วันศุกร์ที่ 15 กันยายน พ.ศ. 2560

ญาติสนิทคนหนึ่งของผมไม่เคยพูดคำหยาบ แต่ในช่วงหนึ่งภรรยาของเขาสังเกตความเปลี่ยนแปลงของสามีว่าเขาเริ่มใช้คำว่า ‘แม่ง’ ต่อท้ายประโยคบ่อย ๆ เมื่อถามว่าทำไม เขาเองก็แปลกใจเพราะไม่เคยรู้สึกตัวว่าตนเองเอ่ยคำนั้น แต่ก็นึกได้ว่ามันเพิ่งเกิดขึ้นหลังจากเขาย้ายไปทำงานที่ใหม่ นั่งติดเพื่อนร่วมงานผู้สบถคำ ‘แม่ง’ ทุกประโยค ผ่านไปหกเดือน เขาก็ติดคำสบถนั้นมาโดยไม่รู้ตัว นี่คือ ‘แรงดึงดูด’ ที่เกิดขึ้นกับคนที่อยู่ใกล้กัน เคยสังเกตไหมว่า เวลาใครบางคนในห้องผิวปากเพลงสักเพลง บางเวลาในวันนั้น คุณอาจเผลอฮัมเพลงนั้นออกมาโดยไม่รู้ตัว เรามักเห็นสามีภรรยาหลายคู่ที่ดูเหมือนกิ่งทองใบหยก คือมีกิริยานิสัยต่าง ๆ คล้ายกันมาก ความจริงแล้วต่อให้คู่ครองที่เคยมีนิสัยใจคอต่างกันราวฟ้ากับดิน เมื่ออยู่ร่วมกันระยะหนึ่ง ก็มัก ‘จูนเครื่อง’ เข้าหากัน ปรับตัวจนในที่สุดต่างคนต่างก็ติดนิสัยของอีกฝ่ายมา ทำให้ดูเหมือนว่ารู้ใจกัน นี่คือ ‘แรงดึดดูด’ ที่เกิดขึ้นกับคนที่อยู่ใกล้กัน หากคนสองคนมีนิสัยใจคอโดยพื้นฐานเป็นคนดี การถูกแรงดึงดูดเข้าหาก็เป็นเรื่องดี ทว่าถ้าคบหาคนชั่วร้าย ก็จะติดนิสัยพฤติกรรมไม่ดีมา เริ่มที่จิตใต้สำนึก แล้วค่อย ๆ แพร่ไปยังจิตสำนึก นานวันเข้าก็กลายเป็นตัวตนของเขาผู้นั้นไป คนโบราณจึงย้ำนักย้ำหนาว่า คบคนพาล พาลพาไปหาผิด คบบัณฑิต บัณฑิตพาไปหาผล แรงดึงดูดของความชั่วนั้นทรงพลังยิ่ง ต่อให้คนที่มีสติก็อาจถูกดูดเข้าไปหาง่ายดาย ผู้ใหญ่ยังสอนว่า การเกลือกกลั้วกับคนเลวก็เหมือนการจับถ่านไฟ ยามร้อนแดงก็ไหม้มือ เมื่อเย็นก็เปื้อนดำ ไม่เป็นประโยชน์แต่อย่างไร มีแต่เสียกับเสีย เล่นกับงู สักวันเมื่อเผลอก็ถูกงูกัด .………………... ในสังคมที่คนจำนวนมากใช้ความโลภเป็นเข็มทิศนำทาง ใช้ความเห็นแก่ตัวเป็นไฟฉาย โอกาสที่เราจะเห็นกงจักรเป็นดอกบัวนั้นเกิดขึ้นง่ายมาก เห็นคนชั่วร่ำรวย คนโกงบ้านโกงเมืองมีข้าวของมากมาย ทั้งยังไม่ต้องรับกรรมจากกฎหมาย นาน ๆ เข้า มโนธรรมและความรู้สึกสำนึกชั่วดีก็สั่นคลอนได้ การเห็นคนทำชั่วได้ดีอาจทำให้เราเกิดโมหะอยากทำชั่วบ้าง เริ่มที่ระดับจิตใต้สำนึก สะสมนานวันเข้า วันหนึ่งก็เปลี่ยนใจหันมาทำชั่ว ผู้หญิงโสเภณีร้อยละร้อยไม่เคยคิดขายตัวมาก่อน แต่เมื่อคลุกคลีกับเพื่อน ๆ ที่มีฐานะความเป็นอยู่ดีขึ้นจากการขายตัว ไม่นานก็อาจเปลี่ยนใจ ด้วยข้ออ้างอมตะว่า “ใคร ๆ ก็ทำกันทั้งนั้น” หรือ “นิดเดียวเท่านั้นน่า” หลายคนไม่เคยคิดจะถ่ายภาพนู้ด แต่เมื่ออยู่ใกล้แรงดึงดูดที่ทรงพลังพอ ก็เปลี่ยนใจได้ไม่ยากเย็น นี่คือกฎของแรงดึงดูด แรงดึงดูดแบบนี้ทำงานเป็นลูกโซ่ กระทบต่อกันไปทีละห่วง สังคมที่มีคนเลวมากกว่าคนดี ไม่ช้านานก็ทำให้คนส่วนใหญ่เน่าไปด้วย การต้านแรงดึงดูดด้านลบไม่ใช่เรื่องง่าย ต้องอาศัยความมั่นคงทางจิต มีสำนึกที่ดีทั้งต่อตนเอง ครอบครัว สังคม และกำลังใจอันเข้มแข็ง เห็นหมากินขี้ก็ไม่ต้องกินขี้ตามหมา หลุดจากแรงดึงดูดด้านลบได้เมื่อไร ถึงจะไม่ร่ำรวย ไม่มีข้าวของมากเหมือนคนอื่น แต่ก็ได้ของตอบแทนมาหนึ่งอย่างคือรสชาติของชัยชนะเหนือจิตที่ใฝ่ต่ำ และมันจะกลายเป็นแรงดึงดูดที่ดี ดึงให้คนรอบตัวเป็นคนที่มีคุณค่าไปด้วย และในโลกนี้ มีกุศลใดที่ยิ่งใหญ่ไปกว่าการเปลี่ยนคนอื่นให้เป็นคนมีค่า? .………………... วินทร์ เลียววาริณ เฟซบุ๊ค https://www.facebook.com/winlyovarin/

ญาติสนิทคนหนึ่งของผมไม่เคยพูดคำหยาบ แต่ในช่วงหนึ่งภรรยาของเขาสังเกตความเปลี่ยนแปลงของสามีว่าเขาเริ่มใช้คำว่า ‘แม่ง’ ต่อท้ายประโยคบ่อย ๆ เมื่อถามว่าทำไม เขาเองก็แปลกใจเพราะไม่เคยรู้สึกตัวว่าตนเองเอ่ยคำนั้น แต่ก็นึกได้ว่ามันเพิ่งเกิดขึ้นหลังจากเขาย้ายไปทำงานที่ใหม่ นั่งติดเพื่อนร่วมงานผู้สบถคำ ‘แม่ง’ ทุกประโยค ผ่านไปหกเดือน เขาก็ติดคำสบถนั้นมาโดยไม่รู้ตัว

นี่คือ ‘แรงดึงดูด’ ที่เกิดขึ้นกับคนที่อยู่ใกล้กัน

เคยสังเกตไหมว่า เวลาใครบางคนในห้องผิวปากเพลงสักเพลง  บางเวลาในวันนั้น คุณอาจเผลอฮัมเพลงนั้นออกมาโดยไม่รู้ตัว

เรามักเห็นสามีภรรยาหลายคู่ที่ดูเหมือนกิ่งทองใบหยก คือมีกิริยานิสัยต่าง ๆ คล้ายกันมาก ความจริงแล้วต่อให้คู่ครองที่เคยมีนิสัยใจคอต่างกันราวฟ้ากับดิน เมื่ออยู่ร่วมกันระยะหนึ่ง ก็มัก ‘จูนเครื่อง’ เข้าหากัน ปรับตัวจนในที่สุดต่างคนต่างก็ติดนิสัยของอีกฝ่ายมา ทำให้ดูเหมือนว่ารู้ใจกัน นี่คือ ‘แรงดึดดูด’ ที่เกิดขึ้นกับคนที่อยู่ใกล้กัน

หากคนสองคนมีนิสัยใจคอโดยพื้นฐานเป็นคนดี การถูกแรงดึงดูดเข้าหาก็เป็นเรื่องดี ทว่าถ้าคบหาคนชั่วร้าย ก็จะติดนิสัยพฤติกรรมไม่ดีมา เริ่มที่จิตใต้สำนึก แล้วค่อย ๆ แพร่ไปยังจิตสำนึก นานวันเข้าก็กลายเป็นตัวตนของเขาผู้นั้นไป

คนโบราณจึงย้ำนักย้ำหนาว่า คบคนพาล พาลพาไปหาผิด คบบัณฑิต บัณฑิตพาไปหาผล

แรงดึงดูดของความชั่วนั้นทรงพลังยิ่ง ต่อให้คนที่มีสติก็อาจถูกดูดเข้าไปหาง่ายดาย

ผู้ใหญ่ยังสอนว่า การเกลือกกลั้วกับคนเลวก็เหมือนการจับถ่านไฟ ยามร้อนแดงก็ไหม้มือ เมื่อเย็นก็เปื้อนดำ ไม่เป็นประโยชน์แต่อย่างไร

มีแต่เสียกับเสีย

เล่นกับงู สักวันเมื่อเผลอก็ถูกงูกัด

.………………...

ในสังคมที่คนจำนวนมากใช้ความโลภเป็นเข็มทิศนำทาง ใช้ความเห็นแก่ตัวเป็นไฟฉาย  โอกาสที่เราจะเห็นกงจักรเป็นดอกบัวนั้นเกิดขึ้นง่ายมาก เห็นคนชั่วร่ำรวย คนโกงบ้านโกงเมืองมีข้าวของมากมาย ทั้งยังไม่ต้องรับกรรมจากกฎหมาย นาน ๆ เข้า มโนธรรมและความรู้สึกสำนึกชั่วดีก็สั่นคลอนได้ การเห็นคนทำชั่วได้ดีอาจทำให้เราเกิดโมหะอยากทำชั่วบ้าง เริ่มที่ระดับจิตใต้สำนึก สะสมนานวันเข้า วันหนึ่งก็เปลี่ยนใจหันมาทำชั่ว

ผู้หญิงโสเภณีร้อยละร้อยไม่เคยคิดขายตัวมาก่อน แต่เมื่อคลุกคลีกับเพื่อน ๆ ที่มีฐานะความเป็นอยู่ดีขึ้นจากการขายตัว ไม่นานก็อาจเปลี่ยนใจ ด้วยข้ออ้างอมตะว่า “ใคร ๆ ก็ทำกันทั้งนั้น” หรือ “นิดเดียวเท่านั้นน่า” หลายคนไม่เคยคิดจะถ่ายภาพนู้ด แต่เมื่ออยู่ใกล้แรงดึงดูดที่ทรงพลังพอ ก็เปลี่ยนใจได้ไม่ยากเย็น

นี่คือกฎของแรงดึงดูด

แรงดึงดูดแบบนี้ทำงานเป็นลูกโซ่ กระทบต่อกันไปทีละห่วง สังคมที่มีคนเลวมากกว่าคนดี ไม่ช้านานก็ทำให้คนส่วนใหญ่เน่าไปด้วย

การต้านแรงดึงดูดด้านลบไม่ใช่เรื่องง่าย ต้องอาศัยความมั่นคงทางจิต มีสำนึกที่ดีทั้งต่อตนเอง ครอบครัว สังคม และกำลังใจอันเข้มแข็ง

เห็นหมากินขี้ก็ไม่ต้องกินขี้ตามหมา

หลุดจากแรงดึงดูดด้านลบได้เมื่อไร ถึงจะไม่ร่ำรวย ไม่มีข้าวของมากเหมือนคนอื่น แต่ก็ได้ของตอบแทนมาหนึ่งอย่างคือรสชาติของชัยชนะเหนือจิตที่ใฝ่ต่ำ และมันจะกลายเป็นแรงดึงดูดที่ดี ดึงให้คนรอบตัวเป็นคนที่มีคุณค่าไปด้วย

และในโลกนี้ มีกุศลใดที่ยิ่งใหญ่ไปกว่าการเปลี่ยนคนอื่นให้เป็นคนมีค่า?

.………………...

วินทร์ เลียววาริณ
เฟซบุ๊ค https://www.facebook.com/winlyovarin/

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น