วันจันทร์ที่ 15 สิงหาคม พ.ศ. 2559

ไอ้ทอง..สุนัขพันธุ์ไทยแท้........ กำลังหลับสบายที่ใต้ต้นขนุนใหญ่ เสียงดังจากเครื่องกระจายเสียงที่ติดอยู่บนรถยนต์ ทำให้ไอ้ทองสะดุ้งตกใจตื่น เสียงเห่าหอนของสุนัขทั้งหมู่บ้านที่วิ่งกันมาเป็นฝูงใหญ่ตามหลังรถยนต์ ทำให้ไอ้ทองสงสัยยิ่งนักจึงรีบวิ่งสมทบกับเพื่อน ๆ ตามรถคันนั้นไป ................ ไอ้ทองเพิ่มความแปลกใจมากขึ้น เมื่อภาพที่เห็นนั้นทำให้มันตกตะลึงไปชั่วขณะหนึ่ง เพราะด้านหลังของรถที่ทำเป็นกรงเหล็กซี่เล็ก ๆ นั้น ภายในกรงมีสุนัขถูกขังรวมกันประมาณ 4-5 ตัว สุนัขส่วนใหญ่จะสีดำและรูปร่างอ้วนใหญ่ ไอ้ทองแหงนหน้าดูบนหลังคารถยนต์ มันมองเห็นเสื่ออื่น ๆ หลายผืนมัดรวมกันอยู่มากมาย มันยิ่งเพิ่มความสงสัยว่าเขาเอามาทำไม? ................. เจ้าของรถเป็นชายรูปร่างสูงใหญ่เปิดประตูลงมาพูดคุยกับชาวบ้านที่ยืนมุงดู เขารีบปีนขึ้นไปเอาเสื่อบนหลังคารถลงมาแล้วพูดขึ้นว่า “ใครมีสุนัขที่ไม่อยากเลี้ยง เอามาแลกกับเสื่อของจันทบุรีได้เลยหนึ่งตัวต่อหนึ่งผืน” “น้า...จะเอาสุนัขไปทำอะไร” เจ้าจุกวัย 8 ขวบเอ่ยถามขึ้นด้วยความสงสัย “เอาไปชำแหละขายเหมือนขายเนื้อหมู หรือบางทีก็เอาไปทำเนื้อแดดเดียวก็ได้ อร่อยมากนะไอ้หนู” “ว้า....น่าสงสารพวกมันจัง” เจ้าจุกรำพึงรำพันมองดูสุนัขด้วยสายตาละห้อย .................... ไอ้ทองมองดูสุนัขที่ถูกขังอยู่บนรถ ทุกตัวพยายามตะเกียกตะกายร้องคร่ำครวญอายากออกจากกรงเพื่อต้องการอิสรภาพ มันรู้สึกสงสารสุนัขเหล่านั้น จึงส่งเสียงเห่าหอนขึ้นพร้อมกันกับไอด่างและยายแดง เพื่อนสุนัขที่ยืนมองอยู่ เห็นมีเพื่อนร้องนำจึงพากันส่งเสียงเห่าหอนประสานเสียงกันดังลั่นไปทั้งหมู่บ้าน ............. “เอ๋ง...เอ๋ง...” เจ้าด่างหงายหลังลงไปนอนคลุกฝุ่นพร้อมส่งเสียงร้องดังลั่นด้วยความตกใจ เมื่อยายสีใช้เท้าถีบมันสุดแรงเกิด สุนัขทุกตัวพร้อมไอ้ทองหยุดเห่าทันที ต่างก็ส่งสายตามมองไอ้ด่างด้วยความสงสาร ............. “ไอ้บ้า...เห่าอยู่ได้ เดี๋ยวจะจับมึงแลกเสื่อหรอก ไอ้ทองก็เหมือนกัน มึงยิ่งเป็นหมาขี้เรื้อนระวังตัวไว้ด้วย เจ้าของเขายิ่งรังเกียจ” ยายสีส่งเสียงด่าและชี้หน้าไอ้ทอง มันรีบวิ่งหนีไปหลบมุมอยู่ใต้ต้นไม้ แต่สายตายังคอยจดจ้องมองดูสุนัขเหล่านั้นด้วยความตื่นกลัว ............ เงาดำสูงใหญ่ ทอดทับร่างไอ้ทอง มันรีบหันหลังกลับไปดู แต่ช้ากว่าเจ้าของที่ใช้บ่วงเชือกสวมลงที่คอของมัน ไอ้ทองรีบกลิ้งตัวไปมาเพื่อให้หลุดจากเชือกที่ใช้พันธนาการ ยิ่งดิ้นแรงเท่าไหร่เชือกก็เริ่มมัดแน่นเข้าทุกที เสียงร้องที่เปล่งจากลำคอเริ่มขาดหาย น้ำตาเริ่มไหลรินอาบแก้ม เมื่อรู้ว่าอิสรภาพของมันได้สิ้นสุดลง “มึงเป็นหมาขี้เรื้อน เลี้ยงก็เสียข้าวสุก เอาแลกกับเสื่อมาปูนนอนยังจะดีกว่า” .............. ไอ้ทองถูกเจ้าของดึงและลากมันไปข้าง ๆ รถยนต์ เสียงพูดของคน เสียงเห่าของไอ้ทอง ยายแดงและเพื่อน ๆ ที่ต่างก็แสดงความเห็นใจ จนในที่สุดมันถูกดึงขึ้นรถและโยนเข้าไปในกรงอย่างไร้ปราณี เสียงประตูกรงเหล็กปิดดังลั่น ความรู้สึกมันเริ่มลางเลือนก่อนที่สติสัมปชัญญะจะดับวูบลง มันได้ยินเสียงหัวเราะจากเจ้าของที่ชื่นชมกับเสื่อที่แลกด้วยชีวิตของมัน พร้อมกับเสียงดังของรถยนต์ที่วิ่งออกจากหมู่บ้าน เสียงเห่าหอนของสุนัขที่เป็นเพื่อนรุ่นราวคราวเดียวกับมันเริ่มห่างไกลออกไปทุกที...ทุกที ............ เพื่อนร่วมชะตากรรมต่างก็นั่งและนอนกันคนละมุม บางตัวน้ำลายไหลยืดเป็นทางยาวเพราะเมารถ พอตกเย็นเจ้าของรถเปิดกรงเหล็กเอาอาหารใส่จานกระดาษวางไว้ให้ทุกตัวกิน ไอ้ทองลำคอแล้งผาก รู้สึกเจ็บระบมไปหมด มันมองดูเพื่อนสุนัขตัวผู้สีดำที่เจ้าของรถเรียกว่าไอหมึก กำลังกินอาหารอย่างตะกรุมตะกราน จนข้าวตกเรี่ยราดเต็มพื้นรถ เมื่อมันกินข้าวหมดแล้วสายตาของไอ้หมึกมองมาที่จานข้าวไอ้ทองแล้วเดินตรงรี่เข้ามา ................. ไอ้ทองยังไม่ได้อ้าปากขู่ ฟันอันแหลมคมของไอ้หมึกก็ฝังลึกที่ลำคอเลือดสด ๆ ไหลเป็นทางยาว ไอ้ทองต่อสู้จนสุดฤทธิ์ เสียงสุนัขในกรงส่งเสียงร้องด้วยความตกใจ “บึ๊ก...บึ๊ก” ท่อนเหล็กขนาดใหญ่ที่เจ้าของรถฟาดกระหน่ำลงมากลางแสกหน้าและลำตัวไอ้ทอง ทำให้มันปวดร้าวมากกว่าพิษจากคมเขี้ยวของไอ้หมึก การราวีหยุดชะงักทันทีต่างแยกย้ายกันไปนอนเลียแผลคนละมุม ............ เช้าวันรุ่งขึ้นร่างของไอ้ทองที่เต็มไปด้วยบาดแผลเริ่มระบมจากการอักเสบ ร่างสั่นเทาด้วยความเจ็บปวดผสมกับพิษไข้ ไอ้ทองไม่สามารถแม้แต่จะพยุงตัวลุกขึ้นยืนได้ “สงสัยจะไม่รอดแน่ ต้องแวะอีกหลายหมู่บ้าน ฉันยอมทิ้งแกไว้ข้างถนน ดีกว่าจะมาตายบนรถข้า” ............. ไอ้ทองถูกลากลงจากรถยนต์อย่างไร้ความปราณี ไอ้ทองไม่มีแรงที่จะต่อสู้ดิ้นรน รู้แต่เพียงว่าหลังและหัวของมันกระแทกกับพื้นถนนอย่างแรง เสียงร้องไม่ได้เล็ดลอดออกจากปากของมัน ทั้งที่มันเจ็บปวดรวดร้าวแทบใจจะขาด ................. แสงไฟจากรถยนต์หกล้อสาดส่องไปข้างหน้า เมฆสีดำทะมึนแผ่กระจายทั่วท้องฟ้า ยอดไม้โอนเอนไปมาเพราะแรงลม ในที่สุดฝนก็ตกกระหน่ำลงมาอย่างหนัก “จอดข้างทางก่อน ขับไปก็อันตราย” เสียงชายหนุ่มสั่งคนขับรถยนต์ให้จอดลงข้างไหล่ทางด้านซ้ายมือ “เอ๊ะ...ระวัง...คล้าย ๆ มีอะไรกองอยู่ที่พื้นถนน” คนขับแตะเบรกอย่างแรง ก่อนที่จะเหยียบซ้ำลงไปบนร่างไอ้ทอง “สุนัขตายครับหัวหน้า สงสัยโดนรถยนต์ชน” ............. แสงไฟที่เปิดค้างไว้สาดส่องไปยังร่างไอ้ทอง มันพยายามลืมตาเพื่อมองมาที่แสงไฟ มันเห็นเงาของคนที่นั่งอยู่บนรถยนต์ มันพยายามยกหางกระดิกไปมาอย่างช้า ๆ เพื่อสื่อให้รู้ว่ามันยังมีชีวิตอยู่ “เอ๊ะ...มันยังไม่ตายนี่” ชายหนุ่มรีบกระโดดลงจากรถ วิ่งฝ่าสายฝนเข้าไปช้อนร่างไอ้ทองขึ้นสู่วงแขนแล้ววิ่งกลับมาที่รถยนต์ เขารีบถอดเสื้อคลุมห่อร่างไอ้ทองทันที “รีบขับรถกลับไปอำเภอ ตรงไปที่ร้านสัตวแพทย์เลยนะ” .................... ความอบอุ่นจากอ้อมกอดของมนุษย์ ไอ้ทองพึ่งเคยได้สัมผัสเป็นครั้งแรก ความเจ็บปวดรวดร้าวแทบมลายไปในพริบตา ความมีน้ำใจของมนุษย์มันช่างเต็มเปี่ยมไปด้วยความสุข หัวใจของมันเริ่มพองโตด้วยความปลื้มปีติ ความรู้สึกท้อแท้ที่เคยมี ไม่หลงเหลืออยู่ในตัวของไอ้ทองอีกเลย ............. “หายเจ็บปวดหรือยัง” ชายหนุ่มใช้มือลูบไล้อย่างแผ่วเบาบนร่างของไอ้ทอง มันผงกหัวขึ้นช้า ๆ ทันทีที่สายตาประสานกัน น้ำตาเริ่มคลอเบ้าด้วยความตื้นตัน น้ำใจที่ผู้ชายคนนี้มีให้มันมากล้นเหลือเกิน มากจนคิดว่าชาตินี้ทั้งชาติจะตอบแทนน้ำใจของชายหนุ่มคนนี้ได้หมดหรือไม่ ........... ชายหนุ่มที่ทุกคนเรียกว่า “หัวหน้า” นั้นคือนายใหม่ที่ไอ้ทองทั้งรักและบูชา เขามีน้ำใจให้ความรักความเมตตามันเป็นพิเศษ บาดแผลของมันได้รับการเยียวยารักษา ใช้เวลาไม่นานนักร่างกายของมันก็หลับหายเป็นปกติ และจะดูแข็งแรงขึ้นกว่าเดิมเสียอีก แต่สิ่งที่ไอ้ทองดีใจและตื่นเต้นที่สุดในชีวิตก็คือ เนื้อตัวของมันได้รับการฟอกถูด้วยสบู่และแชมพูอย่างดี จนทำให้ขี้เรื้อนของมันหายไปและมีขนใหม่สีทองขึ้นแทนและสวยกว่าเดิมอีกด้วย ...................... “ชื่อไอ้ทองน่าจะเหมาะกับตัวมัน” หัวหน้าคิดตั้งชื่อให้มัน โดยที่ไม่รู้ว่าชื่อเดิมของมันก็คือไอ้ทอง มีผู้คนยืนห้อมล้อมดูมันด้วยความรักใคร่ มันกลายเป็นขวัญใจของทุกคน ............. ไอ้ทองไม่รู้ว่านายของมันทำงานอะไร มันรู้แต่เพียงว่าครั้งใดที่เขาจับปืนเข้าป่ามันจะวิ่งตามทันที บางครั้งเขาต้องนั่งซุ่มอยู่ใต้ต้นไม้ทั้งคืน ไอ้ทองก็จะคอยระวังสัตว์ร้าย เช่น งู และแมลงต่าง ๆ มิให้เข้ามาทำร้ายนาย ............ งานของนายมันค่อนข้างหนัก บางครั้งต้องควบคุมให้คนงานขนไม้ขึ้นรถยนต์และนำมาเก็บไว้ที่ทำงาน บางครั้งก็จับคนใส่กุญแจมือ และบ่อยครั้งที่มันยินเสียงปืนต่อสู้กัน ไอ้ทองกลัวเสียงปืนมาก แต่ด้วยความรักและห่วงใยนาย จึงต้องอยู่เคียงข้างตลอดเวลา ถึงแม้มันจะพูดไม่ได้แต่สัญชาตญาณบอกให้รู้ว่านายของมันทำงานเสี่ยงอันตราย การที่ได้ติดตามนายทุกย่างก้าวมันคิดว่าโอกาสที่จะได้แสดงน้ำใจตอบแทนนายคงจะมีบ้างไม่มากก็น้อย ............. คืนหนึ่ง ขณะที่ไอ้ทองกำลังนอนกลับอยู่ใต้ถุนบ้าน มันต้องสะดุ้งตกใจตื่นขึ้น เมื่อเห็นเงาตะคุ่มของคนกำลังเดินย่องขึ้นบันได มันลุกขึ้นยืนและเพ่งมองปืนในมือขวาของชายลึกลับคนนั้น จิตใต้สำนึกรู้ได้ทันทีว่าชายคนนั้นจะต้องไม่หวังดีต่อนายของมันแน่นอน!! ........... ไอ้ทองสุดลมหายใจเข้าปอดอย่างเต็มที่ วันนี้เป็นวันที่มันรอคอยมานานแสนนาน เพื่อตอบแทนน้ำใจที่นายของมันมอบให้ ไอ้ทองค่อย ๆ ย่องตามชายลึกลับคนนั้นขึ้นไปบนบ้านทันทีที่เขายกปืนเพื่อเล็งผ่านช่องหน้าต่างเข้าไปยังห้องนอนของนาย ............. “โฮ่ง...โฮ่ง” เสียงเห่ากรรโชกพร้อมทะยานร่างกระโจนขึ้นไปบนอากาศมันอ้าปากใช้เขี้ยวอันแหลมคนฝังลงไปบนลำคอของชายลึกลับคนนั้น จากน้ำหนักของไอ้ทองที่ถาโถมเข้าไปเต็มที่ทำให้ร่างของชายลึกลับและไอ้ทองล้มลงฟาดกับพื้นเต็มแรง ไอ้ทองยืนคร่อมบนร่างและกัดอย่างเมามัน ................ “ปัง...ปัง” เสียงปืนดังขึ้นในขณะที่เลือดอุ่น ๆ ของไอ้ทองนองท่วมตัวแรงปืนมิได้ทำให้ร่างไอ้ทองกระเด็นออกไป เพราะเขี้ยวของมันฝังจมอยู่ในลำคอของชายลึกลับคนนั้น!!... “ไอ้ทอง...แกอย่าตายนะ ทำใจดี ๆ ไว้ ฉันจะพาแกไปหาหมอ” เสียงนายบ่งบอกถึงความรักและห่วงใย ไอ้ทองรวบรวมสติลืมตัวอันพร่ามัวมองดูใบหน้าของนายเพื่อรับรู้ว่าเขายังมีชีวิตอยู่ .................... มันค่อย ๆ ยกหางกระดิกไปมาอย่างช้า ๆ เพื่อตอบรับความมีน้ำใจของนาย น้ำตาของมันไหลเป็นทางผสมกับเลือดที่ท่วมตัว นายก้มตัวลงกอดร่างของมันไว้แน่น น้ำตาลูกผู้ชายไหลคละเคล้าผสมกับน้ำตาของไอ้ทอง เสียงแผ่วเบาของชายหนุ่มที่กระซิบข้างหูไอ้ทองปนกับเสียงสะอื้นว่า...... “น้ำใจไอ้ทองที่มอบให้ฉันในวันนี้ ฉันจะจดจำไปจนตาย ได้ยินไหมไอ้ทอง...ทอง...” ตัวของไอ้ทองเริ่มเบาหวิว เสียงของนายเริ่มห่างไกลออกไปทุกที ถ้ามันพูดได้ มันอยากจะบอกนายของมันเป็นครั้งสุดท้ายว่า “น้ำใจที่นายมอบให้มันนั้นมีคุณค่ายิ่งนัก การตอบแทนบุญคุณของนายด้วยชีวิตนั้นมันน้อยเกินไป เมื่อเทียบกับสัตว์เดรัจฉานเยี่ยงไอ้ทองกับความเป็นมนุษย์ที่แสนประเสริฐของนาย...” ............ น้ำใจไอ้ทองนั้น ผูกพันแลกตัญญู บูชาและเชิดชู นายซึ่งผู้มีเมตตา ยอมสละชีวิต ด้วยดวงจิตสิเนหา ร่างทองไร้วิญญา เหลือคุณค่าแห่งความดี ขอบคุณ :คุณครูสุมาลี โฆษิตนิธิกุล

ไอ้ทอง..สุนัขพันธุ์ไทยแท้........
กำลังหลับสบายที่ใต้ต้นขนุนใหญ่  เสียงดังจากเครื่องกระจายเสียงที่ติดอยู่บนรถยนต์  ทำให้ไอ้ทองสะดุ้งตกใจตื่น  เสียงเห่าหอนของสุนัขทั้งหมู่บ้านที่วิ่งกันมาเป็นฝูงใหญ่ตามหลังรถยนต์  ทำให้ไอ้ทองสงสัยยิ่งนักจึงรีบวิ่งสมทบกับเพื่อน ๆ  ตามรถคันนั้นไป 
................
ไอ้ทองเพิ่มความแปลกใจมากขึ้น  เมื่อภาพที่เห็นนั้นทำให้มันตกตะลึงไปชั่วขณะหนึ่ง  เพราะด้านหลังของรถที่ทำเป็นกรงเหล็กซี่เล็ก ๆ  นั้น  ภายในกรงมีสุนัขถูกขังรวมกันประมาณ  4-5  ตัว  สุนัขส่วนใหญ่จะสีดำและรูปร่างอ้วนใหญ่  ไอ้ทองแหงนหน้าดูบนหลังคารถยนต์  มันมองเห็นเสื่ออื่น ๆ  หลายผืนมัดรวมกันอยู่มากมาย  มันยิ่งเพิ่มความสงสัยว่าเขาเอามาทำไม?
.................
เจ้าของรถเป็นชายรูปร่างสูงใหญ่เปิดประตูลงมาพูดคุยกับชาวบ้านที่ยืนมุงดู  เขารีบปีนขึ้นไปเอาเสื่อบนหลังคารถลงมาแล้วพูดขึ้นว่า
“ใครมีสุนัขที่ไม่อยากเลี้ยง  เอามาแลกกับเสื่อของจันทบุรีได้เลยหนึ่งตัวต่อหนึ่งผืน”
“น้า...จะเอาสุนัขไปทำอะไร”  เจ้าจุกวัย  8  ขวบเอ่ยถามขึ้นด้วยความสงสัย
“เอาไปชำแหละขายเหมือนขายเนื้อหมู  หรือบางทีก็เอาไปทำเนื้อแดดเดียวก็ได้  อร่อยมากนะไอ้หนู”
“ว้า....น่าสงสารพวกมันจัง”  เจ้าจุกรำพึงรำพันมองดูสุนัขด้วยสายตาละห้อย
....................
ไอ้ทองมองดูสุนัขที่ถูกขังอยู่บนรถ  ทุกตัวพยายามตะเกียกตะกายร้องคร่ำครวญอายากออกจากกรงเพื่อต้องการอิสรภาพ  มันรู้สึกสงสารสุนัขเหล่านั้น  จึงส่งเสียงเห่าหอนขึ้นพร้อมกันกับไอด่างและยายแดง  เพื่อนสุนัขที่ยืนมองอยู่  เห็นมีเพื่อนร้องนำจึงพากันส่งเสียงเห่าหอนประสานเสียงกันดังลั่นไปทั้งหมู่บ้าน
.............
“เอ๋ง...เอ๋ง...”  เจ้าด่างหงายหลังลงไปนอนคลุกฝุ่นพร้อมส่งเสียงร้องดังลั่นด้วยความตกใจ  เมื่อยายสีใช้เท้าถีบมันสุดแรงเกิด  สุนัขทุกตัวพร้อมไอ้ทองหยุดเห่าทันที  ต่างก็ส่งสายตามมองไอ้ด่างด้วยความสงสาร
.............
“ไอ้บ้า...เห่าอยู่ได้  เดี๋ยวจะจับมึงแลกเสื่อหรอก  ไอ้ทองก็เหมือนกัน  มึงยิ่งเป็นหมาขี้เรื้อนระวังตัวไว้ด้วย  เจ้าของเขายิ่งรังเกียจ”  ยายสีส่งเสียงด่าและชี้หน้าไอ้ทอง  มันรีบวิ่งหนีไปหลบมุมอยู่ใต้ต้นไม้  แต่สายตายังคอยจดจ้องมองดูสุนัขเหล่านั้นด้วยความตื่นกลัว
............
เงาดำสูงใหญ่  ทอดทับร่างไอ้ทอง  มันรีบหันหลังกลับไปดู  แต่ช้ากว่าเจ้าของที่ใช้บ่วงเชือกสวมลงที่คอของมัน  ไอ้ทองรีบกลิ้งตัวไปมาเพื่อให้หลุดจากเชือกที่ใช้พันธนาการ  ยิ่งดิ้นแรงเท่าไหร่เชือกก็เริ่มมัดแน่นเข้าทุกที  เสียงร้องที่เปล่งจากลำคอเริ่มขาดหาย  น้ำตาเริ่มไหลรินอาบแก้ม  เมื่อรู้ว่าอิสรภาพของมันได้สิ้นสุดลง
“มึงเป็นหมาขี้เรื้อน  เลี้ยงก็เสียข้าวสุก  เอาแลกกับเสื่อมาปูนนอนยังจะดีกว่า”
..............
ไอ้ทองถูกเจ้าของดึงและลากมันไปข้าง ๆ  รถยนต์  เสียงพูดของคน  เสียงเห่าของไอ้ทอง  ยายแดงและเพื่อน ๆ  ที่ต่างก็แสดงความเห็นใจ  จนในที่สุดมันถูกดึงขึ้นรถและโยนเข้าไปในกรงอย่างไร้ปราณี  เสียงประตูกรงเหล็กปิดดังลั่น  ความรู้สึกมันเริ่มลางเลือนก่อนที่สติสัมปชัญญะจะดับวูบลง  มันได้ยินเสียงหัวเราะจากเจ้าของที่ชื่นชมกับเสื่อที่แลกด้วยชีวิตของมัน  พร้อมกับเสียงดังของรถยนต์ที่วิ่งออกจากหมู่บ้าน  เสียงเห่าหอนของสุนัขที่เป็นเพื่อนรุ่นราวคราวเดียวกับมันเริ่มห่างไกลออกไปทุกที...ทุกที
............
เพื่อนร่วมชะตากรรมต่างก็นั่งและนอนกันคนละมุม  บางตัวน้ำลายไหลยืดเป็นทางยาวเพราะเมารถ  พอตกเย็นเจ้าของรถเปิดกรงเหล็กเอาอาหารใส่จานกระดาษวางไว้ให้ทุกตัวกิน  ไอ้ทองลำคอแล้งผาก  รู้สึกเจ็บระบมไปหมด  มันมองดูเพื่อนสุนัขตัวผู้สีดำที่เจ้าของรถเรียกว่าไอหมึก  กำลังกินอาหารอย่างตะกรุมตะกราน  จนข้าวตกเรี่ยราดเต็มพื้นรถ  เมื่อมันกินข้าวหมดแล้วสายตาของไอ้หมึกมองมาที่จานข้าวไอ้ทองแล้วเดินตรงรี่เข้ามา
.................
ไอ้ทองยังไม่ได้อ้าปากขู่  ฟันอันแหลมคมของไอ้หมึกก็ฝังลึกที่ลำคอเลือดสด ๆ  ไหลเป็นทางยาว  ไอ้ทองต่อสู้จนสุดฤทธิ์  เสียงสุนัขในกรงส่งเสียงร้องด้วยความตกใจ
“บึ๊ก...บึ๊ก”  ท่อนเหล็กขนาดใหญ่ที่เจ้าของรถฟาดกระหน่ำลงมากลางแสกหน้าและลำตัวไอ้ทอง  ทำให้มันปวดร้าวมากกว่าพิษจากคมเขี้ยวของไอ้หมึก  การราวีหยุดชะงักทันทีต่างแยกย้ายกันไปนอนเลียแผลคนละมุม
............
เช้าวันรุ่งขึ้นร่างของไอ้ทองที่เต็มไปด้วยบาดแผลเริ่มระบมจากการอักเสบ  ร่างสั่นเทาด้วยความเจ็บปวดผสมกับพิษไข้  ไอ้ทองไม่สามารถแม้แต่จะพยุงตัวลุกขึ้นยืนได้
“สงสัยจะไม่รอดแน่  ต้องแวะอีกหลายหมู่บ้าน  ฉันยอมทิ้งแกไว้ข้างถนน  ดีกว่าจะมาตายบนรถข้า” 
.............
ไอ้ทองถูกลากลงจากรถยนต์อย่างไร้ความปราณี  ไอ้ทองไม่มีแรงที่จะต่อสู้ดิ้นรน  รู้แต่เพียงว่าหลังและหัวของมันกระแทกกับพื้นถนนอย่างแรง  เสียงร้องไม่ได้เล็ดลอดออกจากปากของมัน  ทั้งที่มันเจ็บปวดรวดร้าวแทบใจจะขาด
.................
แสงไฟจากรถยนต์หกล้อสาดส่องไปข้างหน้า  เมฆสีดำทะมึนแผ่กระจายทั่วท้องฟ้า  ยอดไม้โอนเอนไปมาเพราะแรงลม  ในที่สุดฝนก็ตกกระหน่ำลงมาอย่างหนัก
“จอดข้างทางก่อน  ขับไปก็อันตราย”  เสียงชายหนุ่มสั่งคนขับรถยนต์ให้จอดลงข้างไหล่ทางด้านซ้ายมือ  “เอ๊ะ...ระวัง...คล้าย ๆ  มีอะไรกองอยู่ที่พื้นถนน”  คนขับแตะเบรกอย่างแรง  ก่อนที่จะเหยียบซ้ำลงไปบนร่างไอ้ทอง  “สุนัขตายครับหัวหน้า  สงสัยโดนรถยนต์ชน”
.............
แสงไฟที่เปิดค้างไว้สาดส่องไปยังร่างไอ้ทอง  มันพยายามลืมตาเพื่อมองมาที่แสงไฟ  มันเห็นเงาของคนที่นั่งอยู่บนรถยนต์  มันพยายามยกหางกระดิกไปมาอย่างช้า ๆ  เพื่อสื่อให้รู้ว่ามันยังมีชีวิตอยู่
“เอ๊ะ...มันยังไม่ตายนี่”  ชายหนุ่มรีบกระโดดลงจากรถ  วิ่งฝ่าสายฝนเข้าไปช้อนร่างไอ้ทองขึ้นสู่วงแขนแล้ววิ่งกลับมาที่รถยนต์  เขารีบถอดเสื้อคลุมห่อร่างไอ้ทองทันที
“รีบขับรถกลับไปอำเภอ  ตรงไปที่ร้านสัตวแพทย์เลยนะ”
....................
ความอบอุ่นจากอ้อมกอดของมนุษย์  ไอ้ทองพึ่งเคยได้สัมผัสเป็นครั้งแรก  ความเจ็บปวดรวดร้าวแทบมลายไปในพริบตา  ความมีน้ำใจของมนุษย์มันช่างเต็มเปี่ยมไปด้วยความสุข  หัวใจของมันเริ่มพองโตด้วยความปลื้มปีติ  ความรู้สึกท้อแท้ที่เคยมี  ไม่หลงเหลืออยู่ในตัวของไอ้ทองอีกเลย
.............
“หายเจ็บปวดหรือยัง”  ชายหนุ่มใช้มือลูบไล้อย่างแผ่วเบาบนร่างของไอ้ทอง  มันผงกหัวขึ้นช้า ๆ  ทันทีที่สายตาประสานกัน  น้ำตาเริ่มคลอเบ้าด้วยความตื้นตัน  น้ำใจที่ผู้ชายคนนี้มีให้มันมากล้นเหลือเกิน  มากจนคิดว่าชาตินี้ทั้งชาติจะตอบแทนน้ำใจของชายหนุ่มคนนี้ได้หมดหรือไม่
...........
ชายหนุ่มที่ทุกคนเรียกว่า  “หัวหน้า”  นั้นคือนายใหม่ที่ไอ้ทองทั้งรักและบูชา  เขามีน้ำใจให้ความรักความเมตตามันเป็นพิเศษ  บาดแผลของมันได้รับการเยียวยารักษา  ใช้เวลาไม่นานนักร่างกายของมันก็หลับหายเป็นปกติ  และจะดูแข็งแรงขึ้นกว่าเดิมเสียอีก  แต่สิ่งที่ไอ้ทองดีใจและตื่นเต้นที่สุดในชีวิตก็คือ  เนื้อตัวของมันได้รับการฟอกถูด้วยสบู่และแชมพูอย่างดี  จนทำให้ขี้เรื้อนของมันหายไปและมีขนใหม่สีทองขึ้นแทนและสวยกว่าเดิมอีกด้วย
......................
“ชื่อไอ้ทองน่าจะเหมาะกับตัวมัน”  หัวหน้าคิดตั้งชื่อให้มัน  โดยที่ไม่รู้ว่าชื่อเดิมของมันก็คือไอ้ทอง  มีผู้คนยืนห้อมล้อมดูมันด้วยความรักใคร่  มันกลายเป็นขวัญใจของทุกคน
.............
ไอ้ทองไม่รู้ว่านายของมันทำงานอะไร  มันรู้แต่เพียงว่าครั้งใดที่เขาจับปืนเข้าป่ามันจะวิ่งตามทันที  บางครั้งเขาต้องนั่งซุ่มอยู่ใต้ต้นไม้ทั้งคืน  ไอ้ทองก็จะคอยระวังสัตว์ร้าย  เช่น  งู  และแมลงต่าง ๆ  มิให้เข้ามาทำร้ายนาย
............
งานของนายมันค่อนข้างหนัก  บางครั้งต้องควบคุมให้คนงานขนไม้ขึ้นรถยนต์และนำมาเก็บไว้ที่ทำงาน  บางครั้งก็จับคนใส่กุญแจมือ  และบ่อยครั้งที่มันยินเสียงปืนต่อสู้กัน  ไอ้ทองกลัวเสียงปืนมาก  แต่ด้วยความรักและห่วงใยนาย  จึงต้องอยู่เคียงข้างตลอดเวลา  ถึงแม้มันจะพูดไม่ได้แต่สัญชาตญาณบอกให้รู้ว่านายของมันทำงานเสี่ยงอันตราย  การที่ได้ติดตามนายทุกย่างก้าวมันคิดว่าโอกาสที่จะได้แสดงน้ำใจตอบแทนนายคงจะมีบ้างไม่มากก็น้อย
.............
คืนหนึ่ง  ขณะที่ไอ้ทองกำลังนอนกลับอยู่ใต้ถุนบ้าน  มันต้องสะดุ้งตกใจตื่นขึ้น  เมื่อเห็นเงาตะคุ่มของคนกำลังเดินย่องขึ้นบันได  มันลุกขึ้นยืนและเพ่งมองปืนในมือขวาของชายลึกลับคนนั้น  จิตใต้สำนึกรู้ได้ทันทีว่าชายคนนั้นจะต้องไม่หวังดีต่อนายของมันแน่นอน!!
...........
ไอ้ทองสุดลมหายใจเข้าปอดอย่างเต็มที่  วันนี้เป็นวันที่มันรอคอยมานานแสนนาน  เพื่อตอบแทนน้ำใจที่นายของมันมอบให้  ไอ้ทองค่อย ๆ  ย่องตามชายลึกลับคนนั้นขึ้นไปบนบ้านทันทีที่เขายกปืนเพื่อเล็งผ่านช่องหน้าต่างเข้าไปยังห้องนอนของนาย
.............
“โฮ่ง...โฮ่ง”  เสียงเห่ากรรโชกพร้อมทะยานร่างกระโจนขึ้นไปบนอากาศมันอ้าปากใช้เขี้ยวอันแหลมคนฝังลงไปบนลำคอของชายลึกลับคนนั้น  จากน้ำหนักของไอ้ทองที่ถาโถมเข้าไปเต็มที่ทำให้ร่างของชายลึกลับและไอ้ทองล้มลงฟาดกับพื้นเต็มแรง  ไอ้ทองยืนคร่อมบนร่างและกัดอย่างเมามัน
................
“ปัง...ปัง”  เสียงปืนดังขึ้นในขณะที่เลือดอุ่น ๆ  ของไอ้ทองนองท่วมตัวแรงปืนมิได้ทำให้ร่างไอ้ทองกระเด็นออกไป  เพราะเขี้ยวของมันฝังจมอยู่ในลำคอของชายลึกลับคนนั้น!!...
“ไอ้ทอง...แกอย่าตายนะ  ทำใจดี ๆ  ไว้  ฉันจะพาแกไปหาหมอ”  เสียงนายบ่งบอกถึงความรักและห่วงใย  ไอ้ทองรวบรวมสติลืมตัวอันพร่ามัวมองดูใบหน้าของนายเพื่อรับรู้ว่าเขายังมีชีวิตอยู่ 
....................
มันค่อย ๆ  ยกหางกระดิกไปมาอย่างช้า ๆ  เพื่อตอบรับความมีน้ำใจของนาย  น้ำตาของมันไหลเป็นทางผสมกับเลือดที่ท่วมตัว  นายก้มตัวลงกอดร่างของมันไว้แน่น  น้ำตาลูกผู้ชายไหลคละเคล้าผสมกับน้ำตาของไอ้ทอง  เสียงแผ่วเบาของชายหนุ่มที่กระซิบข้างหูไอ้ทองปนกับเสียงสะอื้นว่า......
“น้ำใจไอ้ทองที่มอบให้ฉันในวันนี้  ฉันจะจดจำไปจนตาย  ได้ยินไหมไอ้ทอง...ทอง...”  ตัวของไอ้ทองเริ่มเบาหวิว  เสียงของนายเริ่มห่างไกลออกไปทุกที  ถ้ามันพูดได้  มันอยากจะบอกนายของมันเป็นครั้งสุดท้ายว่า

“น้ำใจที่นายมอบให้มันนั้นมีคุณค่ายิ่งนัก  การตอบแทนบุญคุณของนายด้วยชีวิตนั้นมันน้อยเกินไป  เมื่อเทียบกับสัตว์เดรัจฉานเยี่ยงไอ้ทองกับความเป็นมนุษย์ที่แสนประเสริฐของนาย...”
............
น้ำใจไอ้ทองนั้น    ผูกพันแลกตัญญู
บูชาและเชิดชู      นายซึ่งผู้มีเมตตา
ยอมสละชีวิต        ด้วยดวงจิตสิเนหา
ร่างทองไร้วิญญา  เหลือคุณค่าแห่งความดี

ขอบคุณ :คุณครูสุมาลี โฆษิตนิธิกุล

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น