใจ มากกว่าจะซำ้เติมเขาการที่เขาเป็นคนเลว (โดยสันดาน) แล้วยังไม่รู้สึกตัวนั้น ก็ทำให้เขาสร้างกรรมหนักหนาสาหัสแก่ตัวเองมากพออยู่แล้ว เราไม่ควรจะเลวร่วมขบวนกับเขา ด้วยการหาวิธี “เอาคืน” แก่เขาเลยปล่อยเขาไปเถอะ ! การไม่ยุ่งกับคนประเภทนี้ คือวิธีรับมือที่ดีที่สุดวิธีหนึ่งCr.นิทานเซน

สัญขาตญานแมงป่อง
มีอยู่วันหนึ่ง เจ้าแมงป่องตัวหนึ่งไต่ไปมาตามริมผั่งน้ำจน เซ็งชีวิตเลยเกิดความคิดขึ้นมาว่า ถ้าได้ข้ามน้ำไปยังฝั่งโน้น คงมีอะไรให้ทำมากกว่าการไต่ไปมาอยู่ที่เดิมอย่างซ้ำซากเป็นแน่
มันมองหาวิธีที่จะข้ามน้ำไปยังฝั่งโน้นอยู่หลายวัน และในที่สุดโอกาสก็มาถึงจนได้ เมื่อมันพบกบตัวหนึ่งกำลังจะว่ายข้ามน้ำไปยังฝั่งตรงข้ามพอดี เจ้าแมงป่องเห็นเช่นนั้น จึงขอเป็นผู้โดยสารขี่หลังกบไปชมวิวฝั่งโน้นบ้าง
กบนึกสังหรณ์ใจแปลกๆ จึงถามว่า
“แมงป่องเพื่อนรัก เธอจะรับประกันได้อย่างไรล่ะว่า เมื่อฉันให้เธอขี่หลังข้ามไปฝั่งโน้นแล้ว เธอจะไม่แว้งมาต่อยฉัน”
“กบเพื่อนรัก ทำไมจึงมองฉันในแง่ร้ายเช่นนั้น ถ้าคนอย่างฉันไม่มีคุณธรรมต่อเพื่อนเช่นเธอเสียแล้ว ในโลกนี้คงหาคนดีไม่ได้อีกแล้ว”
“มั่นใจนะว่าเธอจะไม่ต่อยฉันกลางแม่น้ำแน่ๆ” กบคาดคั้น
“โธ่เพื่อนเอ๋ย ถ้าฉันต่อยเธอ ฉันก็จมไปพร้อมๆ กับเธอน่ะสิ” แมงป่องอธิบายอย่างสมเหตุสมผล
“เออ จริงของเธอสินะ มาสิ ถ้างั้นเธอขึ้นขี่หลังฉันได้เลย เราจะข้ามไปฝั่งโน้นด้วยกัน”
ว่าแล้ว เจ้าแมงป่องก็ได้ขึ้นขี่หลังกบสมใจ กบน้อยพาเพื่อนร่วมทางลอยไปสักพักหนึ่งก็จะถึงฝั่ง พอเห็นฝั่งเคลื่อนตัวมาใกล้ทุกที เหลืออีกเพียงศอกเดียวเท่านั้น ตอนนั้นเองที่แมงป่องเผลอตัวต่อยหลังกบเข้าอย่างถนัดถนี่ กบร้องด้วยความเจ็บปวดขึ้นสุดเสียง พอรู้สึกตัว กบก็หันมาถามแมงป่องว่า
“ไหนเธอรับปากว่าจะไม่ต่อยฉัน แล้วนี่เธอทำอะไรลงไป”
“ไม่รู้สิ ฉันไมได้คิดจะต่อยเธอเลยนะ แต่มารู้สึกตัวอีกทีฉันก็ต่อยเธอไปแล้ว” แมงป่องตอบอย่างเสียไม่ได้ ไม่ยี่หระกับสิ่งที่ตนทำแม้สักนิด
อนิจจา กบน้อยพอลอยแตะฝั่งก็ถึงแก่กรรมไป ส่วนแมงป่องก็ขึ้นฝั่งอย่างสบายใจ ดูไม่รู้สึกทุกข์ร้อนอะไรกับสิ่งที่ตนเป็นคนก่อแม้แต่น้อย...
คำคำหนึ่งขึ้นมาทันที นั่นคือคำว่า “สันดาน” รู้สึกว่าในโลกนี้มีคนบางประเภทจริงๆ ที่เกิดมาแล้วทำตัวเป็น “อันธพาล” โดยสายเลือด โดยความเคยชินจนเป็นนิสัย เราไม่ทราบว่าคนที่รู้สึกมีความสุขเสมอกับการได้ทำร้ายคนอื่นทั้งโดยตรงและโดยอ้อมนั้น เขาเติบโตมาในสภาพแวดล้อมอย่างไร ได้รับการศึกษามาอย่างไร แต่พอมาเจอกับเรา เขาก็ได้กลายเป็นคนที่มีความสุขกับการเป็นคนเลวไปเสียแล้ว
สำหรับคนประเภทนี้ คุณคงไม่ต้องไปทำร้ายหรือตอบโต้เขาอีกแล้ว การที่เขาเป็นคนเช่นนั้น นับว่าเป็นเคราะห์กรรมของเขามากพอแล้ว เพราะทั้งชีวิตนี้ คนเช่นนี้จะไม่ได้รับความรักจากใครเลย ลึกๆ แล้วคนที่มีความสุขกับการหาทุกข์ให้คนอื่นนั้น เขาเป็นคนน่าสงสาร คนอย่างนี้ควรได้รับความเห็นใจ มากกว่าจะซำ้เติมเขา
การที่เขาเป็นคนเลว (โดยสันดาน) แล้วยังไม่รู้สึกตัวนั้น ก็ทำให้เขาสร้างกรรมหนักหนาสาหัสแก่ตัวเองมากพออยู่แล้ว เราไม่ควรจะเลวร่วมขบวนกับเขา ด้วยการหาวิธี “เอาคืน” แก่เขาเลย
ปล่อยเขาไปเถอะ !
การไม่ยุ่งกับคนประเภทนี้ คือวิธีรับมือที่ดีที่สุดวิธีหนึ่ง
Cr.นิทานเซน

...ความรักที่ดี มันต้องชัดเจนถูกต้อง และทำให้เรา อยากเป็นคนที่ดีขึ้นจริงๆ เพื่อคนที่เรารัก เพื่อเป็นจุดเริ่มต้น ของการมีครอบครัวที่ดี พร้อมจะเติบโต ไปในทางที่ดีร่วมกันในอนาคต เพราะถ้าไม่มีสิ่งเหล่านี้ ก็อย่าเริ่มต้นกับใครดีกว่า รักไร้ค่าแบบนั้น มันไม่ยั่งยืนหรอก...^___^ Cr. - แสตมป์ -

...ความรักที่ดี
มันต้องชัดเจนถูกต้อง

และทำให้เรา
อยากเป็นคนที่ดีขึ้นจริงๆ เพื่อคนที่เรารัก

เพื่อเป็นจุดเริ่มต้น
ของการมีครอบครัวที่ดี

พร้อมจะเติบโต
ไปในทางที่ดีร่วมกันในอนาคต

เพราะถ้าไม่มีสิ่งเหล่านี้
ก็อย่าเริ่มต้นกับใครดีกว่า

รักไร้ค่าแบบนั้น มันไม่ยั่งยืนหรอก...^___^

Cr. - แสตมป์ -

"นกกระดาษนั้น จะทำให้ฉันหายป่วยได้ยังไง" ซาดาโกะถามชิซูโกะเพื่อนสนิท ซึ่งมาเยี่ยมเธอที่โรงพยาบาลพร้อมด้วยนกกระเรียน ที่พับขึ้นจากกระดาษสีทอง"เธอจำตำนานเก่าแก่เกี่ยวกับเรื่องนกกระเรียนไม่ได้หรือว่า เขาเชื่อกันว่า นกกระเรียนนั้นมีอายุถึงพันปี ถ้าหากว่าคนที่ป่วยสามารถพับนกกระเรียนได้ถึงพันตัว สิ่งศักดิ์สิทธิ์จะทำให้คนนั้นกลับมามีสุขภาพแข็งแรงอีกครั้งหนึ่ง"ชิชูโกะยื่นนกกระเรียนให้ซาดาโกะแล้วบอกว่า "นี่คือนกกระเรียนตัวแรกของเธอ" เด็กน้อยซาบซึ้งใจกับความปรารถนาดีของเพื่อน หลังจากนั้นซาดาโกะก็เริ่มต้นพับนกกระเรียนของเธอ พร้อมๆ กับอธิษฐานว่า "ขอให้ฉันหายป่วย"ซาดาโกะ ซาซากิ เกิดเมื่อวันที่ 7 มกราคม 2486 ที่เมืองฮิโรชิมา ประเทศญี่ปุ่น ต่อมาวันที่ 6 สิงหาคม 2488 ขณะที่ซาดาโกะอายุได้ 2 ขวบ เครื่องบินของกองทัพสหรัฐอเมริกาก็ทิ้งระเบิดปรมาณูลูกแรกของโลกลงมาที่เมืองฮิโรชิมา...อีก 10 ปีให้หลัง ซาดาโกะก็กลายมาเป็นอีกคนหนึ่งที่เจ็บป่วยด้วยอาการโรคมะเร็งเม็ดเลือดขาวหรือลูคีเมีย ซึ่งเป็นพิษภัยจากระเบิดนิวเคลียร์นั่นเอง หลังจากที่ต้องต่อสู่กับโรคร้ายนี้อยู่นาน 8 เดือน เด็กหญิงซาดาโกะก็เสียชีวิตลงในวันที่ 25 ตุลาคม 2496 ขณะอายุได้ 12 ปีเมื่อเด็กน้อยผู้ร่าเริงคนที่ต้องตั้งความหวังว่าจะเป็นนักวิ่งที่เก่งกาจ ต้องมาใช้ชีวิตอยู่บนเตียงโรงพยาบาล ซาดาโกะต่อสู่กับโรคร้ายด้วยความเข้มแข็ง ในจิตใจของเธอเปี่ยมด้วยความหวังว่าตัวเองจะต้องหายจากอาการป่วย เธอ...มุ่งมั่นที่จะพับนกกระเรียนกระดาษให้ครบ 1,000 ตัว ตามความเชื่อของคนญี่ปุ่นโบราณที่เล่าขานต่อๆ มาเด็กหญิงซาดาโกะเสียชีวิต ขณะที่เธอพับนกกระเรียนได้ 544 ตัว ในวันประกอบพิธีศพ...เพื่อนๆ ของเธอร่วมกันพับอีก 365 ตัว ให้ครบหนึ่งพันแล้วจะนำไปฝังพร้อมกับร่างของซาดาโกะอาจจะด้วยสิ่งที่เพื่อนๆ ช่วยกันทำนั่นเอง จึงช่วยให้คำอธิษฐานของเธอเป็นจริงได้ เพราะจนถึงวันนี้...ซาดาโกะ ก็ยังคงมีชีวิตอยู่ในหัวใจของผู้คนทั่วโลกเสมอมาในปี 2501 อนุสาวรีย์ของซาดาโกะก็สร้างสำเร็จ และนำไปตั้งไว้ที่สวนสันติภาพของเมืองฮิโรชิมารูปปั้นที่สร้างจากหินแกรนิต เป็นรูปของเด็กหญิงซาดาโกะยืนอยู่บนสวรรค์ ในมือ...ที่เหยียดชูขึ้นสูง เป็นรูปนกกระเรียนสีทองอนุสาวรีย์ของซาดาโกะนี้ไม่เพียงเพื่อซาดาโกะ แต่...เพื่อเป็นอนุสรณ์ให้ชาวโลกตระหนักถึงพิษภัยของสงครามทุกปี เมื่อถึงวันที่ 6 สิงหาคม ซึ่งนับเป็นวันสันติภาพ ผู้คนจากทั่วทุกสารทิศจะเดินทางมาพร้อมกับนกกระเรียนกระดาษมาวางไว้หน้ารูปปั้นของซาดาโกะ เพื่อระลึกถึงเธอ และเพื่อภาวนาให้สันติภาพเกิดขึ้นในโลก...ข้อมูลจาก : http://www.jvkk.go.th

"นกกระดาษนั้น จะทำให้ฉันหายป่วยได้ยังไง"
ซาดาโกะถามชิซูโกะเพื่อนสนิท ซึ่งมาเยี่ยมเธอ
ที่โรงพยาบาลพร้อมด้วยนกกระเรียน ที่พับขึ้นจากกระดาษสีทอง
"เธอจำตำนานเก่าแก่เกี่ยวกับเรื่องนกกระเรียนไม่ได้หรือว่า เขาเชื่อกันว่า นกกระเรียนนั้นมีอายุถึงพันปี ถ้าหากว่าคนที่ป่วยสามารถพับนกกระเรียนได้ถึงพันตัว สิ่งศักดิ์สิทธิ์จะทำให้คนนั้นกลับมามีสุขภาพแข็งแรงอีกครั้งหนึ่ง"
ชิชูโกะยื่นนกกระเรียนให้ซาดาโกะแล้วบอกว่า "นี่คือนกกระเรียนตัวแรกของเธอ" เด็กน้อยซาบซึ้งใจกับความปรารถนาดีของเพื่อน หลังจากนั้นซาดาโกะก็เริ่มต้นพับนกกระเรียนของเธอ พร้อมๆ กับอธิษฐานว่า "ขอให้ฉันหายป่วย"
ซาดาโกะ ซาซากิ เกิดเมื่อวันที่ 7 มกราคม 2486 ที่เมืองฮิโรชิมา ประเทศญี่ปุ่น ต่อมาวันที่ 6 สิงหาคม 2488 ขณะที่ซาดาโกะอายุได้ 2 ขวบ เครื่องบินของกองทัพสหรัฐอเมริกาก็ทิ้งระเบิดปรมาณูลูกแรกของโลกลงมาที่เมืองฮิโรชิมา...
อีก 10 ปีให้หลัง ซาดาโกะก็กลายมาเป็นอีกคนหนึ่งที่เจ็บป่วยด้วยอาการโรคมะเร็งเม็ดเลือดขาวหรือลูคีเมีย ซึ่งเป็นพิษภัยจากระเบิดนิวเคลียร์นั่นเอง หลังจากที่ต้องต่อสู่กับโรคร้ายนี้อยู่นาน 8 เดือน เด็กหญิงซาดาโกะก็เสียชีวิตลงในวันที่ 25 ตุลาคม 2496 ขณะอายุได้ 12 ปี
เมื่อเด็กน้อยผู้ร่าเริงคนที่ต้องตั้งความหวังว่าจะเป็นนักวิ่งที่เก่งกาจ ต้องมาใช้ชีวิตอยู่บนเตียงโรงพยาบาล ซาดาโกะต่อสู่กับโรคร้ายด้วยความเข้มแข็ง ในจิตใจของเธอเปี่ยมด้วยความหวังว่าตัวเองจะต้องหายจากอาการป่วย เธอ...มุ่งมั่นที่จะพับนกกระเรียนกระดาษให้ครบ 1,000 ตัว ตามความเชื่อของคนญี่ปุ่นโบราณที่เล่าขานต่อๆ มา
เด็กหญิงซาดาโกะเสียชีวิต ขณะที่เธอพับนกกระเรียนได้ 544 ตัว ในวันประกอบพิธีศพ...เพื่อนๆ ของเธอร่วมกันพับอีก 365 ตัว ให้ครบหนึ่งพันแล้วจะนำไปฝังพร้อมกับร่างของซาดาโกะ
อาจจะด้วยสิ่งที่เพื่อนๆ ช่วยกันทำนั่นเอง จึงช่วยให้คำอธิษฐานของเธอเป็นจริงได้ เพราะจนถึงวันนี้...ซาดาโกะ ก็ยังคงมีชีวิตอยู่ในหัวใจของผู้คนทั่วโลกเสมอมา
ในปี 2501 อนุสาวรีย์ของซาดาโกะก็สร้างสำเร็จ และนำไปตั้งไว้ที่สวนสันติภาพของเมืองฮิโรชิมา
รูปปั้นที่สร้างจากหินแกรนิต เป็นรูปของเด็กหญิงซาดาโกะยืนอยู่บนสวรรค์ ในมือ...ที่เหยียดชูขึ้นสูง เป็นรูปนกกระเรียนสีทอง
อนุสาวรีย์ของซาดาโกะนี้ไม่เพียงเพื่อซาดาโกะ แต่...เพื่อเป็นอนุสรณ์ให้ชาวโลกตระหนักถึงพิษภัยของสงคราม
ทุกปี เมื่อถึงวันที่ 6 สิงหาคม ซึ่งนับเป็นวันสันติภาพ ผู้คนจากทั่วทุกสารทิศจะเดินทางมาพร้อมกับนกกระเรียนกระดาษมาวางไว้หน้ารูปปั้นของซาดาโกะ เพื่อระลึกถึงเธอ และเพื่อภาวนาให้สันติภาพเกิดขึ้นในโลก...
ข้อมูลจาก : http://www.jvkk.go.th

"ความรัก" ไม่ใช่ว่า ให้...ต้องหวัง ว่าจะได้รับ...แต่ ความรัก คือ...ต่างฝ่าย.. ต่าง อยากที่จะ ให้...โดย...เราต่าลืมไปเลยว่า.....มีคำว่า..."รับ.."อยู่ ระหว่าง เรา...😊ครอบครัว ที่แข็งแรง เข้าใจ และ support....เป็นทุกๆอย่าง ของนักสู้ใน สนามฝันทุกคน...ไม่ว่าจะสนามไหน ตั้งแต่สนามการศึกษา...การงาน อาชีพ และ ความฝัน...หาความรัก ที่คุณให้พร้อมจะให้...และเขาก็พร้อมจะสู้ และทำทุกอย่าง..เพื่อ "ให้..." คุณ เช่นกัน...ความรัก...เป็นเรื่องไม่ต้องขอ....เคยต้องขอ ให้คุณพ่อคุณแม่...รักเราไหมครับ ??ใช้เวลาที่มีค่า...กับคนที่มีค่ากับคุณ....และเห็นค่าในตัวคุณนะครับ..😊LOVE is not GIVE & TAKEit's GIVE & to b GIVENspend ur quality time...with your precious person...who the one who value your love...Have a great SUNDAY!!!😊😊Cr . Hirunznudt Wiwatdechakul

"ความรัก" ไม่ใช่ว่า ให้...
ต้องหวัง ว่าจะได้รับ...
แต่ ความรัก คือ...
ต่างฝ่าย.. ต่าง อยากที่จะ ให้...โดย...
เราต่าลืมไปเลยว่า.....มีคำว่า..."รับ.."
อยู่ ระหว่าง เรา...
ครอบครัว ที่แข็งแรง เข้าใจ และ support....
เป็นทุกๆอย่าง ของนักสู้ใน สนามฝันทุกคน...
ไม่ว่าจะสนามไหน ตั้งแต่สนามการศึกษา...
การงาน อาชีพ และ ความฝัน...
หาความรัก ที่คุณให้พร้อมจะให้...
และเขาก็พร้อมจะสู้ และทำทุกอย่าง..
เพื่อ "ให้..." คุณ เช่นกัน...
ความรัก...เป็นเรื่องไม่ต้องขอ....
เคยต้องขอ ให้คุณพ่อคุณแม่...
รักเราไหมครับ ??
ใช้เวลาที่มีค่า...
กับคนที่มีค่ากับคุณ....
และเห็นค่าในตัวคุณนะครับ..
LOVE is not GIVE & TAKE
it's GIVE & to b GIVEN
spend ur quality time...
with your precious person...
who the one who value your love...
Have a great SUNDAY!!!
Cr . Hirunznudt Wiwatdechakul

(y) (y) (y) ผู้เฒ่าเก็บเศษขยะ ทิ้งมรดกสิ่งหนึ่งไว้ให้คนตะลึง !!เรื่องจริง..ที่แขร์กันมากในไลน์ อ่านหลายครั้งก็ยังซึ้งใจ - - - - - - - - - - ห้องสมุดหางโจว เปิดโอกาสให้คนเร่ร่อนเก็บเศษขยะขาย สามารถเข้ามาอ่านหนังสือได้ แต่ต้อง "ล้างมือ" ให้สะอาดก่อนถึงจะเข้าได้ , ผู้เฒ่าคนนี้มีชื่อว่า " อู๋ย ซือ เฮ้า " เป็นคนหนึ่งที่ขอร่วมเข้ามาอ่านหนังสือ เขาตั้งอกตั้งใจอ่านข่าวสารอย่างจริงๆจังๆ จนทุกคนต่างยกย่องให้เป็นคนเร่ร่อนที่ใฝ่หาความรู้อย่างแท้จริง .. จนได้ฉายานามว่า ผู้ เ ฒ่ า นั ก อ่ า น ....ปัจจุบัน เขาหมดลมหายใจแล้ว เหตุเพราะหลายวันก่อนเดินข้ามถนนถูกรถชนจนเสียชีวิต เมื่อเขาตาย เรื่องราวชีวิตก็ได้ถูกเปิดเผย ความลับนี้ทำให้ผู้คนต้องตกตะลึงและหลั่งน้ำตาไปตามๆกัน .- - - - - - - - - - ประวัติของเขาจบมหาวิทยาลัย ปี 1960 ก่อนเกษียนอายุเป็นอาจารย์สอนใน รร.มัธยม ยังชีพด้วยเงินบำนาญไม่มากมายนัก และเขาก็เก็บขยะประทังชีวิตไปวันๆ ..เจ้าหน้าที่ได้ตรวจสอบทรัพย์สินของเขา ล้วนแต่ไม่มีราคาค่างวดอะไรเลย .. แต่กลับพบใบอนุโมทนาบัตร ที่บริจาคเงินเพื่อทุนการศึกษา ซึ่งเขาเก็บไว้จนกลายเป็นสีซีดเหลือง และการ์ดไปรษณียบัตรที่ส่งมาจากที่ต่างๆ ลงชื่อของผู้ที่ได้รับทุนการศึกษาจากเขา แจ้งผลการเรียนทุกเทอมกลับมาให้เขาทราบทุกฉบับ - - - - - - - - - - :v :v แท้จริง .. ผู้เฒ่าต้องการประหยัด กินน้อย- ใช้น้อย มอบเงินที่มีอยู่ทั้งหมด พร้อมกับเงินบำนาญอันน้อยนิด บริจาคให้นักเรียนยากจน โดยไม่ยอมแม้แต่จะใช้ชื่อจริง เขาใส่ใจบรรดาเด็กๆที่ส่งเสียให้เรียน และเด็กที่ได้รับทุนทุกคนก็ไม่รู้ว่าผู้ส่งเสียให้เรียนยากจนข้นแค้นแค่ไหน เพราะผู้เฒ่าใช้ชื่อปลอม ปกปิดชื่อจริงในการให้ทุนมาตลอด ...ชั่วชีวิต ผู้เฒ่ามีแต่ความเรียบง่าย อยู่อย่างประหยัดมัธยัสถ์ นอนเตียงไม้ 1 ตัว เฟอร์นิเจอร์อื่นๆ ไม่มีเลย , เมื่อ 10 ปีก่อน ก็ได้บริจาคร่างกายให้โรงพยาบาล เพื่อว่าตายไป อวัยวะส่วนไหนพอจะนำไปช่วยคนได้ เขาจะดีใจมากที่สุด = = = = = = = = = = <3 <3 <3 วิญญาณของท่านคงจะเบิกบานและสงบ ความรัก ความเมตตา หาผู้ใดมาเทียบเทียมยาก ขอคารวะท่านผู้เฒ่า "อู๋ยซือเฮ้า " ผู้สร้างความอบอุ่นให้กับสังคมมนุษย์ ที่มา ... เรื่องเล่าจาก LINE (ไทยโพสต์)= = = = = = = = = = = = =

(y) (y) (y)
ผู้เฒ่าเก็บเศษขยะ ทิ้งมรดกสิ่งหนึ่งไว้ให้คนตะลึง !!
เรื่องจริง..ที่แขร์กันมากในไลน์ อ่านหลายครั้งก็ยังซึ้งใจ
- - - - - - - - - -
ห้องสมุดหางโจว เปิดโอกาสให้คนเร่ร่อนเก็บเศษขยะขาย สามารถเข้ามาอ่านหนังสือได้ แต่ต้อง "ล้างมือ" ให้สะอาดก่อนถึงจะเข้าได้ , ผู้เฒ่าคนนี้มีชื่อว่า " อู๋ย ซือ เฮ้า " เป็นคนหนึ่งที่ขอร่วมเข้ามาอ่านหนังสือ เขาตั้งอกตั้งใจอ่านข่าวสารอย่างจริงๆจังๆ จนทุกคนต่างยกย่องให้เป็นคนเร่ร่อนที่ใฝ่หาความรู้อย่างแท้จริง .. จนได้ฉายานามว่า ผู้ เ ฒ่ า นั ก อ่ า น ...
.
ปัจจุบัน เขาหมดลมหายใจแล้ว เหตุเพราะหลายวันก่อนเดินข้ามถนนถูกรถชนจนเสียชีวิต เมื่อเขาตาย เรื่องราวชีวิตก็ได้ถูกเปิดเผย ความลับนี้ทำให้ผู้คนต้องตกตะลึงและหลั่งน้ำตาไปตามๆกัน
.
- - - - - - - - - -
ประวัติของเขาจบมหาวิทยาลัย ปี 1960 ก่อนเกษียนอายุเป็นอาจารย์สอนใน รร.มัธยม ยังชีพด้วยเงินบำนาญไม่มากมายนัก และเขาก็เก็บขยะประทังชีวิตไปวันๆ ..
เจ้าหน้าที่ได้ตรวจสอบทรัพย์สินของเขา ล้วนแต่ไม่มีราคาค่างวดอะไรเลย .. แต่กลับพบใบอนุโมทนาบัตร ที่บริจาคเงินเพื่อทุนการศึกษา ซึ่งเขาเก็บไว้จนกลายเป็นสีซีดเหลือง และการ์ดไปรษณียบัตรที่ส่งมาจากที่ต่างๆ ลงชื่อของผู้ที่ได้รับทุนการศึกษาจากเขา แจ้งผลการเรียนทุกเทอมกลับมาให้เขาทราบทุกฉบับ
- - - - - - - - - -
:v :v 
แท้จริง .. ผู้เฒ่าต้องการประหยัด กินน้อย- ใช้น้อย มอบเงินที่มีอยู่ทั้งหมด พร้อมกับเงินบำนาญอันน้อยนิด บริจาคให้นักเรียนยากจน โดยไม่ยอมแม้แต่จะใช้ชื่อจริง เขาใส่ใจบรรดาเด็กๆที่ส่งเสียให้เรียน และเด็กที่ได้รับทุนทุกคนก็ไม่รู้ว่าผู้ส่งเสียให้เรียนยากจนข้นแค้นแค่ไหน เพราะผู้เฒ่าใช้ชื่อปลอม ปกปิดชื่อจริงในการให้ทุนมาตลอด ..
.
ชั่วชีวิต ผู้เฒ่ามีแต่ความเรียบง่าย อยู่อย่างประหยัดมัธยัสถ์ นอนเตียงไม้ 1 ตัว เฟอร์นิเจอร์อื่นๆ ไม่มีเลย , เมื่อ 10 ปีก่อน ก็ได้บริจาคร่างกายให้โรงพยาบาล เพื่อว่าตายไป อวัยวะส่วนไหนพอจะนำไปช่วยคนได้ เขาจะดีใจมากที่สุด
= = = = = = = = = =
<3 <3 <3
วิญญาณของท่านคงจะเบิกบานและสงบ
ความรัก ความเมตตา หาผู้ใดมาเทียบเทียมยาก
ขอคารวะท่านผู้เฒ่า "อู๋ยซือเฮ้า " ผู้สร้างความอบอุ่นให้กับสังคมมนุษย์
ที่มา ... เรื่องเล่าจาก LINE (ไทยโพสต์)
= = = = = = = = = = = = =

คนญี่ปุ่นไม่ซื้อของให้ลูกตัวเองแต่คนญี่ปุ่น สอนให้ลูกตัวเอง..เก็บเงิน หยอดกระปุกทำงานพิเศษ(เริ่มทำได้ตอนอายุ15ปี)เพื่อเก็บเงินซื้อในสิ่งที่ตัวเองอยากได้สอนให้ลูกขยัน และทำทุกอย่างเองสอนให้รู้คุณค่าของเงินจะได้ประหยัดรู้จักใช้เงินเป็นเด็กญี่ปุ่นอายุ15ปีขึ้นไปทำงานได้วันละไม่เกิน3ชมฝึกพื้นฐานให้รู้จักการหาเงินรู้จักคุณค่าของเงินการรู้จักทำงานเป็นพื้นฐานในการใข้ชีวิตเมื่อโตขึ้นทำให้มีพื้นฐานของความเข้มแข็งแต่เด็ก...Cr.-Basic Skill-

คนญี่ปุ่นไม่ซื้อของให้ลูกตัวเอง
แต่คนญี่ปุ่น สอนให้ลูกตัวเอง..
เก็บเงิน หยอดกระปุก
ทำงานพิเศษ(เริ่มทำได้ตอนอายุ15ปี)
เพื่อเก็บเงินซื้อในสิ่งที่ตัวเองอยากได้
สอนให้ลูกขยัน และ
ทำทุกอย่างเอง
สอนให้รู้คุณค่าของเงิน
จะได้ประหยัดรู้จักใช้เงินเป็น
เด็กญี่ปุ่นอายุ15ปีขึ้นไป
ทำงานได้วันละไม่เกิน3ชม
ฝึกพื้นฐานให้รู้จักการหาเงิน
รู้จักคุณค่าของเงิน
การรู้จักทำงาน
เป็นพื้นฐานในการใข้ชีวิตเมื่อโตขึ้น
ทำให้มีพื้นฐานของความเข้มแข็งแต่เด็ก...
Cr.-Basic Skill-

ดีกับคนที่เขาอดทนกับเราให้มากๆ เพราะเขาคือหนึ่งในไม่กี่คนบนโลกใบนี้เลยนะ หรืออาจจะเป็นเพียงคนเดียวในชีวิตของเราก็เป็นได้แล้วทำไมเขาต้องมาอดทนกับคนอย่างเรา ที่บางครั้งก็ใจร้อน, หงุดหงิด, งี่เง่า, เอาแต่ใจ..นั่นสิทำไม? เหตุผลอาจมีมากมายแต่ที่ดีที่สุดคือการมีอยู่ของเขาทำให้รู้ว่า 'เรายังมีใคร' เราควรเข้าใจไว้ด้วยว่า..• การมีอยู่ของเขา ไม่ได้หมายความว่าเขาจะยอมรับและเห็นดีเห็นงามกับความใจร้อน, หงุดหงิด, งี่เง่า, เอาแต่ใจของเรา• การนิ่ง+ไม่พูดอะไรของเขา ไม่ได้แปลว่า เขาไม่รู้สึกอะไร แต่เขากำลังพยายามอดทน และรอว่าเมื่อไหร่ที่เราจะรู้สึกตัว • การโต้ตอบของเขา ไม่ใช่การตำหนิ, แก้แค้นหรือเอาคืน แต่เขากำลังเป็นกระจกส่องให้เราได้มองเห็นความไม่น่ารักของตัวเราเอง แม้เราจะหงุดหงิด, ไม่ชอบใจนักก็ตาม• สำหรับเขาที่อดทนกับเรา เราอาจเป็นได้ทั้งคนสำคัญ และคนที่น่าสงสารคนนึง และเราต้องไม่ลืมว่า..• การมีอยู่ของเขา ไม่ใช่ตลอดไป • เขามีสิทธิ์ที่จะเบื่อเรา เสียความรู้สึกกับเรา ผิดหวังในตัวเรา และหมดความอดทนกับเราได้ไม่วันใดก็วันหนึ่ง ก็ลองนึกกลับกันดู ถ้าเราเป็นเขา เราจะอดทนกับคนแบบนี้ได้รึเปล่า • เขาไม่ใช่ใคร เป็นแค่คนธรรมดาที่อดทนกับเรามากกว่าคนอื่นที่อยู่ในชีวิตเราเท่านั้นเอง ดีกับคนที่เขาอดทนกับเราให้มากๆ เพราะมันทำให้เขายังอยู่ตรงนี้ มีแรงอดทนกับเราต่อไปได้อีกนานๆ cr : Facebook /Nejimeji Pim

ดีกับคนที่เขาอดทนกับเราให้มากๆ
เพราะเขาคือหนึ่งในไม่กี่คนบนโลกใบนี้เลยนะ
หรืออาจจะเป็นเพียงคนเดียวในชีวิตของเราก็เป็นได้
แล้วทำไมเขาต้องมาอดทนกับคนอย่างเรา ที่บางครั้งก็ใจร้อน, หงุดหงิด, งี่เง่า, เอาแต่ใจ..นั่นสิทำไม? 
เหตุผลอาจมีมากมายแต่ที่ดีที่สุดคือ
การมีอยู่ของเขาทำให้รู้ว่า 'เรายังมีใคร'
เราควรเข้าใจไว้ด้วยว่า..
• การมีอยู่ของเขา ไม่ได้หมายความว่าเขาจะยอมรับและเห็นดีเห็นงามกับความใจร้อน, หงุดหงิด, งี่เง่า, เอาแต่ใจของเรา
• การนิ่ง+ไม่พูดอะไรของเขา ไม่ได้แปลว่า เขาไม่รู้สึกอะไร แต่เขากำลังพยายามอดทน และรอว่าเมื่อไหร่ที่เราจะรู้สึกตัว
• การโต้ตอบของเขา ไม่ใช่การตำหนิ, แก้แค้นหรือเอาคืน แต่เขากำลังเป็นกระจกส่องให้เราได้มองเห็นความไม่น่ารักของตัวเราเอง แม้เราจะหงุดหงิด, ไม่ชอบใจนักก็ตาม
• สำหรับเขาที่อดทนกับเรา เราอาจเป็นได้ทั้งคนสำคัญ และคนที่น่าสงสารคนนึง
และเราต้องไม่ลืมว่า..
• การมีอยู่ของเขา ไม่ใช่ตลอดไป
• เขามีสิทธิ์ที่จะเบื่อเรา เสียความรู้สึกกับเรา ผิดหวังในตัวเรา และหมดความอดทนกับเราได้ไม่วันใดก็วันหนึ่ง ก็ลองนึกกลับกันดู ถ้าเราเป็นเขา เราจะอดทนกับคนแบบนี้ได้รึเปล่า
• เขาไม่ใช่ใคร เป็นแค่คนธรรมดาที่อดทนกับเรามากกว่าคนอื่นที่อยู่ในชีวิตเราเท่านั้นเอง
ดีกับคนที่เขาอดทนกับเราให้มากๆ
เพราะมันทำให้เขายังอยู่ตรงนี้ มีแรงอดทนกับเราต่อไปได้อีกนานๆ
cr : Facebook /Nejimeji Pim

ยอมติดคุก...หนุ่มใหญ่นั่งครุ่นคิดอยู่เป็นเวลานานจนภรรเมียสงสัย" คิดอะไรอยู่หรือพี่ " เธอถาม" จำได้มั้ย วันนี้เมื่อยี่สิบปีที่แล้วพ่อเอ็งจับได้ว่าข้าเข้าหาเอ็ง"" จำได้สิพี่ " เมียพยักหน้าหงึกๆ" แล้วพ่อเอ็งก็ให้ข้าเลือก....ว่าจะมาสู่ขอเอ็งหรือว่าจะยอมติดคุกซัก 20 ปี "" แล้วพี่ก็เลือกแต่งกับชั้น " เมียพยักหน้าอาการรับรู้" แล้วพี่นั่งคิดอะไรอยู่ล่ะ "" ข้าคิดอยู่ว่า ถ้าข้ายอมติดคุก วันนี้ข้าก็พ้นโทษแล้วว่ะ!!! "Cr. ทางแพทย์สายพุทธ

ยอมติดคุก...
หนุ่มใหญ่นั่งครุ่นคิดอยู่เป็นเวลานานจนภรรเมียสงสัย
" คิดอะไรอยู่หรือพี่ " เธอถาม
" จำได้มั้ย วันนี้เมื่อยี่สิบปีที่แล้วพ่อเอ็งจับได้ว่า
ข้าเข้าหาเอ็ง"
" จำได้สิพี่ " เมียพยักหน้าหงึกๆ
" แล้วพ่อเอ็งก็ให้ข้าเลือก....ว่าจะมาสู่ขอเอ็ง
หรือว่าจะยอมติดคุกซัก 20 ปี "
" แล้วพี่ก็เลือกแต่งกับชั้น " เมียพยักหน้าอาการรับรู้
" แล้วพี่นั่งคิดอะไรอยู่ล่ะ "
" ข้าคิดอยู่ว่า ถ้าข้ายอมติดคุก
วันนี้ข้าก็พ้นโทษแล้วว่ะ!!! "
Cr. ทางแพทย์สายพุทธ

"ทางออกของลูก" สามี-ภรรยาคู่หนึ่งให้การบ้านลูกสาววัยย่างเข้าสู่วัยรุ่นว่า ให้นึกถึงการทำผิดหนักที่สุดที่ทำให้พ่อ-แม่เสียใจจนไม่อาจให้อภัยได้ พร้อมยกเหตุผลที่ได้กระทำสิ่งนั้น และการหาทางออกมา1ข้อ พร้อมการทำผิดรองลงมาโดยไม่ต้องประกอบเหตุผลและทางออกมาอีก2ข้อ... ผ่านไป3วัน ลูกสาวนำกระดาษเขียนคำตอบมาส่ง เนื้อความเขียนบรรยายคือ1.การท้องโดยที่ยังเรียนไม่จบ ทำไปเพราะอยากรู้อยากลองและไม่สามารถหักห้ามใจได้ ทางออกคือ ปรึกษาเพื่อนหรือแฟน2.ติดยาเสพติด...3.เรียนไม่จบหลังอ่านคำตอบจบ ทั้งคู่สอนลูกสาวว่า...พ่อ-แม่ภูมิใจที่ลูกรู้จักผิดชอบชั่วดีดั่งที่เขียนถึงความผิดข้อต่างๆ และหวังว่าเมื่อรู้แล้ว ลูกสาวจะไม่ทำให้พ่อ-แม่เสียใจ...แต่หากวันใดที่ลูกได้ทำผิด ทั้งจากตั้งใจและไม่ตั้งใจ หรือตกเป็นเหยื่อในเรื่องใดก็ตาม ขอให้ลูกสัญญาว่า จะเข้ามาบอกให้พ่อ-แม่รับรู้เป็นคนแรก และพ่อกับแม่ก็สัญญาเช่นกันว่า ต่อให้โกรธและต้องทำโทษลูกบ้าง...แต่ในที่สุดพ่อ-แม่จะเป็นคนพาลูกออกจากปัญหาด้วยตัวเอง._____________________________สำหรับความรักที่พ่อ-แม่มีให้ลูกนั้น ยิ่งใหญ่จนไม่มีความผิดหนักที่สุดสถานใดของลูก ที่ไม่อาจให้อภัยได้...เพียงแต่บ่อยครั้ง เราปิดทางออกในการพาลูกออกจากปัญหาด้วยความคาดหวังในตัวลูกมากเกินไป หรือการคาดโทษรุนแรงจนลูกต้องหันไปพึ่งคนอื่นๆ แล้วเลยไปสู่ปัญหาร้ายแรงกว่าตัวต้นเหตุ...เราทุกคนก็ล้วนผ่านวัยเด็กมาแล้วทั้งสิ้น เราทุกคนก็ล้วนผ่านการทำผิดมาแล้วทั้งสิ้น...ความผิดพลาดเป็นเรื่องธรรมดาเพราะเด็กก็คือเด็กไม่รู้ประสา...เราในฐานะพ่อ-แม่ต่างหาก ไม่ควรปิดประตูทางออกที่ดีที่สุดของลูกตัวเอง...........................................................บทความโดยคุณเสก สถานีคลายทุกข์นุสนธิ์บุคส์

"ทางออกของลูก"
         สามี-ภรรยาคู่หนึ่งให้การบ้านลูกสาววัยย่างเข้าสู่วัยรุ่นว่า 
ให้นึกถึงการทำผิดหนักที่สุดที่ทำให้พ่อ-แม่เสียใจจนไม่อาจให้อภัยได้  พร้อมยกเหตุผลที่ได้กระทำสิ่งนั้น  และการหาทางออกมา1ข้อ 
พร้อมการทำผิดรองลงมาโดยไม่ต้องประกอบเหตุผลและทางออกมาอีก2ข้อ...
      ผ่านไป3วัน  ลูกสาวนำกระดาษเขียนคำตอบมาส่ง  เนื้อความเขียนบรรยายคือ
1.การท้องโดยที่ยังเรียนไม่จบ  ทำไปเพราะอยากรู้อยากลองและไม่สามารถหักห้ามใจได้  ทางออกคือ ปรึกษาเพื่อนหรือแฟน
2.ติดยาเสพติด...
3.เรียนไม่จบ
หลังอ่านคำตอบจบ  ทั้งคู่สอนลูกสาวว่า...พ่อ-แม่ภูมิใจที่ลูกรู้จักผิดชอบชั่วดีดั่งที่เขียนถึงความผิดข้อต่างๆ  และหวังว่าเมื่อรู้แล้ว  ลูกสาวจะไม่ทำให้พ่อ-แม่เสียใจ...
แต่หากวันใดที่ลูกได้ทำผิด  ทั้งจากตั้งใจและไม่ตั้งใจ  หรือตกเป็นเหยื่อในเรื่องใดก็ตาม  ขอให้ลูกสัญญาว่า  จะเข้ามาบอกให้พ่อ-แม่รับรู้เป็นคนแรก  และพ่อกับแม่ก็สัญญาเช่นกันว่า  ต่อให้โกรธและต้องทำโทษลูกบ้าง...แต่ในที่สุดพ่อ-แม่จะเป็นคนพาลูกออกจากปัญหาด้วยตัวเอง.
_____________________________
สำหรับความรักที่พ่อ-แม่มีให้ลูกนั้น  ยิ่งใหญ่จนไม่มีความผิดหนักที่สุดสถานใดของลูก  ที่ไม่อาจให้อภัยได้...
เพียงแต่บ่อยครั้ง  เราปิดทางออกในการพาลูกออกจากปัญหาด้วยความคาดหวังในตัวลูกมากเกินไป  หรือการคาดโทษรุนแรงจนลูกต้องหันไปพึ่งคนอื่นๆ  แล้วเลยไปสู่ปัญหาร้ายแรงกว่าตัวต้นเหตุ...
เราทุกคนก็ล้วนผ่านวัยเด็กมาแล้วทั้งสิ้น  เราทุกคนก็ล้วนผ่านการทำผิดมาแล้วทั้งสิ้น...ความผิดพลาดเป็นเรื่องธรรมดาเพราะเด็กก็คือเด็กไม่รู้ประสา...
เราในฐานะพ่อ-แม่ต่างหาก  ไม่ควรปิดประตูทางออกที่ดีที่สุดของลูกตัวเอง.
..........................................................
บทความโดยคุณเสก สถานีคลายทุกข์
นุสนธิ์บุคส์

วันนี้วันพระ....ครับ "พรหมวิหารธรรม" ในห้องแห่งความสุข ใช้ห้องแห่งความสุขด้วย... ความเมตตา......โดยระมัดระวังไม่ให้มีน้ำหยด เปียกแฉะ บริเวณฝาของโถ ที่ปลดเปลื้องทุกข์ กรุณา...............ต่อผู้ที่จะใช้ต่อด้วยการเหลียวมอง อีกครั้ง และเช็ดร่องรอยที่เกิดจาก การใช้ของตน มุทิตา...............นึกยินดีและขอบคุณผู้ใช้คนก่อน เมื่อเข้ามาพบห้องน้ำที่สะอาดและแห้ง อุเบกขา............ระวังจิตให้ตั้งมั่น ไม่พลัดหลงไปขุ่นมัว หากพบร่องรอยแห่งความเผลอไผล อันเกิดจากผู้ที่ใช้ก่อน Cr : ครูโม โรงเรียนรุ่งอรุณ

วันนี้วันพระ....ครับ

"พรหมวิหารธรรม" ในห้องแห่งความสุข

ใช้ห้องแห่งความสุขด้วย...

ความเมตตา......โดยระมัดระวังไม่ให้มีน้ำหยด
                          เปียกแฉะ บริเวณฝาของโถ
                          ที่ปลดเปลื้องทุกข์

กรุณา...............ต่อผู้ที่จะใช้ต่อด้วยการเหลียวมอง
                         อีกครั้ง และเช็ดร่องรอยที่เกิดจาก
                         การใช้ของตน

มุทิตา...............นึกยินดีและขอบคุณผู้ใช้คนก่อน
                         เมื่อเข้ามาพบห้องน้ำที่สะอาดและแห้ง

อุเบกขา............ระวังจิตให้ตั้งมั่น ไม่พลัดหลงไปขุ่นมัว
                          หากพบร่องรอยแห่งความเผลอไผล
                          อันเกิดจากผู้ที่ใช้ก่อน

Cr : ครูโม โรงเรียนรุ่งอรุณ

นาฬิกาทุกเรือน บอกเวลาเดินหน้าไปเรื่อยๆในขณะที่นาฬิกาชีวิตของคนเรา นับถอยหลังลงเรื่อยๆอยากรู้ว่าตอนนี้กี่โมง .. ยังมีนาฬิกาช่วยบอกแต่ถ้าอยากรู้ว่าเหลืออีกกี่ชั่วโมงบนโลกใบนี้ .. ไม่มีอะไรบอก!!เราทำได้แค่ ถ้าเห็นความสุขอยู่ข้างหน้า กระโจนลงไปก่อนอย่าเสียเวลามัวแต่กังวลว่า .. มันจะอยู่กับเราได้นานแค่ไหน ?วันหนึ่ง .. ถ้าเวลาของเราหมดลงอย่างน้อย...เวลาที่เราหันกลับมาดูก็ยังชื่นใจได้ว่า ฉันได้เคยมีความสุขมาแล้วต่อให้เป็นเพียงช่วงเวลาสั้นๆแต่มันจะอยู่ในความทรงจำที่ยาวนานชั่วชีวิต!!Cr. Fwline

นาฬิกาทุกเรือน บอกเวลาเดินหน้าไปเรื่อยๆ
ในขณะที่นาฬิกาชีวิตของคนเรา นับถอยหลังลงเรื่อยๆ
อยากรู้ว่าตอนนี้กี่โมง .. ยังมีนาฬิกาช่วยบอก
แต่ถ้าอยากรู้ว่าเหลืออีกกี่ชั่วโมงบนโลกใบนี้ ..
ไม่มีอะไรบอก!!
เราทำได้แค่ ถ้าเห็นความสุขอยู่ข้างหน้า
กระโจนลงไปก่อน
อย่าเสียเวลามัวแต่กังวลว่า ..
มันจะอยู่กับเราได้นานแค่ไหน ?
วันหนึ่ง .. ถ้าเวลาของเราหมดลง
อย่างน้อย...เวลาที่เราหันกลับมาดู
ก็ยังชื่นใจได้ว่า ฉันได้เคยมีความสุขมาแล้ว
ต่อให้เป็นเพียงช่วงเวลาสั้นๆ
แต่มันจะอยู่ในความทรงจำที่ยาวนานชั่วชีวิต!!
Cr. Fwline

สาวจีนยอดกตัญญู.... ผู้พายายไปทำงานด้วยทุกวัน เพราะไม่มีคนดูแล ชี้หากวันไหนยายเดินไม่ไหว จะเป็นผู้อุ้มยายขึ้นหลังแบกยายไปด้วยตัวเองวานนี้(23 ก.ค.)ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เว็บไซต์เดลี่เมลของอังกฤษ ได้เผยเรื่องราวที่ชวนให้อบอุ่นหัวใจ ของหลานสาวสุดกตัญญูที่ตัดสินใจพาคุณยายของเธอไปทำงานด้วยทุกวัน เพื่อแก้ปัญหาของครอบครัวในการดูแลยายผู้แก่ชราโดย หวง ลี่หัว วัย 24 ปี จากเขตเทศบาลเมืองฉงชิ่ง ทางตะวันตกเฉียงใต้ของจีน เผยว่า ตอนที่เธออายุ 2 ขวบ พ่อกับแม่ได้นำเธอไปฝากให้คุณยายวัย 88 ปี ที่อยู่ในชนบทเลี้ยง เพราะพวกท่านต้องออกไปทำงาน แม้ว่าใครจะมองว่าการที่เด็กเมืองอย่างเธอออกไปใช้ชีวิตอยู่ตามชนบทจะเป็นเรื่องลำบาก แต่จริง ๆ แล้วมันกลับเป็นช่วงเวลาที่เธอมีความสุขที่สุดในชีวิต เธอจำได้ว่าคุณยายใจดีและมักจะ พาเธอตามติดไปด้วยทุก ๆ ที่ ไม่ว่าจะไปตลาด บ้านเพื่อน หรือแม้แต่ไปทำงานในไร่ เธอได้ทานอาหารดี ๆ และได้รับความรักอย่างมากมาย ก่อนที่เธอจะต้องกลับเข้าเมืองมาเพื่อเรียนหนังสือ แต่เธอก็ไม่เคยลืมช่วงเวลาที่อยู่กับยายเลย หลังจากที่เรียนจบ หวง ลี่หัว ก็ได้ย้ายไปทำงานในมณฑลกวางตุ้ง ทางตะวันออกเฉียงใต้ของจีน เพื่อส่งเงินกลับมาให้พ่อแม่ และได้เริ่มธุรกิจร้านอาหารเป็นของตัวเอง ซึ่งในตอนนั้นเรียกได้ว่าเธอมีทุกสิ่งที่ต้องการในชีวิตแล้ว ทั้งแฟนหนุ่มที่รักกันมาก และธุรกิจที่กำลังไปได้สวย ดังนั้นเธอจึงนึกถึงยายขึ้นมา "ฉันตกลงที่จะเป็นคนดูแลยาย แต่เนื่องจากยายย้ายจากชนบทเข้ามาอยู่ในเมืองจึงค่อนข้างจะใช้ชีวิตลำบาก ฉันจึงเกิดไอเดียว่าจะพายายไปทำงานด้วย" หวง ลี่หัว กล่าว พร้อมชี้ว่าที่ร้านของเธอนั้นมักจะมีสิ่งต่าง ๆ เกิดขึ้นเสมอ และมีคนจำนวนมากให้ยายได้พูดคุยด้วย ยายของเธอจึงรู้สึกมีความสุขกับการใช้ชีวิตในเมืองขึ้นมา

สาวจีนยอดกตัญญู....
ผู้พายายไปทำงานด้วยทุกวัน เพราะไม่มีคนดูแล
ชี้หากวันไหนยายเดินไม่ไหว จะเป็นผู้อุ้มยายขึ้นหลังแบกยายไปด้วยตัวเอง
วานนี้(23 ก.ค.)ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เว็บไซต์เดลี่เมลของอังกฤษ ได้เผยเรื่องราวที่ชวนให้อบอุ่นหัวใจ ของหลานสาวสุดกตัญญูที่ตัดสินใจพาคุณยายของเธอไปทำงานด้วยทุกวัน เพื่อแก้ปัญหาของครอบครัวในการดูแลยายผู้แก่ชรา
โดย หวง ลี่หัว วัย 24 ปี จากเขตเทศบาลเมืองฉงชิ่ง ทางตะวันตกเฉียงใต้ของจีน เผยว่า ตอนที่เธออายุ 2 ขวบ พ่อกับแม่ได้นำเธอไปฝากให้คุณยายวัย 88 ปี ที่อยู่ในชนบทเลี้ยง เพราะพวกท่านต้องออกไปทำงาน แม้ว่าใครจะมองว่าการที่เด็กเมืองอย่างเธอออกไปใช้ชีวิตอยู่ตามชนบทจะเป็นเรื่องลำบาก แต่จริง ๆ แล้วมันกลับเป็นช่วงเวลาที่เธอมีความสุขที่สุดในชีวิต เธอจำได้ว่าคุณยายใจดีและมักจะ พาเธอตามติดไปด้วยทุก ๆ ที่ ไม่ว่าจะไปตลาด บ้านเพื่อน หรือแม้แต่ไปทำงานในไร่ เธอได้ทานอาหารดี ๆ และได้รับความรักอย่างมากมาย ก่อนที่เธอจะต้องกลับเข้าเมืองมาเพื่อเรียนหนังสือ แต่เธอก็ไม่เคยลืมช่วงเวลาที่อยู่กับยายเลย
หลังจากที่เรียนจบ หวง ลี่หัว ก็ได้ย้ายไปทำงานในมณฑลกวางตุ้ง ทางตะวันออกเฉียงใต้ของจีน เพื่อส่งเงินกลับมาให้พ่อแม่ และได้เริ่มธุรกิจร้านอาหารเป็นของตัวเอง ซึ่งในตอนนั้นเรียกได้ว่าเธอมีทุกสิ่งที่ต้องการในชีวิตแล้ว ทั้งแฟนหนุ่มที่รักกันมาก และธุรกิจที่กำลังไปได้สวย ดังนั้นเธอจึงนึกถึงยายขึ้นมา
"ฉันตกลงที่จะเป็นคนดูแลยาย แต่เนื่องจากยายย้ายจากชนบทเข้ามาอยู่ในเมืองจึงค่อนข้างจะใช้ชีวิตลำบาก ฉันจึงเกิดไอเดียว่าจะพายายไปทำงานด้วย"
หวง ลี่หัว กล่าว พร้อมชี้ว่าที่ร้านของเธอนั้นมักจะมีสิ่งต่าง ๆ เกิดขึ้นเสมอ และมีคนจำนวนมากให้ยายได้พูดคุยด้วย ยายของเธอจึงรู้สึกมีความสุขกับการใช้ชีวิตในเมืองขึ้นมา

"ตุ๊กตาไขลาน"ความรู้สึกของเรา มันเป็นของเราจริงๆไหม หรือเป็นของใครกันแน่ เราถูกทำให้ยิ้มโดยคนอื่น ถูกทำให้ร้องไห้โดยคนอื่น น่าแปลกทั้งๆที่คนรู้สึกคือเรา เหมือนทุกอย่างเกิดขึ้นเพราะสิ่งรอบข้างการจะควบคุมสิ่งเหล่านั้น มันยาก...พอๆกับควบคุมความรู้สึกตัวเองเจ้าตุ๊กตาไขลาน มีคนมาหมุน... ดูการทำงานของมัน พอหมดเวลาลงเขาก็แค่เดินจากไป มีบ้าง ที่จะหมุนใหม่ แต่ก็ไม่เกิน 3 ครั้งสุดท้าย ก็เดินจากไป .. ความสนุกของเจ้าตุ๊กตา เกิดขึ้นจากคนอื่นมันบังคับตัวเองไม่ได้ เฉกเช่นมนุษย์.... เรามีความสุข เราเศร้า เรายิ้ม เราร้องไห้ กับตัวเองไม่ได้เราเลยต้องมีสังคม สังคมที่เราจะขับเคลื่อนความรู้สึกของเรา ไปในทิศทางที่เหมาะสม สังคมที่จะสอนให้เราเรียนรู้ถึงชีวิต ตัวฉันสุดท้าย คงไม่มีค่าเกิน แค่ของเล่นชิ้นหนึ่ง .Cr. จดหมายจากหัวใจ

"ตุ๊กตาไขลาน"
ความรู้สึกของเรา มันเป็นของเราจริงๆไหม
หรือเป็นของใครกันแน่
เราถูกทำให้ยิ้มโดยคนอื่น
ถูกทำให้ร้องไห้โดยคนอื่น น่าแปลก
ทั้งๆที่คนรู้สึกคือเรา เหมือนทุกอย่างเกิดขึ้น
เพราะสิ่งรอบข้าง
การจะควบคุมสิ่งเหล่านั้น มันยาก...
พอๆกับควบคุมความรู้สึกตัวเอง
เจ้าตุ๊กตาไขลาน มีคนมาหมุน...
ดูการทำงานของมัน พอหมดเวลาลง
เขาก็แค่เดินจากไป มีบ้าง ที่จะหมุนใหม่
แต่ก็ไม่เกิน 3 ครั้ง
สุดท้าย ก็เดินจากไป ..
ความสนุกของเจ้าตุ๊กตา เกิดขึ้นจากคนอื่น
มันบังคับตัวเองไม่ได้
เฉกเช่นมนุษย์....
เรามีความสุข เราเศร้า เรายิ้ม
เราร้องไห้ กับตัวเองไม่ได้
เราเลยต้องมีสังคม
สังคมที่เราจะขับเคลื่อนความรู้สึกของเรา
ไปในทิศทางที่เหมาะสม
สังคมที่จะสอนให้เราเรียนรู้ถึงชีวิต
ตัวฉันสุดท้าย คงไม่มีค่าเกิน แค่ของเล่นชิ้นหนึ่ง .
Cr. จดหมายจากหัวใจ

แค่คนบางคน...ครับ๐๐๐ บนเส้นทางชีวิต ๐๐๐ เราอาจจะต้องเจอะเจอ.."คนบางคน"๐๐ คนบางคน ๐๐พบเจอแล้วก็ควรเฉยๆอย่าไปใส่ใจอะไรเขามากนัก เหนื่อยเปล่า เสียเวลาเปล่าเพราะเขาไม่มีคุณธรรมความดีอะไรติดตัวติดใจถึงแมัว่าจะมีฐานะมีความรู้ดีสักปานใดก็ตาม๐๐ คนบางคน ๐๐พบเจอแล้วก็ควรรีบทำใจปล่อยวางให้ได้เพราะเขาเป็นคนที่เห็นแก่ตัว เห็นแก่ได้ไม่รู้ว่าอะไรควรไม่ควรไม่รู้จักบาปบุญคุณโทษ๐๐ คนบางคน ๐๐พบเจอแล้วก็ควรหลบหลีกหลีกหนีให้ไกลที่สุดเท่าที่จะหนีให้พ้นได้คือ คนที่คอยพูดแต่ความชั่วของคนอื่นตนคือคนดีคนเดียวในโลกตนคือคนที่ถูกคนเดียวคนอื่นผิดหมด๐๐ คนบางคน ๐๐พบเจอแล้วก็ควรให้การต้อนรับดูแลด้วยน้ำจิตน้ำใจมิตรไมตรีตามสภาพของเราเช่นท่านผู้มีพระคุณต่อเรา และผู้มีบุญ มีศีล มีธรรม๐๐ คนบางคน ๐๐พบเจอแล้วก็ควรรีบก้มกราบไหว้บูชาเพราะมีคุณธรรมความดีที่งดงาม แม้จะไม่มีซึ่งฐานะความรู้อะไรก็ตามแม้จะเป็นเพียงตาสี ยายสาก็ตามแต่เขาเป็นผู้ที่บริสุทธิ์ทั้งกายทั้งใจถอนซึ่งทิฏฐิมานะได้เสียแล้วมีทาน มีศีล มีภาวนา มีกาย วาจา ใจ ที่อบรมมาดีแล้ว๐๐ คนบางคน ๐๐พบเจอแล้วควรเจอกันแค่ชาตินี้ชาติเดียววันนี้วันเดียวพอคือ คนที่ชอบโกหกหลอกลวงเห็นแก่ได้ และดัดจริต เสแสร้ง มากด้วยมายา ต่อหน้าวันทา ลับหลังนินทาเครดิต..วัดพระมหาชนก บ้านพลังเพียร.............................หากคุณไม่หาทุกข์มาใส่ตัว ใครหน้าไหนจะทำให้คุณทุกข์ได้ เพราะใจของคุณนั่นแหละ คุณต้องวางให้ลงปลงให้ได้.............................เพจ "ภาษาญี่ปุ่นและสิ่งดีๆ"... อยากให้ช่วยคิด ...

แค่คนบางคน...ครับ
๐๐๐ บนเส้นทางชีวิต ๐๐๐
เราอาจจะต้องเจอะเจอ.."คนบางคน"
๐๐ คนบางคน ๐๐
พบเจอแล้วก็ควรเฉยๆ
อย่าไปใส่ใจอะไรเขามากนัก
เหนื่อยเปล่า เสียเวลาเปล่า
เพราะเขาไม่มีคุณธรรมความดีอะไร
ติดตัวติดใจ
ถึงแมัว่าจะมีฐานะ
มีความรู้ดีสักปานใดก็ตาม
๐๐ คนบางคน ๐๐
พบเจอแล้วก็ควรรีบทำใจปล่อยวางให้ได้
เพราะเขาเป็นคนที่เห็นแก่ตัว เห็นแก่ได้
ไม่รู้ว่าอะไรควรไม่ควร
ไม่รู้จักบาปบุญคุณโทษ
๐๐ คนบางคน ๐๐
พบเจอแล้วก็ควรหลบหลีก
หลีกหนีให้ไกลที่สุดเท่าที่จะหนีให้พ้นได้
คือ คนที่คอยพูดแต่ความชั่วของคนอื่น
ตนคือคนดีคนเดียวในโลก
ตนคือคนที่ถูกคนเดียว
คนอื่นผิดหมด
๐๐ คนบางคน ๐๐
พบเจอแล้วก็ควรให้การต้อนรับดูแล
ด้วยน้ำจิตน้ำใจมิตรไมตรี
ตามสภาพของเรา
เช่นท่านผู้มีพระคุณต่อเรา
และผู้มีบุญ มีศีล มีธรรม
๐๐ คนบางคน ๐๐
พบเจอแล้วก็ควรรีบก้มกราบไหว้บูชา
เพราะมีคุณธรรมความดีที่งดงาม
แม้จะไม่มีซึ่งฐานะความรู้อะไรก็ตาม
แม้จะเป็นเพียงตาสี ยายสาก็ตาม
แต่เขาเป็นผู้ที่บริสุทธิ์ทั้งกายทั้งใจ
ถอนซึ่งทิฏฐิมานะได้เสียแล้ว
มีทาน มีศีล มีภาวนา
มีกาย วาจา ใจ ที่อบรมมาดีแล้ว
๐๐ คนบางคน ๐๐
พบเจอแล้วควรเจอกันแค่ชาตินี้ชาติเดียว
วันนี้วันเดียวพอ
คือ คนที่ชอบโกหกหลอกลวงเห็นแก่ได้
และดัดจริต เสแสร้ง มากด้วยมายา
ต่อหน้าวันทา ลับหลังนินทา
เครดิต..วัดพระมหาชนก บ้านพลังเพียร
.............................
หากคุณไม่หาทุกข์มาใส่ตัว
ใครหน้าไหนจะทำให้คุณทุกข์ได้
เพราะใจของคุณนั่นแหละ
คุณต้องวางให้ลงปลงให้ได้
.............................
เพจ "ภาษาญี่ปุ่นและสิ่งดีๆ"
... อยากให้ช่วยคิด ...

วันสิทธิมนุษยชน 10 ธันวาคม

วันสิทธิมนุษยชน 10 ธันวาคม
          วันที่ 10 ธันวาคม นอกจากเป็นวันรัฐธรรมนูญของไทยแล้ว สหประชาชาติได้กำหนดให้วันที่ 10 ธันวาคมของทุกปีเป็นวันสิทธิมนุษยชนของโลกด้วย ซึ่งประชาชนไทยส่วนใหญ่ไม่ค่อยทราบว่าวันที่ 10 ธันวาคมเป็นวันสิทธิมนุษยชน ยกเว้นกลุ่มสิทธิมนุษยชนในไทย ซึ่งคงมีการจัดงานภายในของตนเองรัฐธรรมนูญฉบับปัจจุบันได้เน้นเรื่องสิทธิและเสรีภาพค่อนข้างมาก และย้ำว่าศักดิ์ศรีของความเป็นมนุษย์ สิทธิและเสรีภาพของบุคคลย่อมได้รับความคุ้มครอง โดยไม่คำนึงถึงแหล่งกำเนิด เพศ ศาสนา และมีบทในหมวด 3 ว่าด้วย สิทธิและเสรีภาพของประชาชนไทยถึง 40 มาตรา แสดงให้เห็นว่ารัฐธรรมนูญของไทยฉบับปัจจุบันได้คำนึงถึงสิทธิมนุษยชนยิ่งกว่าครั้งใด ๆ นอกจากจะมีกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ดูแลอยู่แล้ว ยังมีองค์กรพัฒนาภาคเอกชนด้านสิทธิมนุษยชนอีกหลายองค์กรทำงานควบคู่กันไป สอดคล้องกับการทำงานของคณะกรรมการว่าด้วย สิทธิมนุษยชนของสหประชาชาติ และองค์กรพัฒนาเอกชนสององค์กรหลักคือ องค์กรนิรโทษกรรมสากลของอังกฤษและ Human Right Watch ของอเมริกา

         สิทธิมนุษยชน(Human Right)นั้น หมายถึง สิทธิในความเป็นมนุษย์ทั่วๆไป อย่างถ้าเกิดมาเป็นมนุษย์แล้ว ก็ย่อมถือว่ามี สิทธิอันติดตัวมาพร้อมกับการที่ได้ชื่อว่าเป็นมนุษย์อยู่แล้ว อันถือเป็นที่ยอมรักในสากลนานาชาติ เช่น กฎบัตรสหประชาชาติ หรือ ปฏิญญาสากลว่าด้วยสิทธิมนุษยชน (The Universal Declaration of Human Rights) ก็ได้เขียนไว้ในเรื่อง สิทธิมนุษยชนอย่างชัดเจน ในกฎหมายสูงสุดที่ใช้ในการปกครองประเทศ นั่นคือ กฎหมายรัฐธรรมนูญของไทย ก็ยังได้บัญญัติถึง หลักสิทธิมนุษยชน ว่าด้วยเรื่องสิทธิและ เสรีภาพของชนชาวไทย ซึ่งบัญญัติถึง สิทธิพื้นฐานของพลเมืองไทย

ความเป็นมาของวันสิทธิมนุษยชน

           ภายหลังสงครามโลกครั้งที่ ๒ สิ้นสุดลง ผู้นำประเทศต่างๆ ได้ตระหนักว่า การคุ้มครองสิทธิมนุษยชนอย่างมีประสิทธิภาพเป็นสิ่งสำคัญที่จะก่อให้เกิดสันติภาพแลความเจริญก้าวหน้าขึ้นในโลก ดังนั้น จึงได้ร่วมมือกันจัดตั้งองค์การสหประชาชาติขึ้น เพื่อเป็นองค์การโลกที่จะคุ้มครองมนุษยชาติให้ได้รับความเป็นธรรมอย่างเสมอภาคเท่าเทียมกัน สมัชชาสหประชาชาติได้มีมติรับปฏิญญาสากลว่าด้วยสิทธิมนุษยชน (The Universal Declaration of Human Rights) เมื่อวันที่ ๑๐ ธันวาคม พ.ศ. ๒๔๙๑ และมีมติประกาศให้วันที่ ๑๐ ธันวาคมของทุกปี เป็นวันสิทธิมนุษยชน (Human Rights Day)

         หลังจากนั้นสมัชชาสหประชาชาติได้มีมติเมื่อ พ.ศ. ๒๔๙๕ ให้ร่างตราสารสิทธิมนุษยชนขึ้น ๒ ฉบับ โดยให้ใช้ชื่อว่า กติกา (convenant) ซึ่งมีเนื้อหาว่าด้วยสิทธิทางแพ่งและทางการเมืองฉบับหนึ่ง และอีกฉบับหนึ่งว่าด้วยสิทธิทางเศรษฐกิจ สังคม และวัฒนธรรม โดยผ่านการรับรองเมื่อวันที่ ๑๖ ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๐๙ และวันที่ ๓ มกราคม พ.ศ. ๒๕๑๙ ตามลำดับ และต่อมาได้มีมติประกาศให้ปี ค.ศ. 1995-2004 เป็นทศวรรษแห่งสิทธิมนุษยชนศึกษาของสหประชาชาติ

          ในส่วนของประเทศไทยนั้น รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทยที่ใช้กันมาในอดีต ได้กล่าวถึงสิทธิมนุษชนไว้เป็นบางส่วน จนกระทั่งได้มีการประกาศใช้รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณา
จักรไทย พ.ศ. ๒๕๔๐ ซึ่งเป็นฉบับปัจจุบัน ได้เน้นเรื่องสิทธิมนุษยชนไว้ค่อนข้างจะสมบูรณ์ เช่น "มาตราที่ ๔ ศักดิ์ศรีของความเป็นมนุษย์ สิทธิและเสรีภาพของบุคคล ย่อมได้รับ
ความคุ้มครอง" ซึ่งสอดคล้องกับปฏิญญาสากลว่าด้วยสิทธิมนุษยชน ข้อ ๑ ที่กล่าวไว้ว่า "มนุษย์ทั้งหลายเกิดมามีอิสรเสรีและเท่าเทียมกันทั้งศักดิ์ศรีและสิทธิ ทุกคนได้รับการประ
สิทธิ์ประสาทเหตุผลและมโนธรรม และควรปฏิบัติต่อกันฉันพี่น้อง" นับได้ว่า "ศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์" เพิ่งได้รับการบัญญัตืในรัฐธรรมนูญฉบับปัจจุบันเป็นครั้งแรก ดังนั้น การ
ละเมิดศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ สิทธิและเสรีภาพย่อมขัดต่อรัฐธรรมนูญและปฏิญญาสากลว่าด้วยสิทธิมนุษยชน

          นอกจากนี้ รัฐธรรมนูญฉบับปัจจุบันยังได้บัญญัติองค์กรอิสระ เรียกว่า "คณะกรรมการสิทธิมนุษยชน" เข้าไว้ด้วยในมาตรา ๑๙๙ และ ๒๐๐ คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนมีจำนวน ๑๑ คน มาจากการสรรหา อยู่ในวาระ ๖ ปี มีอำนาจหน้าที่ดังต่อไปนี้

   ๑. ตรวจสอบและรายงานการกระทำอันเป็นการละเมิดสิทธิมนุษยชน หรือการที่ไม่เป็นไปตามพันธกรณีระหว่างประเทศเกี่ยวกับสิทธิมนุษยชนที่ประเทศไทยเป็นภาคี

   ๒. เสนอมาตราการแก้ไขที่เหมาะสมต่อบุคคล หรือหน่วยงานที่กระทำหรือละเลยการกระทำดังกล่าวเพื่อดำเนินการ ในกรณีที่ปรากฏว่าไม่มีการดำเนินการตามที่เสนอ ให้รายงาน ต่อรัฐสภาเพื่อดำเนินการต่อไป

   ๓. เสนอแนะนโยบายและข้อเสนอในการปรับปรุงกฏหมาย กฏหรือข้อบังคับต่อรัฐสภา และคณะรัฐมนตรี เพื่อส่งเสริมและคุ้มครองสิทธิมนุษยชน

           สหประชาชาติได้แสดงความห่วงใยต่อการละเมิดสิทธิมนุษยชนในหลายพื้นที่ของโลก โดยเฉพาะต่อผู้อพยพและผู้ลี้ภัย ผู้ไร้ที่อยู่ในประเทศ ชนกลุ่มน้อยและกลุ่มศาสนา ผู้เคลื่อนไหวทางการเมือง และสื่อมวลชน ต่อการกระทำทารุณเด็ก การใช้แรงงานเด็ก การเกณฑ์เด็กเป็นทหาร เด็กกำพร้าเด็กเร่ร่อน เด็กข้างถนน โสเภณีเด็ก เด็กที่ติดเชื้อเอชไอวีจากมารดา การลักลอบค้าอาวุธสงครามขนาดเล็ก กับระเบิด การทำทารุณต่อนักโทษ ความแออัดในเรือนจำ การขาดแคลนสิ่งอำนวยความสะดวกให้นักโทษ

ความเป็นมาของวันพ่อแห่งชาติ

 ธันวามหาราช
  ความเป็นมาวันเฉลิมพระชนมพรรษา พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว 
        ๕ ธันวาคม ของทุกปี เป็นวันคล้ายวันพระราชสมภพ ของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทางราชการได้กำหนดให้เป็นวันหยุดราชการหนึ่งวัน เพื่อให้ประชาชนชาวไทย ได้ร่วมกันเฉลิมฉลองในวันเฉลิมพระชนมพรรษา พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และ ถือเป็นวันพ่อแห่งชาติ อีกวันหนึ่งด้วย
        วันเฉลิมพระชนมพรรษา พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว  มีความเป็นมาของวันสำคัญ คือ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช ทรงพระราชสมภพเมื่อ วันที่ ๕ ธันวาคม พ.ศ. ๒๔๗๐ ณ โรงพยาบาล เมาท์ ออเบิร์น นครบอสตัน สหรัฐอเมริกา
        โดยนายแพทย์วิทท์มอร์ เป็นผู้ถวายการประสูติ
        พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เสด็จฯขึ้นเถลิงถวัลย์ราชสมบัติเป็นรัชกาลที่ ๙ แห่งบรมจักรีวงศ์ กรุงรัตนโกสินทร์ ทรงประกอบพระราชกรณียกิจและเจริญพระราชจริยาวัตรเป็นเอนกประการ
        จำเนียรกาลผ่านมาถึงปัจจุบันที่สุดจะพรรณนาให้ครบถ้วนได้
ท่ามกลางมหาสมาคมวันพระราชพิธีพระบรมราชาภิเษก ทรงมีกระแสพระราชดำรัสที่พสกนิกรทุกคนยังจดจำได้

        "เราจะครองแผ่นดินโดยธรรม"
        อันคำว่าโดย "ธรรม" นั้น ทรงหมายถึง ธรรมอันล้ำเลิศที่เรียกว่า "ทศพิธราชธรรม" หรือที่เรียกกันโดยสามัญว่า "ราชธรรม ๑๐ ประการ"
        ราชธรรม ๑๐ ประการนี้ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงยึดมั่นทรงปฎิบัติโดยเคร่งครัด และส่งผลถึงพสกนิกรทั่วพระราชอาณาจักรนับเป็นพระมหากรุณาธิคุณเหนือเกล้าฯ
       
 
                ประชาชนชาวไทย และชาวต่างด้าวที่เข้ามาพึ่งพระบรมโพธิสมภาร ทุกชาติทุกภาษา        พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเป็นพระมหากษัตริย์ที่ทรงสนพระทัยต่อความเป็นอยู่ของไพร่ฟ้าข้าแผ่นดิน และทรงมีน้ำพระทัยต่อปวงประชาอย่างยากที่จะหาประมุขของชาติใดและองค์ใดเสมอเหมือน อีกทั้ง ทรงเป็นศูยน์รวมน้ำใจและเป็นที่สักการะของเหล่าปวงประชาอย่างแท้จริง พระองค์ทรงลดพระองค์ลงใกล้ชิดกับราษฎรอย่างมิได้ทรงถือพระองค์ หรือไม่ทรงรังเกียจแม้แต่น้อย        พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงเป็นประมุขที่คำนึงถึงการศึกษาของชาติ อีกทั้งทรงเป็นนักการศึกษา ที่ทรงเป็นปราชญ์อย่างยิ่ง  
                ยิ่งกว่านั้นยังทรงตระหนักในเรื่องคุณภาพของคนอันเป็นหัวใจของการพัฒนาประเทศ ให้เจริญรุ่งเรืองอีกด้วย         โดยที่พระราชกรณียกิจและพระจริยาวัตรที่ทรงปฎิบัติล้วน มีคุณประโยชน์ยิ่งใหญ่แก่ชาติบ้านเมือง  เมื่อเสด็จฯ ณ แห่งหนตำบลใดจึงมีประชาราษฎร์เข้าเฝ้าฯ ชื่นชมพระบารมีอย่างคับคั่ง พระองค์ทรงประกอบพระราชกรณียกิจ โดยมิเห็นแก่เหน็ดเหนื่อยและอย่างสม่ำเสมอมิได้ขาด นี่คือ "สายใจไทย" ของพระองค์       องค์พระประมุขทรงเป็นผู้นำที่ยิ่งใหญ่ ในระบอบประชาธิปไตย ดังที่หนังสือพิมพ์ต่างประเทศได้สดุดีและเทิดทูนด้วยการบันทึกภาพ และข่าวเกี่ยวกับพระองค์อยู่เสมอ ไม่ว่าจะเสด็จ ณ แห่งหนตำบลใดในถิ่นทุรกันดาร  ข่าวและพระบรมฉายาลักษณ์ จึงแพร่หลายไปในต่างประเทศทั่วโลก เป็นการยืนยันได้แท้จริงแน่นอนว่าพระราชกรณียกิจที่ทรงกระทำมาตลอดนั้น "ยิ่งใหญ่และมีคุณประโยชน์ยิ่งนัก"
               ๕ ธันวาคมของทุกปีเป็นมหาวโรกาส วันเฉลิมพระชนมพรรษาขอให้พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช จงทรงพระเจริญยิ่งยืนนาน
        กิจกรรมที่ควรปฎิบัติในวันเฉลิมพระชนมพรรษาพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว               ๑.ประดับธงชาติที่อาคารบ้านเรือน               ๒.จัดพิธีศาสนสงฆ์ ทำบุญใส่บาตร อุทิศเป็นพระราชกุศล น้อมเกล้าฯ ถวายพระพรชัยมงคล               ๓.จัดกิจกรรมเกี่ยวกับการบำเพ็ญสาธารณประโยชน์เพื่อถวายเป็นพระราชกุศล

ความเป็นมาของวันพ่อแห่งชาติ
          วันพ่อแห่งชาติ ได้จัดให้มีขึ้นครั้งแรกเมื่อวันที่ ๕ ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๒๓ โดยคุณหญิงเนื้อทิพย์ เสมรสุต นายกสมาคมผู้อาสาสมัครและช่วยการศึกษาเป็นผู้ริ่เริ่ม
          หลักการและเหตุผลในการจัดตั้งวันพ่อ
          โดยที่พ่อเป็นผู้มีพระคุณที่มีบทบาทสำคัญต่อครอบครัวและสังคมสมควรที่ผู้เป็นลูกจะเคารพเทิดทูนตอบแทนพระคุณด้วยความกตัญญู และสมควรที่สังคมจะยกย่องให้เกียรติรำลึกถึงผู้เป็นพ่อ
          จึงถือเอาวันที่ ๕ ธันวาคม ของทุกปีซึ่งเป็นวันเฉลิมพระชนมพรรษาเป็น "วันพ่อแห่งชาติ"ด้วยพระมหากรุณาธิคุณของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวที่ทรงมีต่อพสกนิกรชาวไทยอย่างนานัปการ ทรงเป็นพระราชบิดาของพระราชโอรสและพระราชธิดา ทรงรักใคร่และห่วงใยตั้งแต่พระเยาว์จนถึงปัจจุบันรวมทั้งพระเจ้าหลานเธอทุกพระองค์ต่างซาบซึ้งและปลาบปลื้มในพระมหากรุณาธิคุณอย่างมิรู้ลืม พระองค์ทรงเป็น "พ่อ" ตัวอย่างของปวงชนชาวไทยที่เปี่ยมล้นด้วยพระเมตตากรุณา ทรงห่วงใยอย่างหาที่เปรียบมิได้
บทร้อยกรองเทิดพระเกียรติ
          อันราชาเลี้ยงรักษาซึ่งทวยราษฎร์ประดุจเป็นปิตุราชอยู่ทุกเมื่อ
ควรที่บุตรสุดที่รักจักจุนเจือพระคุณนั้นให้อะเคื้อด้วยภักดี
 
และ
          ทุกบุปผา มาลัยคือใจราษฎร์ภักดีบาทองค์บพิตรเป็นนิจสิน
พระ คือ บิดาข้าแผ่นดินร่วมร้อยรินมาลัยถวายพระพร
ลุ ๕ ธันวามหาราช"วันพ่อแห่งชาติ" คือองค์อดิศร
พระเปี่ยมล้นด้วยเมตตาเอื้ออาทรพสกนิกรเป็นสุขทุกคืนวัน

ดอกพุทธรักษา สัญลักษณ์ วันพ่อแห่งชาติ
ถ่ายจาก::  ดอกพุทธรักษา ผ้าประดิษฐิ์
          คณะกรรมการจัดงานวันพ่อแห่งชาติได้กำหนดให้ดอกพุทธรักษาดอกไม้ที่มีนามเป็นมงคลนี้เป็นสัญลักษณ์

          วัตถุประสงค์ของการจัดวันพ่อแห่งชาติ
               ๑. เพื่อเทิดทูนพระเกียรติคุณของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
               ๒. เพื่อเทิดทูนพระคุณของพ่อ และยกย่องบทบาทของพ่อที่มีต่อครอบครัวและสังคม
               ๓. เพื่อให้ลูกได้แสดงความกตัญญูต่อพ่อ
               ๔. เพื่อให้ผู้เป็นพ่อได้สำนึกในหน้าที่และความรับผิดชอบของตน
          สำหรับคุณสมบัติของพ่อตัวอย่าง คณะกรรมการได้กำหนดไว้ดังนี้
               ๑. มีอายุตั้งแต่ ๔๐ ปีขึ้นไป
               ๒. ส่งเสริมการศึกษาแกบุตรและธิดา
               ๓. นับถือศาสนาโดยเคร่งครัด
               ๔. งดเว้นอบายมุขทุกชนิด
               ๕. อุทิศตนเพื่อประโยชน์ต่อประชาชน
               ๖. มีภรรยาเพียงคนเดีย

          กิจกรรมที่ควรปฎิบัติในวันพ่อแห่งชาติ
               ๑. ประดับธงชาติที่อาคารบ้านเรือน
               ๒. จัดกิจกรรมเกี่ยวกับการบำเพ็ญประโยชน์หรือทำบุญใส่บาตร เพื่ออุทิศส่วนกุศลและระลึกถึงพระคุณพ่อ

วันราชาภิเษกสมรส 28 เมษายน

วันราชาภิเษกสมรส 28 เมษายน
 
           การสมรส  คือ  การที่ชายและหญิงจะเริ่มต้นชีวิตครอบครัว สร้างหลักฐานให้มั่นคงเป็นปึกแผ่น  และมีผู้สืบสกุลต่อไป  ชายและหญิงที่จะมาอยู่ร่วมกันด้วยความผาสุกราบรื่น โดยตลอดนั้นจำเป็นต้องยึดหลักธรรมะหลายประการ  เช่น  คหบดีธรรม  หรือธรรมะของผู้ครองเรือน ได้แก่
           1. สัจจะ  ซื่อสัตย์ต่อกัน ไว้วางใจกัน และจริงใจต่อกัน
           2. ทมะ  รู้จักข่มจิต มีความยับยั้งชั่งใจ  ไม่แสดงความหุนหันพลันแล่น
           3. ขันติ  อดทน ต่อความยากลำบาก อดทนหากอีกฝ่ายหนึ่งมีอารมณ์หงุดหงิด ฉุนเฉียว หรืออดทนต่อสิ่งไม่พอใจต่างๆ
           4. จาคะ การให้ การเสียสละ มีจิตใจโอบอ้อมอารี เอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ซึ่งกันและกันทั้งด้วยกำลังกาย กำลังทรัพย์ และกำลังปัญญา
           พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว  ได้ทรงบัญญัติถ้อยคำเกี่ยวกับการสมรสไว้เป็น  3  อย่าง คือ ข้าราชการผู้มีบรรดาศักดิ์เรียกว่า "สมรส" พระองค์เจ้า หรือหม่อมเจ้าเรียกว่า "เสกสมรส" เจ้าฟ้าเรียกว่า "อภิเษกสมรส"
          เมื่อพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลปัจจุบัน "ราชาภิเษก" ได้มีพระบรมราชโองการสถาปนาพระอัครมเหสี โดยประกาศวันที่ 28 เมษายน พ.ศ.2493 ความตอนหนึ่งว่า "มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ ให้ประกาศว่า "ได้ทรงประกอบพระราชพิธีราชาภิเษกสมรสกับหม่อมราชวงศ์สิริกิติ์ กิติยากร ถูกต้องตามกฎหมายและราชประเพณีโดยสมบูรณ์ทุกประการแล้ว"
          ในปีพ.ศ.2489 เมื่อรัฐบาลในนามของประชาชนทั้งประเทศ กราบบังคมทูลอัญเชิญพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช ขึ้นครองราชย์สืบราชสันตติวงศ์ต่อจากพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวอานันทมหิดลนั้น ประเทศไทยขาดพระบรมราชินีมาเป็นเวลานานหลายปีแล้ว เมื่อพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงหมั้น สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ซึ่งขณะนั้นคือ ม.ร.ว.สิริกิติ์ กิติยากร ธิดาเอกอัครราชฑูตไทย ณ กรุงลอนดอน เมื่อวันที่ 12 สิงหาคม พ.ศ.2492 ประชาชนชาวไทยจึงพากันตื่นเต้นยินดี ยิ่งได้ทราบว่าพระคู่หมั้นทรงมีพระสิริโฉมงดงาม มีพระปรีชาสามารถ
             พระราชพิธีราชาภิเษกสมรสมีขึ้นวันที่ 28 เมษายน พ.ศ.2493

วันครอบครัว ๑๔ เมษายน

วันครอบครัว ๑๔ เมษายน
ความหมายของสถาบันครอบครัว
๑. ความหมายทั่วไป
พจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ. ๒๕๒๕ ได้ให้ความหมายของคำว่า " สถาบัน" และ " ครอบครัว " ไว้ดังนี้
           สถาบัน หมายถึง สิ่งซึ่งคนในส่วนรวม คือ สังคมจัดตั้งให้มีขึ้นเพราะเห็นประโยชน์ว่ามีความต้องการและจำเป็นแก่วิถีชีวิตของตน เช่น สถาบันครอบครัว ฯลฯ
            ครอบครัว หมายถึง ผู้ร่วมครัวเรือน คือ สามี ภรรยา และบุตร
๒. ความหมายตามแนวพุทธศาสตร์
            ครอบครัวตามแนวพุทธศาสตร์ ไม่มีการกำหนดตายตัว แต่กล่าวถึงลักษณะอันเป็นคุณสมบัติเฉพาะตัวของสมาชิกในครอบครัวเท่านั้น ในทางพุทธศาสนาจะกล่าวถึงครอบครัวในรูปของสามีภรรยา บิดา มารดา เท่านั้น ซึ่งถือว่า มารดา บิดาก็ดี สามี ภรรยาก็ดี เป็นส่วนประกอบที่สำคัญของครอบครัว
๓. ความหมายในแง่สถาบัน
            ครอบครัว หมายถึง การอยู่ร่วมกันของชายหญิง ในรูปของสามี ภรรยา มีหน้าที่ให้กำเนิดบุตรและเลี้ยงดูบุตร เพื่อให้สามารถดำรงชีพอยู่ในสังคมได้ สมาชิกในครอบครัวมีการแสดงออกทางพฤติกรรมต่อกันและกัน ในรูปของการปฏิบัติตามสถานภาพและบทบาทอันเป็นหน้าที่ของสมาชิก
           ครอบครัว คือ สถาบันมูลฐานของมนุษยชาติ  เป็นหน่วยงานขนาดเล็กที่สุดของสังคม เป็นผู้สร้างและกำหนดสถานภาพ สิทธิ หน้าที่ของบุคคลอันพึงปฏิบัติต่อกันในสังคม เป็น สถาบันแห่งแรกในการถ่ายทอดวัฒนธรรมและพัฒนา ผู้ร่วมครัวเรือน คือ สามี ภรรยา และบุตร การที่ทางราชการกำหนดวันครอบครัวขึ้นมานั้น เนื่องจากต้องการให้ประชาชนได้ตระหนักถึงความสำคัญของครอบครัวให้มากขึ้นเพราะการที่วิถีชีวิตของคนในสังคมไทยเปลี่ยนแปลงไป ย่อมทำให้ครอบครัวมีความขัดแย้ง และห่างเหินกันมากขึ้น ซึ่งอาจก่อให้เกิดปัญหาสังคมตามมาทีหลังได้
ความเป็นมา
           เมื่อวันที่ ๓๑ ตุลาคม พ.ศ. ๒๕๓๒ คณะรัฐมนตรี ซึ่งมีพลเอกชาติชาย ชุณหะวัณ เป็นนายกรัฐมนตรีได้เสนอมติโดยคุณหญิงสุพัตรา มาศดิตถ์ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรีในขณะนั้น เป็นผู้เสนอ คณะรัฐมนตรีเห็นชอบด้วยและอนุมัติ ให้ วันที่ ๑๔ เมษายน ของทุกปี เป็นวันแห่งครอบครัว ซึ่งตรงกับวันสงกรานต์ของไทย เพราะโดยส่วนใหญ่ในวันนี้เป็นวันสมาชิกในครอบครัวมีโอกาสพบปะกันได้โดยสะดวก
           การที่ทางราชการกำหนดวันครอบครัวขึ้นมานั้น เนื่องจากคณะกรรมาธิการกิจการสตรีและเยาวชน สภาผู้แทนราษฎร ได้สรุปผลจาการศึกษาปัญหาเกี่ยวกับเด็กและเยาวชน ว่าปัญหาครอบครัวเป็นปัญหาหนึ่งที่สำคัญที่ก่อให้เกิดเหตุการณ์ต่างๆ ตามมาเป็นอันมาก ไม่ว่าจะเป็นปัญหายาเสพติดอาชญากรรม และปัญหาต่างๆ อีกมากมาย ปัญหาเหล่านี้ส่วนหนึ่งเกิดจากครอบครัวด้วย เนื่องจากครอบครัว ที่ไม่มีความอบอุ่น ขัดแย้ง ความไม่เข้าใจกันระหว่างคนในครอบครัว อีกทั้งลักษณะวิถีชีวิตของครอบครัวในสังคมไทยเปลี่ยนแปลงไปจากเดิมมาก สมาชิกในครอบครัวต่างต้องดิ้นรนทำมาหาเลี้ยงชีพ หนุ่มสาวที่อยู่ต่างจังหวัดก็เข้ามาในเมืองเพื่อหางานทำ ทำให้ต้องทิ้งพ่อแม่ที่ชราภาพไว้ตามลำพัง พ่อแม่ที่ต้องทำงานหนักเพื่อเป็นค่าใช้จ่ายสำหรับลูก และครอบครัว ไม่มีเวลาสั่งสอนลูก  ซึ่งสิ่งเหล่านี้ล้วน แต่จะสร้างปัญหาให้กับสังคม
กิจกรรมในวันครอบครัว
๑. จัดนิทรรศการเพื่อให้ประชาชนเกิดความรู้ ความเข้าใจในบทบาท หน้าที่ ของสมาชิกในครอบครัว
๒. จัดมอบรางวัลให้สำหรับครอบครัวดีเด่น เพื่อยกย่องเชิดชูเกียรติครอบครัวที่ทำคุณประโยชน์แก่สังคม และประเทศชาติ

วันสุนทรภู่ ๒๖ มิถุนายน

วันสุนทรภู่ ๒๖ มิถุนายน
ชีวประวัติ
         สุนทรภู่ กวีสำคัญสมัยต้นรัตนโกสินทร์ เกิดเมื่อวันที่ ๒๖ มิถุนายน พ.ศ. ๒๓๒๙ ณ บริเวณด้านเหนือของพระราชวังหลัง (บริเวณสถานีรถไฟบางกอกน้อยปัจจุบัน) บิดาของท่านเป็นชาวกร่ำ อำเภอแกลง จังหวัดระยอง สันนิษฐานว่ามารดาเป็นข้าหลวงอยู่ในพระราชวังหลัง บิดามารดาเลิกร้างกันตั้งแต่สุนทรภู่เกิด บิดาออกไปบชที่วัดป่า ตำบลบ้านกร่ำ อำเภอแกลง อันเป็นภูมิลำเนาเดิม ส่วนมารดากลับเข้าไปอยู่ในพระราชวังหลัง ได้ถวายตัวเป็นนางนมของพระธิดาในกรมฯ นั้น
         สุนทรภู่ได้ถวายตัวเป็นมหาดเล็กในพระราชวังหลัง และได้อาศัยอยู่กับมารดา สุนทรภู่ได้รับการศึกษาในพระราชวังหลังและที่วัดชีปะขาว (วัดศรีสุดาราม) ตั้งแต่เยาว์วัยสุนทรภู่มีนิสัยรักแต่งกลอนยิ่งกว่างานอื่น ครั้งรุ่นหนุ่มก็ไปเป็นครูสอนหนังสืออยู่ที่วัดศรีสุดารามในคลองบางกอกน้อย ได้แต่งกลอนสุภาษิตและกลอนนิทานขึ้นไว้ เมื่ออายุราว ๒๐ ปี
         ในสมัยรัชกาลที่ ๒ สุนทรภู่ได้เข้ารับราชการในกรมพระอาลักษณ์ และเป็นที่โปรดปรานของพระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย จนได้รับแต่งตั้งเป็นขุนสุนทรโวหาร เป็นกวีที่ปรึกษาและคอยรับใช้ใกล้ชิด ต่อมาในราว พ.ศ. ๒๓๖๔ สุนทรภู่ต้องติดคุกเพราะเมาสุราอาละวาดและทำร้ายท่านผู้ใหญ่ แต่ติดอยู่ไมนานก็พ้นโทษเพราะความสามารถในทางกลอนเป็นที่พอพระราชหฤทัยของพระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย
         ในสมัยรัชกาลที่ ๓ สุนทรภู่ถูกกล่าวหาด้วยเรื่องเสพสุรา และเรื่องอื่นๆ จึงถูกถอดออกจากตำแหน่งขุนสุนทรโวหาร ต่อมาสุนทรภู่ออกบวชที่วัดราชบูรณะ (วัดเลียบ) และเดินทางไปจำพรรษาตามวัดต่างๆ และได้รับการอุปการะจากพระองค์เจ้าลักขณานุคุณจนพระองค์ประชวรสิ้นพระชมน์ สุนทรภู่จึงลาสิกขาบท รวมอายุพรรษาที่บวชได้ประมาณ ๑๐ พรรษา สุนทรภู่ออกมาตกระกำลำบากอยู่พักหนึ่งจึงกลับเข้าไปบวชอีกครั้งหนึ่ง แต่อยู่ได้เพียง ๒ พรรษา ก็ลาสิกขาบท และถวายตัวอยู่กับเจ้าฟ้ากรมขุนอิศเรศรังสรรค์ พระราชวังเดิมรวมทั้งได้รับอุปการะจากกรมหมื่นอัปสรสุดาเทพอีกด้วย
         ในสมัยรัชกาลที่ ๔ เมื่อพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ได้ครองราชย์ ทรงสถาปนาเจ้าฟ้า กรมขุนอิศเรศรังสรรค์ เป็นพระบาทสมเด็จพระปิ่นกล้าเจ้าอยู่หัว ประทับอยู่วังหน้า (พระบวรราชวัง) สุนทรภู่จึงได้รับพระราชทานบรรดาศักดิ์เป็นพระสุนทรโวหาร ตำแหน่งเจ้ากรมพระอาลักษณ์ฝ่ายบวรราชวังใน ปี พ.ศ. ๒๓๙๔ และรับราชการต่อมาได้ ๔ ปี ก็ถึงแก่มรณกรรมใน พ.ศ. ๒๓๙๘ รวมอายุได้ ๗๐ ปี
         องค์การศึกษา วิทยาศาสตร์ และวัฒนธรรมแห่งสหประชาชาติ (ยูเนสโก) ได้ประกาศยกย่องสุนทรภู่ให้เป็นบุคคลผู้มีผลงานดีเด่นทางด้านวัฒนธรรมระดับโลกในวาระครบรอบ ๒๐๐ ปีเกิดของท่าน ทางราชการจึงได้กำหนดให้มีการจัดงานวันสุนทรภู่ โดยกำหนดเอาวันที่ ๒๖ มิถุนายนของทุกปีเป็น "วันสุนทรภู่"
ผลงานของสุนทรภู่
หนังสือบทกลอนของสุนทรภู่มีอยู่มาก เท่าที่ปรากฏเรื่องที่ยังมีฉบับอยู่ในปัจจุบันนี้คือ
๑. ประเภทนิราศ : นิราศเมืองแกลง, นิราศพระบาท, นิราศเมืองสุพรรณ (แต่งเป็นโคลง), นิราศวัดเจ้าฟ้า, นิราศอิเหนา, นิราศพระประธม, นิราศเมืองเพชร
๒. ประเภทนิทาน : เรื่องโคบุตร, เรื่องพระอภัยมณี, เรื่องพระไชยสุริยา, เรื่องลักษณวงศ์,เรื่องสิงหไกรภพ
๓. ประเภทสุภาษิต : สวัสดิรักษา, สุภาษิตสอนหญิง
๔. ประเภทบทละคร : เรื่องอภัยณุรา
๕. ประเภทบทเสภา : เรื่องขุนช้างขุนแผน, เรื่องพระราชพงศาวดาร
๖. ประเภทบทเห่กล่อม : เห่จับระบำ, เห่เรื่องพระอภัยมณี, เห่เรื่องโคบุตร
กิจกรรมในวันสุนทรภู่
๑. มีการจัดนิทรรศการเกี่ยวกับประวัติชีวิตและผลงาน
๒. มีการแสดงผลงานประเภทนิทานฯของสุนทรภู่
๓. มีการประกวด แข่งขัน ประชันสักวา ตอบคำถามเกี่ยวกับประวัติชีวิต และผลงานของสุนทรภู่

วันต่อต้านยาเสพติด ๒๖ มิถุนายน

วันต่อต้านยาเสพติด ๒๖ มิถุนายน
          ประเทศไทยได้เผชิญกับปัญหายาเสพติดมาเป็นเวลาช้านาน รัฐบาลในแต่ละยุคได้ดำเนินการแก้ไขปัญหายาเสพติดมาตลอด จนกระทั่งในปี พ.ศ. ๒๕๐๑ คณะปฎิวัติภายใต้การนำของจอมพล สฤษดิ์ ธนะรัชต์ ได้ออกประกาสคณะปฎิวัติ ฉบับที่ ๓๗ ลงวันที่ ๙ ธันวาคม ๒๕๐๑ ให้เลิกการสูบฝิ่นทั่วราชอาณาจักร โดยมีการเผาทำลายฝิ่นและอุปกรณ์การสูบฝิ่นที่ท้องสนามหลวงในคืนวันที่ ๓๐ มิถุนายน ๒๔๐๒  ต่อมาในปีพ.ศ. ๒๕๐๔ รัฐบาลได้จัดตั้ง "คณะกรรมการปราบปรามยาเสพติดให้โทษ" ใช้ชื่อย่อว่า กปส. สังกัดสำนักนายกรัฐมนตรี โดยมีอธิบดีกรมตำรวจเป็นประธาน และมีผู้แทนจากส่วนราชการที่เกี่ยวข้องเป็นกรรมการ  ต่อมาในสมัยนายธานินทร์ กรัยวิเชียร เป็นนายกรัฐมนตรี รัฐบาลได้เล็ง เห็นว่า การปราบปรามยาเสพติดไม่สามารถแก้ไขได้โดยการดำเนินการเฉพาะกรมตำรวจฝ่ายเดียว จึงได้เสนอร่างพระราชบัญญัติป้องกันและปราบปรามยาเสพติด พ.ศ. ๒๕๑๙ ต่อสภาปฏิรูปการปกครองแผ่นดิน และประกาศใช้เป็นกฏหมายเมื่อวันที่ ๑๖ พฤศจิกายน ๒๕๑๙ 
        นับตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา การแก้ไขปัญหายาเสสพติดของประเทศไทยก็ได้ดำเนินไปอย่างมีแบบแผนและเป็นระบบที่ดียิ่งขึ้น พระราชบัญญัติดังกล่าวได้กำหนดให้มีคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด หรือเรียกชื่อย่อว่า ป.ป.ส. โดยมีนายกรัฐมนตรีเป็นประธาน และจัดตั้งสำนักงาน ป.ป.ส. ขึ้นเป็นหน่วยงานกลางรับผิดชอบโดยตรง มีฐานะเป็นกรมกรมหนึ่งในสำนักนายกรัฐมนตรี มีหน้าที่ประสานงานกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับการป้องกันและปราบปรามยาเสพติดทั้งในประเทศและต่างประเทศ  ปัจจุบันปัญหายาเสพติดนับวันจะทวีความรุนแรงยิ่งขึ้นเรื่อยๆ จากสถิติการจับกุมคดียาเสพติดทั่วประเทศ พบว่า จำนวนคดียาเสพติดมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นและผู้ต้องหาที่ถูกจับกุมส่วนใหญ่ ถูกจับในข้อหามีไว้ในครอบครอง และเสพยาเสพติดซึ่งก่อให้เกิดปัญหาอาชญากรรมติดตามมา
          วิธีการดำเนินงานด้านการป้องกันยาเสพติดที่ได้รับการยอมรับกันในปัจจุบันว่าเป็นวิธีที่ได้ผลดีที่สุดวิธีหนึ่ง ได้แก่ การป้องกันการใช้ยาเสพติดที่ผิด หรือที่เรียกว่า  Drug Abuse Prevention ซึ่งเป็นวิธีการที่ให้ความรู้และชี้นำให้ประชาชนและเยาวชนได้ตระหนักถึงโทษและพิษภัย ตลอดจนผลร้ายของยาเสพติด ทำให้เกิดความเกรงกลัวไม่กล้าเข้าไปเกี่ยวข้องกับยาเสพติด อันเป็นการตัดต้นตอของปัญหาเสียแต่เนิ่นๆ ผลจากปัญหายาเสพติดได้ก่อให้เกิดความเสียหายร้ายแรงต่อมวลมนุษยชาติทั่วโลก ประเทสต่างๆ ทั่วโลกจึงได้พยายามร่วมมือกัน เพื่อหาทางหยุดยั้งปัญหายาเสพติด
         ดังนั้น ในการประชุมระหว่างประเทศว่าด้วยการใช้ยาเสพติดในทางที่ผิด และการลักลอบค้ายาเสพติด (International Conference on Drug Abuse and Illicit Trafficking - ICDAIT) ซึ่งจัดขึ้นที่กรุงเวียนนา ประเทศออสเตรีย ระหว่างวันที่ ๑๗ - ๒๖ มิถุนายน ๒๕๓๐ ที่ประชุมได้มีมติให้เสนอสมัชชาใหญ่สหประชาชาติขอให้กำหนดวันที่ ๒๖ มิถุนายนของทุกปี เป็นวันต่อต้านยาเสพติด