วันจันทร์ที่ 18 กันยายน พ.ศ. 2560

นิทานเรื่อง คมในฝัก ในป่าใหญ่แห่งหนึ่ง มีนายพรานสองพ่อลูกปลูกกระท่อม พักอาศัยอยู่ในป่าแห่งนั้น อาชีพของนายพรานก็คือ การ หาของป่าไปแลกเปลี่ยนกับข้าวปลาอาหาร และสิ่งของ เครื่องใช้ต่างๆจากในเมือง ทุกเช้านายพรานผู้พ่อจะเข้า ป่า ส่วนลูกชายจะอยู่ที่กระท่อม คอยหุงหาอาหารไว้คอย ท่าพ่อ เมื่อพ่อกลับมาในตอนเย็น วันหนึ่งนายพรานออกจากบ้านแต่เช้า เพื่อเข้าไปหาของ ป่าอย่างเคย บังเอิญเขาถูกงูเห่ากัด อาการสาหัสมาก แต่ ถึงกระนั้น นายพรานก็พยายามแข็งใจเดินกลับมายังกระ ท่อมของเขาจนได้ แล้วนายพรานก็เรียกลูกชายมาบอกว่า “ลูกรัก พ่อถูกงูเห่ากัดเสียแล้ว คราวนี้เห็นทีจะไม่รอดคง ไม่มีโอกาสได้เลี้ยงดูเจ้าอีกต่อไปแล้ว ต่อไปนี้เจ้าต้องช่วย ตัวเองนะลูก เข้ามาใกล้ ๆ พ่อซิ แล้วเจ้าจงจำคำพ่อไว้ พ่อ มีของดีอยู่อย่างหนึ่งนั้นคือนอแรด เมื่อพ่อสิ้นใจไปแล้วเจ้า จงเอานอแรดในย่ามนี้ไปถวายพระราชา อย่าลืมทำตามที่ พ่อสั่งนะลูกนะ” นายพรานพูดจบก็ยื่นย่ามใส่นอแรดให้แก่ลูกชาย แล้วเขาก็ ขาดใจตาย ฝ่ายลูกชายนายพราน เมื่อพ่อตายก็มีความเศร้าโศกเสียใจ แต่ก็พยายามสะกดใจไว้รีบนำศพพ่อไปฝัง แล้วกราบลา ศพพ่อมายังกระท่อมที่พัก ตรงไปหยิบย่ามที่ใส่นอแรดสะ พายบ่าเดินทางเข้าเมืองหลวง เพื่อถวายนอแรดแด่พระรา ชาตามที่พ่อสั่งไว้ เขาเดินทางไม่กี่วันก็ถึงเมืองหลวง จึง ตรงไปยังประตูชั้นนอกแล้วพูดกับนายประตูชั้นนอกว่า “ท่านนายประตูผมต้องการจะเข้าเฝ้าพระราชาท่านจะกรุณา ผมหน่อยจะได้ไหม” “เอ็งต้องการจะเข้าเฝ้าพระองค์ท่านด้วยธุระอันใดหรือ” นายประตูถามด้วยความสงสัย “ผมมีของดีอย่างหนึ่ง ที่จะนำมาถวายท่าน” “ของดีอะไรของเอ็งหรือ ไหนข้าขอดูหน่อย” “นอแรดนี้ไงของดีที่ว่านั้น” ลูกชายนายพรานพูดพร้อมควักนอแรดออกมาจากย่าม ให้ นายประตูดู นายประตูเมื่อเห็นลูกชายนายพรานมีนอแรดที่ สวยงามจริงๆก็คิดในใจว่า “ถ้าลูกชายนายพรานนำไปถวายพระราชาแล้ว พระองค์คง พอพระทัยเป็นอย่างยิ่ง และอาจพระราชทานรางวัลให้แก่ ลูกชายนายพรานเป็นจำนวนมาก” เมื่อคิดดังนั้นแล้ว นายประตูชั้นนอกก็เกิดความโลภขึ้นมา ทันที อย่ากระนั้นเลยเราจะต้องขู่เข็ญให้เด็กคนนี้ แบ่งราง วัลที่ได้รับแก่เราส่วนหนึ่ง จึงพูดกับลูกชายนายพรานว่า “นี่เจ้าเด็กน้อยถ้าข้านำเจ้าเข้าไปถวายนอแรดแด่พระราชา แล้วพระองค์พระราชทานรางวัลให้แก่เจ้า เจ้าจะต้องแบ่ง รางวัลนั้นให้แก่ข้าครึ่งหนึ่งนะ ถ้าไม่ตกลงข้าก็คงจะพาเจ้า เข้าเฝ้าไม่ได้หรอก” ลูกชายนายพรานได้ยินดังนั้น ก็เกิดความไม่พอใจนายประ ตู ที่เป็นคนเห็นแก่ได้ไม่ซื่อสัตย์ต่อหน้าที่ จึงคิดว่าถ้ามีโอ กาสจะหาทางสั่งสอนนายประตูผู้นี้ให้รู้สำนึก แล้วพูดกับ นายประตูว่า “ตกลง ผมจะแบ่งรางวัลที่ได้รับให้แก่ท่านครึ่งหนึ่งแน่นอน” ว่าแล้วนายประตูชั้นนอก ก็พาลูกชายนายพรานเข้าไปยัง ประตูชั้นใน พบนายประตูชั้นใน ก็เล่าเรื่องที่ลูกชายนาย พรานจะขอเข้าเฝ้าพระราชาเพื่อถวายนอแรด และมอบราง วัลครึ่งหนึ่งให้แก่ตนให้นายประตูชั้นในฟัง นายประตูชั้นใน ได้ฟังเรื่องทั้งหมด ก็เกิดความโลภอยากได้ในส่วนแบ่ง จากรางวัลบ้างเหมือนกันจึงพูดกับลูกชายนายพราว่า “แล้วข้าละ เจ้าจะให้อะไรบ้าง ถ้าข้าจะพาเจ้าเข้าไปเฝ้า พระราชา” “เอาเถอะผมจะไม่เอาอะไรเลย แต่ผมจะแบ่งรางวัลที่ได้รับ ทั้งหมดให้แก่ท่านทั้งสองคนละครึ่ง” ลูกชายนายพรานพูดยืนยัน ส่วนในใจนั้นก็คิดว่า จะหาโอ กาสสั่งสอนคนทุจริตเห็นแก่ได้นี้ให้รู้สำนึกบ้าง นายประตู ชั้นในได้ฟังดังนั้นก็ดีใจมาก จึงรีบพาลูกชายนายพรานเข้า เฝ้าพระราชาทันที เมื่อหมอบถวายบังคมแล้ว ลูกชายนาย พรานก็หยิบนอแรดจากถุงย่ามถวายแด่พระราชา พระราชา ทอดพระเนตรนอแรด ทรงพอพระทัยมาก จึงตรัสขึ้น “แล้วทำไมเจ้าถึงต้องนำนอแรดนี้มาถวายข้าด้วยล่ะ” พระราชาตรัสถามต่อ “พ่อของข้าพระพุทธเจ้าได้สั่งไว้ก่อนตายว่า ขอให้นำนอ แรดนี้มาทูลเกล้า ฯ ถวายแด่พระองค์ พระพุทธเจ้าข้า” “และเจ้าต้องการสิ่งใดตอบแทน เจ้าบอกข้ามาได้เลย ข้า ให้เจ้าได้ทุกอย่าง” ลูกชายนายพรานสมหวังดังใจ จึงคิดที่จะสั่งสอนนายประตู ทั้งสองคน ให้เห็นโทษของความไม่ซื่อสัตย์สุจริตต่อหน้าที่ จึงกราบทูลไปว่า “ข้าพระพุทธเจ้าไม่ต้องการทรัพย์สินเงินทองสิ่งของใดๆทั้ง สิ้น แต่จะทูลขอพระองค์สองอย่าง พระพุทธเจ้าข้า” “อย่างแรก ข้าพระพุทธเจ้าขอให้พระองค์รับข้าพระพุทธเจ้า ไว้เป็นข้าทูลละอองธุลีพระบาทตลอดไป พระพุทธเจ้าข้า” “อย่างที่สอง ข้าพระพุทธเจ้า ขอพระราชทานรางวัลการ โบยหลังให้แก่ข้าพระพุทธเจ้าสัก 100 ที พระพุทธเจ้าข้า” “เจ้าเป็นอะไรไปหรือ โบยหลัง 100 ที เจ้าจะเอาไปทำไม เจ้านี่หาเรื่องเจ็บตัวเปล่า ๆ อยู่ดีไม่ว่าดี” พระราชาตรัสถามด้วยความแปลกพระทัย “หามิได้ พระพุทธเจ้าข้า ข้าพระพุทธเจ้าจะขอแบ่งรางวัล การโบย 100 ทีนี้ให้แก่นายประตูทั้งสองคน คนละครึ่งตาม ที่ได้ให้สัญญาไว้แก่นายประตูทั้งสอง ก่อนที่จะนำข้าพระ พุทธเจ้าเข้าเฝ้าพระองค์ พระพุทธเจ้าข้า” “อย่างนั้นหรือ เจ้าฉลาดมาก ข้าจะชุบเลี้ยงเจ้าและแต่งตั้ง ให้เป็นมหาดเล็กหลวงต่อไป และข้าเชื่อว่าเจ้าจะต้องเป็น คนที่ซื่อสัตย์สุจริต ส่วนนายประตูทั้งสองนั้นทหารนำตัวทั้ง สองคนไปโบยหลังคนละ 50 ที เดี๋ยวนี้” ข้อคิดที่ได้จากนิทานเรื่องนี้คือ 1. การเชื่อฟังคำสั่งสอนของผู้ใหญ่ จะนำมาซึ่งความสุข ความเจริญแก่ชีวิต 2.คนที่คดโกง ไม่ซื่อสัตย์สุจริตต่อหน้าที่การงาน ในที่สุด ก็จะถูกจับได้และถูกลงโทษ ทำให้เสื่อมเสียทั้งชื่อเสียงและ วงศ์ตระกูล 3. ผู้ที่มีความเฉลียวฉลาด ย่อมสามารถเอาตัวรอดได้เสมอ ที่มา : http://www.dhammathai.org/dhammastory/story73.php ภาพ : http://www.dmc.tv/

นิทานเรื่อง คมในฝัก

ในป่าใหญ่แห่งหนึ่ง   มีนายพรานสองพ่อลูกปลูกกระท่อม
พักอาศัยอยู่ในป่าแห่งนั้น   อาชีพของนายพรานก็คือ การ
หาของป่าไปแลกเปลี่ยนกับข้าวปลาอาหาร   และสิ่งของ
เครื่องใช้ต่างๆจากในเมือง   ทุกเช้านายพรานผู้พ่อจะเข้า
ป่า  ส่วนลูกชายจะอยู่ที่กระท่อม คอยหุงหาอาหารไว้คอย
ท่าพ่อ เมื่อพ่อกลับมาในตอนเย็น

วันหนึ่งนายพรานออกจากบ้านแต่เช้า  เพื่อเข้าไปหาของ
ป่าอย่างเคย  บังเอิญเขาถูกงูเห่ากัด อาการสาหัสมาก แต่
ถึงกระนั้น    นายพรานก็พยายามแข็งใจเดินกลับมายังกระ
ท่อมของเขาจนได้ แล้วนายพรานก็เรียกลูกชายมาบอกว่า

“ลูกรัก พ่อถูกงูเห่ากัดเสียแล้ว    คราวนี้เห็นทีจะไม่รอดคง
ไม่มีโอกาสได้เลี้ยงดูเจ้าอีกต่อไปแล้ว ต่อไปนี้เจ้าต้องช่วย
ตัวเองนะลูก เข้ามาใกล้ ๆ พ่อซิ แล้วเจ้าจงจำคำพ่อไว้ พ่อ
มีของดีอยู่อย่างหนึ่งนั้นคือนอแรด เมื่อพ่อสิ้นใจไปแล้วเจ้า
จงเอานอแรดในย่ามนี้ไปถวายพระราชา   อย่าลืมทำตามที่
พ่อสั่งนะลูกนะ”
นายพรานพูดจบก็ยื่นย่ามใส่นอแรดให้แก่ลูกชาย แล้วเขาก็
ขาดใจตาย

ฝ่ายลูกชายนายพราน เมื่อพ่อตายก็มีความเศร้าโศกเสียใจ
แต่ก็พยายามสะกดใจไว้รีบนำศพพ่อไปฝัง     แล้วกราบลา
ศพพ่อมายังกระท่อมที่พัก    ตรงไปหยิบย่ามที่ใส่นอแรดสะ
พายบ่าเดินทางเข้าเมืองหลวง  เพื่อถวายนอแรดแด่พระรา
ชาตามที่พ่อสั่งไว้   เขาเดินทางไม่กี่วันก็ถึงเมืองหลวง  จึง
ตรงไปยังประตูชั้นนอกแล้วพูดกับนายประตูชั้นนอกว่า

“ท่านนายประตูผมต้องการจะเข้าเฝ้าพระราชาท่านจะกรุณา
ผมหน่อยจะได้ไหม”
“เอ็งต้องการจะเข้าเฝ้าพระองค์ท่านด้วยธุระอันใดหรือ”
นายประตูถามด้วยความสงสัย
“ผมมีของดีอย่างหนึ่ง ที่จะนำมาถวายท่าน”
“ของดีอะไรของเอ็งหรือ ไหนข้าขอดูหน่อย”
“นอแรดนี้ไงของดีที่ว่านั้น”
ลูกชายนายพรานพูดพร้อมควักนอแรดออกมาจากย่าม  ให้
นายประตูดู นายประตูเมื่อเห็นลูกชายนายพรานมีนอแรดที่
สวยงามจริงๆก็คิดในใจว่า
“ถ้าลูกชายนายพรานนำไปถวายพระราชาแล้ว พระองค์คง
พอพระทัยเป็นอย่างยิ่ง   และอาจพระราชทานรางวัลให้แก่
ลูกชายนายพรานเป็นจำนวนมาก”

เมื่อคิดดังนั้นแล้ว  นายประตูชั้นนอกก็เกิดความโลภขึ้นมา
ทันที  อย่ากระนั้นเลยเราจะต้องขู่เข็ญให้เด็กคนนี้ แบ่งราง
วัลที่ได้รับแก่เราส่วนหนึ่ง จึงพูดกับลูกชายนายพรานว่า
“นี่เจ้าเด็กน้อยถ้าข้านำเจ้าเข้าไปถวายนอแรดแด่พระราชา
แล้วพระองค์พระราชทานรางวัลให้แก่เจ้า   เจ้าจะต้องแบ่ง
รางวัลนั้นให้แก่ข้าครึ่งหนึ่งนะ ถ้าไม่ตกลงข้าก็คงจะพาเจ้า
เข้าเฝ้าไม่ได้หรอก”
ลูกชายนายพรานได้ยินดังนั้น ก็เกิดความไม่พอใจนายประ
ตู ที่เป็นคนเห็นแก่ได้ไม่ซื่อสัตย์ต่อหน้าที่  จึงคิดว่าถ้ามีโอ
กาสจะหาทางสั่งสอนนายประตูผู้นี้ให้รู้สำนึก    แล้วพูดกับ
นายประตูว่า
“ตกลง ผมจะแบ่งรางวัลที่ได้รับให้แก่ท่านครึ่งหนึ่งแน่นอน”

ว่าแล้วนายประตูชั้นนอก   ก็พาลูกชายนายพรานเข้าไปยัง
ประตูชั้นใน  พบนายประตูชั้นใน    ก็เล่าเรื่องที่ลูกชายนาย
พรานจะขอเข้าเฝ้าพระราชาเพื่อถวายนอแรด และมอบราง
วัลครึ่งหนึ่งให้แก่ตนให้นายประตูชั้นในฟัง นายประตูชั้นใน
ได้ฟังเรื่องทั้งหมด      ก็เกิดความโลภอยากได้ในส่วนแบ่ง
จากรางวัลบ้างเหมือนกันจึงพูดกับลูกชายนายพราว่า

“แล้วข้าละ   เจ้าจะให้อะไรบ้าง   ถ้าข้าจะพาเจ้าเข้าไปเฝ้า
พระราชา”
“เอาเถอะผมจะไม่เอาอะไรเลย  แต่ผมจะแบ่งรางวัลที่ได้รับ
ทั้งหมดให้แก่ท่านทั้งสองคนละครึ่ง”
ลูกชายนายพรานพูดยืนยัน   ส่วนในใจนั้นก็คิดว่า จะหาโอ
กาสสั่งสอนคนทุจริตเห็นแก่ได้นี้ให้รู้สำนึกบ้าง   นายประตู
ชั้นในได้ฟังดังนั้นก็ดีใจมาก จึงรีบพาลูกชายนายพรานเข้า
เฝ้าพระราชาทันที  เมื่อหมอบถวายบังคมแล้ว  ลูกชายนาย
พรานก็หยิบนอแรดจากถุงย่ามถวายแด่พระราชา  พระราชา
ทอดพระเนตรนอแรด ทรงพอพระทัยมาก จึงตรัสขึ้น

“แล้วทำไมเจ้าถึงต้องนำนอแรดนี้มาถวายข้าด้วยล่ะ”
พระราชาตรัสถามต่อ
“พ่อของข้าพระพุทธเจ้าได้สั่งไว้ก่อนตายว่า    ขอให้นำนอ
แรดนี้มาทูลเกล้า ฯ ถวายแด่พระองค์ พระพุทธเจ้าข้า”
“และเจ้าต้องการสิ่งใดตอบแทน  เจ้าบอกข้ามาได้เลย  ข้า
ให้เจ้าได้ทุกอย่าง”
ลูกชายนายพรานสมหวังดังใจ จึงคิดที่จะสั่งสอนนายประตู
ทั้งสองคน ให้เห็นโทษของความไม่ซื่อสัตย์สุจริตต่อหน้าที่
จึงกราบทูลไปว่า
“ข้าพระพุทธเจ้าไม่ต้องการทรัพย์สินเงินทองสิ่งของใดๆทั้ง
สิ้น แต่จะทูลขอพระองค์สองอย่าง พระพุทธเจ้าข้า”
“อย่างแรก ข้าพระพุทธเจ้าขอให้พระองค์รับข้าพระพุทธเจ้า
ไว้เป็นข้าทูลละอองธุลีพระบาทตลอดไป พระพุทธเจ้าข้า”
“อย่างที่สอง    ข้าพระพุทธเจ้า   ขอพระราชทานรางวัลการ
โบยหลังให้แก่ข้าพระพุทธเจ้าสัก 100 ที พระพุทธเจ้าข้า”
“เจ้าเป็นอะไรไปหรือ โบยหลัง 100 ที    เจ้าจะเอาไปทำไม
เจ้านี่หาเรื่องเจ็บตัวเปล่า ๆ อยู่ดีไม่ว่าดี”
พระราชาตรัสถามด้วยความแปลกพระทัย
“หามิได้ พระพุทธเจ้าข้า   ข้าพระพุทธเจ้าจะขอแบ่งรางวัล
การโบย 100 ทีนี้ให้แก่นายประตูทั้งสองคน คนละครึ่งตาม
ที่ได้ให้สัญญาไว้แก่นายประตูทั้งสอง    ก่อนที่จะนำข้าพระ
พุทธเจ้าเข้าเฝ้าพระองค์ พระพุทธเจ้าข้า”
“อย่างนั้นหรือ เจ้าฉลาดมาก  ข้าจะชุบเลี้ยงเจ้าและแต่งตั้ง
ให้เป็นมหาดเล็กหลวงต่อไป   และข้าเชื่อว่าเจ้าจะต้องเป็น
คนที่ซื่อสัตย์สุจริต ส่วนนายประตูทั้งสองนั้นทหารนำตัวทั้ง
สองคนไปโบยหลังคนละ 50 ที เดี๋ยวนี้”

ข้อคิดที่ได้จากนิทานเรื่องนี้คือ
1. การเชื่อฟังคำสั่งสอนของผู้ใหญ่     จะนำมาซึ่งความสุข
ความเจริญแก่ชีวิต
2.คนที่คดโกง ไม่ซื่อสัตย์สุจริตต่อหน้าที่การงาน  ในที่สุด
ก็จะถูกจับได้และถูกลงโทษ ทำให้เสื่อมเสียทั้งชื่อเสียงและ
วงศ์ตระกูล
3. ผู้ที่มีความเฉลียวฉลาด ย่อมสามารถเอาตัวรอดได้เสมอ

ที่มา : http://www.dhammathai.org/dhammastory/story73.php
ภาพ : http://www.dmc.tv/

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น