วันพฤหัสบดีที่ 20 เมษายน พ.ศ. 2560

สัจจะธรรมของการย้ายบ้านคือ ทุกครั้งที่คุณย้ายบ้าน คุณจะพบว่ามีของมากมาย ที่คุณเก็บไว้ โดยที่ไม่เคยใช้ประโยชน์มันเลย ของบางอย่างคุณเก็บไว้ เพราะมันมีความทรงจำบางอย่างอยู่ในนั้น มันเป็นของที่มีเหตุการณ์ มีความรู้สึกประทับอยู่บนสิ่งนั้น ดอกไม้แห้งๆ ที่เหน็บใส่สมุดไว้ กระดาษโน้ตใบเล็กๆ ที่มีตัวอักษรไม่กี่ตัวบนนั้น นาฬิกาที่เข็มบอกเวลามันหยุดนิ่งไปนานแล้ว มันไม่ได้ใช้ ไม่มีประโยชน์อื่นใด แต่มันตัดใจทิ้งไม่ได้ แม้ว่าจะมีความทรงจำใหม่มาทดแทนแล้วก็ตาม ของบางอย่างก็ไม่มีอะไรเลย คุณเก็บไว้เพราะ “เสียดาย” เสียดายถ้าจะทิ้ง แต่ถ้าจะให้เอามาใช้ ก็ไม่รู้จะใช้ยังไง มันเป็นของเก่าๆ ที่ครั้งหนึ่งเราเคยลงทุนกับมัน คอมพิวเตอร์ตัวใหญ่ๆ ที่เกษียณตัวเอง พัดลมที่หมดกำลังใจและตัดสินใจเลิกหมุน โทรศัพท์ที่หน้าจอแตกยังกับพื้นดินในทุ่งหญ้าสะวันนา ทำอะไรกับมันไม่ได้แล้ว และมันก็ไม่จำเป็นกับชีวิตเราแล้ว แต่เราก็เก็บไว้ไม่ทิ้งมัน เพราะแค่เสียดาย แต่เมื่อคุณย้ายบ้าน คุณจะพบว่าหลายอย่างไม่ควรจะหอบมันไปที่ใหม่ด้วย มันไม่เข้าพวก ของเก่าๆ ที่เราตัดใจทิ้งไม่ได้ หรือของหลายๆ สิ่งที่ไม่มีที่ใหม่ให้ลง สุดท้ายเราก็ต้องตัดใจทิ้งบางอย่างไป บางอย่างที่มันเลิกเป็นประโยชน์ในชีวิตเรา บางอย่างที่พังไปแล้วไม่สามารถแก้ไขได้ บางอย่างที่ถ้าลงทุนซ่อมมันก็อาจจะไม่คุ้มค่ากับการซื้อใหม่ บางอย่างที่มันเข้ากับชีวิตเราไม่ได้อีกแล้ว บางอย่างที่แค่เก็บไว้เพื่อกินพื้นที่ชีวิตเรา และทำให้ของใหม่ไม่มีที่ว่างพอให้เข้ามา พอเราถึงวันที่ต้องย้าย ชีวิตจากจุดหนึ่งไปสู่อีกจุดหนึ่ง เราจะเริ่มตระหนักว่าเราแบกเอาทุกอย่างไปด้วยไม่ได้ มันไม่มีประโยชน์ และที่เราเก็บบางอย่างเอาไว้มาตลอด ก็ไม่มีประโยชน์ เก็บไว้เพื่อรอวันทิ้งเท่านั้นเอง สุดท้ายวันใดวันหนึ่งข้างหน้า เราก็ต้องตัดใจทิ้งมันจริงๆ อยู่ดี ซึ่งหลายอย่างเราควรจะตัดใจทิ้งมันไปนานแล้วด้วยซ้ำ เผื่อว่ามันจะมีที่ว่างมากขึ้น ให้อะไรใหม่ๆ ได้เข้ามาได้บ้าง ให้สิ่งใหม่ๆ ได้มีพื้นที่ที่จะเริ่มต้นในชีวิตเรา #เท่าที่รู้

สัจจะธรรมของการย้ายบ้านคือ
ทุกครั้งที่คุณย้ายบ้าน
คุณจะพบว่ามีของมากมาย
ที่คุณเก็บไว้ โดยที่ไม่เคยใช้ประโยชน์มันเลย
ของบางอย่างคุณเก็บไว้
เพราะมันมีความทรงจำบางอย่างอยู่ในนั้น
มันเป็นของที่มีเหตุการณ์ มีความรู้สึกประทับอยู่บนสิ่งนั้น
ดอกไม้แห้งๆ ที่เหน็บใส่สมุดไว้
กระดาษโน้ตใบเล็กๆ ที่มีตัวอักษรไม่กี่ตัวบนนั้น
นาฬิกาที่เข็มบอกเวลามันหยุดนิ่งไปนานแล้ว
มันไม่ได้ใช้ ไม่มีประโยชน์อื่นใด
แต่มันตัดใจทิ้งไม่ได้
แม้ว่าจะมีความทรงจำใหม่มาทดแทนแล้วก็ตาม
ของบางอย่างก็ไม่มีอะไรเลย
คุณเก็บไว้เพราะ “เสียดาย”
เสียดายถ้าจะทิ้ง
แต่ถ้าจะให้เอามาใช้ ก็ไม่รู้จะใช้ยังไง
มันเป็นของเก่าๆ ที่ครั้งหนึ่งเราเคยลงทุนกับมัน
คอมพิวเตอร์ตัวใหญ่ๆ ที่เกษียณตัวเอง
พัดลมที่หมดกำลังใจและตัดสินใจเลิกหมุน
โทรศัพท์ที่หน้าจอแตกยังกับพื้นดินในทุ่งหญ้าสะวันนา
ทำอะไรกับมันไม่ได้แล้ว
และมันก็ไม่จำเป็นกับชีวิตเราแล้ว
แต่เราก็เก็บไว้ไม่ทิ้งมัน
เพราะแค่เสียดาย

แต่เมื่อคุณย้ายบ้าน
คุณจะพบว่าหลายอย่างไม่ควรจะหอบมันไปที่ใหม่ด้วย
มันไม่เข้าพวก
ของเก่าๆ ที่เราตัดใจทิ้งไม่ได้
หรือของหลายๆ สิ่งที่ไม่มีที่ใหม่ให้ลง
สุดท้ายเราก็ต้องตัดใจทิ้งบางอย่างไป
บางอย่างที่มันเลิกเป็นประโยชน์ในชีวิตเรา
บางอย่างที่พังไปแล้วไม่สามารถแก้ไขได้
บางอย่างที่ถ้าลงทุนซ่อมมันก็อาจจะไม่คุ้มค่ากับการซื้อใหม่
บางอย่างที่มันเข้ากับชีวิตเราไม่ได้อีกแล้ว
บางอย่างที่แค่เก็บไว้เพื่อกินพื้นที่ชีวิตเรา
และทำให้ของใหม่ไม่มีที่ว่างพอให้เข้ามา
พอเราถึงวันที่ต้องย้าย
ชีวิตจากจุดหนึ่งไปสู่อีกจุดหนึ่ง
เราจะเริ่มตระหนักว่าเราแบกเอาทุกอย่างไปด้วยไม่ได้
มันไม่มีประโยชน์
และที่เราเก็บบางอย่างเอาไว้มาตลอด
ก็ไม่มีประโยชน์
เก็บไว้เพื่อรอวันทิ้งเท่านั้นเอง
สุดท้ายวันใดวันหนึ่งข้างหน้า
เราก็ต้องตัดใจทิ้งมันจริงๆ อยู่ดี
ซึ่งหลายอย่างเราควรจะตัดใจทิ้งมันไปนานแล้วด้วยซ้ำ
เผื่อว่ามันจะมีที่ว่างมากขึ้น
ให้อะไรใหม่ๆ ได้เข้ามาได้บ้าง
ให้สิ่งใหม่ๆ ได้มีพื้นที่ที่จะเริ่มต้นในชีวิตเรา

#เท่าที่รู้

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น