ระหว่างคำว่า" มี "กับคำว่า" เป็น "มันต่างกันจริงๆ
มีโอกาสได้ไปอ่านหนังสือเล่มหนึ่ง
เป็นเรื่องราวของหมอคนหนึ่ง
ซึ่งมีคนไข้เป็นเด็กผู้หญิง อายุ ๑๙ ปี
เป็นเรื่องราวของหมอคนหนึ่ง
ซึ่งมีคนไข้เป็นเด็กผู้หญิง อายุ ๑๙ ปี
หมอมักจะบอกกับเด็กผู้หญิงคนนั้นว่า "คุณเป็นมะเร็ง"
เเต่เด็กผู้หญฺงคนนั้นก็ยังหัวเราะได้ร่าเริงได้
เหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น
เเต่เด็กผู้หญฺงคนนั้นก็ยังหัวเราะได้ร่าเริงได้
เหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น
หมอบอกว่าเด็กผู้หญฺงนี้เป็นคนไข้คนเเรก
ที่อายุน้อยด้วยโรคมะเร็งแถมสุขภาพดี
หมอสงสัยเลยถามว่าทำไมหนูไม่รู้สึกกลัวกับมะเร็ง
ไม่เหมือนกับคนไข้คนอื่นๆ เด็กผู้หญิงบอกว่า
ที่อายุน้อยด้วยโรคมะเร็งแถมสุขภาพดี
หมอสงสัยเลยถามว่าทำไมหนูไม่รู้สึกกลัวกับมะเร็ง
ไม่เหมือนกับคนไข้คนอื่นๆ เด็กผู้หญิงบอกว่า
"คุณหมอ หนูจะกลัวจะเครียดไปทำไมค่ะ
หนูไม่ได้เป็นเป็นมะเร็งสักหน่อย หนูเเค่มีมะเร็งเท่านั้น"
หนูไม่ได้เป็นเป็นมะเร็งสักหน่อย หนูเเค่มีมะเร็งเท่านั้น"
คำพูดตรงนี้ทำให้หมอคนนั้น คิดขึ้นมาได้ว่า
คำว่า "เป็น" กับคำว่า "มี" มันต่างกันจริงๆ
คำว่า "เป็น" กับคำว่า "มี" มันต่างกันจริงๆ
ถ้าเป็นมะเร็ง จะทำให้คนที่คิดว่าเป็นมะเร็งนั้น
เข้าใจว่าตัวเขาทั้งตัวนั้นคือมะเร็ง ซึ่งมันเป็นความเข้าใจในตัวตนว่า รักษาไม่หาย รอความตายอย่างเดียว
เข้าใจว่าตัวเขาทั้งตัวนั้นคือมะเร็ง ซึ่งมันเป็นความเข้าใจในตัวตนว่า รักษาไม่หาย รอความตายอย่างเดียว
ส่วนคำว่ามีนั้น มันเเค่ว่ามีมะเร็งในตัวเท่านั้น
มันยังมีความรู้สึกว่ารักษาหายได้ เเละมะเร็ง
แค่เป็นส่วนหนึ่งในตัวเขาเท่านั้น เด็กผู้หญิงคนนี้
เลยเป็นคนไข้ที่สอนหมอคนนี้ ว่าต่อไป เวลาพูดกับคนไข้ ระหว่างคำว่า "มี" กับคำว่า "เป็น" มันต่างกันจริงๆ
มันยังมีความรู้สึกว่ารักษาหายได้ เเละมะเร็ง
แค่เป็นส่วนหนึ่งในตัวเขาเท่านั้น เด็กผู้หญิงคนนี้
เลยเป็นคนไข้ที่สอนหมอคนนี้ ว่าต่อไป เวลาพูดกับคนไข้ ระหว่างคำว่า "มี" กับคำว่า "เป็น" มันต่างกันจริงๆ
Cr. เรื่องดีๆๆ >> สาระรอบรู้ ทั่วทุกมุมโลก
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น