วันพุธที่ 24 สิงหาคม พ.ศ. 2559

#ค่าโง่# 39ปีที่แล้ว...ผมเริ่มต้นทำงานกับบริษัทการเงินข้ามชาติ ที่ว่ากันว่ามีขนาดใหญ่เป็นอันดับ3ของโลก... 35ปีที่แล้ว...ผมแต่งงานกับเธอที่ผมรักที่สุด เราต่างสัญญาจะสร้างอนาคตร่วมกัน เธอจะเป็นคนข้างหลังเพื่อให้ผมประสบความสำเร็จทางการงานตามที่ตั้งใจ...ในขณะที่การงานของผมก้าวหน้าไปมากอย่างรวดเร็ว... 29ปีที่แล้ว...เธอคลอดลูกชายคนแรกให้ผม ในขณะที่ผมติดประชุมที่ญี่ปุ่น ผมขอโทษเธอ สัญญากับเธอว่า ผมขอเวลาทำงานอีกระยะเพื่อครอบครัว...ผมกลับเมืองไทย รับขวัญลูกและขอโทษเธอด้วยตำแหน่งงานที่ก้าวหน้ากว่าเดิม...ฝันของเราใกล้เป็นจริง... 24ปีที่แล้ว...เธอคลอดลูกสาวที่เราเฝ้ารอคอย ผมได้เห็นหน้าลูกสาวแค่วันเดียว เพราะต้องเดินทางไปประชุมใหญ่ที่ออสเตรเลีย ผมสัญญาว่าผมจะทำงานอีกไม่นาน จากนั้นเวลาทั้งหมดของผมจะเป็นของครอบครัวตลอดไปสมกับที่เธอตั้งตารอคอย... 13ปีที่แล้ว...หน้าที่การงานผมก้าวหน้าจนก้าวขึ้นเป็นเบอร์2ในภาคพื้นเอเชียแปซิคฟิค...แต่เธอขอ"หย่า"เพื่อเริ่มชีวิตใหม่ที่เธอบอกว่า ผมไม่เคยให้เธอ(ผมเถียงว่า ผมให้เธอทุกอย่าง)...สุดท้ายเธอบอกว่า"เมียไม่ได้ต้องการแค่ทรัพย์สินเงินทองจนเกินเก็บ หากแต่เป็นความอบอุ่นมั่นใจจากอ้อมกอดคนเป็นสามีเติมเต็มในคืนอ้างว้าง"... สุดท้ายเธอแยกไป...ส่วนลูกๆ ปู่กับย่าจะดูแลอย่างดี เหมือนกับที่เคยเลี้ยงผมมา... 10ปีที่แล้ว...ลูกชายคนโตซ้อนท้ายมอเตอร์ไซด์เพื่อนประสบอุบัติเหตุเสียชีวิต...ผมบินกลับจากญี่ปุ่นทั้งๆที่มีงานสัมมาสำคัญ แม่บอกว่า ลูกชายเกเรเลี้ยงยาก...ผมกอดลูกสาวบอกกับเธอว่า พ่อไม่ดีเอง ขอเวลาพ่ออีกนิดแล้วพ่อจะให้ทุกอย่าง... 7ปีที่แล้ว...ก่อนแม่สิ้นใจ แม่บอกกับผมว่า อย่าเอาแต่ทำงานจนลืมไปว่า ลูกต้องการอ้อมกอดจากพ่อที่โหยหามานาน อย่าปล่อยให้เธอรอคอยอย่างเดียวดาย. 5ปีที่แล้ว...พ่อจากไปตามแม่ ญาติๆพากันพูดคุยโดยที่ผมแอบได้ยินว่า พ่อตรอมใจที่แม่จากไปเมื่ิอ2ปีที่แล้ว กับเรื่องหลานสาวหนีตามผู้ชายข้างบ้านไปอยู่ทางใต้...แกเอาแต่โทษตัวเองว่า “ ไม่มีปัญญาเลี้ยงหลานให้ดี” ...ขณะที่ผมก้าวสู่จุดสูงสุดทางการงาน...ผมเป็นเบอร์หนึ่งในเอเชียแปซิกฟิคตามเป้าหมาย ผมมีทุกอย่างที่ต้องการ ผมประสบความสำเร็จเหนือใคร... แน่นอนไม่มีสิ่งใดได้มาฟรีๆ การสูญเสียบางอย่างแลกกับความสำเร็จขนาดนี้มันชั่งคุ้มค่า... ต่อไปผมจะกลับไปชดเชยเยียวยาเวลาที่ผมโกงไปจากครอบครัว... 3ปีที่แล้ว...หมอบอกว่า ผมเป็นโรคซึมเศร้า ต้องกินยาตามสั่งให้ครบ... น่าแปลกที่ผมมีครบทุกอย่าง แต่กลับอ้างว้างอย่างที่สุด หาใครรักจริงไม่ได้สักคน มีแต่คนที่จ้องจะกอบโกยสิ่งที่ผมทุ่มเทหามาทั้งชีวิต...ไม่มีใครเหมือนพ่อ-แม่-ภรรยาและลูกๆสักคน...ตอนนี้ผมเข้าใจสิ่งที่ภรรยาผมบอกตอนเธอจากไปแล้ว...แต่มันสายไป ไม่มีใครทนรอคอยยาวนานแบบนี้ได้... ถึงตอนนี้ผมยอมแลกทุกอย่างที่หามาได้กับการเป็นคนหาเช้ากินค่ำพออยู่พอกิน ขอแค่ให้ได้อยู่ร่วมกับทุกคนสักช่วงชีวิตหนึ่ง...ได้โปรด! .................... วันนี้อาตมามีความสุขกับชีวิตใหม่ในร่มกาสาวพัสตร์อันสงบเย็น หากไม่ได้เจอพระอาจารย์ อาตมาคงฆ่าตัวตายไปเมื่อ3ปีที่แล้ว... หากวันนี้อาตมามีคุณวิเศษขอได้(ซึ่งไม่มี) ขอให้โยมทั้งหลาย อย่าทำโง่ๆเหมือนอาตมาในอดีตอีกเลย. .......... ขอบคุณบทความดีๆจากคุณเสก เพจ มดงาน บ้านรอยยิ้ม

39ปีที่แล้ว...ผมเริ่มต้นทำงานกับบริษัทการเงินข้ามชาติ ที่ว่ากันว่ามีขนาดใหญ่เป็นอันดับ3ของโลก...
35ปีที่แล้ว...ผมแต่งงานกับเธอที่ผมรักที่สุด เราต่างสัญญาจะสร้างอนาคตร่วมกัน เธอจะเป็นคนข้างหลังเพื่อให้ผมประสบความสำเร็จทางการงานตามที่ตั้งใจ...ในขณะที่การงานของผมก้าวหน้าไปมากอย่างรวดเร็ว...
29ปีที่แล้ว...เธอคลอดลูกชายคนแรกให้ผม ในขณะที่ผมติดประชุมที่ญี่ปุ่น ผมขอโทษเธอ สัญญากับเธอว่า ผมขอเวลาทำงานอีกระยะเพื่อครอบครัว...ผมกลับเมืองไทย รับขวัญลูกและขอโทษเธอด้วยตำแหน่งงานที่ก้าวหน้ากว่าเดิม...ฝันของเราใกล้เป็นจริง...
24ปีที่แล้ว...เธอคลอดลูกสาวที่เราเฝ้ารอคอย ผมได้เห็นหน้าลูกสาวแค่วันเดียว เพราะต้องเดินทางไปประชุมใหญ่ที่ออสเตรเลีย ผมสัญญาว่าผมจะทำงานอีกไม่นาน จากนั้นเวลาทั้งหมดของผมจะเป็นของครอบครัวตลอดไปสมกับที่เธอตั้งตารอคอย...
13ปีที่แล้ว...หน้าที่การงานผมก้าวหน้าจนก้าวขึ้นเป็นเบอร์2ในภาคพื้นเอเชียแปซิคฟิค...แต่เธอขอ"หย่า"เพื่อเริ่มชีวิตใหม่ที่เธอบอกว่า ผมไม่เคยให้เธอ(ผมเถียงว่า ผมให้เธอทุกอย่าง)...สุดท้ายเธอบอกว่า"เมียไม่ได้ต้องการแค่ทรัพย์สินเงินทองจนเกินเก็บ หากแต่เป็นความอบอุ่นมั่นใจจากอ้อมกอดคนเป็นสามีเติมเต็มในคืนอ้างว้าง"...
สุดท้ายเธอแยกไป...ส่วนลูกๆ ปู่กับย่าจะดูแลอย่างดี เหมือนกับที่เคยเลี้ยงผมมา...
10ปีที่แล้ว...ลูกชายคนโตซ้อนท้ายมอเตอร์ไซด์เพื่อนประสบอุบัติเหตุเสียชีวิต...ผมบินกลับจากญี่ปุ่นทั้งๆที่มีงานสัมมาสำคัญ แม่บอกว่า ลูกชายเกเรเลี้ยงยาก...ผมกอดลูกสาวบอกกับเธอว่า พ่อไม่ดีเอง ขอเวลาพ่ออีกนิดแล้วพ่อจะให้ทุกอย่าง...
7ปีที่แล้ว...ก่อนแม่สิ้นใจ แม่บอกกับผมว่า อย่าเอาแต่ทำงานจนลืมไปว่า ลูกต้องการอ้อมกอดจากพ่อที่โหยหามานาน อย่าปล่อยให้เธอรอคอยอย่างเดียวดาย.
5ปีที่แล้ว...พ่อจากไปตามแม่ ญาติๆพากันพูดคุยโดยที่ผมแอบได้ยินว่า พ่อตรอมใจที่แม่จากไปเมื่ิอ2ปีที่แล้ว กับเรื่องหลานสาวหนีตามผู้ชายข้างบ้านไปอยู่ทางใต้...แกเอาแต่โทษตัวเองว่า “ ไม่มีปัญญาเลี้ยงหลานให้ดี” ...ขณะที่ผมก้าวสู่จุดสูงสุดทางการงาน...ผมเป็นเบอร์หนึ่งในเอเชียแปซิกฟิคตามเป้าหมาย ผมมีทุกอย่างที่ต้องการ ผมประสบความสำเร็จเหนือใคร...
แน่นอนไม่มีสิ่งใดได้มาฟรีๆ การสูญเสียบางอย่างแลกกับความสำเร็จขนาดนี้มันชั่งคุ้มค่า...
ต่อไปผมจะกลับไปชดเชยเยียวยาเวลาที่ผมโกงไปจากครอบครัว...
3ปีที่แล้ว...หมอบอกว่า ผมเป็นโรคซึมเศร้า ต้องกินยาตามสั่งให้ครบ...
น่าแปลกที่ผมมีครบทุกอย่าง แต่กลับอ้างว้างอย่างที่สุด หาใครรักจริงไม่ได้สักคน มีแต่คนที่จ้องจะกอบโกยสิ่งที่ผมทุ่มเทหามาทั้งชีวิต...ไม่มีใครเหมือนพ่อ-แม่-ภรรยาและลูกๆสักคน...ตอนนี้ผมเข้าใจสิ่งที่ภรรยาผมบอกตอนเธอจากไปแล้ว...แต่มันสายไป ไม่มีใครทนรอคอยยาวนานแบบนี้ได้...
ถึงตอนนี้ผมยอมแลกทุกอย่างที่หามาได้กับการเป็นคนหาเช้ากินค่ำพออยู่พอกิน ขอแค่ให้ได้อยู่ร่วมกับทุกคนสักช่วงชีวิตหนึ่ง...ได้โปรด!
....................
วันนี้อาตมามีความสุขกับชีวิตใหม่ในร่มกาสาวพัสตร์อันสงบเย็น หากไม่ได้เจอพระอาจารย์ อาตมาคงฆ่าตัวตายไปเมื่อ3ปีที่แล้ว...
หากวันนี้อาตมามีคุณวิเศษขอได้(ซึ่งไม่มี) ขอให้โยมทั้งหลาย อย่าทำโง่ๆเหมือนอาตมาในอดีตอีกเลย.
..........
ขอบคุณบทความดีๆจากคุณเสก เพจ มดงาน บ้านรอยยิ้ม

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น