คุณตัน ภาสกรนที เจ้าของธุรกิจอิชิตัน
ยินดีต้อนรับคุณเข้าสู่ dawrung.com ขอให้คุณมีความสุขในการอ่านบทความ ที่มีคุณค่าที่นี่
ตัน ภาสกรนที (4 เมษายน พ.ศ. 2502 – )เป็นนักธุรกิจผู้ก่อตั้งบริษัท โออิชิ กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) ซึ่งเป็นกลุ่มธุรกิจอาหารและเครื่องดื่ม เขาขายหุ้นส่วนใหญ่ให้กับบริษัท ไทยเบฟเวอเรจ จำกัด (มหาชน)ในพ.ศ. 2551 และภายหลังประกาศลาออกจากตำแหน่งกรรมการผู้จัดการโออิชิ กรุ๊ปโดยจะมีผลในเดือนกันยายน 2553[2]
วันที่ 9 กันยายน พ.ศ. 2553 เมื่อ ตัน อำลาจาก บริษัท โออิชิ กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) อย่างเป็นทางการ ตัน ก็ได้สร้างบริษัทขึ้นใหม่ชื่อว่า บริษัท ตันไม่ตัน จำกั
ด โดย ตัน ภาสกรนที ให้คำมั่นสัญญาในการทำบริษัทนึ้ว่า “ในการเริ่มต้นธุรกิจของบริษัท ไม่ตัน จำกัดครั้งนี้ เงินปันผลของบริษัทในส่วนที่ผมและคุณอิง ภรรยาของผมถือหุ้นอยู่ ผมขอแบ่งเงินปันผลนี้ 50% ให้กับมูลนิธิตันปัน ตั้งแต่ปีแรกที่ดำเนินการเป็นต้นไป จนเมื่อผมอายุครบ 60 ปี เริ่มตั้งแต่วันที่ 9 เดือน 9 พ.ศ. 2562 ผมจะเพิ่มเงินบริจาคไม่ต่ำกว่า 90% ให้กับมูลนิธิตันปันตลอดไปเพื่อใช้ในการพัฒนาการศึกษาและสิ่งแวดล้อม”
ด โดย ตัน ภาสกรนที ให้คำมั่นสัญญาในการทำบริษัทนึ้ว่า “ในการเริ่มต้นธุรกิจของบริษัท ไม่ตัน จำกัดครั้งนี้ เงินปันผลของบริษัทในส่วนที่ผมและคุณอิง ภรรยาของผมถือหุ้นอยู่ ผมขอแบ่งเงินปันผลนี้ 50% ให้กับมูลนิธิตันปัน ตั้งแต่ปีแรกที่ดำเนินการเป็นต้นไป จนเมื่อผมอายุครบ 60 ปี เริ่มตั้งแต่วันที่ 9 เดือน 9 พ.ศ. 2562 ผมจะเพิ่มเงินบริจาคไม่ต่ำกว่า 90% ให้กับมูลนิธิตันปันตลอดไปเพื่อใช้ในการพัฒนาการศึกษาและสิ่งแวดล้อม”
ประวัติ ตัน ภาสกรนที (ตัน อิชิตัน)
ตัน ภาสกรนที เกิดเมื่อวันที่ 4 เมษายน พ.ศ. 2502 ในครอบครัวชาวไทยเชื้อสายจีน ที่มีฐานะปานกลาง ที่บิดาอพยพมาจากประเทศจีน และได้ตั้งรกรากที่จังหวัดชลบุรี ตันจบการศึกษาชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 และเริ่มทำงานแรกเป็นพนักงานแบกของ เริ่มต้นค่าแรงในการทำงาน 700 บาท และหันมาทำอาชีพพ่อค้าแผงหนังสือที่ชลบุรี และได้เริ่มต้นซื้อห้องแถวขยายกิจการจนเป็นเจ้าของธุรกิจอสังหาริมทรัพย์[4]
ตัน เริ่มต้นธุรกิจ ?โออิชิ? ภัตตาคารบุปเฟ่ต์อาหารญี่ปุ่น และมีธุรกิจอื่นๆ เช่น สตูดิโอถ่ายภาพแต่งงาน จนกระทั่ง มาทำธุรกิจเครื่องดื่ม คือ ชาเขียวโออิชิ และ อะมิโน โอเค
ปัจจุบันสมรสกับ อิง สุนิสา ภาสกรนที (สกุลเดิม: สุขพันธุ์ถาวร) หลังจากแยกทางจากภรรยาคนแรก และมีลูก 3 คน : กิ๊ฟ วริษา (เกิดกับภรรยาคนแรก) , เก็ท และ ใกล้ใกล้
เมื่อวันที่ 29 ก.ค. นายตัน ภาสกรนที กรรมการผู้จัดการ บริษัท โออิชิ กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ตนได้ยื่นหนังสือลาออกจากตำแหน่งกรรมการผู้จัดการ บริษัทโออิชิ ต่อที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทแล้ว โดยจะมีผลในวันที่ 9 ก.ย.นี้ แต่จะยังไม่ขายหุ้นที่ตัวเองถืออยู่ ร้อยละ 3.50 และแม้ตนเองจะลาออกแต่ภรรยายังคงทำงานที่โออิชิ เหมือนเดิม
ตัน โออิชิ ระบุว่า การลาออกดังกล่าว ยืนยันว่าไม่ได้มีความขัดแย้งกับคณะกรรมการ ผู้ถือหุ้น หรือผู้บริหารคนอื่นแต่อย่างใด เพียงแต่อยากพักผ่อน และต้องการหันไปทำธุรกิจส่วนตัว ทั้งอสังหาริมทรัพย์ และร้านอาหารอย่างจริงจัง อีกทั้งยังเป็นการเปิดทางให้ผู้บริหารรุ่นใหม่สืบทอดตำแหน่งดังกล่าวต่อไป ด้วย
อย่างไรก็ตาม จะมีแถลงข่าวอย่างเป็นทางการเกี่ยวกับการลาออกของ ตัน โออิชิ อีกครั้ง ในวันนี้ (29 ก.ค.)
สำหรับ “ตัน ภาสกรนที” หรือ “ตัน โออิชิ” เชื่อว่านาทีนี้คงไม่มีใครไม่รู้จักเขา ในฐานะเจ้าพ่อแห่งอาณาจักร ผู้ร่ำรวยมหาศาล แต่ใครจะรู้บ้างว่า ชีวิตจริงของ “โออิชิ” “ตัน” กว่าจะได้แต่งงาน กว่าจะมีลูก และกว่าจะก้าวขึ้นมาสู่จุดนี้ได้ เขาต้องผ่านอุปสรรคมามากมาย แต่โชคดีที่ “ตัน” มี “อิง สุนิสา” ภรรยาคู่ใจคอยให้กำลังใจอยู่เคียงข้างตลอดเวลา
ชีวิตของ “ตัน ภาสกรนที” เริ่มต้นไม่ได้สวยหรูนัก เขาเกิดจากครอบครัวที่มีฐานะธรรมดาๆ และได้เริ่มชีวิตการทำงานด้วยการเป็นพนักงานแบกของ ก่อนจะเป็นพ่อค้าขายหนังสือ จนมีเงินเก็บสามารถซื้อห้องแถวเล็กๆ ได้ และต่อมาได้ขยับขยายจนกลายเป็นธุรกิจอสังหาริมทรัพย์
จากนั้น “ตัน” ก็ได้รู้จักกับ “อิง สุนิสา สุขพันธ์ถาวร” เด็กสาวชลบุรีที่มีอายุห่างจากเขาถึง 11 ปี และเกิดความประทับใจกัน แต่ทว่าการคบหาของทั้งคู่กลับถูกกีดกันจากพ่อแม่ของฝ่ายหญิง ถึงกระนั้นพวกเขาก็แอบคบหาติดต่อกันมาโดยตลอด จนในที่สุด “ตัน” ตัดสินใจเข้าไปขอ “อิง” จากพ่อของเธอ แต่ไม่ได้รับการอนุญาต ถึงขนาดที่พ่อของ “อิง” ประกาศกร้าวว่า “หากจะแต่งงานกันต้องข้ามศพพ่อไปก่อน”
จนเมื่อพ่อของ “อิง” เสียชีวิต แม่ของ “อิง” ก็ยังคงยึดเจตนารมณ์ของ “พ่อ” ที่จะกีดกันความรักของทั้งคู่ต่อไป แต่แล้วเหตุการณ์กลับเปลี่ยนแปลง เมื่อแม่ของอิงประสบอุบัติเหตุ ทำให้ฉุกคิดได้ว่า หากตัวเองเป็นอะไรไป ลูกๆ จะไม่มีคนดูแล ดังนั้นแม่จึงอนุญาตให้ “อิง” แต่งงานกับ “ตัน” ได้ ทว่าเป็น “ตัน” เองที่กลับปฏิเสธ และขอเลื่อนงานแต่งงานออกไป เนื่องจากในช่วงนั้น “ตัน” ได้กลายเป็นบุคคลล้มละลาย และมีหนี้สินติดตัวกว่า 100 ล้านบาท จากการลงทุนทางธุรกิจ ด้วยความรักที่มีต่อ “อิง” ทำให้ “ตัน” ไม่ต้องการเห็นว่าที่ภรรยาต้องมาตกระกำลำบากไปกับเขาด้วย
อย่างไรก็ตาม ถึงแม้ “ตัน” จะมีหนี้สินกว่า 100 ล้านบาท “อิง” ก็ไม่ได้ทอดทิ้ง หรือเปลี่ยนความรู้สึกที่มีต่อ “ตัน” ไปแต่อย่างใด เธอและ “ตัน” ได้เริ่มต้นทำธุรกิจเวดดิ้งถ่ายรูปแต่งงาน เพื่อหาเงินมาใช้หนี้ ซึ่งความแปลกใหม่ของธุรกิจเวดดิ้งก็ทำให้พวกเขาสามารถหาเงินมาใช้หนี้กว่า 100 ล้านได้หมดภายใน 2 ปี จนในที่สุดพวกเขาก็ได้แต่งงานกันตามปรารถนา หลังจากผ่านพ้นมรสุมในชีวิตมาอย่างมากมาย และเริ่มคิดทำธุรกิจอาหารญี่ปุ่นภายใต้แบรนด์ “โออิชิ” ซึ่ง ณ ปัจจุบันประสบความสำเร็จเป็นอย่างมาก
ผ่านพ้นเรื่องราวของการงาน และธุรกิจไป เหตุการณ์ทุกอย่างก็ดูเหมือนจะสดใส “ตัน” และ “อิง” จึงเริ่มวาดฝันที่จะสร้างครอบครัวที่อบอุ่น โดย “อิง” คิดจะมีทายาทตัวน้อยๆ 5-6 คน ให้ได้ก่อนอายุ 35 ปี แต่ด้วยความที่เธอเป็นคนมีลูกยาก และฮอร์โมนผิดปกติ ทำให้เธอตัดสินใจทำกิ๊ฟท์ ซึ่งนั่นทำให้ “อิง” ต้องเข้าออกโรงพยาบาลเพื่อเจาะน้ำออกจากร่างกาย และฉีดยาทุกๆ วัน จนในที่สุดหนึ่งปีผ่านไป พวกเขาก็ได้ลูกชาย ชื่อ “น้องเก็ท” สมใจ
และด้วยความที่ “ตัน” และ “อิง” อยากมีลูกหลายๆ คน “อิง” จึงตัดสินใจพึ่งกระบวนการทางการแพทย์อีกครั้ง แต่ครั้งนี้ไม่เหมือนเดิม เพราะ “อิง” กลับแท้งลูก แต่พวกเขาก็ไม่ล้มเลิกความพยายาม “อิง” ได้ลองทำกิ๊ฟท์อีกครั้ง และผลก็คือ “อิง” แท้งลูกอีกเป็นหนที่สอง และหนที่สามตามมา
“ตัน” และ “อิง” ยังคงไม่ยอมแพ้ เดินหน้าทำกิ๊ฟท์มาอย่างต่อเนื่อง จนในที่สุดพวกเขาก็มาประสบความในครั้งที่ 7 เมื่อ “อิง” ตั้งครรภ์แฝด 3 แต่ครั้งนี้ “ตัน” ต้องการให้ “อิง” นอนพักที่โรงพยาบาลเท่านั้น เขาจึงเนรมิตโรงพยาบาลให้กลายเป็นบ้าน และที่ทำงานตลอดระยะเวลากว่า 10 เดือน เพื่อดูแลภรรยาและลูกในครรภ์ให้ดีที่สุด แต่สุดท้าย “อิง” ก็ต้องเสียลูกในครรภ์ไป 2 คน เหลือเพียงคนเดียวเท่านั้น คือ “น้องใกล้ใกล้” ที่คลอดออกมาได้สำเร็จ นั่นทำให้ “อิง” ตัดสินใจได้ว่า จะมีลูกเพียงแค่ 2 คนเท่านั้น และจะเลี้ยงดูพวกเขาให้ดีที่สุด สมกับความยากลำบากที่กว่าจะได้ลูกมา
และนี่คือเรื่องราวชีวิตที่ต้องฟันฝ่า ทั้งเรื่องธุรกิจ และเรื่องครอบครัวของ “ตัน ภาสกรนที” ที่กว่าจะมาเป็น “เจ้าพ่อโออิชิ” และมีครอบครัวที่อบอุ่นน่าอิจฉาดังเช่นทุกวันนี้ เขาและภรรยาต้องเผชิญกับอุปสรรคมานานัปการ เชื่อว่าเรื่องราวของ “ตัน ภาสกรนที” คงให้ข้อคิด และเป็นกำลังใจให้แก่คนที่ต้องต่อสู้ชีวิตอยู่ ได้เป็นอย่างดี
ขอขอบคุณ: google sites
ความสำเร็จของคุณตัน
ในปัจจุบันนี้ มีนักธุรกิจที่ประประสบความสำเร็จอยู่จำนวนมาก หนึ่งในนั้นคือ คุณ ตัน ภาสกรนที บุคคลที่ประสบความสำเร็จจากเครื่องดื่มชาเขียว ที่สามารถทะยานสู่ความเป็นที่ 1 ของตลาดเครื่องดื่มชาเขียว เขาคือบุคคลที่มีมันสมองแพรวพรายมี่เหลี่ยมคิดแง่มุมต่างๆที่น่าจะทำให้เราสามารถศึกษาเป็นแนวทางในการเริ่มทำธุรกิจ ทั้งนี้คุณตันยังเป็นนักธุรกิจที่ใครๆต่างยึดเป็นต้นแบบในการทำธุรกิจ ที่สำคัญคุณตันที่มีต้นทุนในการทำธุรกิจที่เริ่มจากศูนย์ แต่สามารถทำให้มีอาณาจักรเครื่องดื่มชาเขียวเป็นแบรนด์ชั้นนำของประเทศ
ประวัติ
คุณตัน เติบโตมาในครอบครัวที่ยากจน เริ่มต้นสร้างทุกสิ่งทุกอย่างจากจุดที่เรียกว่า …ศูนย์…ถึงแม้เส้นทางถนนสายธุรกิจของเขาในวันนี้อาจไม่ยิ่งใหญ่ระดับที่เรียกว่า ตำนาน … แต่คุณตัน ภาสกรนที … เป็นเพียงแค่ทายาทของครอบครัวคนไทยเชื้อสายจีนที่มีฐานะปานกลาง ด้วยความที่ครอบครัวคุณตันไม่ได้มีฐานะดี คุณตันเลยตัดสินใจ เรียนถึงแค่ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 แล้วออกมาทำงาน คุณตันคิดว่าเสมอว่าเป็นคนรูปไม่หล่อ พ่อไม่รวย เรียนไม่เก่ง ถ้ายังทำตัวเที่ยวเล่น วันต่อไปข้างหน้าก็คงลำบาก สิ่งเดียวที่ตนเองสามารถทำได้ก็คือ ทำงานต้องตั้งใจทำงางานให้มากกว่าคนอื่น
เริ่มจากการทำงานเป็นพนักงานแบกของขนของขึ้นโกดังที่บริษัทซากุระ ได้ค่าแรงเดือนละ 700 บาท ซึ่งคุณตันก็ได้ทำงานคุ้มค่าแรงโดยมาทำงานเป็นคนแรก และกลับบ้านเป็นคนสุดท้ายของพนังงานเสมอ แต่คุณตันไม่ได้ต้องการเกิดมาเป็นลูกจ้างใครตลอดไป คุณตันจึงเริ่มธุรกิจเล็กๆเป็นของตนเองในวัย 17 ปี และได้ลาออกจากบริษัทซากุระ และเริ่มทำธุรกิจอย่างจริงจัง ออกมาเปิดร้านขายหนังสือเล็กๆในจังหวัดชลบุรี เมื่อเก็บเงินได้ประมาณหนึ่ง จากนั้นคุณตันได้ขยับขยายมาซื้อห้องแถวเพื่อมาทำธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ เปิดร้านกิ๊ฟช็อป ร้านกาแฟ ร้านอาหาร แล้วก็มาทำธุรกิจเรียลเอสเตท กำลังที่จะมีเงิน 100 – 200 ล้านบาท พอรัฐบาลประกาศค่าเงินบาทลอยตัว ทำให้คุณตันเป็นบุคคลล้มละลายในปี 2539 และมีหนี้สินติดตัวกว่า 100 ล้านบาทจากการลงทุนทางธุรกิจ แต่คุณตันไม่ได้ย่อท้อต่อความยากลำบากคุณตันได้เริ่มทำธุรกิจเว้ดดิ้งถ่ายรูปแต่งงานจัดงานแต่งงานเพื่อหาเงินมาใช้หนี้ ซึ่งความแปลกใหม่ของธุรกิจเว้ดดิ้ง ก็ทำให้คุณคุณตันสามารถหาเงินมาใช้หนี้กว่า 100 ล้านบาทได้หมดภายใน 2 ปี
หลักพื้นฐานสำหรับผู้ทำธุรกิจ
1. เชื่อว่าสิ่งที่ดีที่สุดยังไม่เกิดและสิ่งที่ดีกว่ามีโอกาสเกิดได้ คุณตันได้บอกว่า “โทรทัศน์ในตอนนี้มียี่ห้อไหนดีที่สุด ” หลายๆคน ตอบว่า Sony แต่คุณตันได้บอกว่า “ ผิดครับ…เพราะยี่ห้อดีที่สุดยังไม่ยังไม่มาเช่นเดียวกับที่ว่านักธุรกิจที่ประสบความสำเร็จยังไม่มา แสดงให้เห็นว่า ยังมีโอกาสเปิดโอกาสให้สำหรับคนที่มีความมั่นใจที่จะทำสิ่งที่แตกต่างให้โดดเด่นด้วยความคิดสร้างสรรค์ ” เช่นเดียวกับกรณีในการผลิตชาเขียวโออิชิ ช่วงแรกๆเปิดตัวด้วย รสชาติต้นตำหรับ และสามารถทำการตลาดจนขายดี ทว่าเมื่อมีการคิดค้นรสชาติใหม่ออกมา รสน้ำผึ้งผสมมะนาว ปรากฏว่าขายดีกว่ารสต้นตำหรับเสียอีกจนมีคนยกย่องให้เป็น “ สุดยอด ” และยึดรสชาตินี้เป็นหลัก แต่คุณตันกลับไม่คิดว่ารสชาตินี้ดีที่สุดและได้พัฒนาออกรสชาติต่อมาคือขายไปในตลาด รสชาติข้าวญี่ปุ่น ส่งไปขายในตลาด ปรากฏว่าขายดีกว่าทุกรสที่เคยผ่านมา
2. ความกล้าเสี่ยง ความสำเร็จทางธุรกิจของคุณตันส่วนหนึ่งมาจาการริเริ่มสิ่งใหม่ๆคุณตันไม่ยอมให้ความเชื่อที่ว่า “ เป็นไปไม่ได้ ” ความทะเยอทะยานของตนเอง บางคนเกิดมาในครบครัวโรงกลึง แม้ว่าจะไม่ชอบงานที่ตนเองทำอยู่ก็ไม่กล้าเริ่มสิ่งใหม่ๆ เพราะไม่เชื่อว่าจะสามารถทำอย่างอื่นได้เพราะเกิดมาในครอบครัวก็ทำธุรกิจโรงกลึงอยู่อย่างเดียว ไม่กล้าแม้เห็นโอกาสแต่ถ้าเขากล้าเสี่ยงค่อยๆเก็บข้อมูลจากผู้รู้ ในวันนี้เขาคงประสบความสำเร็จ
3. กล้าล้มเหลว หลักการที่คุณตันยึดไว้เสมอคือ “ ไม่มีอะไรเป็นไปอย่างที่เราคิด ” ทันทีที่ออกจากห้องเขียนแผนเราอาจจะพบว่าไม่มีอะไรที่เหมือนเขียนไว้เลยก็ได้ ทุกครั้งที่เราผจญกับปัญหา อุปสรรค ถ้าเรามุ่งมั่นฝ่าฟัน มันมักจะมอบสิ่งตอบแทนอันล้ำค้าให้แก่เราคือ ประสบการณ์ที่หาซื้อไม่ได้เราต้องเรียนรู้ด้วยตนเอง ปัญหาจะทำให้คนแข็งแกร่งขึ้นและจำไว้ว่า “ ขาดทุนคือกำไร ” เพราะไม่มีทางประสบความสำเร็จได้เลยหากที่ผ่านมาไม่ค่อยรู้จักความล้มเหลวมาก่อน
8 เคล็ดวิชาจากประสบการณ์
1. เลือกธุรกิจอนาคต นักธุรกิจที่ดีจำเป็นต้องมองธุรกิจตัวเองให้ทะลุ คุณตันเลยมีแผนธุรกิจที่สะสมมาจากประสบการณ์ ทั้งการเลือกทำเล การผลิต การตลาด
2. ทำเลที่ดีเหมือนมีชีวิต มาจากประสบการณ์ตอนที่คุณตันตัดสินใจลาออกจากการเป็นพนักงาน ไปเช่าที่หน้าตึกแถวน้าสถานีขนส่ง เพื่อไปเปิดร้าขายหนังสือและนิตยสาร ทำเลนั้นจะมีรถโดยสารเข้ามารับส่งผู้โดยสารตลอดทั้งวันตั้งแต่เช้ามืดต่อเนื่องจนถึงเที่ยงคืน บริเวณยังมีห้องอาหาร จึงมีคนหมุนเวียนไม่ขาด ผลก็คือแค่ 6 เดือน จากเป็นเพียงแค่ผู้เช่าก็ยกระดับซื้อตึกที่เช่าอยู่ได้ทั้งตึก
3. ใฝ่รู้ - ทุ่มเท – อดทน ความอดทนต่อการทำงานหนัก แต่อดทนเพียงอย่างเดียวไม่พอ ต้องไขว้คว้าหาความรู้ด้วย การหาความรู้ไม่ใช่เรื่องยาก
4. สร้างความประทับใจให้กับลูกค้า สิ่งที่จะนำพาไปสู่ความสำเร็จคือการบริหารความสัมพันธ์กับลูกค้า เช่น การทำธุรกิจแรกของคุณตันจะจำพฤติกรรมของลูกค้า เพราะคุณตันมักจะเตรียมหนังสือที่ลูกค้าต้องการใส่ถุงเตรียมเงินทอนให้เรียบร้อย
5. ใช้ประสบการณ์ให้เป็นประโยชน์ “ บทเรียนแห่งความล้มเหลวสำคัญมากแต่ก็ไม่ได้อยากให้ล้มเหลวทุกครั้ง แต่ไม่ใช้ความล้มเหลวจะทำให้คุณประสบความสำเร็จแต่คุณต้องเรียนรู้และแก้ไขให้มันผ่านพ้นไปให้ได้ ”
6. ตอนเล็กๆต้องคิดใหญ่ตอนใหญ่ๆต้องคิดเล็กๆ เพราะตอนเรามีทุนน้อย ถึงเราจะคิดใหญ่ก็ไม่มีปัญหา หากจะคิดใหญ่ก็สามารถทำได้ เพราะความเสียหายมีข้อจำกัดเมื่อมีทุนน้อยจะไปกลัวอะไร
7. สร้างแบรนด์ ต้องมีการสื่อสารการตลาดและการสร้างแบรนด์ให้เป็นที่รู้จักและยอมรับของตลาด เมื่อเป็นที่รู้จักและเป็นที่นิยมจะเป็นสินทรัพย์ อันมีค่าสามารถเป็นผลิตภัณฑ์อันมีมูลค่าไม่รู้จบต่อไป
8. ไม่ยึดติดในกรอบความคิดเก่าๆ เป็นแนวคิดที่นักการตลาดพยายามกระตุ้นเพื่อให้เกิดความคิดนอกกรอบ พูดเหมือนง่ายแต่ความสำคัญจริงๆคือต้องเข้าใจตลาด เข้าใจผู้บริโภคขณะที่ทำสิ่งท้าทาย คุณตันต้องใส่ใจศึกษาสิ่งใหม่ๆและกล้าริเริ่มสร้างสรรค์
วิธีการทำงาน
การสร้างธุรกิจ “ โออิชิ ” จนโด่งดังทีมูลค่าเพิ่มขึ้นห่างไกลจากตอนเริ่มต้นทำธุรกิจขนากนี้ มีหลายๆคน ต้องการถามคำถาม คุณตัน ภาสกรนที ว่ามีสูตรลับสูตรเด็ดพอจะบอกเล่าให้คนอื่นฟังกันได้ไหม… การที่จะสร้างงานสร้างเงินในยุคสมัยที่มีการแข่งขันอย่างมากกายให้ประสบความสำเร็จ ยังพอมีโอกาสอยู่หรือเปล่า คำตอบคุณตันสั้นๆง่ายๆว่า “ผมว่าการหาเงินไม่ยากหรอกถ้ามีวิธีที่ดี แต่การที่จะมีวิธีการที่ดีนั้นแหละยากที่สุด ” คงจุดประกายฝันใครๆอีกหลายคนที่สนใจทำธุรกิจให้ประสบความสำเร็จ แต่คงมีใครอีกหลายๆคนคิดว่าถ้ามันง่ายขนาดนั้นตอนนี้ทุกคนก็คงจะประสบความสำเร็จเป็นเจ้าของธุรกิจกันหมกแล้วแต่ถ้ามีวิธีการที่ดีเราควรกล้าเสี่ยงในการลงทุน ถ้าลงทุนแล้วล้มเหลว คุณตันเลยให้กำลังใจนั้นก็คือ “ ถ้าไม่เคยล้มเหลว ก็ยากที่จะรู้ว่าประสบความสำเร็จเขาทำกันยังไง ” และต้องหาธุรกิจที่น่าสนใจไม่ซ้ำใครเพื่อเป็นจุดขาย อย่างคุณตัน เริ่มตั้งแต่ร้านเว้ดดิ้ง ร้านอาหารญี่ปุ่น และชาเขียวโออิชิ ที่เข้าสู่ตลาดในฐานะผู้เล่นรายใหม่ แต่ไม่นานสามารถโค่นผู้นำตลาดในเวลานั้นได้อย่างไม่น่าเชื่อ แถมยังมีการพัฒนาผลิตภัณฑ์สร้างสินค้าตัวใหม่ๆ ให้ได้รับความนิยมต่อเนี่องกันอย่างล้นหลามแต่ไม่ใช่ทุกคนที่สามารถประสบความสำเร็จอย่างคุณตันโดยการไม่จำเป็นต้องเรียนสูงก็สามารถประสบความสำเร็จเหมือนคุณตัน เรียกว่าเป็นความสามารถเฉพาะตัว แม้คุณตันจะเชื่อว่าการไปสู่เส้นชัยของชีวิตนั้นจะไปได้แม้ว่าการเรียนไม่มากนัก แต่ต้องทำงานด้วยความทุ่มเทและพยายามให้มากว่าคนอื่นถึงสองท่า
คุณตันอาจไม่ใช้นักธุรกิจที่สมบูรณ์แบบ แต่อาจเป็นแบบอย่างในการใช้ชีวิตของคนหลายๆคนได้ ทั้งในด้านการทำงาน เพราะไม่ว่าจะเป็นงานอะไรหรือนักธรกิจก็จะต้องใช้ความพยายาม ความใส่ใจ เพื่อให้ผลงานออกมาให้มีประสิทธิภาพที่ดี เหมือนที่คุณตันกล่าวว่า “ กฎของประสบความ สำเร็จในธุรกิจไม่ได้อยู่ที่คุณคิดได้ก่อนใคร หรือคุณเริ่มทำก่อนใครหรือทำมากกว่า แต่ทั้งหมดคือการมุ่งมั่นทำอย่างสม่ำเสมอไม่ยอมแพ้ ” เหมือนกับต้นไม้ถ้าไม่ลดน้ำดูแลใส่ใจทุกวัน ต้นไม้อาจจะเหี่ยวเฉาตายก็เป็นได้ หรือเมื่อเราประสบปัญหาเราก็สามารถผ่านพ้นไปได้อยู่ที่ความพยายามของตัวเรานั้นเองว่าจะพยายามไปถึงที่สุดกันรึเปล่า
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น