วันศุกร์ที่ 29 กันยายน พ.ศ. 2560

แว่นตาชีวิต อภิมหาเศรษฐีเกือบจะชราผู้หนึ่ง สุดแสนจะภูมิใจ ที่ ลูกชายวันห้าขวบของเขา กำลังจะได้เข้าเรียนในโรง เรียนชื่อดัง ซึ่งระดับเศรษฐีอย่างพวกเขาเท่านั้นจึงจะ มีปัญญาส่งลูกหลานเข้าเรียนในโรงเรียนนี้ได้ โดย ส่วนตัวของเขาเองก็อยากจะสอนให้ลูกชาย รู้จักกับ ชีวิตจริงในโลกควบคู่ไปกับการสอนทฤษฏีในโรงเรียน ในวันหยุด เขาจะตระเวนพาลูกชายคนเดียว ไปท่อง เที่ยวในสถานที่ต่างๆ แล้ววันหนึ่งเขาก็คิดถึงหัวข้อการ สอนเรื่องความยากจน เพราะเขามีความเชื่อว่าลูกชาย ของเขา คงไม่มีวันรู้จักแน่นอน เขาจึงพาลูกชายไป เยี่ยมครอบครัวชาวนาครอบครัวหนึ่งและพักอยู่กับชาว นาเป็นเวลา1 วัน 1 คืนกลับถึงคฤหาสน์ของเขา ในวันต่อมา มหาเศรษฐีก็จะทดสอบว่าลูกชายได้อะไร บ้าง จากการไปพักแรมกับชาวนาผู้ยากจน ลูกชายตอบ คำถามผู้เป็นบิดาว่า เขาขอขอบคุณเป็นอย่างมากที่ได้ พาเขาไปพบกับชาวนาและพักแรมที่นั่น ซึ่งทำให้เขา ได้พบว่า…. ….ชาวนามีที่ทำงานเป็นท้องนาที่กว้างใหญ่ ในขณะที่ พ่อมีเพียงห้องสี่เหลี่ยมที่ว่ากว้าง แต่ก็ยังน้อยกว่าห้อง ทำงานของชาวนา ….อาหารที่ชาวนารับประทาน สามารถหาได้ตลอดเว ลารอบๆบริเวณบ้านโดยไม่ต้องซื้อหา ในขณะที่บ้าน ของเรามีตู้เย็นเท่านั้นที่เป็นที่เก็บอาหาร ….เวลารับประทานอาหารก็มีเพื่อนคุยอย่างพร้อมหน้า พร้อมตาพ่อแม่ลูกในขณะที่ตัวเองก็ต้องนั่งทานอาหาร กับโต๊ะอาหาร ที่ยาวเกือบสิบเมตร และมีเก้าอี้ว่างเปล่า ทั้งสองด้าน …ลูกชาวนาที่ซ้อนท้ายจักรยานของพ่อเขา ต้องกอด เอวพ่อให้แน่นเพื่อจะได้ไม่ตกจากจักรยาน แต่เขาเอง ต้องนั่งในรถที่ใหญ่โตอยู่ข้างหลังเพียงลำพัง โดยมีคน ขับรถพาไปทุกที่ …ชาวนามีแสงดาวแสงจันทร์ เป็นโคมไฟส่องสว่าง ตลอดเวลาในเวลากลางคืนโดยไม่ขาดแคลน แต่เขาก็ มีเพียงแสงจากโคมไฟที่ต้องซื้อด้วยเงิน ...ชาวนามีรั้วบ้านเป็นแม่น้ำ ภูเขา ที่กว้างสุดลูกหูลูกตา แต่เขาเองกลับมีเพียงแค่กำแพงบล๊อคในพื้นที่ไม่กี่ไร่ …ลูกชาวนาได้มีเพื่อนเล่นเป็นจิ้งหรีด หิ่งห้อย นับร้อย นับพัน แต่เขาเองกลับไม่มีใครเลย ผู้เป็นพ่อฟังแล้ว เงียบงัน ลูกชายสบตาพ่อเต็มตาแล้วจบว่า “ขอบคุณมากครับพ่อ ที่ช่วยให้ผมได้สำนึกว่า เราจน ขนาดไหน” คุณเห็นด้วยไหมว่า “แว่นตาชีวิต” นี่ช่างเป็นสิ่งน่าอัศ จรรย์ยิ่งนัก คิดดูสิว่าโลกจะเปลี่ยนไปสักเพียงใด ถ้าเรา ทุกคนเปลี่ยนมาเป็นปลื้มและพอใจในทุกสิ่งที่เรามีแทน ที่จะดิ้นรนไขว่คว้าเพื่อสิ่งที่เรายังไม่ได้มา ขอจงพอใจ ในสิ่งที่เรามีอยู่ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเพื่อนชีวิตหนึ่งของ เรานั้นสั้นนัก และเรามีเพื่อนได้น้อยมาก ที่มา : http://www.kwamru.com/174 ภาพ : https://www.youtube.com/watch?v=nexQcdpQR6g

แว่นตาชีวิต

อภิมหาเศรษฐีเกือบจะชราผู้หนึ่ง    สุดแสนจะภูมิใจ ที่
ลูกชายวันห้าขวบของเขา   กำลังจะได้เข้าเรียนในโรง
เรียนชื่อดัง  ซึ่งระดับเศรษฐีอย่างพวกเขาเท่านั้นจึงจะ
มีปัญญาส่งลูกหลานเข้าเรียนในโรงเรียนนี้ได้       โดย
ส่วนตัวของเขาเองก็อยากจะสอนให้ลูกชาย     รู้จักกับ
ชีวิตจริงในโลกควบคู่ไปกับการสอนทฤษฏีในโรงเรียน

ในวันหยุด  เขาจะตระเวนพาลูกชายคนเดียว    ไปท่อง
เที่ยวในสถานที่ต่างๆ แล้ววันหนึ่งเขาก็คิดถึงหัวข้อการ
สอนเรื่องความยากจน เพราะเขามีความเชื่อว่าลูกชาย
ของเขา  คงไม่มีวันรู้จักแน่นอน     เขาจึงพาลูกชายไป
เยี่ยมครอบครัวชาวนาครอบครัวหนึ่งและพักอยู่กับชาว
นาเป็นเวลา1 วัน 1 คืนกลับถึงคฤหาสน์ของเขา

ในวันต่อมา  มหาเศรษฐีก็จะทดสอบว่าลูกชายได้อะไร
บ้าง จากการไปพักแรมกับชาวนาผู้ยากจน ลูกชายตอบ
คำถามผู้เป็นบิดาว่า เขาขอขอบคุณเป็นอย่างมากที่ได้
พาเขาไปพบกับชาวนาและพักแรมที่นั่น    ซึ่งทำให้เขา
ได้พบว่า….

….ชาวนามีที่ทำงานเป็นท้องนาที่กว้างใหญ่ ในขณะที่
พ่อมีเพียงห้องสี่เหลี่ยมที่ว่ากว้าง  แต่ก็ยังน้อยกว่าห้อง
ทำงานของชาวนา
….อาหารที่ชาวนารับประทาน   สามารถหาได้ตลอดเว
ลารอบๆบริเวณบ้านโดยไม่ต้องซื้อหา    ในขณะที่บ้าน
ของเรามีตู้เย็นเท่านั้นที่เป็นที่เก็บอาหาร
….เวลารับประทานอาหารก็มีเพื่อนคุยอย่างพร้อมหน้า
พร้อมตาพ่อแม่ลูกในขณะที่ตัวเองก็ต้องนั่งทานอาหาร
กับโต๊ะอาหาร ที่ยาวเกือบสิบเมตร และมีเก้าอี้ว่างเปล่า
ทั้งสองด้าน
…ลูกชาวนาที่ซ้อนท้ายจักรยานของพ่อเขา   ต้องกอด
เอวพ่อให้แน่นเพื่อจะได้ไม่ตกจากจักรยาน   แต่เขาเอง
ต้องนั่งในรถที่ใหญ่โตอยู่ข้างหลังเพียงลำพัง โดยมีคน
ขับรถพาไปทุกที่
…ชาวนามีแสงดาวแสงจันทร์     เป็นโคมไฟส่องสว่าง
ตลอดเวลาในเวลากลางคืนโดยไม่ขาดแคลน แต่เขาก็
มีเพียงแสงจากโคมไฟที่ต้องซื้อด้วยเงิน
...ชาวนามีรั้วบ้านเป็นแม่น้ำ ภูเขา ที่กว้างสุดลูกหูลูกตา
แต่เขาเองกลับมีเพียงแค่กำแพงบล๊อคในพื้นที่ไม่กี่ไร่
…ลูกชาวนาได้มีเพื่อนเล่นเป็นจิ้งหรีด หิ่งห้อย  นับร้อย
นับพัน   แต่เขาเองกลับไม่มีใครเลย    ผู้เป็นพ่อฟังแล้ว
เงียบงัน ลูกชายสบตาพ่อเต็มตาแล้วจบว่า

“ขอบคุณมากครับพ่อ  ที่ช่วยให้ผมได้สำนึกว่า    เราจน
ขนาดไหน”

คุณเห็นด้วยไหมว่า  “แว่นตาชีวิต”   นี่ช่างเป็นสิ่งน่าอัศ
จรรย์ยิ่งนัก คิดดูสิว่าโลกจะเปลี่ยนไปสักเพียงใด ถ้าเรา
ทุกคนเปลี่ยนมาเป็นปลื้มและพอใจในทุกสิ่งที่เรามีแทน
ที่จะดิ้นรนไขว่คว้าเพื่อสิ่งที่เรายังไม่ได้มา  ขอจงพอใจ
ในสิ่งที่เรามีอยู่  โดยเฉพาะอย่างยิ่งเพื่อนชีวิตหนึ่งของ
เรานั้นสั้นนัก และเรามีเพื่อนได้น้อยมาก

ที่มา : http://www.kwamru.com/174
ภาพ : https://www.youtube.com/watch?v=nexQcdpQR6g

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น