วันพุธที่ 3 สิงหาคม พ.ศ. 2559

ความทุกข์บนปลายขนหมา เชื้อโรคสาวนั่งเหม่อลอย เชื้อโรคหนุ่มผิดคำพูดอีกครั้ง เขาบอกว่าจะเดินทางจากโคนขนหมา มาหาเธอที่ปลายขน “ฉันคงไร้คู่อย่างที่หมอดูบอกจริงๆเสียแล้ว” เชื้อโรคสาวรำพึง หญิงสาวแหงนหน้าขึ้นมองไปบนฟ้า “ท้องฟ้าช่างกว้างใหญ่อ้างว้างเหลือเกิน” เธอถอนใจเป็นครั้งที่ร้อย แล้วเธอก็หันไปมอง ขนหมาเส้นอื่นที่อยู่ถัดไป “ผู้หญิงไหนๆก็คงไม่มีใครไร้โชคชะตาเช่นฉัน” เธอตัดพ้อกับตัวเองอย่างนี้แทบทุกวัน “หรือเขาจะมีผู้หญิงใหม่” ไม่ว่าจะเป็นสิ่งมีชีวิตชนิดใด ก็มักปล่อยความคิดคำนึงฝ่ายเดียวทำงานเสมอ เมื่อความทุกข์เข้าครอบงำ มิพักว่าชายหนุ่มของเธอจะบอกไว้ล่วงหน้า ว่าเขาอาจจะมาหาเธอช้าไปสักหน่อย ค่าที่เขาจะต้องไปประชุมแผนอพยพฉุกเฉิน เพราะข่าวลือเรื่องจะมีน้ำท่วมใหญ่บนขนหมา ที่พวกเราอยู่นั้นหนาหูขึ้นเรื่อยๆ ข่าวลือนั้นลือ กันว่าน้ำที่จะมาท่วมนั้นไม่ใช่น้ำธรรมดาเสียด้วย “ว่ากันว่า มันเป็นน้ำที่มีฟองยักษ์ และมันกัดกินพวกเราได้ทันทีที่เราโดนมัน” ชายหนุ่มบอกกับหญิงสาวบอกเมื่อวันก่อน “ผมอาจจะต้องไปทำเรื่องที่ใหญ่กว่า เรื่องที่เรานัดกัน” วันนั้นเธอยอมรับว่าเธอหงุดหงิดใส่เขา “แล้วเรื่องของเราไม่ใหญ่หรือ ไหนคุณเคยบอกว่าฉันคือทุกอย่างของคุณไง” น้ำตาและเสียงตะโกนอย่างน้อยใจพรั่งพรู ออกมาจากไหนก็ไม่รู้อย่างมากมาย “เอะอะคุณก็บอกว่าคุณต้องไปทำเรื่องที่มีสาระ เรื่องที่ใหญ่กว่า แล้วเราละ” วันนี้ เธอเช็ดน้ำตาที่ไหลออกมาอีกครั้ง เมื่อคืนเพื่อนสาวของเธอมาหา เชื้อโรคสาวสองตัวคุยกันทั้งคืนด้วยเรื่องของชายหนุ่ม และเป็นการคุยที่วนไปวนมาอย่างไม่มีบทสรุป หนำซ้ำยังเป็นการคุยชนิดนำเอาความคิดคำนึงฝ่ายเดียว เดาไปเรื่อยๆ เอามาถมทับตัวเองให้หนักยิ่งขึ้น วันนี้น้ำตาเธอยังไหลไม่หยุด เพราะเธอคิด ไปตามที่ความคิดคำนึงฝ่ายเดียวนำทางไป เธอตัดสินใจเดินไปยังปลายบนสุดของขนหมา “ฉันนี้ช่างอาภัพนัก จะมีใครมีความทุกข์ มากมายอย่างที่ฉันเป็นหรือ” เธอมองขึ้นไปบนท้องฟ้าอีกครั้ง เธอกำลังคิดสั้น “ฉันไม่มีใครอีกแล้ว” เป็นที่รู้กันว่าถ้าเชื้อโรคตัวใดเดินขึ้นอยู่ปลาย สุดของขนหมา แล้วถ้ามีลมแรงๆพัดมา เชื้อโรคอย่างพวกเราอาจจะปลิวไปในอากาศ และถ้าโชคร้ายก็อาจจะถูกแสงจากพระอาทิตย์ทำลายจนเป็นจุลได้ เธอแหงนหน้ามองฟ้าน้ำตาอาบแก้ม “ท้องฟ้าช่างกว้างใหญ่อ้างว้างเหลือเกิน” จริงของเธอ แต่เธอพูดถูกเพียงครึ่งเดียว ท้องฟ้านั้นกว้างใหญ่ แต่ไม่อ้างว้างหรอก เธออาจจะลืมไปว่ายังมีเชื้อโรคอีกมากมาย เป็นแสนเป็นล้านบนขนหมาตัวนี้ และยังมีหมาอีกมากมายเป็นแสนเป็นล้านตัว รวมไปถึงสัตว์ชนิดอื่นบนโลกอีกเป็นแสน เป็นล้านชนิด และยังมีโลกแบบนี้อีกเป็นแสน เป็นล้านในท้องฟ้า บางทีความทุกข์ที่เธอโอดครวญว่าหนักหนาสากรรจ์ ความทุกข์ที่เธอคิดว่ามันใหญ่คับฟ้านั้น มันอาจเป็นเพียงความทุกข์บนขนหมาอย่างที่เราอ่านเรื่องของเธอกันอยู่ ท้องฟ้าช่างกว้างใหญ่น่าค้นหาเหลือเกิน จริงไหม Cr. ประภาส ชลศรานนท์ นิทานล้านบรรทัด

ความทุกข์บนปลายขนหมา

เชื้อโรคสาวนั่งเหม่อลอย
เชื้อโรคหนุ่มผิดคำพูดอีกครั้ง
เขาบอกว่าจะเดินทางจากโคนขนหมา
มาหาเธอที่ปลายขน

“ฉันคงไร้คู่อย่างที่หมอดูบอกจริงๆเสียแล้ว”

เชื้อโรคสาวรำพึง

หญิงสาวแหงนหน้าขึ้นมองไปบนฟ้า

“ท้องฟ้าช่างกว้างใหญ่อ้างว้างเหลือเกิน”

เธอถอนใจเป็นครั้งที่ร้อย แล้วเธอก็หันไปมอง
ขนหมาเส้นอื่นที่อยู่ถัดไป

“ผู้หญิงไหนๆก็คงไม่มีใครไร้โชคชะตาเช่นฉัน”

เธอตัดพ้อกับตัวเองอย่างนี้แทบทุกวัน

“หรือเขาจะมีผู้หญิงใหม่”

ไม่ว่าจะเป็นสิ่งมีชีวิตชนิดใด ก็มักปล่อยความคิดคำนึงฝ่ายเดียวทำงานเสมอ เมื่อความทุกข์เข้าครอบงำ

มิพักว่าชายหนุ่มของเธอจะบอกไว้ล่วงหน้า
ว่าเขาอาจจะมาหาเธอช้าไปสักหน่อย
ค่าที่เขาจะต้องไปประชุมแผนอพยพฉุกเฉิน เพราะข่าวลือเรื่องจะมีน้ำท่วมใหญ่บนขนหมา
ที่พวกเราอยู่นั้นหนาหูขึ้นเรื่อยๆ ข่าวลือนั้นลือ
กันว่าน้ำที่จะมาท่วมนั้นไม่ใช่น้ำธรรมดาเสียด้วย

“ว่ากันว่า มันเป็นน้ำที่มีฟองยักษ์
และมันกัดกินพวกเราได้ทันทีที่เราโดนมัน”

ชายหนุ่มบอกกับหญิงสาวบอกเมื่อวันก่อน

“ผมอาจจะต้องไปทำเรื่องที่ใหญ่กว่า
เรื่องที่เรานัดกัน”

วันนั้นเธอยอมรับว่าเธอหงุดหงิดใส่เขา

“แล้วเรื่องของเราไม่ใหญ่หรือ ไหนคุณเคยบอกว่าฉันคือทุกอย่างของคุณไง”

น้ำตาและเสียงตะโกนอย่างน้อยใจพรั่งพรู
ออกมาจากไหนก็ไม่รู้อย่างมากมาย

“เอะอะคุณก็บอกว่าคุณต้องไปทำเรื่องที่มีสาระ เรื่องที่ใหญ่กว่า แล้วเราละ”

วันนี้ เธอเช็ดน้ำตาที่ไหลออกมาอีกครั้ง

เมื่อคืนเพื่อนสาวของเธอมาหา เชื้อโรคสาวสองตัวคุยกันทั้งคืนด้วยเรื่องของชายหนุ่ม และเป็นการคุยที่วนไปวนมาอย่างไม่มีบทสรุป
หนำซ้ำยังเป็นการคุยชนิดนำเอาความคิดคำนึงฝ่ายเดียว เดาไปเรื่อยๆ เอามาถมทับตัวเองให้หนักยิ่งขึ้น

วันนี้น้ำตาเธอยังไหลไม่หยุด เพราะเธอคิด
ไปตามที่ความคิดคำนึงฝ่ายเดียวนำทางไป
เธอตัดสินใจเดินไปยังปลายบนสุดของขนหมา

“ฉันนี้ช่างอาภัพนัก จะมีใครมีความทุกข์
มากมายอย่างที่ฉันเป็นหรือ”
เธอมองขึ้นไปบนท้องฟ้าอีกครั้ง เธอกำลังคิดสั้น

“ฉันไม่มีใครอีกแล้ว”

เป็นที่รู้กันว่าถ้าเชื้อโรคตัวใดเดินขึ้นอยู่ปลาย
สุดของขนหมา แล้วถ้ามีลมแรงๆพัดมา
เชื้อโรคอย่างพวกเราอาจจะปลิวไปในอากาศ
และถ้าโชคร้ายก็อาจจะถูกแสงจากพระอาทิตย์ทำลายจนเป็นจุลได้

เธอแหงนหน้ามองฟ้าน้ำตาอาบแก้ม

“ท้องฟ้าช่างกว้างใหญ่อ้างว้างเหลือเกิน”

จริงของเธอ แต่เธอพูดถูกเพียงครึ่งเดียว
ท้องฟ้านั้นกว้างใหญ่ แต่ไม่อ้างว้างหรอก
เธออาจจะลืมไปว่ายังมีเชื้อโรคอีกมากมาย
เป็นแสนเป็นล้านบนขนหมาตัวนี้
และยังมีหมาอีกมากมายเป็นแสนเป็นล้านตัว
รวมไปถึงสัตว์ชนิดอื่นบนโลกอีกเป็นแสน
เป็นล้านชนิด และยังมีโลกแบบนี้อีกเป็นแสน
เป็นล้านในท้องฟ้า

บางทีความทุกข์ที่เธอโอดครวญว่าหนักหนาสากรรจ์ ความทุกข์ที่เธอคิดว่ามันใหญ่คับฟ้านั้น  มันอาจเป็นเพียงความทุกข์บนขนหมาอย่างที่เราอ่านเรื่องของเธอกันอยู่

ท้องฟ้าช่างกว้างใหญ่น่าค้นหาเหลือเกิน จริงไหม

Cr. ประภาส ชลศรานนท์
      นิทานล้านบรรทัด

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น