วันหนึ่งมีเจ้าหน้าที่ของกรมการศาสนาได้มาหาหลวงพ่อชา และยื่นแบบกรอกประวัติเพื่อขอสมณะศักดิ์ เนื่องจากหลวงพ่อชาท่านสร้างประโยชน์แก่พุทธศาสนานานัปประการ จึงเห็นสมควรมอบสมณะศักดิ์ให้ท่านตามคุณงามความดีของท่าน
แต่หลวงพ่อชาท่านกรอกลงไปเพียงแค่ว่า"กบที่มันร้องก็เพราะว่ามันเป็นกบ"
แม้กระนั้นหลวงพ่อชาก็ได้รับพระราชทานสมณศักดิ์เป็นกรณีพิเศษ ที่พระราชาคณะชั้นสามัญ พระราชทินนนามว่า พระโพธิญาณเถร ในปีพ.ศ.2516
"พระพุทธเจ้า ทรงพยายามยกเลิกชั้นวรรณะ ให้ถือตามพรรษา แต่เดี่ยวนี้มีเจ้าคุณเจ้าคณะ เกิดมีชนชั้นในหมู่สงฆ์ มันขัดกัน"หลวงพ่อชา
ท่านกล่าวถึงสมณศักดิ์ที่ได้รับพระราชทานมาไว้ครั้งหนึ่งว่า "สะพานข้ามแม่น้ำมูล เวลาน้ำขึ้นก็ไม่โก่ง เวลาน้ำลดก็ไม่แอ่น"
นี่ก็เป็นอีกเรื่องหนึ่งที่
หลวงพ่อชา สุภัทโท วัดหนองป่าพง จ.อุบลฯ
ท่าน ทำให้ดู ท่าน ไม่ได้พูดให้ฟัง
มีญาติโยมจาก กรุงเทพฯ พากันมา
กราบไหว้ท่าน โดยสารกันมาด้วย รถตู้ เมื่อมาถึงวัด ก็พากันเดินเข้าไปใน ศาลา พอดีหลวงพ่อชา ท่านนั่งอยู่ในศาลาท่านจึงเอ่ยถามว่า
หลวงพ่อชา ท่านถามว่า "พากันมาหยังน้อ"(พากันมาทำอะไร)
พวกญาติโยมก็พากันตอบว่า "มากราบไหว้ ท่านพระโพธิญาน ค่ะ"
หลวงพ่อชา ท่านก็ชี้ไปที่พัดยศ ที่ตั้งไว้บนแท่นที่ตั้งอยู่ในศาลา แล้วท่านก็พูดว่า "นั่นท่านพระโพธิญานอยู่นั่น"
แต่ถ้าหากจะมากราบไหว้ หรือว่ามาฟังเทศน์ ฟังธรรมกับ "หลวงพ่อชา นี่องค์นี้นั่งอยู่ที่นี่" ท่านก็ชี้ใส่ตัวท่านเอง
ญาติโยมทุกๆท่านที่มีสติปัญญา ก็คิดตรึกตรอง ดูกันเอาเองว่า ท่านหมายความว่าอย่างไร
ส่วนตัวแล้ว ขอแสดงความคิดเห็นว่า หลวงพ่อชา ท่านต้องการสื่อให้ญาติโยมทั้งหลายได้รู้ หลวงพ่อชา ท่านไม่ได้ยึดติดในลาภ-ยศ-สรรเสริญ ถ้าหากว่าคิดผิดก็ต้องขออภัยมา ณ.ที่นี้ด้วย สวัสดี
กบที่มันร้องก็เพราะว่ามันเป็นกบ ที่ท่านเทศน์สอนธรรมะก็เพราะว่าท่านเป็นพระ เหมือนที่ต้นไม้ออกผลก็เพราะว่ามันคือต้นไม้ ทีแรกแอดมินก็งงเหมือนกันทำไมท่านเขียนแบบนี้ พอครูบาอาจารย์เฉลยจึงถึงบางอ้อ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น