วันจันทร์ที่ 11 กันยายน พ.ศ. 2560

ไม่มีใครคิดจะไปไล่เตะซากหมาตายที่ไร้ค่าให้เสียเวลา Robert Maynard Hutchins เติบโตขึ้นมาในครอบครัวอเมริกัน เขาเป็นนักสู้ชีวิตที่พยายามพึ่งพาตัวเองด้วยการส่งเสียตัวเองระหว่างเรียนหนังสือ โดยการทำงานนานาชนิด ไม่ว่าจะเป็นพนักงานขายเสื้อผ้า คนงานตัดไม้ รับสอนพิเศษตามบ้าน นักเขียน เป็นต้น สิ่งที่ไม่มีใครคาดคิดมาก่อนก็เกิดขึ้นในชีวิตการงานของเขา เมื่อมหาวิทยาลัยชิคาโก มหาวิทยาลัยระดับแนวหน้าหนึ่งในสี่ของอเมริกา ตัดสินใจเซ็นสัญญาว่าจ้างเขาเข้ารับตำแหน่งอธิการบดีในปี 1929 ซึ่งตอนนั้นเขามีอายุเพียง 30 ปี หนุ่มเหลือเกินสำหรับตำแหน่งที่สำคัญระดับนี้ ข่าวนี้เป็นข่าวใหญ่ที่ฮือฮาไปทั่วประเทศ นักวิชาการ นักการศึกษารุ่นใหญ่ พากันออกมาโจมตีถึงความไม่เหมาะสมกับการแต่งตั้งครั้งนี้ มุ่งวิพากษ์วิจารณ์ความด้อยประสบการณ์ของเขา วุฒิภาวะที่อ่อนหัดไม่เพียงพอ เกรงจะนำพามหาวิทยาลัยชิคาโกสู่ความหายนะ ซึ่งเหล่าหนังสือพิมพ์ก็ออกมาเขียนข่าวและบทความโจมตีอย่างรุนแรงเช่นกัน ผู้คนแตกตื่นจับตามองกันทั่วทั้งประเทศ ในวันเข้ารับตำแหน่ง เพื่อนๆของพ่อเขาคุยกับคนเป็นพ่อด้วยความเป็นห่วง เพราะล้วนกังวลว่าเขาจะต้านกระแสไม่ไหว "บทความต่างๆในหนังสือพิมพ์โจมตีลูกคุณอย่างแสนสาหัส" พ่อเขาตอบว่า "ได้อ่านมาพอประมาณแล้ว ต้องยอมรับว่าโจมตีกันอย่างรุนแรงเหลือเกิน แต่โปรดรับรู้ไว้ว่า ไม่มีใครคิดจะไปไล่เตะซากหมาตายที่ไร้ค่าให้เสียเวลา" นั่นย่อมหมายความว่า ถ้าหมาตัวนั้นมันน่าหมั่นไส้น่าอิจฉา คนที่ไปไล่เตะมันได้ก็คงจะยิ่งสะใจมากขึ้น แต่กาลเวลาก็เป็นสิ่งพิสูจน์อย่างดี ระหว่างที่ดำรงตำแหน่งอธิการบดี เขาได้สร้างผลงานไว้มากมายสำหรับมหาวิทยาลัยชิคาโก วัยวุฒิที่คิดว่าจะเป็นอุปสรรค ไม่สามารถทำอะไรเขาได้ ชายหนุ่มที่ชาญฉลาดและเปี่ยมความสามารถท่านนี้ เดินหน้าพัฒนางานในหน้าที่อย่างไม่หยุดยั้ง เขาอยู่ในตำแหน่งอธิการบดีอันทรงเกียรตินี้ตั้งแต่ปี 1929-1945 รวมเวลา 16 ปีเต็ม คุณคงไม่คิดว่า คนระดับอย่างจอร์จ วอชิงตัน ประธานาธิบดีคนแรกของสหรัฐอเมริกา ก็เคยถูกโจมตีอย่างหนักว่าเป็น "มนุษย์จอมปลอม" "ไอ้จอมแหกตา" ถูกคนโห่ร้องขับไล่เวลาที่เขาปรากฏตัวต่อหน้าฝูงชน แต่กาลเวลาก็พิสูจน์ในตอนท้ายว่า จอร์จ วอชิงตันคือรัฐบุรุษที่ยิ่งใหญ่ท่านหนึ่งของอเมริกา หากวันหนึ่ง หรืออาจเป็นอดีตที่คุณก็เคยประสบด้วยตัวคุณเองมาแล้ว คุณโดนโจมตีหรือถูกวิพากษ์วิจารณ์อย่างไม่เป็นธรรม พึงสังวรณ์ไว้ว่า คนพวกนั้นก็มักคิดว่าตัวเขาเองก็เก่ง มีความสามารถและมีความสำคัญไม่แพ้คุณ และพวกเขารู้ว่าคุณกำลังจะเกินหน้าเกินตาก้าวข้ามพวกเขาไปแน่นอน เจตนาของคำพิพากษาเหล่านั้น จึงมักซ่อนความอคติ ความอิจฉาตาร้อน หรืออาจจะรู้ไม่จริงหรือรู้ไม่หมด และมีไม่น้อยที่ไปฟังคนอื่นเล่ามาแบบผิดๆ หรือเผลอๆไปตกเป็นเครื่องมือของคนอื่นที่ไม่ได้มีความหวังดีกับคุณ จึงเกิดกระแสต่อต้านขึ้นที่ไม่เป็นธรรม ถ้าเราหันกลับมาสำรวจตัวเอง แล้วแน่ใจว่าไม่มีอะไรผิดพลาดกับตัวเรา ก็ไม่ต้องไปสนใจเสียงนกเสียงกาพวกนั้น จงมั่นใจในคุณค่าของตัวคุณเอง คงคุณค่าในตัวคุณให้เหนียวแน่น แล้วโลกจะประจักษ์สักวันหนึ่งว่า คุณนั่นแหละคือคนที่ใช่ "หมาที่น่าหมั่นไส้หรือน่าอิจฉาเท่านั้น ที่ผู้คนอยากไปไล่เตะเพื่อความสะใจ แต่ไม่มีใครคิดจะไปไล่เตะซากหมาตายที่ไร้ค่าให้เสียเวลา" "ขจรศักดิ์" เรียบเรียง

ไม่มีใครคิดจะไปไล่เตะซากหมาตายที่ไร้ค่าให้เสียเวลา

Robert Maynard Hutchins เติบโตขึ้นมาในครอบครัวอเมริกัน เขาเป็นนักสู้ชีวิตที่พยายามพึ่งพาตัวเองด้วยการส่งเสียตัวเองระหว่างเรียนหนังสือ โดยการทำงานนานาชนิด ไม่ว่าจะเป็นพนักงานขายเสื้อผ้า คนงานตัดไม้ รับสอนพิเศษตามบ้าน นักเขียน เป็นต้น

สิ่งที่ไม่มีใครคาดคิดมาก่อนก็เกิดขึ้นในชีวิตการงานของเขา เมื่อมหาวิทยาลัยชิคาโก มหาวิทยาลัยระดับแนวหน้าหนึ่งในสี่ของอเมริกา ตัดสินใจเซ็นสัญญาว่าจ้างเขาเข้ารับตำแหน่งอธิการบดีในปี 1929 ซึ่งตอนนั้นเขามีอายุเพียง 30 ปี หนุ่มเหลือเกินสำหรับตำแหน่งที่สำคัญระดับนี้

ข่าวนี้เป็นข่าวใหญ่ที่ฮือฮาไปทั่วประเทศ นักวิชาการ นักการศึกษารุ่นใหญ่ พากันออกมาโจมตีถึงความไม่เหมาะสมกับการแต่งตั้งครั้งนี้ มุ่งวิพากษ์วิจารณ์ความด้อยประสบการณ์ของเขา วุฒิภาวะที่อ่อนหัดไม่เพียงพอ เกรงจะนำพามหาวิทยาลัยชิคาโกสู่ความหายนะ ซึ่งเหล่าหนังสือพิมพ์ก็ออกมาเขียนข่าวและบทความโจมตีอย่างรุนแรงเช่นกัน ผู้คนแตกตื่นจับตามองกันทั่วทั้งประเทศ

ในวันเข้ารับตำแหน่ง เพื่อนๆของพ่อเขาคุยกับคนเป็นพ่อด้วยความเป็นห่วง เพราะล้วนกังวลว่าเขาจะต้านกระแสไม่ไหว "บทความต่างๆในหนังสือพิมพ์โจมตีลูกคุณอย่างแสนสาหัส"

พ่อเขาตอบว่า "ได้อ่านมาพอประมาณแล้ว ต้องยอมรับว่าโจมตีกันอย่างรุนแรงเหลือเกิน แต่โปรดรับรู้ไว้ว่า ไม่มีใครคิดจะไปไล่เตะซากหมาตายที่ไร้ค่าให้เสียเวลา"

นั่นย่อมหมายความว่า ถ้าหมาตัวนั้นมันน่าหมั่นไส้น่าอิจฉา คนที่ไปไล่เตะมันได้ก็คงจะยิ่งสะใจมากขึ้น

แต่กาลเวลาก็เป็นสิ่งพิสูจน์อย่างดี ระหว่างที่ดำรงตำแหน่งอธิการบดี เขาได้สร้างผลงานไว้มากมายสำหรับมหาวิทยาลัยชิคาโก วัยวุฒิที่คิดว่าจะเป็นอุปสรรค ไม่สามารถทำอะไรเขาได้ ชายหนุ่มที่ชาญฉลาดและเปี่ยมความสามารถท่านนี้ เดินหน้าพัฒนางานในหน้าที่อย่างไม่หยุดยั้ง เขาอยู่ในตำแหน่งอธิการบดีอันทรงเกียรตินี้ตั้งแต่ปี 1929-1945 รวมเวลา 16 ปีเต็ม

คุณคงไม่คิดว่า คนระดับอย่างจอร์จ วอชิงตัน ประธานาธิบดีคนแรกของสหรัฐอเมริกา ก็เคยถูกโจมตีอย่างหนักว่าเป็น "มนุษย์จอมปลอม" "ไอ้จอมแหกตา" ถูกคนโห่ร้องขับไล่เวลาที่เขาปรากฏตัวต่อหน้าฝูงชน แต่กาลเวลาก็พิสูจน์ในตอนท้ายว่า จอร์จ วอชิงตันคือรัฐบุรุษที่ยิ่งใหญ่ท่านหนึ่งของอเมริกา

หากวันหนึ่ง หรืออาจเป็นอดีตที่คุณก็เคยประสบด้วยตัวคุณเองมาแล้ว คุณโดนโจมตีหรือถูกวิพากษ์วิจารณ์อย่างไม่เป็นธรรม พึงสังวรณ์ไว้ว่า คนพวกนั้นก็มักคิดว่าตัวเขาเองก็เก่ง มีความสามารถและมีความสำคัญไม่แพ้คุณ และพวกเขารู้ว่าคุณกำลังจะเกินหน้าเกินตาก้าวข้ามพวกเขาไปแน่นอน เจตนาของคำพิพากษาเหล่านั้น จึงมักซ่อนความอคติ ความอิจฉาตาร้อน หรืออาจจะรู้ไม่จริงหรือรู้ไม่หมด และมีไม่น้อยที่ไปฟังคนอื่นเล่ามาแบบผิดๆ หรือเผลอๆไปตกเป็นเครื่องมือของคนอื่นที่ไม่ได้มีความหวังดีกับคุณ จึงเกิดกระแสต่อต้านขึ้นที่ไม่เป็นธรรม

ถ้าเราหันกลับมาสำรวจตัวเอง แล้วแน่ใจว่าไม่มีอะไรผิดพลาดกับตัวเรา ก็ไม่ต้องไปสนใจเสียงนกเสียงกาพวกนั้น จงมั่นใจในคุณค่าของตัวคุณเอง คงคุณค่าในตัวคุณให้เหนียวแน่น แล้วโลกจะประจักษ์สักวันหนึ่งว่า คุณนั่นแหละคือคนที่ใช่

"หมาที่น่าหมั่นไส้หรือน่าอิจฉาเท่านั้น ที่ผู้คนอยากไปไล่เตะเพื่อความสะใจ แต่ไม่มีใครคิดจะไปไล่เตะซากหมาตายที่ไร้ค่าให้เสียเวลา"

"ขจรศักดิ์"
เรียบเรียง

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น